ณัฐณิชาออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว เธอเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “แกรนด์อิมพีเรียลกรุ๊ป!”
ท่าทางของเธอเหมือนกับว่าจะไปวิวาทกับคนอื่น
คนขับแท็กซี่เหยียบคันเร่งไปส่งณัฐณิชาถึงจุดหมายปลายทาง เธอรีบจ่ายเงิน ลงจากรถ และเดินเข้าไปในตึกแกรนด์อิมพีเรียลกรุ๊ปที่เด่นเป็นสง่า
ขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เตรียมจะส่งข้อความให้กับคนคนนั้น ชายหนุ่มหล่อเหลาที่สวมชุดสูทก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าเธอ “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณณัฐณิชาใช่ไหมครับ”
ณัฐณิชาพยักหน้า เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มผู้มีมารยาท เธอจึงไม่สามารถแสดงความโมโหออกมา แต่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สร้อยของฉันล่ะ”
หนุ่มหล่อยิ้มให้เธอบางๆ เอ่ยด้วยท่าทางมีมารยาทและนอบน้อมว่า “คุณณัฐณิชาเข้าใจผิดแล้วครับ เป็นท่านประธานกู้ที่ต้องการพบคุณ ผม ภานรินทร์เป็นเพียงแค่ผู้ช่วยของเขา หลังจากนี้คุณสามารถเรียกผมว่านรินทร์ได้ เชิญตามผมมาเถอะครับ”
หลังจากนี้?
ณัฐณิชาเพียงแค่ต้องการนำจี้ของตัวเองกลับคืนมา ไม่ได้คิดถึงอะไรหลังจากนี้ทั้งนั้น
ผู้ช่วยนรินทร์พาณัฐณิชามาถึงหน้าลิฟต์โดยสาร ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นแปด สุดท้ายก็มาถึงหน้าห้องทำงานของประธานบริษัท
เขาเคาะประตู ด้านในก็มีเสียงทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดของชายหนุ่มดังลอยมา “เข้ามาได้”
ผู้ช่วยนรินทร์ช่วยเปิดประตูให้กับณัฐณิชา ทำท่าทางผายมือเชื้อเชิญให้เข้าไป ส่วนตัวเองก็อยู่ด้านนอกประตู
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง ณัฐณิชาที่ยืนอยู่ในห้องทำงานสว่างและกว้างขวาง มองไปทางชายหนุ่มที่อยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูปที่ตัดเย็บด้วยมือ คู่กับเสื้อกั๊กสีเดียวกัน เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด เนคไทลายขวาง
เจ้าหมอนี่มองดูแล้วร่ำรวยและมีฐานะทางสังคม เพชรพลอยอัญมณีใดที่เขาต้องการแล้วซื้อไม่ได้กัน ทำไมถึงได้ถูกใจสร้อยที่ประดับจี้เล็กๆเส้นหนึ่งของเธอได้กัน!
ชายหนุ่มปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือ เหลือบนัยน์ตาราวกับเหยี่ยวขึ้นมามองณัฐณิชา
เธอจ้องชายหนุ่มที่เคร่งขรึมตรงหน้า จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาเย็นยะเยือก หล่อมาก
เมื่อวานนี้เธอทำเรื่องนั้นกับผู้ชายคนนี้หรือ…
เอาเถอะ ณัฐณิชายอมรับ เมื่อพบว่าเขาไปใช่คนอัปลักษณ์ มากน้อยอย่างไรเธอก็รู้สึกชื่นใจและพึงพอใจอยู่บ้าง
ต่อมา รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับคืนก่อนหน้านี้ก็กลับเข้ามาในสมองของเธอ ใบหน้าของณัฐณิชาเห่อร้อนขึ้นมาในชั่วพริบตา อับอายเสียจนแทบอยากจะหารอยแยกแล้วมุดเข้าไป
“จี้นี้มาจากไหน” ในมือชายหนุ่มถือสร้อยเอาไว้ ขณะเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย คุณมีเป้าหมายอะไร”
“ผมเพียงแค่อยากรู้ ทำไมคุณถึงได้มีของที่ล้ำค่าเช่นนี้ได้ หรือว่าจะขโมยมากัน” ชายหนุ่มมองเธออย่างดูถูก
ประโยคนี้กระตุ้นณัฐณิชาในทันที
สิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดก็คือ คนอื่นบอกว่าตัวเองเป็นขโมย!
“คุณอย่ามาดูถูกคนอื่น สร้อยเส้นนี้ฉันสวมมาตั้งแต่ยังเล็ก” ณัฐณิชาเอ่ย ก้าวพรวดไปด้านหน้าอย่างคิดจะแย่งสิ่งที่อยู่ในมือของชายหนุ่มกลับมา
ชายหนุ่มกำจี้เอาไว้ในฝ่ามือ “ก่อนที่จะยืนยันได้ว่าคุณไม่ได้ขโมยมา ผมไม่สามารถมอบให้คุณได้”
“คุณ…” ณัฐณิชาโมโหจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็สงบใจได้อย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยว่า “ทางที่ดีที่สุดคุณควรจะรีบคืนให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะเปิดเผยคลิปวิดีโอเมื่อคืนวานนี้ออกไป คนที่มีสถานะเช่นคุณ น่าจะไม่อยากมีข่าวอื้อฉาวแบบนี้หรอกนะ”
ชายหนุ่มยิ้ม รู้จักเอ่ยเงื่อนไขเสียด้วย
เขาหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกองนามบัตรที่เป็นตั้งแล้วโยนไปด้านหน้าเธอ “นี่คือช่องทางการติดต่อคนตัดต่อของเว็บไซต์วงการบันเทิง ทางที่ดีที่สุดคือเปิดเผยในตอนนี้”
ณัฐณิชาหรี่ตาเล็กน้อย เขาถึงกับไม่กลัว?
ดูท่า เขาจะคิดว่าในมือเธอไม่มีข้อมูลให้เปิดเผย แม้ว่าจะมีข้อมูลแต่ก็ไม่กล้าส่ง
อย่างนั้นเขาก็คิดผิดแล้วจริงๆ
ณัฐณิชาหัวเราะหึๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ดึงคลิปวิดีโอที่พวกเขาอยู่ในโรงแรมด้วยกันออกมา