ณัฐณิชาทำปากยื่น “ใครจะไปยุ่มย่ามเรื่องของคุณกัน ไม่ใช่เพราะเกรงว่าคุณเพิ่งจะกินข้าวเสร็จก็ดื่มกาแฟเลยแล้วไม่ดีต่อกระเพาะหรอกหรือ หลังจากกินข้าวไปครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยดื่มกาแฟ ถึงจะทำให้กาแฟออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด ทั้งสามารถกระตุ้นสมอง ทั้งสามารถช่วยย่อยด้วย”
เมื่อเห็นณัฐณิชาบรรยายความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกาแฟด้วยท่าทางจริงจังให้เขาฟังแล้ว ธราเทพก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา และรู้สึกว่าณัฐณิชาน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เพียงแต่เมื่อครู่รีบร้อนจะไล่เลขาฐิติกานต์ออกไป ไม่อยากอธิบายอะไรที่ไร้ประโยชน์ให้มากความเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกภรรยาตัวน้อยสั่งสอนมารอบหนึ่ง
“ได้ อย่างนั้นหลังจากนี้ค่อยเตรียมแล้วกัน เลขาฐิติกานต์” ธราเทพยิ้มแย้ม ในสายตาราวกับว่ามีเพียงแค่ณัฐณิชาคนเดียว เพียงแต่ตอนที่เอ่ยคำว่า “เลขาฐิติกานต์” ในตอนท้ายถึงได้กวาดตามองมาทางฐิติกานต์ครู่หนึ่ง
ฐิติกานต์กำหมัดแน่น สูดลมหายใจลึก เอ่ยอย่างเคารพว่า “ค่ะ ท่านประธานธราเทพ”
“ใช่แล้วเลขาฐิติกานต์”
ฐิติกานต์หมุนตัวกลับไป แต่กลับถูกณัฐณิชาเรียกเอาไว้อีกครั้ง
“ฉันไม่ใช่คุณณัฐณิชา ฉันคือคุณหญิงตระกูลทวีศักดิ์ทินโชติ หลังจากนี้รบกวนคุณช่วยเปลี่ยนคำเรียกด้วยนะคะ” เอ่ยจบแล้ว ก็ยิ้มบางๆให้ฐิติกานต์
“…ค่ะ”
ฐิติกานต์เดินออกไปจากห้องทำงานด้วยสีหน้าทะมึน
ณัฐณิชาก็เก็บสีหน้าท่าทางเมื่อครู่ลง เบะปากบ่นใส่ธราเทพว่า “คุณชาเทพ คุณทำให้คนอื่นหนักใจมากเกินไปแล้ว”
“…” ธราเทพมีสีหน้าสับสน เพียงเพราะแค่ปัญหาเรื่องเวลาดื่มกาแฟถึงทำให้ภรรยาตัวน้อยของตัวเองเป็นห่วงขนาดนี้ได้อย่างไร
“ความจริงแล้วผมล้วนรอให้ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก่อนถึงจะดื่มกาแฟ”
“ฉันไม่ได้คุยเรื่องกาแฟกับคุณ!” ณัฐณิชากลับมานั่งบนโซฟา มองธราเทพด้วยท่าทางจริงจัง
“เห็นแก่ที่พวกเราสองคนเป็นเพื่อนกัน ฉันขอเตือนคุณด้วยความหวังดีสักหน่อย เลขาฐิติกานต์คนนั้นของคุณเฉลียวฉลาด หลอกได้ยาก”
ธราเทพมองไปทางเธออย่างสนใจ “ทำไมหรือ เป็นเพราะว่าเธอไม่ยอมรับว่าคุณคือ…ภรรยาของผม?”
สายตาของเขาดูคลุมเครือเป็นอย่างมาก อีกทั้งในตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนก็อยู่ใกล้กันมาก ณัฐณิชามองใบหน้าหล่อเหล่าที่อยู่เบื้องหน้า สมองก็หยุดประมวลผลไปทันที
อีกอย่าง ทำไมเขาถึงได้เรียกเธอว่า “ภรรยา” ด้วยน้ำเสียงคลุมเครือแบบนี้กันนะ…
แม้ว่าเธอจะเป็นจริงๆ แต่ระหว่างพวกเขามีข้อตกลงกันไม่ใช่หรือ? อยู่กันส่วนตัวไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกนะ
“ฉันเปล่านะ” ณัฐณิชาเขยิบถอยไปด้านหลัง
ธราเทพกลับอดไม่ได้ที่เขยิบตามไปอีกคืบหนึ่ง “เมื่อครู่หึงแล้วหรือ”
หึง?!
ณัฐณิชาหัวเราะฮ่าๆ “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! ทำไมฉันต้องหึงด้วย ฉันเพียงแค่เป็นกังวลแทนคุณ ผู้ชายอย่างพวกคุณน่ะ แค่เห็นสาวงาม สมองก็ขาดความเยือกเย็น เลขาของคุณสวยขนาดนั้น ฉันแค่กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อการวางแผนในการทำงานยามปกติของคุณ”
“เรื่องนี้คุณวางใจได้ แม้ว่าเธอจะเป็นเลขาของผม แต่ก็รับผิดชอบเพียงแค่การแจ้งรายละเอียดงานอย่างเป็นทางการบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้เข้าร่วมเรื่องการวางแผนใดๆของบริษัท เรื่องการวางแผนในการใช้ชีวิตส่วนตัวของผมล้วนมีผู้ช่วยนรินทร์เป็นผู้รับผิดชอบจัดการ”
ณัฐณิชาพยักหน้าราวกับครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลแล้ว
เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเขาต้องอธิบายชัดเจนแบบนี้ด้วยกัน เหมือนกับว่าเธอหึงจริงๆอย่างไรอย่างนั้นแหละ!
“ฉันไม่สนใจจริงๆว่าคุณจะใช้เลขาชายหรือเลขาหญิง”
“รู้แล้ว” นัยน์ตาของธราเทพเจือไปด้วยความขบขัน จู่ๆก็ขยับเข้ามาใกล้เธอ และหอมลงบนแก้มณัฐณิชาอย่างรวดเร็ว
ณัฐณิชาตะลึงค้าง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาในชั่วพริบตา
“เฮ้…คุณ…”
“หืม? ยังไม่พอ?” เอ่ยแล้ว ธราเทพก็หอมลงไปที่แก้มอีกข้างหนึ่งอีกครั้ง