ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ – ตอนที่ 64

ตอนที่ 64

วีฮุนได้จัดระบบความคิดของตัวเขาเองในขณะที่เขาล้างหน้าล้างมือของตนอยู่ แผนการที่เขาได้วางเอาไว้ในตอนนี้นั้นยุ่งเหยิงราวกับว่าเป็นงานศิลปะที่เกิดจากฝีมือเด็กอนุบาล มันเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถห้ามปราบความโกรธที่กำลังกัดกร่อนจิตใจของเขาได้

“แกมาทำอะไรที่นี้? จะมาขี้หรือไง?”

“….!”

ด้านหลังของเขา ยูซอดัมได้ตามเขามาถึงในห้องน้ำและกำลังยิ้มมาที่เข้าอยู่

“ยูซอดัม…”

“นายไม่ได้ดั้นด้นมาถึงเกาหลีเพื่อที่จะดึงฉันเข้ากิลด์หรอกหรือ?”

“แกรู้เรื่องนี้ แต่แกก็ยังสร้างสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีกงั้นเหรอ?”

“แล้วไงหละ?” ยูซอดัมถามออกมา ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก

“ถ้านายไม่ชอบมัน ทำไมนายถึงไม่ยืนข้อเสนอที่มันดีกว่าริวจินซูมาหละ? ในตอนที่ฉันบอกเขาไปว่าฉันต้องการที่จะสร้างกิลด์ของตัวเองขึ้นมา ริวจินซูก็ตัดสินใจที่จะรวมขุมกำลังของตนเองไว้กับฉันเลยนะ โอ้ว ตอนนี้พอมาคิดถึงเรื่องนั้นดูแล้วกิลด์นายก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสหภาพกิลด์ไม่ได้ด้วยนิ? ก็นะ ก็กิลด์ของนายมันเป็นกิลด์บริษัทไม่ใช่กิลด์ที่ยึดถือประเพณีนี้น่า”

อย่างที่ฉันได้พูดออกไป สหภาพกิลด์ไม่ได้เป็นสิ่งที่กิลด์ไหนๆก็ทำได้ มีเพียงแค่กิลด์ที่มีจำนวนสมาชิกไม่เยอะที่ยังคงอยู่ในเส้นทางดังเดิมถึงจะสามารถทำเยี่ยงนั้นได้

“เสนอมาสิ”

“เสนออะไร?”

“ก็ถ้าหากว่านายมาเพื่อที่จะดึงฉันเข้ากิลด์จริงๆ ฉันก็แน่ใจว่านายคงจะต้องมีจะเตรียมข้อเสนอบางอย่างมาให้ฉันใช่ไหมหละ อย่าบอกฉันนะว่านี่นายวางแผนจะมาขมขู่ฉันเหมือนที่นายเคยทำนะ?”

เมื่อโดนพูดแทงใจดำไปแบบนั้นแล้ว วีฮุนได้กัดฟันของตัวเองไว้และกล่าวว่า “แกไม่อยากรู้เลยงั้นเหรอ?”

“เรื่องอะไรหละ?”

“ว่าทำไมเรน่าจูถึงได้ตาย เมื่อแปดปีก่อน?”

“…!!!”

การแสดงออกของซอดัมมืดมนขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้นออกมาจากปากของวีฮุน เรจ่าจูเธอเป็นเด็กสาวที่โชคร้ายที่ได้กลายมาเป็นฮันเตอร์ในเวลาเดียวกันกับยูซอดัม แต่เมื่อ 8 ปีก่อนเธอได้จากไปตลอดกาล

“แก…”

“แกอยากรู้เรื่องนี้จะตายชักเลยไม่ใช่หรือไงกัน?”

เรน่าจู เป็นเพียงแค่จุดอ่อนเดียวเท่านั้นที่ยูซอดัมมี

“เมื่อก่อนนี้ทั้งแก เทเลอร์ และก็เธอตัวติดกันตลอดเวลาเลยนิ”

วีฮุนหวังว่ายูซอดัมนั้นจะกระวนกระวายและหวั่นไหวด้วยเรื่องนี้ดังนั้นเขาเลยพูดด้วยความร้อนรนมากกว่าเมื่อกี้

“ฉันว่าแล้ว ว่าแกต้องรู้เรื่องนี้จริงๆด้วย…”

“อะไรนะ?”

การตอบสนองของยูซอดัมนั้นเหนือความคาดหมายของวีฮุน หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง เขารู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดไปจากแผนที่เขาวางไว้แล้ว

วีฮุนมองไปที่ใบหน้าของยูซอดัมอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าของซอดัมไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลยสักนิด ดวงตาของเขาก็สงบนิ่งเหมือนกับผิวน้ำอันสงบนิ่งที่อยู่ในทะเลสาบ

“นายไม่มีอะไรที่จะเสนออีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“….”

ความลับที่วีฮุนได้ยกขึ้นมานั้นไม่ได้สำคัญสำหรับยูซอดัมมากนัก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเมื่อเห็นว่าวีฮุนพูดถึงมันออกมาอย่างง่ายดายเกี่ยวกับอุบัติเหตุณ์เมื่อ 8 ปีก่อน

วีฮุนได้บอกซอดัมในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้ เมื่อวีฮุนพูดจบลงยูซอดัมหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“น่าสนใจๆ”

“อะไรนะ?”

“ฉันหละอยากรู้จริงๆเลย อยากรู้ว่าในวันที่นายเกษียณอายุจากการเป็นฮันเตอร์ไปเมื่อ 8 ปีก่อนเมื่อเรน่าได้ตายลง แถมฉันก็ยังสงสัยนายอีกด้วยว่านายรู้มากแค่ไหนกันกับเรื่องพวกของคนที่ได้ทรยศพวกเราไป?”

“นี่…”

“นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงได้มาที่นี้ เพื่อถามนายว่า…”

อย่างไรก็ตามมันไม่จำเป็นที่จะต้องถามเลย

“ไม่ต้องพูดแล้ว มันไม่ทาง ที่ฉันจะรับข้อเสนอนี้หรอก…”

ยูซอดัมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา…

“ช่างน่าเสียดายนะวีฮุน”

“นี้นายหมายความว่าอะไร?”

หลังจากที่ยูซอดัมได้พูดออกไปเช่นนั้นแล้ว เขาก็ได้หันหลังกลับและเดินออกจากห้องน้ำไป

วีฮุนจำได้อย่างชัดเจนถึงสีหน้าของซอดัม

มันไม่ใช่สีหน้าที่ดูหน้าสมเพชหรือสีหน้าที่ดูผิดหวังดังปกติของซอดัม มันเป็นเพียงแค่สีหน้าที่ดูสงบนิ่งซึ่งเป็นสีหน้าที่เขาเป็นมา 16 ปีแล้ว

‘ไม่มีทางน่า เขามองมาที่ฉันแบบนี้มาตลอด 16 ปีเลยงั้นหรอก’

เมื่อวีฮุนรับรู้ถึงมัน ยูซอดัมก็ได้เดินจากไปเรียบร้อยแล้ว

……………………………………………………..

หากชอบเรื่องนี้สามารถให้กำลังใจและสนับสนุนผู้แปลได้ทาง www.thai-novel.com หรือ www.amnovel.com หรือ mynovel.co แค่สามช่องทางนี้เท่านั้นนะครับ

……………………………………………………..

หลังจากที่เสร็จสิ้นจากพูดคุยกับตัวแทนของทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจากทั้งทางฝั่งของสองบริษัทและสมาคมฮันเตอร์ที่ถูกพาตัวมาโดยวีฮุน ทำให้ก้าวต่อไปของฉันง่ายยิ่งขึ้น

คนพวกนี้จำเป็นสำหรับฉัน การสร้างกิลด์โดยปกติแล้วนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ค่าใช้จ่ายจำนวนที่มากที่สุดเป็นส่วนของการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ

กิลด์โดยส่วนใหญ่แล้วจะใส่เงื่อนไขข้อตกลงในการจัดหาอุปกรณ์ให้กับฮันเตอร์ของพวกเขาในตอนรับสมัครแต่ว่าฉันไม่ได้จำเป็นจริงๆที่จะต้องทำแบบกิลด์พวกนั้นหรอก ในเมื่อสิ่งที่กิลด์ของฉันเสนอให้มันเป็นถึงวิชาดาบและเวทมนตร์แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นเหมือนกับท็อปปิ้งบนเค้กงั้นหรือหากว่าฉันเพิ่มเรื่องอุปกรณ์เข้าไปรวมกับวิชาดาบและเวทมนตร์?

ถึงแม้ว่าการสปอนเซอร์ในครั้งนี้จะยังไม่ได้ถูกเซ็นสัญญาลงจริงๆ แต่คนทั้งหมดนี้ก็มีการตอบรับในแง่บวกเป็นอย่างมาก กิลด์ของฉันค่อยๆเข้าที่เข้าทางแล้วในตอนนี้

ติ้ง!

ระหว่างทางกลับบ้านของฉันเองข้อความได้เด้งขึ้นมาจากมือถือของฉัน

[หัวหน้ากิลด์สารเลว : ยูซอดัม]

[หัวหน้ากิลด์สารเลว : พวกเราว่างที่จะคุยกันหน่อยไหม?]

“หะ เกิดอะไรขึ้นกับไอ้สารเลวนี้กัน?”

มันเป็นข้อความมาจากหัวหน้ากิลด์ของของเขาจาก ลอสเดย์ ชายคนที่มีสถานะสูงส่งเช่นเขาติดต่อมาหาฉันเองโดยตรง อย่างไรก็ดีฉันรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย วันวานเหล่านั้นในตอนที่ฉันเป็นเพียงแค่ฮันเตอร์แรงค์ F ที่ไร้ความสามารถ ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกใช้งานยังกับเป็นตะเกียบที่ใช้แล้วทิ้ง แต่ในตอนนี้พวกเขากลับติดต่อฉันมาเพราะว่าฉันได้รับความสามารถมา ในท้ายที่สุดคนเราก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยถ้าหากว่าเราไม่มีของขวัญหรือความสามารถอยู่ในมือตนเอง

[บล็อก]

หลังจากที่กดปุ่มไปอย่างไม่ใส่ใจแล้ว ฉันก็ได้เอนหลังของตัวเองพิงไปกับเบาะของรถแท็กซี่

ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองจะหลับไปได้ในทันทีที่ฉันได้ล้มตัวลงบนที่นอน

แต่แล้ว

ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ

เป็นเสียงของไซเรนที่ดังมาจากด้านนอก

– แจ้งเตือนภัยพิบัติฉุกเฉิน! แจ้งเตือนภัยพิบัติฉุกเฉิน!

– ในตอนนี้ มีเกตแรงค์ SS ได้ปรากฏขึ้นใกล้กับชองดัมดง ขอให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดอพยพในทันที!

– เรียนให้ทราบอีกครั้ง!

– ในตอนนี้ มีเกตแรงค์ SS ได้ปรากฏขึ้นใกล้กับชองดัมดง

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

แท็กซี่ถูกจอดเข้าที่ไหล่ทาง

“ฉันขอโทษจริงๆนะไอ้หนุ่ม แต่ได้โปรดลงไปจากรถเถอะฉันคิดว่ามันน่าจะมีเกตปรากฎขึ้นนะ”

“อ้า โอเคครับ”

มันช่วยไม่ได้เลย ก็คนขับแท็กซี่เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแล้วในเหตุการณ์ที่วิกฤตเช่นนี้แล้ว สิ่งที่เขาควรจะทำเป็นอย่างแรกก็คือเอารถของตัวเองไปรับครอบครัวของตนแล้วพากันอพยพออกจากพื้นที่ หลังจากที่ตนเองได้ออกมาจากรถคันนั้นแล้วฉันก็มองไปที่ยังสถานที่ซึ่งเกตได้เปิดออกมา

‘แรงค์ SS ?’

มันเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนมาจนฉันไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกไปดีเลย

แน่นอนว่ามันไม่ใช่ว่าเกตแรงค์ SS ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่ว่าในครั้งพวกนั้นที่มีเกตแบบนี้เกดิขึ้นมันจะได้รับการเตือนล่วงหน้าเสมอ มันก็เพื่อที่ว่าเหล่าฮันเตอร์จะได้มีการเตรียมความพร้อมที่เพียงพอสำหรับตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ไม่มีใครสักคนได้รับคำเตือนใดๆเลยสักคำ

ฉันคิดว่าต้องมีอะไรสักอย่างไม่ปกติแน่ดังนั้น ฉันได้เอาดาบอีเทอร์ออกมาจากช่องเก็บของและพยายามที่จะวิ่งไปตรงนั้น แต่แล้วฉันก็ได้เห็นรูปร่างของมอนสเตอร์ยักษ์ที่อยู่ไหลออกไป

บ้าเอ้ย นี้มันโคตรใหญ่เลย

ฉันจะไปสู้กับมอนสเตอร์แบบนี้ได้ยังไงกัน? ความคิดเช่นนั้นแล้วมาในใจของฉัน

ชึบ!

…ตึง!

หัวของมอนสเตอร์ได้ถูกตัดออกมาและตกลงไปบนพื้น

“หา?”

ช่วงเวลาสั้นๆหลังจากนั้น ฉันสามารถที่จะได้ยินเสียงของเฮลิคอปเตอร์ไกลออกไป

ฟึบ-ฟึบ ฟึบ-ฟึบ ฟึบ-ฟึบ

สถานนีถ่ายทอดสดและเฮลิคอปเตอร์ทางการทหารได้พุ่งตรงเข้ามาในบริเวณนี้ แต่พวกเขามาช้าเกินไปเสียแล้ว พวกเขาพลาดฉากที่สำคัญที่สุดไป

“บ้าเอ้ย! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ในตอนที่มอนสเตอร์ตัวนั้นปรากฏออกมาจากดันเจี้ยนแรงค์ SS การโจมตีมันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีทีม 10 ทีมโดยที่แต่ละทีมประกอบไปด้วยฮันเตอร์แรงค์ S ในแต่ละทีม

ใครกันที่เป็นคนตัดคอเจ้ายักษ์นั้น…

‘อย่าบอกฉันนะว่า?’

<ฉันสามารถสัมผัสได้ว่าตัวเอกอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้ค่ะ>

หนึ่งเดียวและเป็นตัวเอกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่บนโลก อีดงจุน

ซอดัมรีบขึ้นไปบนหลังคาของตึกที่อยู่แถวๆนั้นและมองลงไปที่ฉากเบื้องล่าง แต่ชายคนที่ได้ฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ได้หายไปแล้ว นอกเหนือไปจากนี้แล้วเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ยังไปปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของสะพานที่ขวางสายตาของเขาอยู่ ทำให้ไม่มีพยานสักคนที่เห็นว่าใครเป็นคนที่ตัดหัวมัน

‘เขาบอกว่าเขาได้ซ่อนความแข็งแกร่งของตนไว้ไม่ใช่หรือไง งั้นแล้วทำไมเขาถึงทำแบบนี้?’

ถ้าหากว่าเขาฆ่ามอนสเตอร์เช่นนี้แล้วมันไม่ได้หมายความว่าผู้คนจากมูริมที่อยู่ใกล้ๆจะสามารถเห็นมันได้อย่างงั้นเหรอ?

ฉันมองไปที่ฉากๆนี้ด้วยความระมัดระวัง มันมีหญิงสาวที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในชุดพนักงานออฟฟิศได้นั่งแบบทิ้งตัวอยู่ตรงที่นั่งของเธอและจ้องมองไปยังอากาศด้วยสายตาที่เหม่อลอย บางทีเธออาจจะเป็นเหยื่อของเกตในครั้งนี้ ฉันพยายามที่จะเข้าไปหาเธอเพราะว่าเธอเป็นพยานเพียงแค่คนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์แต่ว่าฉันไม่สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้เพราะว่าตำรวจและทหารได้เข้าไปถึงตัวเธอเรียบร้อยแล้ว

ฉันได้แต่หันหลังกลับและตรงกลับไปที่บ้านอย่างไม่มีทางเลือก

และในวันรุ่งขึ้น…

“นายมีความสัมพันธ์ยังไงกับเดอมาร์ขั้นสุดกัน?”

หญิงสาวที่เรียกตนเองว่า ‘กอมฮี’ ก็ได้มาหาเขาถึงที่บ้าน

……………………………………………………..

หากชอบเรื่องนี้สามารถให้กำลังใจและสนับสนุนผู้แปลได้ทาง www.thai-novel.com หรือ www.amnovel.com หรือ mynovel.co แค่สามช่องทางนี้เท่านั้นนะครับ

……………………………………………………..

“ทั้งสามจักรพรรดิและชอนมาได้ถูกฆ่าตายโดยเดอมาร์”

ถ้วยชาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของซอดัมไม่ได้สั่นไหวเลยสักนิดกับคำพูดของเธอ กอมฮีจิบชาก่อนที่จะพูดออกมาว่า ‘อืม ไม่เลวๆ’และพูดออกมาอีกครั้งหนึ่ง

“และเหล่าผู้คนจากโลกก็ได้เข้ามาแทนที่ชอนมา 3 ราชันย์ และ 6 จักรพรรดิคนใหม่ มันทั้งหมดก็เพื่อที่จะได้ต่อต้านกับเดอมาร์ผู้ที่มีพลังอย่างท่วมท้นเหนือกว่าใครๆ”

อย่างไรก็ดีเหล่าปรมาจารย์ทั้ง 10 คนที่ถูกเรียกว่า ชอนมา 3 ราชันย์ และ 6 จักรพรรดิไม่ได้ให้ความร่วมมือกัน

นั้นคือสิ่งที่กอมฮีได้กล่าวออกมา

“แต่เดียวก่อนสิ ทำไมอยู่ๆคุณถึงได้มาหาผมหละครับ?”

กอมฮี หรือ ฮาซุนยัง

ถ้าหากเปรียบเป็นอายุของชาวเกาหลีแล้วหละก็ ผู้คนทั้งหลายจากมูริมมักดูเหมือนว่าพวกเขาอายุแค่เพียง 20 ปีปลายๆแม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่มูริมมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคฟื้นฟูลับแบบไหนก็ตามที่เธอได้ใช้มันทำให้รูปลักษณ์ของเธอใครกับใครสักคนที่เป็นวัยรุ่นในช่วงอายุ 20 ต้นๆเท่านั้นเอง

“ฉันกำลังมองหาตัว ‘เดอมาร์’ อยู่ คนเดียวกันกับคนที่ได้พลักพวกเราทั้งหมดเขาไปสู่ข้อห้ามที่เขาได้สร้างขี้นในตอนที่พวกเรากลับมาที่โลก มันไม่มีทางที่จะค้นหาเขาพบเลยเพราะว่าเขาได้เปลี่ยนแม้กระทั้งหน้าของตนเอง ซ่อนพลังงานคิภายในของตนเองไว้เอาไว้ตลอด และฉันพึ่งจะมาอยู่ที่เกาหลีเมื่อเร็วๆมานี้เองซึ่งฉันก็รู้ว่ามานายสนิทกับเขานิ”

หลังจากที่พูดไปเช่นนั้นแล้ว ใบหน้าของกอมฮีก็ได้แดงไปทั่วทั้งหน้าหลังจากที่เธอได้พูดจบลง ความจริงแล้วเธอไม่ได้มีความอาฆาตแค้นต่อเดอมาร์หรอก มันดูคล้ายกับว่าเธอตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบกับเขาแทนซะมากกว่า

“ทำไมคุณถึงได้มองหา ‘เดอมาร์’ หละ?”

“มันไม่ชัดเจนหรือไง? ก็-ฉัน..ชอบ..เขาไง? เดวนะ?”

เธอจะต้องชอบเขาสิ

บางทีความรู้สึกนี้คงยังอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในหัวใจของเธอ

เธอได้เดินทางไปทั่วทั้งโลกเพื่อค้นหาเดอมาร์ เธอทำแบบนั้นก็เพราะว่าเธอมีความปรารถนาในตัวเดอมาร์

เธอแน่ใจในเหตุผลนี้

‘อะไรกันนะ?’

กอมฮีลูบไปที่อกของเธอ

จนกระทั้งถึงเมื่อครู่ก่อนนี้เองมันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงเมื่อไหรก็ตามที่เธอคิดถึงเดอมาร์แต่ว่ามันน่าแปลกนัก เธอกลับสงบลงได้อย่างสมบูรณ์ในตอนนี้

‘นี้ฉันรู้สึกแบบนั้นกับเขาจริงๆงั้นเหรอ?’

แต่ว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักได้หละ

เป็นเพราะความแข็งแกร่งที่ท่วมท้นของเขาอย่างนั้นเหรอ?

เป็นเพราะแผ่นหลังที่แสนจะทรงเสน่ห์ของเขาหรือป่าว?

หรือว่าจะเป็นเพราะเขาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก?

ไม่สิ เธอตกหลุมรักเขาทันทีที่พวกเขาได้สบตากัน

‘ทำไมถึงได้เป็นแบบนั้นหละ?’

นักรบที่แข็งแกร่งนั้นสามารถที่จะควบคุมจิตใจของตนเองได้หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ มันเป็นไปได้ยากนักที่คนๆนั้นจะตกหลุมรักกับใครสักคนในทันทีที่พวกเขาได้เห็นอีกคน

แต่มันก็ไปแล้ว

ราวกับว่าเธอถูกบังคับให้สนใจของตนมุ่งไปที่เขา

ทันใดนั้นเอง ฮาซุนยัง ก็เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่ดวงตาของยูซอดัม

เธอถามบางอย่างกับเขา

“…ทำไมฉันถึงได้ค้นหาเขาหละ?”

“หะ? นี้คุณเป็นอะ…”

ในตอนนั้นเองข้อความก็เด้งขึ้นมาในหัวของซอดัม

[สกิล นักล่าตัวเอก เลเวล 3 ได้ทำการแทรกแซง ‘การแก้ไขของตัวเอก’ ตัวเอกอีดงจุน]

[ตัวละครรองฮาซุงยังได้รับอิสระจากอิทธิพลของ ‘เสน่ห์ (SS)’]

ฮาซุงยังเอามือออกมาจากอกของเธอ

เธอมองมาที่ยูซอดัม มันไม่ใช่เพราะว่าเธอตกหลุมรักเขาหรือว่าหน้าตาของเขาเป็นสเปคของเธอแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอกลับรู้สึกราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เธอ ‘ไม่สบายใจ’ ได้ถูกยกออกไปจากอกของเธอเมื่อเธออยู่กับยูซอดัม

ข้อความอีกอย่างได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของซอดัมในตอนนี้

ติ้ง!

[วิกฤตได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลัก อีดงจุน]

“เอะ? อยู่ๆก็วิกฤตเลยหรอ?”

ยูซอดัมถึงกับประหลาดใจไปชั่วขณะ

ที่บางสิ่งบางอย่างอันน่าตื่นเต้นได้เกิดขึ้น

[ตัวเอกอีดงจุนได้เพิกเชยต่อวิกฤตของเขา]

“เออ…”

เท่านั้นเองที่ทำให้ซอดัมได้เข้าใจเรื่องราวแบบง่ายๆนี้เลยมันได้เกิดอะไรขึ้น

นอกไปจากนี้แล้ว เขาไม่ได้สนใจมันคงจะเป็นเพราะว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้ แต่ว่าโดยส่วนมากแล้วตัวละครหลักชายที่มีแท็ก ‘#ฮาเรม’ ก็มักจะมีหญิงสาวหลายต่อหลายคนรอบตัวเขาอยู่แล้ว มากกว่านั้น คุณคิดหรือว่าตัวเอกพวกนี้จะไปนั่งล่อลวงหญิงสาวมาที่ละคนๆ?

แน่นอนอยู่แล้วว่ามันคงจะต้องมีตัวเอกแบบนั้นแหละ แต่โดยส่วนมากของสายฮาเรมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดและตามกระแสในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นมักจะเป็นสถานการณ์แบบว่า หญิงสาวได้ตกหลุมรักแบบ ‘รักแรกพบ’ กับตัวเอกในทันทีหรือเป็นแบบที่ตัวเอกไม่ต้องทำอะไรเลยแต่ก็มีสาวๆมากมายมารายล้อมและตกหลุมรักตนเอง

และฮาซุนยังที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อ ‘รักแรกพบ’ ของฮาเรมอีดงจุน

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่ยูซอดัมได้เข้ามาแทรกแซงก็ทำให้ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องราวที่ไร้สาระเช่นนั้นได้ลดลง แน่นอนว่ามันคงจะไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้กับทุกคนหรอก แต่กอมฮีหรือฮาซุนยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีพรสวรรค์และเธอก็คงจะต้องมีพลังจำพวกสกิลที่ใช้ต้านทานเสน่ห์ได้อยู่บ้างอันติดตัวแน่นอน การแสดงตัวของซอดัมก็แค่ช่วยเสริมพลังให้กับการแสดงผลของสกิลเธอเท่านั้นเอง

‘เดวก่อนนะ มันไม่ใช่ว่า…?’

ส่วนใหญ่ของคนที่อยู่รอบตัวของอีดงจุนนั้นเป็นหญิงสาว บางทีมันอาจจะได้รับอิทธิพลโดย ‘การแก้ไข’ ของตัวเอกหรือไม่ก็ แท็ก #ฮาเรม แม้ว่าตัวของอีดงจุนเองจะยังคงไม่แยแสกับผู้หญิงเหล่านั้นก็ตาม…

‘ฉันสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้นิ’

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ไม่ว่าจะเป็นคนที่กลับชาติมาเกิด,คนที่ย้อนเวลากลับมา,คนที่วนลูปได้,พวกที่ไปยึดร่างคนอื่นมา,นักเดินทางต่างมิติ,คนรู้อนาคตมากจากทางไหนสักทาง

ฉันจะล่าเจ้าพวกตัวเอกเหล่านี้เอง ไอ้พวกคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนแล้วฉันก็จะดูดกลืนพรสวรรค์ของพวกเขาซะ

เหล่าพวกตัวเอกทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเป็น

ความหวังของทวีป

ฮีโร่ที่จะช่วยโลกไว้ได้อนาคต

ฮีโร่ที่ในตอนนี้มีหลุมอยู่ตรงกลางอก!

ปาร์คแทรยอง คนที่จะปลดปล่อยเหล่าคนแคระให้เป็นอิสระและได้รับความเชื่อถือจากคนพวกนั้น

ชำระล้างสิ่งปนเปื้อนที่เป็นพิษในป่าแห่งจิตวิญญาณและได้กลายมีเป็นผู้มีพระคุณของเหล่าแฟรี่

ทวงคืนรูปปั้นหินโบราณที่เคยถูกปิดผนึกอยู่ในซากปรักหักพังในยุคอดีตกาล

กำจัดงูทะเลยักษ์ที่โผล่ออกมาจากทะเล

ปราบจักพรรดิปีศาจของโลกใต้พิภพตนที่ 47 ลงได้

“นอกเหนือไปจากการข่มขืนและฆาตกรรมแล้วยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการฆ่าอันป่าเถือน,การลอบวางเพลิง และ……”

“ช-ช่วยฉันด้วย..”

แกร๊ก!

นี้ก็เป็นตัวเอกเช่นกัน

แต่ในตอนนี้เขาได้ตายคามือฉันซะแล้วหละ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท