ยูซอดัมไม่พลาดโอกาสนี้ไปเมื่อเขาได้เห็นว่าฮาซุนยัง ยังคงตกอยู่ในอาการตกตะลึง
“ใจเย็นๆครับ คุณฮาซุนยัง”
“อ่า เออ ได้ๆ”
“มุมมองของคุณที่มีต่อเดอมาร์เปลี่ยนไปใช่ไหมครับ? และตอนนี้คุณคงจะรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากแน่เลยถูกต้องไหม?”
“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?”
เมื่อเธอได้ถามออกมาด้วยความอึดอัดใจ ยูซอดัมได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
“คุณฮาซุนยังครับ ไม่ว่าคุณจะเชื่อในสิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้หรือไม่ก็ตามแต่ว่ามันมีคนที่มีความสามารถในบังคับให้คนตกอยู่ในห้วงแห่งความรักกับเจ้าของความสามารถอยู่ด้วยนะครับ”
“สามารถแบบนั้นไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้นะคะ”
“คุณแน่ใจอย่างนั้นหรือครับ? มีผู้คนเป็นหมื่นๆคนที่ได้ข้ามไปยังโลกของมูริมและได้เรียนรู้มูกงมา อีกทั้งมันมีแม้กระทั้งฮันเตอร์ที่สามารถจะยิงลำแสงออกมาจากมือของตนเองได้ ไม่ใช่ว่าสำหรับโลกใบนี้ในตอนนี้แล้วมันจะเป็นเรื่องที่ยากมากกว่างั้นหรือครับที่จะคนที่มีความสามารถตรงกับหลักสามัญสำนึกทั่วไปได้นะครับ?”
“นั้นมัน…ก็ถูกแล้วหละ”
ซุงยังครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งและมองมาที่ฉันดูความตื่นตระหนก
“อย่างนั้นก็หมายความว่า…ไม่สิ ไม่มีทางหรอกน่า…”
“ใช่แล้วหละครับ มันเป็นหนึ่งในความสามารถของเดอมาร์และผมก็มีความสามารถที่จะลบมันออกไปได้”
“…….!”
มันเป็นเรื่องยากนักหากจะทำให้ใจเชื่อได้ลง ฮาซุนยังกุมไปที่หัวของเธอและส่ายหัวไปมา
เธอได้ใช้เวลาไปหลายต่อหลายปีเพื่อค้นหาตัวของเดอมาร์ มันเป็นเพราะว่าเธอหลงรักเดอมาร์แล้วเธอจะสับสนแค่ไหนกันหละหากว่าอยู่ๆความรู้สึกที่เธอเคยมีมันก็หลงเหลือเพียงแค่ความอาฆาตแค้นหลังจากที่ความรักของเธอได้ถูกละลายหายไปราวกับว่าเป็นหิมะในหน้าร้อน?
เธอสับสนในตัวเธอเองและรู้สึกราวกับว่าถูกทรยศจากเดอมาร์
ยูซอดัมเห็นโอกาสอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าหากว่าเขาใช้ความสามารถนี้เอาเปรียบคนอื่นหละก็ เขาสามารถที่จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างจากเป้าหมายของเขาได้เลยครับไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ,พลังอำนาจ และได้แม้แต่ร่างกายของพวกเธอรวมไปถึงจิตใจของหญิงสาวคนนั้นๆ”
“อ้า…”
แน่นอนว่าสิ่งที่ยูซอดัมได้พูดออกไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดหรอก
[สเน่ห์ (SS) : เพศตรงข้ามกับเจ้าของความสามารถจะตกหลุมรักเขาโดยธรรมชาติ ถ้าหากว่าคุณใช้พลังนี้เพื่อสนองความพึงพอใจของตนเองด้วยจุดประสงค์บางอย่างแล้วหละก็ ผลของสกิลนี้จะหายไป]
มันก็เป็นหนึ่งในความซ้ำซากของตัวเอกพวกนี้
มันเป็นกฎที่ว่าตัวเอกชายทั้งหลายมักจะมีหญิงสาวหลายๆคนรายล้อมอยู่รอบตัวเขาเสมอ แต่ว่าเขาจะต้องไม่รู้เรื่องรู้ราวหรือว่าไม่ได้ใส่ใจพวกเธอ ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ พวกเขาเหล่านี้จะต้องไม่ตอบรับการความรู้สึกของหญิงสาวที่ตนทำให้ตกหลุมรักซึ่งมันเป็นเรื่องที่แย่มากๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าทุกๆฮาเรมในโลกพวกนั้นจะไร้เหตุผลไปซะหมด มันคงจะต้องมีบางเรื่องราวที่เป็นแนวของฮาเรมที่ดีอยู่บ้างแต่ว่าส่วนมากของมันแล้วก็มักจะเป็นแบบนี้
ฮาซุนยังผิดปากของเธอลงและเริ่มที่จะวิตกกังวล ยูซอดัมไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้อีก นับจากนี้ไปมันจะเป็นปัญหาที่เธอจะต้องกังวลกับมันและตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง
ทันใดนั้นเอง ฮาซุนยังก็ได้ถามฉันด้วยการแสดงออกที่มันคง
“งั้นแล้วนายรู้อย่างนั้นหรือว่าเดอมาร์คือใครกับแน่?”
“รู้คราวๆครับ”
“ฉันต้องการที่จะหาตัวเดอมาร์ค่ะ”
“ด้วยเหตุผลเดียวกันกับก่อนหน้านี้หรือครับ?”
“ไม่ค่ะ”
ฮาซุนยังกัดริมฝีปากของเธอ มันไม่เหมือนกับชื่อเล่นของเธอ ‘กอมฮี’ (ผู้แปล : ผมก็ไม่รู้เช่นกันครับแหะๆ) เธอค่อนข้างที่จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กและมีใบหน้าที่อ่อนเยาร์แต่ว่าที่น่ากลัวก็คือในตอนนี้มันมีออร่าที่น่าขยองขวัญกระจายออกมาทั่วทั้งร่างกายของเธอ ซึ่งไม่ดีเลยสำหรับสถานการณ์เช่นนี้
“ฉันอยากจะเจอตัวกับเดอมาร์และถามเขาว่านี้เป็นความสามารถของเขาจริงๆอย่างนั้นหรือ? ทำไมเขาถึงได้เล่นกับหัวใจของฉันแบบนี้?”
“เออ…”
ถ้าหากว่าเธอทำแบบนั้นแล้วหละก็ กอมฮีก็คงจะเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุแน่นอน
“นั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แทนที่จะทำอย่างนั้นให้ผมโชว์หลักฐานอย่างอื่นให้คุณดูดีกว่าครับ”
……………………………………………………..
หากชอบเรื่องนี้สามารถให้กำลังใจและสนับสนุนผู้แปลได้ทาง www.thai-novel.com หรือ www.amnovel.com หรือ mynovel.co แค่สามช่องทางนี้เท่านั้นนะครับ
……………………………………………………..
คืนที่ผ่านมา ได้มีเกตเปิดออกที่ใจกลางตัวเมืองของเกาหลีและได้มีมอนสเตอร์แรงค์ SS ปรากฏตัวออกมาจากเกตๆนั้น
ต้องขอบคุณจริงๆที่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นศูนย์ มันได้รับการพูดต่อกันว่าชายที่ชื่อว่าฮงยอบซา ฮันเตอร์ผู้รักสันโดษได้เข้ามาและรับมือกับเหตุการณ์ กิลด์จำนวนนับไม่ถ้วน,สื่อต่าง และชาวเน็ตทั้งหลายได้ไปเยือนที่เกิดเหตุเพื่อยืนยันถึงตัวของของฮงยอบซาที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยม่านหมอกแห่งความลึกลับ แต่พวกคนเหล่านี้ทั้งหมดก็ไม่สามารถที่จะค้นพบอะไรเลย
ยกเว้นก็เพียงแต่ ‘ยีซาฮเย’ นักเรียนสายสนับสนุนการล่าที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี โดยที่ไม่มีพยานคนอื่นอีกเลย
“นี้เธอจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆอย่างนั้นเหรอ?
“ค่ะ…”
ยีซาฮเยได้เจอกับชายที่ได้ช่วยชีวิตของเธอไว้อย่างแน่นอนในคืนที่ผ่านมาแต่ว่าเธอกลับไม่สามารถที่จะบอกหน้าตาหรือชื่อของเขาออกมาได้ดังนั้นแล้วมันเลยไม่มีคำตอบใดๆที่ตำรวจได้จากการสืบสวนในครั้งนี้ ตำรวจนายนั้นได้ส่ายหน้าของตนเองราวกับว่าเขารู้สึกข้องใจแต่กลับทำอะไรกับมันไม่ได้
ฮันเตอร์ผู้ลึกลับฮงยอบซา ชายที่ได้เริ่มต้นทำแบบนี้เมื่อหลายปีก่อน เขามักจะรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากแล้วก็หายตัวไป ตำรวจนายนี้ได้แต่ทำใจยอมรับว่าเขาไม่สามารถที่จะไล่ล่าต่อไปได้ตัวเทคโนโลยีของตำรวจเพียงลำพัง
“โอ้ว นี้เธอก็ตกหลุมรักเขาด้วยอย่างนั้นเหรอเนี่ย”
“งั้นแล้วเขาหล่อไหม?”
“ไม่ต้องไปพูดถึงมันเลย เธอบอกว่าหน้าตาของเขาดียิ่งกว่าดาราคนไหนๆเสียอีก”
ปัก
“โอ้ย!”
“โอ้ย!”
ในขณะที่เหล่านักสืบทั้งคู่กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ด้านนอกห้องสอบสวน รอยเอกคิมก็ได้โบกไปที่หลังหัวของพวกเขา
“ไอ้พวกโง่เอ้ย พวกแกไม่แม้แต่จะรู้กระทั้งใบหน้าของเขา แล้วพวกแกจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาหล่อไหม? แล้วไม่ใช่ว่าพวกแกควรที่จะยุ่งอยู่งั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ!”
“พวกเราไปแล้วครับร้อยเอก”
มองไปที่เจ้าพวกนี้ที่กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ร้อยเอกคิด ได้เข้าไปหายีซาฮเย
“คุณซาฮเยครับ คุณจำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือครับ?”
“ฉันกำลังจะบ้าตายอยู่แล้วนะคะเพราะว่าฉันเองก็ต้องการจำมันให้ได้เหมือนกัน ฉันต้องการที่จะหาความทรงจำเรื่องนั้นแต่ว่าฉันไม่สามารถที่จะจำอะไรได้เลยค่ะ”
“อืม ผมเข้าใจแล้วครับ”
ด้วยการตัดสินแล้วว่ามันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องคุมตัวของยีซาฮเยไว้มากกว่านี้อีก คิมได้ถามคำถามทั่วไปกับเธออีกไม่กี่คำถามราวกับว่ากำลังสั่งสอนเธอแล้วก็ได้ปล่อยตัวเธอไป
ยีซาฮเยที่ได้ออกมาจากสถานีตำรวจแล้วยังคงจดจำเหตุการณ์ที่ราวกับว่าเป็นเพียงแค่ความฝันเมื่อคืนนี้ได้ไม่มีทางลืม
ด้านข้างของเขานั้นได้อาบไปกับแสงของดวงจันทร์ที่ส่องกระทบลงมาอย่างนุ่มนวล มันดูราวกับว่าเขาเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวผู้ทรงเสน่ห์อย่างแท้จริง
“ขอโทษนะครับ”
เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง เขาก็ยิ่งดูเหนือกว่าความเป็นจริงไปเรื่อยๆ
ยีซาฮเยยิ่งเขินอายมากยิ่งขึ้น แต่อยู่ๆหัวใจของเธอก็ได้สงบลงและเหล่าดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่เต็มหัวของเธอก็ได้หายไป
“ขอโทษนะครับ?”
“ค…ค่ะ”
ด้วยความตกใจจากการที่อยู่ๆก็ถูกเรียก ยีซาฮเยได้มองไปที่ด้านข้างของเธอ เธอก็ได้พบว่ามีหญิงสาวที่มีหน้าตาน่ารักกับชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าเธอจะเคยเห็นมาจากที่ไหนสักที่
“เธอคือคุณยีซาฮเยใช่รึป่าวครับ? คนที่ได้เจอกับฮงยอบซาเมื่อคืนที่แล้วนะครับ”
“อ่อ ใช่ค่ะ”
เมื่อได้เห็นการแสดงออกของยีซาฮเยที่แข็งกระดาง ยูซอดัมก็ได้ส่ายมือของเขาไปมาเพื่อให้เธอไม่เข้าใจความตั้งใจของพวกเขาผิดไป
“พวกเราแค่ต้องการจะบอกเธอว่า…”
เขาพูดกับยีซาฮเยด้วยเสียงที่เบาลงอย่างระมัดระวัง
“ฉันสามารถที่จะทำให้เธอเจอกับฮงยอบซาได้นะ แล้วผมก็รู้สึกว่าเธออยากจะเจอกับเขาอยู่นิ? แล้วเธอต้องการที่จะไปในตอนนี้เลยไหม?”
“ค่ะ? จริงใช่ไหมค่ะ?”
“ใช่แล้ว แต่ว่ามันต้องเป็นในตอนนี้ ไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว”
ยีซาฮเยที่ตกอยู่ในห่วงแห่งความรักกับฮงยอบซาคงจะต้องพยักหน้าของเธอลงโดยธรรมชาติอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของยีซาฮเยได้สงบลงและความกังวลกับในเรื่องบางอย่างก็ได้พุดขึ้นมาในใจของเธอ
“เออ แต่วะ…ฉันจะต้องส่งรายงานบางอย่างที่โรงเรียนก่อนนะคะมันด่วนมากเลย พวกเราสามารถที่จะไปกันช้ากว่านี้อีกหน่อยได้ไหมค่ะ?”
กับคำตอบของเธอยูซอดัมได้ยิ้มออกมา
‘เหมือนที่คิดไว้เลย’
สำหรับตัวของฮาซุนยังและยูซอดัมที่ได้เฝ้ามองยีซาฮเยจากด้านในของสถานีตำรวจมันง่ายที่จะเห็นได้เลยว่าเธอหลงฮงยอบซาหัวปักหัวปำ
แต่มองดูไปที่ปฏิกิริยาของเธอในตอนนี้แล้ว ไม่ใช่ว่ามันต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิงอย่างนั้นหรอกเหรอ?
มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปในเรื่องที่ว่ามีคนๆหนึ่งได้ตกหลุมรักกับใครสักคนที่ได้ช่วยชีวิตคนๆนั้นไว้ ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นนั้นแล้วบางคนก็เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตนเองผิดไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่าในเรื่องของฮงยอบซาหรืออีดงจุนนี้มันก็ออกจะมากไปหน่อย
มันมีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงจำนวนมาในหลายๆปีที่ผ่านมานี้และมันจะมักจะมีหญิงสาวอยู่ในสถานที่เหล่านั้นแถมหญิงสาวเหล่านั้นทั้งหมดยังตกหลุมรักเขา มันก็คงจะเป็นเรื่องที่รับได้อยู่หรอกหากว่าอีดงจุนเป็นชายที่โคตรจะหน้าตาหล่อเหล่าแบบพระเอกดาราเกาหลีแต่ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นนะสิ
อีกความหมายก็คือ นับตั้งแต่ที่เรื่องพวกนี้ได้เกิดขึ้นด้วยตัวของมันเองโดยความสามารถสเน่ห์ (SS) ของเขาและการแก้ไขของตัวเอก มันก็หมายความได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในจิตใจของหญิงสาวเหล่านั้นมันไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
‘บางทีส่วนมากของหญิงสาวเหล่านั้นที่อยู่รอบกายอีดงจุนคงจะถูกผูกมัดไว้เนื่องจากผลของสกิล สเน่ห์ของเขา’
ลูกสาวของเขา ชินฮเยจีดูเหมือนว่าจะติดอยู่กับเขาเพราะว่าเธอมีความสัมพันธ์บางอย่างจริงๆกับเขา ยูซอดัมก็ไม่แน่ใจว่าการคาดเดานี้ของเขาจะตรงจุดหรือไม่ ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นยูซอดัมก็ได้มองไปที่ด้านข้างของเขา
“นี้มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
ฮาซุนยังกำหมัดของเธอแน่น ในตอนนี้เธอแน่ใจแล้วและความรู้สึกรักชอบของเธอก็ได้ถูกแทนที่ด้วยความขุ่นเคือง
แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา
“ใจเย็นๆก่อนครับ คุณก็รู้ว่าคุณไม่สามารถที่จะทำเรื่องนี้คนเดียวได้”
“ฉันรู้ แต่ว่าฉันจะทำอะไรได้หละ? เมื่อเป็นฉันเป็นคนที่มาจากมูริม สำหรับคนที่มาจากมูริมแล้วมันจำเป็นที่จะต้องได้รับการสะสางความแค้นที่ตนเองได้รับมา”
“คุณฮาซุนยังครับ”
ยูซอดัมจับไปที่ไหล่ของเธอและมองตรงลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“มันยังมีเหล่าผู้คนอีกมากมายที่มีความแค้นต่อเดอมาร์ที่อยู่เคียงข้างคุณนะครับ”
“เป็นความแค้นเพียงหนึ่งเดียวในพวกเขาต้องได้รับการแก้ไขด้วยตัวพวกเขาเอง…..”
“ในตอนที่ชอนมาตายลงเธอได้จากไปเพียงลำพังหรือป่าวครับ? หรือว่านักรบทั้งหมดจากมูริมได้มารวมตัวกัน”
“……!”
“ผมคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมูริมตอนนั้นนะครับ เพราะงั้นพักความโกรธของคุณเอาไว้ก่อนครับ”
“แล้ว…”
ฮาซุนยังมองไปที่ยูซอดัมด้วยความหนักแน่นที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
“ฉันจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง?”
“พวกเราจำเป็นที่จะต้องรวมมือกัน ค้นหาโลกของเหล่าคนที่มีความเคียดแค้นต่อเดอมาร์ มันจะเป็นทางที่ดีกว่าหากว่าเราสามารถที่จะค้นหา 3 ราชันย์และ 6 จักรพรรดิได้เช่นเดียวกับกับชอนมาที่มีความเป็นเคียดแค้นต่อเดอมาร์เช่นเดียวกัน”
“นายพูดถูกแล้ว”
ยูซอดัมไม่ได้รับรู้ความจริงเหล่านี้เลย แล้วเขาได้พูดต่อด้วยความคิดที่ว่าตนเองจะได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์มาแล้ว
“เช่นเดียวกันกับการที่รัฐบาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องมูริม ผมก็คิดที่จะคงความเป็นกลางไว้ก่อนนะครับ”
พวกเราอาจจะต้องไปขัดขวางเปลวไฟที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
“แต่ว่าคุณฮาซุนยังครับ ผมต้องการให้คุณช่วยผมในเรื่องของ ‘ธุรกิจ’ นะครับ”
“‘ธุรกิจ’ ที่ว่าเนี่ยหมายถึงอะไรหละ?”
“คุณรู้ใช่ไหมครับว่าผมสร้างกิลด์ขึ้นมา?”
“อ่าหะ ใช่แล้ว แล้วทำไมเหรอ?”
“เข้ากิลด์ผมสิครับ ผมอยากจ้างคุณ”
“ทำไม? ฉันไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยนะเพราะว่าข้อห้ามนั้น”
ซอดัมก็กังวลในส่วนนั้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่สามารถจะเดินทางได้อย่างอิสระในมิติต่างๆดังนั้นเขาคิดว่ามันจะต้องมีความรู้บางอย่างเกี่ยวข้องกับข้อห้ามนี้ ยูซอดัมเต็มใจที่จะมุ่งสู่ความยากลำบากพวกนั้นเพื่อใครก็ตามที่มีพรสวรรค์เช่นเดียวกันกับกอมฮี
“ผมจะจัดการกับเรื่องของข้อห้ามนี้ในเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เองครับ”
“ข้อห้าม?”
“ใช่แล้วครับ ผมจะช่วยคุณถอนข้อห้ามที่อยู่บนตัวคุณและจัดเวทีให้กับการแก้แค้นของคุณเองแต่ว่าผมต้องการที่จะหยิบยืมความแข็งแกร่งและก็ความรู้ของคุณครับ”
มันเป็นการแลกเปลี่ยน ในความเป็นจริงแล้วซอดัมได้รับมากกว่าฮาซุนยัง แต่ตัวฮาซุนยังเองคงจะรู้สึกว่ามันเป็นการสูญเปล่าเกินไปหากว่าตนเองที่ถูกผูกมัดด้วยข้อห้ามจะเลือกที่จะปฏิเสธมันลง
ฮาซุนยังที่ได้ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งก็ได้พยักหน้าตกลงในที่สุด ยูซอดัมยิ้มออกมาให้กับการตอบสนองของเธอด้วยความพึงพอใจและหันหน้าของตนเองกลับไปสบตากับยีซาฮเย ในที่สุดเธอก็จำใบหน้าของซอดัมได้หลังจากที่ได้เลื่อนหาดูในสมาร์ทโฟนของเธอเป็นเวลานาน เธอพูด ‘อ้าาาา! มันเป็นคุณนี่เอง!’ แล้วยกนิ้วของเธอชี้มาที่เขา
“ยีซาฮเย เธออยากจะเป็นฮันเตอร์ใช่ไหม?”
“หืม คุณรู้ได้ยังไงกันค่ะ? มีเพียงแค่แม่ของฉันที่รู้ในเรื่อง…”
“มันก็แค่การคาดเดานะและตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอคงจะกำลังเรียนพวกเรื่องการสนับสนุนการล่าด้วยความสิ้นหวังเพราะว่าเธอไม่ได้มีพลังพิเศษใดๆสินะ”
“โอ้มาย นี้คุณรู้ได้ยังไงกัน”
มันเป็นเรื่องที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนมากสำหรับเขา
ยีซาฮเย เด็กสาวที่อยู่ในช่วยอายุ 20 ปีของเธอได้จิตใจพังทลายลงไปเพราะความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถที่จะเป็นฮันเตอร์ได้
แต่ในวันหนึ่งเธอก็ได้พบว่าตัวเธอเองก็ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายและเธอก็ได้ตกหลุมรักฮงยอบซาที่ได้ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้แต่พวกเขากลับไม่สามารถที่จะได้เจอกันอีกต่อไป แต่แล้วยีซาฮเยได้มาเจอกฉันคนที่บังเอิญรู้จักกับอีดงจุนและพบว่าเขาก็คือฮงยอบซา ด้วยความช่วยเหลือของระบบอันเป็นที่รักของฉันเอง ฉันได้สอนเธอให้กลายเป็นนักสู้เพื่อที่จะเติมเต็มความฝันของเธอ
นี้น่าจะเป็นข้อสรุปแบบคราวๆของเรื่องราวของตัวยีซาฮเย
‘ฉันดีใจนะเนี่ยที่ตัวเองได้อ่านพวกนิยายกำลังภายในมาโดยตลอด’
ยูซอดัมรู้มันทั้งหมดได้โดยการอ่านครึ่งแรกของพวกหนังสือนิยายกำลังภายใน เรื่องราวของยีซาฮเยเป็นเรื่องราวที่พบเห็นทั่วไปที่เหมือนกับเรื่องราวซ้ำซากของพวกตัวเอกที่ได้ตกลงไปจากหน้าผาและไปแค่กับยาอายุวัฒนะในตำนานหรือไม่ตัวเอกก็จะได้รับความแข็งแกร่งโดยการไปขุดตะไคร่น้ำด้านในถ้ำที่ไหนสักแห่งที่มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้
ดังนั้น…
“เธอไม่ได้ต้องการที่จะเป็นฝ่ายสนับสนุนการล่า แต่ว่าเธอยังคงต้องการที่จะเป็นฮันเตอร์อยู่ที่ไหมหละ?”
“ค-ค่ะ ใช่แล้วค่ะ”
“งั้นก็ไปเป็นฮันเตอร์สิ โดยที่ไม่ต้องกังวลกับอะไรอีกต่อไป”
“ค่ะ? แต่ว่าฉันไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรเลยนะคะ”
ยูซอดัมรู้เลยว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้และหัวเราะออกมา
“เธอได้ดูทีวีบ้างไหมในช่วงนี้? ฉันนะเป็นหนึ่งในคนที่สามารถทำให้เหล่าฮันเตอร์ที่ไม่มีพลังพิเศษกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความสุขได้เลยนะ”
“อ้าาา!!”
บางทียีซาฮเยคงจะต้องมีพรสวรรค์ที่เกี่ยวของกับวิชาดาบเป็นอย่างมากแน่เพราะว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับอีดงจุน ตัวเอกผู้ใช้มูกง
รวมกับกอมฮีคนที่เคยคิดว่าเธออยากจะแต่งงานกับอีดงจุนในอนาคต
หรือก็คือพวกหญิงสาวเหล่านี้เป็นเมล็ดพันธุ์ในเรื่องราวของตัวเอกที่ยังไม่ได้เติบโตเต็มที่
“งั้นแล้ว ทำไมพวกเราไม่ไปจิบแฟและคุยกับสักหน่อยหละ?”
และนับจากตอนนี้ ยูซอดัมตั้งใจที่จะเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์พวกนี้ที่ตัวเอกได้เป็นคนหว่านเมล็ดเอาไว้