เช้าวันรุ่งขึ้น ณัฐณิชาบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน แก้มที่นุ่มชุ่มชื้นหนุนอยู่บนหมอนที่นุ่มสบาย
ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
วินาทีถัดมา ก็ลุกขึ้นมานั่ง ผ้าห่มบนตัวไหลลงไปกองอยู่ที่เอว ณัฐณิชากะพริบตา มองไปทางนาฬิกาแขวนผนังราคาแพงบนผนังอย่างรวดเร็ว ค่อยยังชั่ว ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง…
เธอนึกว่าตัวเองจะไปสายเสียแล้ว
ณัฐณิชาขยี้ตาและลงจากเตียง ไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องอาบน้ำอย่างสะลึมสะลือ ตอนที่วางยาสีฟันและแปรงสีฟันลงจู่ๆก็เห็นตรงอ่างล้างหน้าแปรงสีฟันของธราเทพ…เอ่อ แปรงสีฟันของเธอกับของธราเทพวางไว้ด้วยกัน รู้สึกมีความคลุมเครือเล็กน้อย
ณัฐณิชาวางแปรงสีฟันลงอย่างอารมณ์ดี เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูทันใดนั้นก็ชะงักไป
เธอกำลังคิดอะไรอยู่?
ธราเทพจะเป็นยังไงมันเกี่ยวอะไรกับตัวเองด้วยล่ะ? พวกเขาก็แค่ความสัมพันธ์ตามสัญญา…
ณัฐณิชาสงบอารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจอย่างเงียบๆ แม่บุญสิตากำลังจัดเตรียมอาหารเช้า เห็นณัฐณิชาลงบันไดมา รีบพูดขึ้นว่า “นายหญิง คุณชายไปวิ่งตอนเช้าแล้วค่ะ อีกเดี๋ยวก็กินข้าวได้แล้ว”
“เขาไปวิ่งเหรอคะ?” ณัฐณิชาจับราวบันไดเดินลงมา มองออกไปข้างนอก แต่ว่าไม่เห็นอะไรเลย เธอพูดอย่างไม่คิดว่า “ธราเทพยังมีนิสัยชอบวิ่งตอนเช้าด้วยหรอ?” ผู้ชายคนนี้ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วมั้ง?
เมื่อวานเธอก็ได้ยินว่าพวกกฐินคุยกันเกี่ยวกับธราเทพ บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจที่หายาก อายุยี่สิบต้นๆก็กลายเป็นประธานแกรนด์อิมพีเรียลกรุ๊ปแล้ว เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของเมืองS ถึงขั้นติดอันดับมหาเศรษฐีประเทศ…
เห็นได้ชัดว่าเขางานยุ่งมากขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะหาเวลามาออกกำลังกาย มิน่าล่ะถึงได้มีรูปร่างดีแบบนี้
ณัฐณิชาลูบคาง แม่บุญสิตาเห็นเธอที่เป็นเช่นนี้ คิดว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ “นายหญิง คุณตื่นมาแล้วไม่เจอคุณชาย คิดถึงเขาสินะคะ?”
“แม่บุญสิตาพูดเหลวไหลอะไรคะ!”
ณัฐณิชาหน้าแดงทันที อยากจะโต้เถียงกับแม่บุญสิตา ขณะนั้นธราเทพก็เดินเข้ามาพอดี เห็นณัฐณิชาที่หน้าแดง ก็สงสัยเล็กน้อย
“คุณชายกลับมาแล้วหรอคะ? เรากำลังพูดถึงคุณเลย นายหญิงตื่นมาตอนเช้าไม่พบคุณรีบร้อนใหญ่เลยค่ะ” แม่บุญสิตาท่าทางรู้ดี
ณัฐณิชายิ่งหน้าเหวอขึ้นไปอีก
ธราเทพกลับไม่คิดแบบนั้น เพียงแค่เหลือบมองณัฐณิชานิ่งๆครู่หนึ่ง เห็นใบหูของเธอแดงก่ำชัดเจน เขาพูดอย่างมีมารยาทออกมาประโยคหนึ่ง “ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณกินก่อนละกัน”
“……อ่อ”
ณัฐณิชาเหลือบมองแม่บุญสิตาอย่างงอนๆทีหนึ่ง แม่บุญสิตากลับไปที่ห้องครัวอย่างมีความสุข ณัฐณิชาดึงเก้าอี้ออกและนั่งลงได้สักพัก ธราเทพก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดลงมาแล้ว บนตัวของเขายังได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ ณัฐณิชารับรู้ได้ว่าเขายังอาบน้ำมาด้วย
ทันใดนั้นเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามตัวเองก็ถูกดึงออก ธราเทพนั่งลง เห็นณัฐณิชาท่าทางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนึกว่าเธอยังคงเสียใจกับเรื่องเมื่อวานนี้อยู่
“พวกเขาจัดการเสร็จแล้ว คุณไม่ต้องกังวล” ธราเทพพูด “แล้วก็…หลังจากนี้ผมจะกลับบ้านพร้อมกันกับคุณ”
“ตกลง ขอบคุณค่ะ!”
นี่ ถือเป็นคำสัญญาหรือเปล่า?
ณัฐณิชากำลังคิดถึงเรื่องที่อีกเดี๋ยวจะต้องทำเมื่อไปถึงบริษัท ทันใดนั้นก็ได้ยินคำพูดของธราเทพ มุมปากก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา เธอที่จริงแล้วไม่ถือว่าสวยขนาดที่ถึงกับทำให้ใจเต้น แต่ว่าณัฐณิชาสำหรับเขาก็เปรียบเสมือนกระดาษขาวที่ไม่เคยถูกแปดเปื้อนมาก่อน อ่อนเยาว์ เปล่งประกายสดใส
เห็นเธอยิ้ม ก็เหมือนกับเห็นดวงอาทิตย์ยามเช้าตอนแปดเก้าโมง
ธราเทพถูกรอยยิ้มของเธอทำให้สั่นไหว