แม้ว่าอวิ๋นซูจือจะไม่ได้ติดตามข่าวมากนัก แต่เสียงของเจ้าเมืองเมืองเทียนไห่ ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก จนไม่มีใครเลียนแบบได้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนได้ยินเสียงของเขาก็รู้ว่าเป็นเขา
รูม่านตาของเธอหดลึก จ้องไปที่เซี่ยงเส้าหลง ถ้าเสียงนั้นเป็นเจ้าเมืองเมืองเทียนไห่จริงๆ แล้วคนที่สามารถทำให้เจ้าเมืองปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพเช่นนี้ เขาเป็นถึงใคร?
“ไม่! เป็นไปไม่ได้! สิ่งนี้ไม่เป็นความจริง!”
อวิ๋นซูจือพึมพำ แม้ว่าเธอจะยังไม่เชื่อ แต่น้ำเสียงที่ไม่มั่นใจของเธอ ยืนยันว่าเธอเริ่มไม่แน่ใจในขณะนั้น
กริ๊งๆ ๆ ……
อวิ๋นซูจือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองไปที่ชื่อที่เบอร์โทรนั้น มันเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ติดต่อกับเธอมาเป็นเวลานาน และเขาดำรงตำแหน่งเล็กๆ ในคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
ทันทีที่เชื่อมต่อสายโทร ก็มีเสียงคำรามส่งมาจากอีกฝั่ง “อวิ๋นซูจือ! แม่ง มึงไปยั่วใคร?!”
“เราไม่ได้ติดต่อกันมาสามปีแล้ว วันนี้ผมถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างงงๆ ผมไปขอให้คนอื่นช่วยสืบจึงพบว่า เป็นเพราะคุณไปทำให้บางคนขุ่นเคือง ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับคุณ ทั้งหมดได้รับผลกระทบหมด!”
“อวิ๋นซูจือ!”
“มึงทำให้กูอยู่ไม่สุข มึงก็อย่าได้คิดว่าตนเองจะได้อยู่เป็นสุข!”
“ได้ยินมาว่าคฤหาสน์เจ้าเมืองและกองทหารรักษาการณ์ในเมือง กำลังรวมตัวกันเพื่อจัดการกับคุณ คุณทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคือง รอตายเถอะ!”
โทรศัพท์ถูกวางสายโดยตรง อวิ๋นซูจือยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ดวงตาของเธอว่างเปล่า
ทั้งหมดนี้ เป็นความจริงหรือ?
“คุณชายเซี่ยง!”
ทันใดนั้น เธอก็คิดได้อย่างฉับพลัน ใบหน้าของเธอก็สดใสราวกับดอกเบญจมาศ สายตาที่มองดูเซี่ยงเส้าหลง เป็นประกาย และเสียงของเธอก็แสดงความเคารพอย่างยิ่ง“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณ ฉันก็รู้ว่าคุณต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดา เหมาะสมกับเหยนเหยนของเรามาก!”
“กับเรื่องของพวกคุณสองคน คนเป็นแม่อย่างฉัน ไม่มีความคิดเห็นต่างเลย!”
“เอาแบบนี้ละกัน แม่จะเลือกวันที่ดีให้พวกคุณ และแจ้งญาติและเพื่อนๆ เพื่อที่พวกคุณจะได้จัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต!”
ใบหน้าของอวิ๋นซูจือเปลี่ยนไปเร็วกว่าการพลิกหนังสือ แม้ว่าจะไม่ชัดเจนสถานะที่แท้จริงของเซี่ยงเส้าหลง แต่เธอก็สามารถสังเกตุเห็นได้จากสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ ขาของเซี่ยงเส้าหลงนั้น ความหนาไม่ธรรมดา!
ถ้ามีลูกเขยอย่างเขา อนาคตเธออยู่ในเมืองเทียนไห่ ไม่ว่าจะทำอะไรมีใครกล้าขวางหรือ?
แต่ว่าการจินตนาการนั้นสวยงามเสมอ เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้ตามใจนิสัยแย่ๆ แบบนี้ของเธอ ส่งเสียงอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “เรื่องเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับคุณหรือ?”
สีหน้าของอวิ๋นซูจือเริ่มน่าเกลียด ลูกเขยเต่าทองเช่นนี้ เธอจะปล่อยให้หลุดไปต่อหน้าต่อตาได้ไง
“ลูกเขย ฉัน…”
ซู!
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงเย็นชาลงทันที และเสียงของเขาก็เย็นชา “คำพูดของผม ไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สอง เอาทะเบียนบ้านมาให้ผม!”
“มิฉะนั้น ผลสุดท้ายคุณต้องรับมันเอง!”
การจ้องมองที่กระหายเลือด อวิ๋นซูจือตัวสั่นไปทั้งตัว และเธอสามารถรู้สึกได้ว่า ถ้าเธอกล้าที่จะพูดไม่อีก เซี่ยงเส้าหลงจะไม่ปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน!
เขาหยิบสมุดทะเบียนบ้านออกมา ส่งให้เซี่ยงเส้าหลงอย่างสั่นๆ เซี่ยงเส้าหลงมองไปที่เธออย่างสบายๆ “เห็นแก่ที่คุณได้เลี้ยงดูเหยนเหยนมานานกว่า 20 ปีแล้ว ผมจะไว้หน้าครั้งสุดท้ายให้คุณ!”
“ร้านอาหารตะวันตกของคุณ ผมจะเหลือไว้ให้คุณ หลังจากนี้ เหยนเหยนและเยนเอ๋อ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและจากไป ทิ้งให้อวิ๋นซูจือหน้าเหม่อ
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เสียงของผู้จัดการสวีพูดระมัดระวัง “เจ้านาย เมื่อกี้ผมได้รับโทรศัพท์ ตำรวจไปแล้ว สำนักภาษีก็ไม่มีแล้ว สำนักงานคลุมเพลิงก็บอกแล้ว ตอนนี้ยังไม่ต้องปิดปรับปรุง”
ตุ่ม!
ในที่สุดอวิ๋นซูจือก็ยืนไม่ไหว เข่าทรุดลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจภายหลัง
เธอเพิ่งรู้ว่า ลูกเขยเต่าทองคำที่เธอวิ่งไล่ตามมาครึ่งชีวิต กลับหลุดไปต่อหน้าต่อตาตนเองแบบนี้!
แต่เมื่อกลับไปถึงบ้าน อวิ๋นเสว่เหยนผู้ซึ่งถือสมุดทะเบียนบ้านไว้ มองเซี่ยงเส้าหลงอย่างเหลือเชื่อด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณเอาสมุดทะเบียนบ้านมาได้จริงๆ หรือ?
“คุณทำได้อย่างไร?”
เซี่ยงเส้าหลงแสยะยิ้ม“กล่อมด้วยความรัก พูดให้เข้าใจมันด้วยเหตุผล ก็ได้มันมาละ”
ฟังคำพูดที่ดูสบายๆ อวิ๋นเสว่เหยนไม่เชื่อ”จริงเหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า “แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมจะโกหกคุณได้ไงล่ะ!”
อวิ๋นเสว่เหยนส่งเสียงอย่างเย็นชาสองที แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อว่ามันจะง่ายอย่างที่เซี่ยงเส้าหลงกล่าว แต่ยังไงก็ได้ทะเบียนบ้านมาแล้ว ปัญหาเรื่องที่ไปโรงเรียนของเยนเอ๋อก็ได้แก้ไขแล้ว!
“เร็วเข้า พวกเราไปตอนนี้กันเถอะ!”
“ได้ยินมาว่าโรงเรียนอนุบาลซิงกวางจำกัดรับนักเรียน ถ้าไปช้า เกรงว่าจะไม่ได้ที่เรียน!”
ครอบครัวสามพ่อแม่ลูก ไม่ทันกินข้าวกลางวัน รีบไปที่โรงเรียนอนุบาลซิงกวาง เมื่อเห็นฉากนี้ เซี่ยงเส้าหลงก็ตกใจ สุดยอด ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา คิวยาวไกลถึงห้าสิบเมตร แม้เหงื่อไหลไม่หยุดแต่ก็ไม่มีใครหลบไป
“ทำไมคนเยอะจัง”
“ช่วยไม่ได้ พ่อแม่คนไหนที่ไม่ต้องการให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่ลูก โรงเรียนอนุบาลซิงกวางถือได้ว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลที่ดีที่สุดในเมืองหนาน แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากที่แข่งขันกัน!”
“เห้อ!สงสารยิ่งใจพ่อแม่แด่ลูกเอย…”
“หืม? พวกคุณจะไปไหน?”
อวิ๋นเสว่เหยนจูงมือเยนเอ๋อ และพูดอย่างมั่นใจ “ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่เช่นนี้ คุณคงไม่อยากให้เยนเอ๋อต้องไปทนทุกข์ทรมานใช่ไหม?”
“คุณต่อแถวอยู่ที่นี่ ฉันจะพาเยนเอ๋อไปกินอะไรหน่อย เอาแบบนี้ละกัน!”
จากนั้น ขณะที่เซี่ยงเส้าหลงตะลึง แม่ลูกสองคน เดินเข้าไปในร้านอาหารตะวันตกที่อยู่ข้างๆ พวกเขา และตรงหน้าหน้าต่างใสสูงจากพื้นจรดเพดาน เห็นได้ชัดเจนว่าทั้งสองคนกำลังดื่มโค้กและอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ
“เฮ้อ!ผู้ชายหนา…”
ถอนหายใจเบาๆ นายพลน้อยซึ่งเพียงพอที่จะยืนบนจุดสูงสุดของโลกได้ เริ่มต้นอาชีพการต่อคิวที่ยากเข็ญเช่นนี้
เริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน ในที่สุดก็ถึงคิวเซี่ยงเส้าหลง
และอวิ๋นเสว่เหยนแม่ลูก ก็เดินมาในเวลาที่เหมาะสม ในสำนักงาน อวิ๋นเสว่เหยนจูงมือเยนเอ๋อเดินไปหาครูผู้หญิงในวัยสามสิบ พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “สวัสดีค่ะคุณครู ฉันต้องการช่วยลูกสาวของฉันลงทะเบียนสมัครเรียน!”
ครูผู้หญิงดูเฉยเมย เหลือบมองสองแม่ลูกเล็กน้อย พร้อมแววตาดูถูกเหยียดหยามใต้ตา โบกมือและพูดอย่างรำคาญ “คุณมาช้าไป โควต้าการลงทะเบียนสำหรับปีนี้เต็มแล้ว!”
“เต็มแล้ว?เป็นไปได้ยังไง!”
อวิ๋นเสว่เหยนเริ่มกังวล อวิ๋นเยนเอ๋อแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ เรียนอนุบาลตอนอายุห้าขวบถือว่าช้ากว่าเพื่อนแล้ว ถ้าล่าช้าไปอีกปี อวิ๋นเยนเอ๋อจะถูกทิ้งให้ห่างไกลจากเด็กในวัยเดียวกัน
“ก่อนมาที่นี่ฉันได้ไปถามมาแล้ว คราวนี้ชั้นอนุบาลรับสมัครทั้งหมด 500 คน การลงทะเบียนเริ่มตอน 8 โมงเช้าของวันนี้เท่านั้น นี่แค่วันเดียว โควต้าจะเต็มได้ยังไง?”
ผับ!
ครูสาวทุบเอกสารในมือของเธอลงบนโต๊ะ และมองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ“คุณหมายความว่ายังไง?”
“คุณเป็นครูหรือฉันเป็นครู?”
“ฉันบอกว่าเต็มแล้วก็คือเต็มแล้ว!”
“ไป ไป!”
“อย่าเสียเวลาฉันเลิกงาน!”
เซี่ยงเส้าหลงที่รออยู่ที่ประตูเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเดินไปถามเบาๆ “เกิดอะไรขึ้น?”
อวิ๋นเสว่เหยนกัดริมฝีปากของเธอ”เรามาสายแล้ว โควต้าเต็มแล้ว”
เซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เต็มแล้ว? เร็วขนาดนี้เลย?งั้นเราค่อยคิดวิธีอื่นดูกันเถอะ?”
อวิ๋นเสว่เหยนส่ายหัวเล็กน้อย “โรงเรียนอนุบาลซิงกวางเป็นโรงเรียนของรัฐ การลงทะเบียนเปิดเผยและยุติธรรมมาโดยตลอด มาก่อนได้ก่อน นอกจากนั้น ไม่สามารถใช้เส้นสาย”
ทันทีที่เสียงลงจอด เสียงแหลมก็ดังขึ้น “ครูหลี่!”
หลังจากนั้น เห็นผู้หญิงที่ประดับด้วยเพชรพลอย นำเด็กชายตัวเล็กอ้วนท้วนและเดินเข้ามาอย่างดุร้าย
ผู้หญิงคนนั้นมองดูอวิ๋นเสว่เหยนพวกเขาสามคนจางๆ จากนั้นดวงตาของเธอก็ฉายแววเย่อหยิ่ง จากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะ วางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วยิ้ม“ครูหลี่ วันนี้ฉันไปเที่ยวที่ห้างมา และฉันเห็นกระเป๋าใบนี้พึ่งออกมา แค่เห็นฉันก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณมาก ดังนั้นฉันจึงซื้อมันมาให้คุณ”
ครูหลี่มองไปที่แบรนด์ชาแนล ทันใดนั้นใบหน้าที่เฉยเมยของเธอยิ้มเป็นดอกไม้ “คุณหญิงเฉียน คุณนะคุณ มาก็มาเถอะ ทำไมต้องไปฟุ่มเฟือยด้วยล่ะ ฉันรู้สึกเกรงใจจริงๆ ”
แม้จะพูดแบบนี้ แต่การเคลื่อนไหวในมือของเธอไม่คลุมเครือเลย เก็บกระเป๋าไว้ในมืออย่างรวดเร็ว และชอบมากจนไม่สามารถวางมันลงได้
คุณหญิงเฉียนยิ้มและกล่าวว่า “ก็แค่กระเป๋าราคาไม่กี่หมื่น ก็ไม่ใช่ของมีค่าอะไร มีอะไรน่าเกรงใจล่ะ”
หลังจากพูดจบ บทสนทนาก็เปลี่ยนไป “ครูหลี่ คุณว่า เรื่องที่เสี่ยวซ่วายของเราเข้าเรียน…”
“โอ้ย ลูกของคนกันเอง แน่นอนฉันใส่ไว้ในใจ!”
“ฉันไม่เพียงแต่จองโควต้าการลงทะเบียนสมัครเรียนของเสี่ยวซ่วายไว้ แต่ยังจองคลาสพิเศษของโรงเรียนอนุบาลซิงกวางของเราไว้สำหรับเขาด้วย!”
“แหม!ขอบคุณมากนะคะครูหลี่ ร้านเสริมสวยดีๆ เปิดเมื่อสองวันก่อน ถ้าครูหลี่ว่างเราค่อยไปด้วยกันเถอะ”
“ได้ๆ ……”
“โทษทีนะ ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะ!”
เมื่อฟังทั้งสองพูดกันอย่างสนุกสนาน อวิ๋นเสว่เหยนก็อดไม่ได้ เอ่ยเสียงขัดจัง มองไปที่ครูหลี่ และพูดอย่างเย็นชาว่า “ครูท่านนี้ คุณเพิ่งบอกว่าโควต้าเต็มแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ตามกฎของโรงเรียนอนุบาลซิงกวาง ห้ามใครจองหมายเลขลงทะเบียนเรียนก่อน และเมื่อกี้เราไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนี้และลูกของเธอเข้าแถวเลย คุณได้เลขที่ลงทะเบียนมาได้อย่างไร?”
“นอกจากนี้ ฉันได้ยินมาว่าโรงเรียนอนุบาลซิงกวางมีชั้นเรียนพิเศษ รับนักเรียนเพียง 20 คน จำเป็นต้องทำการทดสอบกับเด็กที่ลงทะเบียนทั้งหมด นักเรียน 20 คนที่มีคะแนนรวมดีที่สุด จึงจะมีสิทธิ์เข้าเรียนห้องนี้ เทอมนี้เวลาเรียนยังไม่ถึงเลย เด็กคนนี้เข้าร่วมการประเมินชั้นเรียนพิเศษตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลังจากสอบถามไป ครูหลี่มองไปที่อวิ๋นเสว่เหยนหัวจรดเท้า แล้วยิ้มอย่างดูถูก”คุณเป็นใคร? ถึงมีสิทธิ์มาสอบถามฉัน?”
“กฎเกณฑ์หรือ?นี่ ฉันนี่แหละ คือกฎเกณฑ์!”
“ใช่ๆ ! เป็นแค่พลเมืองตัวน้อยๆ มาพูดเรื่องกฎเกณฑ์ที่นี่ ช่างตลกสิ้นดี!”
เสียงของคุณหญิงเฉียนดังขึ้น และน้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยการเสียดสี
“คุณ…คุณโกงอย่างโจ่งแจ้งเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว!”
“ไม่กลัวฉันจะไปฟ้องคุณหรือไง?”
“ฟ้อง?”
ครูหลี่ยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ไปสิ!”
“รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษาเป็นพี่ชายของฉัน คุณฟ้องฉัน คุณจะทำอะไรฉันได้?”
“ไม่ดูเลยว่าตัวเองเป็นใคร โรงเรียนอนุบาลซิงกวางให้ลูกอย่างพวกคุณสามารถเข้ามาเรียน ถือว่าเป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังจะมาคิดว่าตนเองสำคัญเหรอ!”
“คุณรู้ไหมว่าสถานะของเฉียนไห่หลิงคืออะไร? อย่างพวกคุณเนี่ยนะยังจะไปเปรียบเทียบกับเขา?”
“บอกตามตรงนะ มีโควต้ามากมาย แต่เกี่ยวไรกับคนจนอย่างพวกคุณ?”
“พวกคุณมีค่าควรที่จะกินของเหลือเพียงปลายนิ้วของคนใหญ่คนโตเหล่านั้น เราใจดีและเต็มใจที่จะให้โควต้าแก่คุณ คุณต้องรู้สึกขอบคุณเรา ถึงไม่ยอม พวกคุณก็ต้องทนไว้ เข้าใจไหม? !”
“คุณ คุณ……”
อวิ๋นเสว่เหยนชี้ไปที่ครูหลี่ ตัวสั่นด้วยความโกรธ
“อ๊ะ! เจ็บ!”
ทันใดนั้น อวิ๋นเยนเอ๋อก็กรีดร้องออกมา เมื่อมองกลับไป เด็กชายชื่อเสี่ยวซ่วายกำลังดึงผมของอวิ๋นเยนเอ๋ออย่างแรง หัวเราะอย่างสนุกสนาน
“เยนเอ๋อ!”
อวิ๋นเสว่เหยนกรีดร้องและผลักเสี่ยวซ่วายออกไป ร่างที่อ้วน ล้มลงและทันใดนั้นก็เริ่มร้องไห้
“ลูกชาย!”
คุณหญิงเฉียนรีบวิ่งไป เสี่ยวซ่วายร้องไห้และชี้ไปที่อวิ๋นเสว่เหยน”แม่! ตเธอ! ตีเธอ!”
“โอเค ลูกชายไม่ร้องไห้ แม่จะทุบตีเธอให้ตายเลย!”
ขณะที่พูด ยืนขึ้นอย่างโกรธเคือง ยกมือขึ้นและโบกมือลงไปที่อวิ๋นเสว่เหยนอย่างดุเดือด!
“อีกะหรี กล้าตบลูกฉัน ฉันจะฆ่าคุณ!”
มือยังอยู่ห่างจากใบหน้าอันสวยงามของอวิ๋นเสว่เหยนสามนิ้ว เขาถูกข้อมือหนาจับไว้ จากนั้นก็ตบกลับไป ผัวะ!
เสียงดังกึกก้องกังวานไปทั่วสำนักงาน
มีลายนิ้วมือห้าอันที่แก้มขวาของคุณหญิงเฉียน!
เธอปิดหน้าและมองเซี่ยงเส้าหลงอย่างเหลือเชื่อ “คุณ… คุณกล้าตีฉัน?”
เซี่ยงเส้าหลงมองดูเธออย่างเย็นชา “ใบหน้าที่โหดร้ายแบบนี้ มีไว้เพื่อตบตีไม่ใช่เหรอ?”