“คุณหญิงเฉียน คุณ……คุณไม่เป็นไรนะคะ?”
ครูหลี่ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาและก้าวไปข้างหน้าเพื่อเอ่ยถาม
“พวกแก!พวกแกรอดูเลยนะ!” คุณหญิงเฉียนร้องตะโกนเสียงแหลม “ครูหลี่ ฉันต้องการให้ลูกสาวพวกเขาไม่สามารถปรากฏตัวที่ซิงกวางได้อีก……ไม่ คือไม่ว่าอนุบสลไหนของเมืองเทียนไห่ก็ตาม!”
ครูหลี่ชำเลืองมองพวกเขาแล้วยิ้มเยาะ “มันง่ายตาย แค่ให้พี่ชายฉันเปลี่ยนแปลงประวัติของเธอสักหน่อย โรงเรียนอนุบาลของรัฐบาลทั้งหมดในเมืองเทียนไห่จะต้องปฏิเสธรับเธอเข้าเรียนอย่างแน่นอน!”
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
อวิ๋นเสว่เหยนทั้งโกรธทั้งวิตกกังวล ถ้าหากเป็นอย่างนี้จริงๆ งั้นเส้นทางการศึกษาของอวิ๋นเยนเอ๋อต่อจากนี้จะต้องได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างแน่นอน
“คุณคิดว่า การตบคุณหญิงเฉียนครั้งนี้มันไม่มีผลอะไรงั้นเหรอ?”
ครูหลี่มองเซี่ยงเส้าหลงอย่างบึ้งตึง “ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการตบครั้งนี้คือโรงเรียนของรัฐทั้งหมดในเมืองเทียนไห่จะปิดประตูปฏิเสธลูกสาวของคุณ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย อนาคตของเธอจะไร้ซึ่งเป้าหมายไปวันๆอยู่ในโรงเรียนเกรดต่ำเหล่านั้น จากนั้นก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนอกระบบสักแห่งเพื่อเอาวุฒิปลอม สุดท้ายแล้วก็จะต้องมีชีวิตที่ยากลำบากเป็นชนชั้นล่างสุดในสังคมเหมือนกับพวกคุณ!”
“ฮ่าๆ……”
มองดูรอยยิ้มที่โหดร้ายของเธอแล้ว สายตาของเซี่ยงเส้าหลงก็เริ่มหม่นมืดและหนาวเหน็บ “นี่คือสิ่งที่คนเป็นครูควรจะพูดงั้นเหรอ?”
“ดีมาก คุณทำให้ผมได้มีความรู้มากขึ้นจริงๆ!”
“ถ้าคนขี้ประจบสอพลออย่างคุณได้อยู่ในแวดวงการศึกษาต่อไป มันจะเป็นการดูถูกนักเรียนทั้งหมดของเมืองเทียนไห่!”
พูดจบ เขาก็กดโทรออก “พาคนของคุณมาที่โรงเรียนอนุบาลซิงกวาง ในสิบนาที!”
เมื่อวางสายครูหลี่มองดูเขาราวกับเป็นคนโง่ “คุณไม่ได้รายงานฉันจริงๆใช่ไหม?”
“โอ๊ย! ฉันกลัวมากจริงๆเลย!”
พูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมา หลังจากกดเบอร์และต่อสายติดแล้ว ก็พูดเสียงออดอ้อนว่า “พี่ชาย มีคนมาก่อเรื่องที่โรงเรียนอนุบาลและต้องการรายงานฉันให้สำนักงานการศึกษาของพวกคุณไล่ฉันออก จะทำยังไงดีคะ?”
อีกด้านของโทรศัพท์ “อะไรนะ?!”
“ฉันจะดูว่าใครมันกล้าไล่น้องสาวฉัน!”
“รอก่อนนะ ฉันกำลังจะไปที่นั่น!”
ผ่านไปไม่นาน ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบถึงหกสิบปีได้นำคนสองคนมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อเหลือบมองเห็นเซี่ยงเส้าหลงยืนเอามือไขว้หลัง ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้า โค้งคำนับเล็กน้อยและพูดว่า “ขอโทษครับ คุณคือคุณ……คุณเซี่ยงใช่ไหมครับ?”
เซี่ยงเส้าหลงไม่แม้แต่จะมองเขาสักแว้บหนึ่ง และพูดอย่างราบเรียบว่า “การศึกษาของเมืองเทียนไห่ ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ!”
เสียงนั้นไม่ดัง แต่ร่างของชายคนนั้นลดต่ำลงไปอย่างหนัก บนหน้าผากมีเหงื่อออกไม่หยุด “ครับ ……เป็นเพราะผมจัดการไม่ทั่วถึง ขอให้ คุณเซี่ยงยกโทษด้วย!”
หลังจากพูดจบ เขาหันศีรษะไปมองครูหลี่แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ไล่เธอออกจากสถานภาพการเป็นครูทันทีและแจ้งทั้งเมืองว่าอุตสาหกรรมด้านการศึกษาจะไม่มีวันเข้ารับเธอเข้าทำงานอีก!”
“คุณรู้ไหมว่าฉันคือใคร กล้าไล่ฉันออกงั้นเหรอ?!”
ทันใดนั้นครูหลี่กรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมาและมองเขาขึ้นๆลงๆทั่วทั้งตัว จากนั้นจึงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ปูนนี้แล้ว ยังต้องวิ่งวุ่นทำงานด้วยตัวเองเพียงเพราะการรายงานทางโทรศัพท์ น่ากลัวว่าจะเป็นเสมียนตัวเล็กๆสินะ แล้วมาเสแสร้งทำเป็นหัวหน้าอะไรสักอย่างใส่ฉัน!”
“ฉันจะบอกคุณไว้นะ รองหัวหน้าแผนกหลี่คือพี่ชายของฉัน คำพูดของฉันไม่เพียงแต่จะทำให้คุณไม่สามารถไล่ฉันออกได้ แม้แต่คุณก็จะปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วย!”
“ในวัยนี้ บอกตรงๆเลยนะอยู่จนเกษียณเพื่อรับเงินบำนาญไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ไม่ดูว่าตัวเองเป็นอะไร แล้วยังกล้ามาอวดเก่งต่อหน้าฉันงั้นเหรอ?”
“คุณ! ……”
ภายใต้อุตสาหกรรมการศึกษาของเมืองเทียนไห่มีขยะอย่างคุณ จะคูควรกับความเป็นครูได้ยังไง!”
“ผมบอกคุณเลยนะ วันนี้คุณถูกตัดสินไล่ออก!”
“ไม่ว่าใครจะมาก็ปกป้องคุณไม่ได้!”
“ผมกลับอยากจะดูว่าใครกล้าไล่น้องสาวผมออก!”
เสียงที่เต็มไปด้วยพลังและความกระฉับกระเฉงดังขึ้น จากนั้นชายตัวอ้วนก็เดินเชิดหน้ายกเท้าสูงอย่างมั่นใจในตัวเองเข้ามาในห้องเรียน
ทันทีที่ครูหลี่เห็น ก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันที “พี่ค่ะ ไอ้แก่หนังหนาคนนี้จะไล่ฉันออกค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เห็นพี่อยู่ในสายตาด้วย!”
“เฮอะๆ……”
ชายผู้นั้นค่อยๆหันศีรษะกลับมาและมองตรงไปยังคนที่เข้ามา “รองหัวหน้าแผนกหลี่ คุณนี่มีอำนาจยิ่งใหญ่จริงๆเลยนะ!”
มองเห็นคนที่มาอย่างชัดเจนแล้ว รองหัวหน้าแผนกหลี่ก็ยืนนิ่งงันอยู่กับที่ทันที
“พี่คะ พี่ดูสิว่าตาแก่คนนี้หยิ่งยโสขนาดไหน!ไม่ไว้หน้าพี่เลย!”
“พี่ให้เขาคุกเข่าขอขมา ไม่อย่างนั้นก็ ไล่เขาออกไปเลยและเขาจะไม่ได้รับเงินบำนาญแต่เหรียญเดียว!”
เพี้ยะ!
ชายหนุ่มโบกมือตบหน้าแล้วจ้องมองเธออย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็วิ่งไปหาชายคนนั้นด้วยท่าทางประจบสอพลอ “หัวหน้าแผนก คุณ……คุณอย่าโกรธเลยนะครับ น้องสาวของผมเป็นไข้สูงนิดหน่อย ที่พูดมากเมื่อกี้นี้ มันเป็นเรื่องไร้สาระเพราะเลอะเลือนสับสนแน่ๆ”
ครูหลี่อ้าปากค้างในทันที ทันใดนั้นราวกับคิดอะไรได้บางอย่าง แล้วมองไปทางเซี่ยงเส้าหลงด้วยสายตาเหลือเชื่อ!
ถ้าหากคนที่มาคือหัวหน้าแผนกสำนักการศึกษา อย่างนั้นแล้วคนที่แค่โทรศัพท์แล้วสามารถเรียกผู้อำนวยการมาได้จะมีสถานะอะไร?
ในเวลานี้ เสียงราบเรียบของเซี่ยงเส้าหลงได้ดังขึ้น “เหยนเหยน หัวหน้าแผนกสำนักการศึกษามาแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ให้เขาพิจารณาตัดสินไม่ดีกว่าเหรอ?”
อวิ๋นเสว่เหยนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ออกมาอย่างละเอียด
หลังจากฟังจบแล้ว หัวหน้าแผนกก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “มันเกินไปแล้วจริงๆ!”
“การมีครูแบบนี้อยู่ในวงการการศึกษา มันเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง!”
“ตามบทพื้นฐานการตัดสินตามระเบียบดั้งเดิม ให้เพิกถอนใบรับรองมาตรฐานวิชาชีพครูของครูหลี่ ส่วนรองหัวหน้าแผนกหลี่ต้องยุติการทำงานและทำการสอบสวน หากมีพฤติกรรมเล่นพรรคเล่นพวกและทุจริตต่อหน้าที่ใดๆก็ตามระหว่างดำรงตำแหน่ง ให้ทำการลงโทษอย่างเคร่งครัด!”
ในเวลานี้ สองคนพี่น้องเหมือนกับไก่โต้งที่พ่ายแพ้การต่อสู้ อ่อนปวกเปียกอยู่บนพื้น
จากนั้น สายตาของผู้อำนวยการหันมาทางคุณหญิงเฉียน “คุณสมบัติของนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การรับสมัครของโรงเรียนอนุบาลซิงกวางก็ให้ยกเลิกการรับเข้าเรียน!”
“คุณนายท่านนี้ ถ้าหากคุณอยากให้ลูกเข้าเรียน ก็ทำตามกฎระเบียบของโรงเรียนรัฐ ต่อคิวตามลำดับ และทำการประเมินครบทุกขั้นตอนด้วย!”
แปะๆๆ!!!
คุณหญิงเฉียนปรบมือและมองไปที่เซี่ยงเส้าหลง “คิดไม่ถึงเลยว่า ฉันมองแกต่ำไปจริงๆ”
“แม้แต่หัวหน้าแผนกสำนักการศึกษายังสามารถเชิญมาได้ ดูเหมือนว่า แกจะแตกต่างจากพวกชนชั้นต่ำระดับล่างพวกนั้น อย่างน้อยที่สุด แกก็เป็นพวกชั้นต่ำที่แข็งแรงมากกว่านิดหน่อย!”
จากนั้น ท่าทางการแสดงออกก็เปลี่ยนเป็นชั่วร้ายทันทีทันใด “แต่ว่าคนชั้นต่ำก็เป็นคนชั้นต่ำเสมอไป จุดจบที่กล้ามาต่อสู้กับฉัน ไม่ใช่เรื่องที่คนชั้นต่ำตัวเล็กๆจะรับผิดชอบได้!”
“ส่วนคุณน่ะเหรอ?”
สายตาของคุณหญิงเฉียนหันไปทางหัวหน้าแผนกแล้วหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยาม “แค่หัวหน้าแผนกสำนักการศึกษาเล็กๆคนหนึ่ง นี่คิดว่าคนจะให้ความสำคัญกับตัวเองจริงๆเหรอ?”
“และก็ไม่มองว่าตัวเองมีสถานะอะไร แล้วจะให้ลูกชายของฉันไปเข้าแถวรวมอยู่กับพวกคนชั้นต่ำเหล่านั้นงั้นเหรอ?”
“ผู้ปกครองท่านนี้!ระวังคำพูดของคุณด้วย!”
หัวหน้าแผนกกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาด “อย่าให้ความไม่รู้ของคุณทำให้ลูกๆของคุณต้องพลอยมาพัวพันไปด้วย!”
“ฮ่าๆ……ตัวพวกแกเองนั่นแหละที่ไม่คู่ควร!”
“ด้วยสถานะของลูกชายฉัน อยากจะเข้าโรงเรียนอนุบาลไหนในเมืองเทียนไห่ก็ย่อมได้!”
“การประเมินบ้าบออะไร เป็นแค่หัวหน้าแผนกเล็กๆไม่มีคุณสมบัติในการตัดสินใจหรอกนะ!”
“เอาล่ะ!ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกคุณด้วยเช่นกัน ตราบใดที่ผมยังอยู่ ถ้าลูกของคุณไม่เข้าสู่กระบวนการสมัครเรียนก็จะไม่มีทางเข้าเรียนโรงเรียนใดๆได้ๆ!”
“ถ้าอย่างนั้นหัวหน้าแผนกท่านนี้ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว คุณหญิงเฉียนมีความสุขทันทีแล้วบิดเอวเดินไปหาคนที่พูดและเอ่ยด้วยใบหน้าโศกเศร้าเสียใจ “ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะคะ ถ้ามาช้ากว่านี้สักหน่อย ภรรยาและลูกของคุณจะต้องถูกคนรังแกจนตาย!”
เมื่อเห็นรอยแดงบนหน้าของคุณหญิงเฉียน ชายคนนั้นก็มีประกายเย็นวาบอยู่ในดวงตาของเขา แล้วกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมและเฉียบขาด “ฉันอยากเห็นว่าในเมืองหนานแห่งเทียนไห่ ใครกันที่มันกล้ารังแกภรรยาของฉัน!”
เขาเบนสายตามองไปทางหัวหน้าแผนกสำนักการศึกษา “หัวหน้าแผนกโจวนั่นคุณใช่ไหม?”
ทันใดนั้นสีหน้าของหัวหน้าแผนกโจวเปลี่ยนเป็นลำบากใจเล็กน้อย ผู้ที่มาทำเสียงดูหมิ่นดูแคลน “ หัวหน้าแผนกโจว อายุก็ไม่น้อยแล้ว การบริหารจัดการเองต่างๆเลยสับสนมึนงงไปบ้าง เช่นเดียวกับการแสดงออกเมื่อกี้นี้ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกสำนักการศึกษาไม่เหมาะสมกับคุณอีกต่อไปแล้ว!”
“กลับไปจัดการตามขั้นตอนแล้วส่งมอบให้รองหัวหน้าแผนกหลี่รับตำแหน่งต่อจากคุณ!”
เมื่อได้ยินคำนี้สีหน้าของรองหัวหน้าแผนกหลี่เดิมทีที่ราวกับขี้เถ้า บนหน้าก็มีความรู้สึกเปี่ยมล้นขึ้นมาทันทีแล้ววิ่งเหยาะๆไปจนถึงด้านข้างของชายผู้นั้นแล้วพยักหน้าหน้าโค้งคำนับ “ขอบคุณครับสารวัตรเฉียน ต่อจากนี้ผมหลี่กางจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคุณ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ผมจะไม่พูดอะไรเลยทั้งนั้น!”
“การแต่งตั้งข้าราชการสามารถทำได้ตามใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ฮึ!ในพื้นที่ของฉัน ฉันจะให้ใครขึ้น คนนั้นก็ขึ้นได้ ฉันจะให้ใครลง คนนั้นก็ต้องลงไป!”
พูดจบก็มองเขาด้วยสายตาจองหอง “เช่นเดียวกัน ฉันอยากจะให้ใครตาย ใครคนนั้นก็ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้!”
หัวหน้าแผนกโจวเดินเข้ามาแล้วกระซิบว่า “เมืองเทียนไห่แบ่งออกเป็นสี่เมือง เหนือใต้ออกตก เขาคือสารวัตรเฉียนไห่เป็นผู้นำสูงสุดของเมืองหนาน!”
ผู้ว่าราชการเป็นรองพียงแค่เจ้าเมือง
“สารวัตรเฉียน ฟังจากที่คุณพูดแล้ว ถึงได้รู้ว่าคุณคือผู้ให้ความคุ้มครองประชาชน ถ้าไม่รู้ ผมยังจะคิดว่าคุณเป็นโจรที่ยึดครองที่ดินบนเขาตั้งตนเป็นใหญ่!”
“เย่อหยิ่งขนาดนี้ หรือว่าคุณไม่กลัวใช่ไหม?”
“กลัวงั้นเหรอ?”
“ฮ่าๆ ……”
เฉียนไห่หัวเราะเสียงดังลั่น “ในพื้นที่ของฉัน ฉันต้องกลัวใครล่ะ? คนชั้นต่ำอย่างแกงั้นเหรอ?”
“ตอนนี้คนที่ควรกลัวไม่ใช่ฉัน แต่เป็นแก!”
เฉียนไห่ชี้ไปที่เซี่ยงเส้าหลง “รอยฝ่ามือบนหน้าของเมียฉัน แกเป็นคนตบใช่ไหม?”
“หรือว่าเธอไม่สมควรโดนล่ะ?”
เฉียนไห่ตะลึง ฉันเคยคิดว่าให้ตายยังไงเซี่ยงเส้าหลงก็ไม่ยอมรับ แล้วก็คิดด้วยว่าเซี่ยงเส้าหลงจะต้องร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจและสารภาพ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะยอมรับออกมาด้วยวิธีที่หยิ่งผยองขนาดนี้!
“ดี!”
“ดีมาก!”
“นานแล้วที่ไม่ได้เจอคนกล้าหาญขนาดนี้!”
เฉียนไห่หรี่ตาลงโดยมีท่าทางของผู้มีอำนาจเหนือกว่า “ตอนที่อยู่ในคุก ฉันหวังว่าแกยังจะมีอารมณ์เย่อหยิ่งแบบนี้อยู่นะ!”
“สารวัตรเฉียน!”
ในตอนนี้เองหัวหน้าแผนกโจวเอ่ยปากว่า “ผมขอแนะนำว่าอย่าทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจภายหลัง!”
หัวหน้าแผนกโจวรู้ถึงตัวของเซี่ยงเส้าหลงอย่างลึกซึ้ง จึงได้เอ่ยคำเตือนที่”ปรารถนาดี” ออกไป
“เสียใจภายหลังงั้นเหรอ? ฮ่าๆ……”
“ฉันเฉียนไห่ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้ว่า เสียใจภายหลังคืออะไร!”
“ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับไอ้หมอนี่คืออะไร ถึงได้ทำให้คุณปกป้องเขาขนาดนี้ แต่ว่าตัวคุณ หัวหน้าแผนกโจว ในสายตาของผมก็เป็นแค่ทหารกะโหลกกะลาคนหนึ่งเท่านั้น แล้วคุณมีคุณสมบัติอะไรจะมาปกป้องเขาได้?”
เฉียนไห่ทะนงตนยิ่งขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วสูงใส่เซี่ยงเส้าหลง “วันนี้ ฉันจะทำให้แกรู้ว่าเป็นศัตรูกับฉันเท่ากับทำให้ยมบาลต้องขุ่นเคือง!”
“ฉันไม่รังแกแกหรอกแกตบภรรยาของฉัน ฉันต้องการมือของแกข้างหนึ่ง!”
“ทางที่ดีแกควรให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นแล้ว ……”
“ไม่อย่างนั้นแล้ว คุณจะทำยังไง สารวัตรเฉียน!”
มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นแล้วหันไปตามเสียง เมื่อเห็นผู้มาเยือนอย่างชัดเจน ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของเฉียนไห่แข็งทื่ออยู่กับที่ทันที!