ในเวลานี้หญิงสาวทั้งสองก็ได้สติคืนกลับมาจากอาการช๊อคแล้ว ด้วยสถานะของพวกเธอ ย่อมรู้ว่าการ์ดมังกรทองแสดงถึงอะไรอย่างแน่นอน แม้แต่ทั้งประเทศ คนที่ครอบครองการ์ดมังกรทองนี่ได้ สามารถนับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว!
ผู้ชายของพวกเธอเองก็นับว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่ในเมืองเทียนไห่ ด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อเทียบกับเจ้าของการ์ดมังกรทองนี้แล้ว นั่นคือความแตกต่างระหว่างดวงจันทร์ส่องสกาวกับฝุ่นผงเลยทีเดียว!
“โอ้โฮ! ผู้อำนวยการอวิ๋น! ชุดนี้สวยมากจริงๆเลยค่ะ! ฉันต้องพูดว่า ด้วยรูปร่างของผู้อำนวยการอวิ๋นของพวกเรา ใส่อะไรก็สวยค่ะ!”
“ใช่แล้วล่ะ ผู้อำนวยการอวิ๋นคือสาวงามหนึ่งในสิบของเมืองเทียนไห่ ไม่สิ ควรจะเป็นสาวงามอันดับแรกในสิบคนของเมืองเทียนไห่ ย่อมต้องเป็นสาวงามทีสุดในแผ่นดิน นางฟ้าจุติลงมาเกิดนั่นเอง!”
หญิงสาวสองคนอยู่ทางซ้ายและขวา พรั่งพรูคำเยินยอทุกรูปแบบประดังประเดใส่ อวิ๋นเสว่เหยนที่อยู่ตรงกลางอย่างกระตือรือร้น
บนหน้าของหญิงสาวผมแดงมีความอิจฉา และเหลือบมองไปทางเซี่ยงเส้าหลงด้วยความอยากรู้อยากเห็นและยังมีร่องรอยของความตกใจ “ผู้อำนวยการอวิ๋น สามีของคุณ……ทำงานอะไรคะ?”
อวิ๋นเสว่เหยนเองก็มีใบหน้าที่สับสน เซี่ยงเส้าหลงทำอะไรกันล่ะ?
เธอยังไม่รู้จริงๆ แต่ว่า ถ้าหากตัวตนของเขาสูงส่งขนาดนั้นจริงๆ แล้วทำไมถึงได้ตีเนียนกินฟรีอยู่กับเธอมาโดยตลอด?
ในเวลานี้ ใบหน้าของพนักงานขายเปลี่ยนเป็นเคารพนบนอบขึ้นมาทันที เดิมทีร่างกายที่ยืนเคียงกับเซี่ยงเส้าหลงก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปครึ่งตัว
“แขกผู้มีเกียรติที่เคารพ การ์ดมังกรทองของคุณคือบัตรที่ทรงเกียรติที่สุดในโลก ตามข้อตกลงระหว่างแบรนด์ของเราและธนาคารโลก คุณสามารถเพลิดเพลินกับการปฏิบัติในระดับVIP และเพลิดเพลินกับส่วนลดครึ่งราคาขอสินค้าทุกอย่างในร้านค่ะ!”
“เชิญนั่งก่อนค่ะ ร้านของเรามีชาต้าหงเผาชั้นยอดและกาแฟขี้ชะมดสุดพิเศษ คุณต้องการดื่มอะไรเหรอคะ?”
เซี่ยงเส้าหลงโบกมือไม่สนใจ “ไม่จำเป็น”
“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะรีบนำบัตรของคุณไปทำการชำระเงิน”
“หลังจากหักส่วนลดทั้งหมดแล้ว เท่ากับสามแสนสามหมื่นหยวน และนี่คือ ……”
“เอ๋?”
ทันใดนั้นเอง พนักงานขายขมวดคิ้ว มีตัวอักษรขนาดใหญ่สี่ตัวปรากฏขึ้นอย่างผิดปกติบนเครื่องรูดบัตรเมื่อรูดบัตรซึ่งทำให้เธอถึงกับผงะ
เธอหยิบบัตรออกมาดูอย่างละเอียดอีกรอบ จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเลวร้ายอย่างมาก น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อเล็กน้อยด้วยเช่นกัน “คุณผู้ชาย ยังมีบัตรอื่นอีกไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงส่ายหน้า นายพลหนุ่มออกเดินทางเคยต้องจ่ายเงินเองเมื่อไหร่กัน?
แล้วบัตรใบนี้ยังเป็นประธานของธนาคารโลกนั่นให้เขามาแบบหน้าด้านๆ ทั้งๆที่เขาไม่ได้อยากได้ด้วยซ้ำ!
ฟุ่บ!
“พนักงานขายโยนบัตรลงบนโต๊ะโดยตรง แล้วกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ไม่อย่างนั้นคุณต้องเปลี่ยนวิธีการชำระเงิน!”
“เฮ้! ทำไมเธอถึงพูดกับสามีของผู้อำนวยการอวิ๋นของพวกเราแบบนี้ล่ะ!”
สาวผมทองร้องตะโกนว่า “เป็นพนักงานขายตัวเล็กๆคนหนึ่งกลับกล้าไม่เคารพสามีของผู้อำนวยการอวิ๋นเชื่อหรือไม่คุณสามารถม้วนกระเป๋าไสหัวออกไปได้ทันที!”
“ใช่แล้ว คุณสามารถล่วงเกินเจ้าของการ์ดมังกรทองได้งั้นเหรอ?”
พนักขายทำเสียงเยาะเย้ยเหยียดหยาม “ถ้าเขาเป็นเจ้าของการ์ดมังกรทองจริงๆ ต่อให้ฉันยืมความกล้ามาเป็นร้อย ฉันไม่กล้าที่จะไม่เคารพหรอกค่ะ แต่ว่า เขาใช่เหรอคะ?!”
พูดพร้อมกับหยิบบัตรที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาในมือ “การ์ดมังกรทองทั่วโลกตามความหมายบนชื่อของบัตรจะมีมังกรทองตัวหนึ่ง พวกคุณดูบัตรใบนี้สิ สีของมังกรตัวนี้เป็นสีทองใช่หรือเปล่า?!”
“อะไรนะ?!”
ทั้งสองคนรีบผละออกจากอวิ๋นเสว่เหยนแล้วโน้มตัวเข้ามาแล้วจ้องดู เดิมทีควรจะเป็นมังกรสีทองโบยบินอยู่ แต่ตัวของมังกรบนบัตรใบนี้ กลับเป็นสีแดงเข้ม!
“คุณผู้ชายท่านนี้ คราวหน้าถ้าจะปลอมแปลงอีกล่ะก็ ถึงอย่างไรก็ตั้งใจให้มากว่านี้สักหน่อยนะคะ อย่างน้อยที่สุดก็อย่าทำผิดพลาดกับสีที่ชัดเจนขนาดนี้!”
น้ำเสียงของพนักงานขายเต็มไปด้วยการเหน็บแนมอย่างลึกซึ้ง
และน้ำเสียงของทั้งหญิงสาวสองคนก็เปลี่ยนไปโดยทันทีเช่นกัน
“อย่างที่ฉันบอกไงล่ะ ปกติใส่เสื้อผ้าที่ขายบนแผงข้างทางราคาไม่กี่ร้อยหยวนจะมีสามีรวยขนาดนี้ได้ยังไง ที่แท้ก็เป็นของปลอม!”
“จุ๊ๆ ผู้อำนวยการอวิ๋น ถ้าซื้อไม่ไหวคุณสามารถบอกพวกเราได้นะ เพื่อนร่วมงานที่เดียวกัน พวกเรายังสามารถเมตตาเอาเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่ให้คุณสักชุดสองชุด ไม่เห็นจำเป็นต้องทำของปลอมเลยนี่?”
“แน่นอนเพราะว่าต้องการจะโชว์ยังไงล่ะ!”
“คนที่มีสถานะอย่างพวกเรา มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่จะซื้อเสื้อผ้า แต่ว่าคนที่มีเงื่อนไขอย่างผู้อำนวยการอวิ๋นถ้าจะซื้อเสื้อผ้าชิ้นนี้ น่ากลัวว่าจะต้องไปกินไม่ดื่มไปอีกนาน!”
“ผู้อำนวยการอวิ๋น แอบถ่ายเสร็จหรือยัง? ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็รีบถอดออกมาเร็วๆ นั่นมันคือเพชรรูปดาวของแอฟริกา ใต้ถ้าไม่ระวังทำหล่นไปหนึ่งเม็ด น่ากลัวว่าคุณจะต้องทำงานฟรีครึ่งปีแล้วล่ะ!”
อวิ๋นเสว่เหยนใบหน้าแดงก่ำ เธอก้มหน้าลงแล้วต้องการจะวิ่งเข้าไปในห้องลองชุด แต่พนักงานขายตะโกนเรียกเธอด้วยสีหน้าที่เฉยชา “เดี๋ยวก่อน!”
“ชุดนี้เป็นสินค้าพิเศษจำนวนจำกัด ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถลองได้ตามใจ!”
“เมื่อลองครั้งหนึ่งแล้วจะต้องมีค่าเสื่อมราคาต่อครั้ง ในเมื่อพวกคุณไม่สามารถจ่ายได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องควักสามหมื่นหยวนเป็นค่าเสื่อมราคาในการลองชุด!”
“อะไรนะ?! สวมครั้งหนึ่งมีราคาสามหมื่นหยวน พวกคุณกำลังปล้นเงินชัดๆ!”
อวิ๋นเสว่เหยนพูดอย่างโกรธเคือง
“โอ๊ะโอ! เห็นอย่างนี้แล้วคิดจะชักดาบสินะ?” พนักงานเท้าสะเอวทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ไม่มีเงินแล้วยังจะเสแสร้งหน้าใหญ่อะไรอย่างนี้ ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนจนอย่างพวกคุณสามารถจ่ายได้งั้นเหรอ?”
“ก็แค่คนที่อยากจะมาลองเสื้อผ้าตามใจ พวกเราก็ให้เธอลอง แต่ไม่ส่องกระจกดูเลยว่าตนเองคู่ควรหรือเปล่า!”
“ฉันเจอคนอย่างพวกคุณมาเยอะแล้ว ถ้าจนก็ไปซื้อที่แผงขายของที่ตลาดกลางคืนซะนะ ฉันบอกคุณเลยนะว่า ตอนนี้คือสามหมื่น แต่อีกสักพัก จะไม่ใช่ราคานี้แล้ว!”
“เหอะๆ……”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของเซี่ยงเส้าหลงดังขึ้น เขามองพนักงานขาย “ผมไม่เคยได้ยินเลยว่า การลองเสื้อผ้าต้องจ่ายเงินด้วย นี่คือกฎของร้านหรือว่ากฎของคุณ?”
“กฎของฉันก็คือกฎของร้าน!”
“ทำไมไม่จ่ายเงินมาตามระเบียบ มิฉะนั้น วันนี้พวกคุณไม่ได้เดินออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน!”
พูดพร้อมกับกดปุ่มสีแดง จากนั้นเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น แล้วรปภ. กลุ่มหนึ่งก็เข้ามาในร้านทันทีทันใด
พนักงานขายพูดอย่างมีชัยว่า “ว่ายังไงล่ะ ถ้าไม่ควักเงินออกมา ไม่อย่างนั้น จากสิ่งที่คุณทำทั้งหมดเมื่อกี้นี้ ในห้องสายตรวจก็เพียงพอที่จะตัดสินโทษข้อหาฉ้อโกงได้แล้ว!”
“โอ้โห ผู้อำนวยการอวิ๋น เห็นอย่างนี้แล้ว ดูเหมือนว่าสามีของคุณจะมีปัญหาแล้วล่ะ!”
หญิงสาวผมทองมองอวิ๋นเสว่เหยนอย่างมีความสุขที่เธอต้องเจอกับเคราะห์ร้าย “ไม่อย่างนั้น คุณก็ขอร้องพวกเราสิ เห็นแก่ประโยชน์ในการเป็นเพื่อนร่วมงานที่เดียวกัน บางทีพวกเราอาจจะแสดงความเมตตาสงสารคุณก็ได้!”
“ใช่แล้วล่ะ ถ้าสามีของผู้อำนวยการอวิ๋นเป็นนักตุ้มตุ๋น อย่างนั้นแล้วเธอว่าผู้อำนวยการอวิ๋นของพวกเราจะยังมีหน้าอยู่ในบริษัทต่อไปงั้นเหรอ?”
อวิ๋นเสว่เหยนกัดริมฝีปาก ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดเซี่ยงเส้าหลงที่ใช้วิธีนี้มาเอาใจเธอแล้วยังทำให้เธอเสียหน้า แต่เธอก็ไม่อาจจะที่จะมองเห็นเซี่ยงเส้าหลงถูกพาตัวไปพิจารณาตัดสินโทษ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินไปยังด้านหน้าของหญิงสาวทั้งสองคนแล้วสูดหายใจเข้าลึก “ฉันขอ……”
มืออบอุ่นคู่หนึ่งคว้าเธอเอาไว้ทันทีทันใดแล้วเสียงของเซี่ยงเส้าหลงก็ดังขึ้น “ไม่จำเป็นต้องขอร้องพวกเธอ ด้วยความสามารถของคนพวกนี้ไม่คู่ควรที่ทำอะไรผมได้เลย!”
“นี่มันเวลาไหนแล้วยังไม่เจียมตัวทำอวดเก่งอยู่อีก!”
พนักงานขายทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม “รปภ. มอบบทเรียนให้เขาหลาบจำ! ทำให้เขารู้ว่า ไม่ใช่ใครก็จะทำตัวไม่เหมาะสมที่อ้าวซือกู่เล่อได้!”
มองดูเจ้าหน้าที่รปภ.ค่อยๆล้อมเข้ามาแล้ว ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลง มีประกายหนาวเย็นยะเยือก เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดจนถึงขีดสุดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “ล้อมวงทำอะไรกันเยอะแยะ?!”
“ถ้าลูกค้ามาเห็นเข้าจะเป็นยังไง!”
ทุกคนเบี่ยงตัวออก ร่างในชุดสูทและรองเท้าหนังสองคนได้ปรากฏขึ้นที่ประตู
เมื่อพนักงานขายมองเห็น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มทันทีและวิ่งเหยาะๆเข้าไปหา “ผู้จัดการใหญ่เหอ คุณมาได้ยังไงคะ?”
คิ้วของเหอกวงจ้าวขมวดเข้าหากัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
พนักงานขายนำเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านมาเล่าอย่างแต่งเสริมเติมกลิ่นจนเกินจริงอีกครั้ง จากนั้นชี้ไปที่พวกของเซี่ยงเส้าหลงสองคน “เพราะสองคนนี้ ไม่มีเงินแต่ก็ยังมาก่อกวนภายในร้าน ถ้าหากไม่ให้บทเรียนแก่พวกเขา ในอนาคตพวกคนจนก็จะมาที่อ้าวซือกู่เล่อของพวกเรา มันจะไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของเราเหรอคะ?”
ฟังจบแล้ว เหอกวงจ้าวก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะด้วยความเคารพต่อชายที่อยู่ด้านข้างของเขา “ประธานเจี่ยง ขอโทษด้วยครับ มีปัญหานิดหน่อย ผมจะไปจัดการมันแล้วเดี๋ยวมา”
เหอกวงจ้าวเดินมาจนถึงตรงหน้า เซี่ยงเส้าหลง มองขึ้นๆลงๆจนทั่วรอบหนึ่งแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าหนู คุณควรจะยินดีนะเพราะว่าวันนี้ฉันมีแขกผู้มีเกียรติมาที่นี่ คุณเลยไม่ต้องลำบากใจมากนัก รีบๆเอาเงินออกมา แล้วคุณยังสามารถออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย!”
เซี่ยงเส้าหลงหัวเราะ “ที่นี่ของคุณเป็นห้าง หรือว่าซ่องโจร?”
“ต้องการเงินงั้นเหรอ? พวกคุณมีสิทธิ์อะไร?”
“ก็มีสิทธิ์ที่คนจนอย่างแกเข้ามาในอ้าวซือกู่เล่อ ทำให้ร้านของฉันสกปรกยังไงล่ะ! และด้วยการที่คนจนอย่างพวกแกสวมเสื้อผ้าที่ไม่ควรสวม ก็เลยได้เวลาชดเชยค่าเสียหายแล้ว! ด้วยสิทธิ์ของฉันเหอกวงจ้าวจะให้แกจ่ายเงิน แกก็ต้องจ่าย!”
“ฮ่าๆ ……” ทันใดนั้นเซี่ยงเส้าหลงก็หัวเราะเสียงดัง “ผู้จัดการใหญ่เหอช่างก้าวร้าวอะไรอย่างนี้!”
จู่ๆบทสนทนาก็เปลี่ยนไป แววตาก็เย็นชา “ถ้าหากบอกว่า ผมไม่จ่ายล่ะ?”
เหอกวงจ้าวกวาดตามองอวิ๋นเสว่เหยนที่อยู่ไม่ไกล ในดวงตามีประกายของความโลภและยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นแกก็ออกไปได้ ส่วนแฟนแกต้องอยู่ชดใช้หนี้ทั้งหมด!”
มีประกายการฆ่าอยู่บนใบหน้าของเซี่ยงเส้าหลงอย่างเงียบๆ “คำพูดบางอย่าง พูดออกมาแล้วไม่มีแม้แต่ที่ว่างจะให้เสียใจภายหลัง!”
“เสียใจภายหลังงั้นเหรอ?”
“ฮะๆ ……”
เหมือนกับว่าเหอกวงจ้าวได้ยินเรื่องที่ตลกมากยังยังงั้น และหยิบการ์ดมังกรทองใบนั้นขึ้นมาไว้ในมือแล้วโบกไปมาในอากาศ “อาศัยอะไรล่ะ? หรือว่าแกจะอาศัยการ์ดปลอมที่แกทำขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ทำได้ไม่ถึงขั้น?”
“ไอ้หนู ถ้าแกยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอีกล่ะก็ แกเชื่อไหมว่าฉัน ……”
“เอาบัตรใบนั้นมาให้ฉันดู!”
ทันใดนั้นเอง เสียงที่น่าเกรงขามได้ดังขึ้น ไม่รู้ว่าชายชราผู้มีลักษณะภูมิฐานเดินเข้ามาตอนไหน
เหอกวงจ้าวรีบยิ้มประจบประแจง “ประธานเจี่ยง เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ปล่อยให้ผมจัดการก็พอ คุณ ……”
“เอาบัตรใบนั้นมา!”
เสียงที่พลุ่งพล่านราวฟ้าผ่า เหอกวงจ้าวตัวสั่นและรีบส่งบัตรในมือให้ทันที
ชายชรารับบัตรไปแล้วดูอย่างระมัดระวัง ในที่สุดสายตาก็อยู่บนตัวมังกรสีแดงตรงหน้า รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงไปอย่างลึกล้ำ!
จากนั้น ภายใต้สายตาที่จ้องมองของทุกคน เขายื่นบัตรให้เซี่ยงเส้าหลงด้วยมือทั้งสองข้างและโค้งเก้าสิบองศาพร้อมกับกล่าวด้วยความเคารพว่า “ทำให้แขกผู้มีเกียรติต้องตกใจแล้ว!”
“ผมเจี่ยงเสี่ยนประธานของอ้าวซือกู่เล่อ ในนามของร้านค้าแปดร้อยกว่าร้านทั่วโลกของอ้าวซือกู่เล่อต้องขออภัยอย่างที่สุดต่อแขกผู้ทรงเกียรติด้วยครับ!”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง!