ดูเหมือนว่าทุกคนแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลย เสียงในโทรศัพท์เพิ่งจะพูดว่าอะไรนะ?
รอที่ปากประตู?
กล่าวได้ว่า อวิ๋นเสว่เหยนไม่เพียงแต่เชิญเทพเซียนครัวมาแล้ว แต่ยังให้ชายชรารอโทรศัพท์อยู่ที่ประตูมาโดยตลอด?
อวิ๋นเสว่เหยนเป็นคนปัญญาอ่อนที่เพ้อฝันอยู่ใช่ไหม?
ในไม่ช้า ความจริงก็ทำลายความสงสัยของทุกคน
ประตูใหญ่เปิดออก ชายชราที่มีผมและเคราสีขาว มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างกำลังถือมีดทำครัว เขาเดินเข้ามาพร้อมกับหัวเราะดังลั่น
ชายชรามีลักษณะท่าทางที่ทรงพลังและสง่างามและเดินไปจนสุดทางจนถึงตรงหน้าอวิ๋นเสว่เหยนที่ตกใจจนหน้าซีดเป็นไข่ต้ม ชายชราพูดแซวราวกับเป็นเฒ่าทารก “คุณหนูอวิ๋น ฉันมาแล้ว ยังไม่สายเกินไปหรอกนะ! ฮ่าๆๆ……”
“ทะทะทะ……เทพเซียนครัว เป็นคุณจริงๆเหรอคะ?”
ราวกับว่าเธอไม่อยากจะเชื่อ ลิ้นของอวิ๋นเสว่เหยนเริ่มพันกันเป็นปม
เทพเซียนครัวแล้วส่องประกายมีดสีดำสนิทในมือขวา “คนสามารถเลียนแบบได้ แต่มีดนี้ของฉัน ไม่มีใครเลียนแบบได้!”
“แต่ว่า……” ทันทีที่บทสนทนาเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาก็เย็นยะเยือกในฉับพลัน “ก่อนที่ฉันจะทำอาหารให้กับคุณหนูอวิ๋น ฉันต้องลงโทษผู้กระทำผิดก่อน!”
พูดจบ เขาก็หันไปมอง เซี่ยหูอย่างเฉยชาแล้วคำรามอย่างเย็นชา “ศิษย์เวร! แกรู้ความผิดของตัวเองหรือเปล่า?!”
ขณะนี้เซี่ยหูเหงื่อออกจนท่วมตัวนานแล้ว เขาคุกเข่าลงบนพื้นแล้วก้มหน้า “อา……อาจารย์”
ทุกคนต่างอยู่ในความสับสนอลหม่าน คิดไม่ถึงเลยว่า หัวหน้าพ่อครัวของภัตตาคารเทียนหลานเก๋อจะกลายเป็นลูกศิษย์ของเทพเซียนครัว แน่นอนว่าเสียงที่เรียกว่าอาจารย์ ก็ตีความถึงตัวตนของเทพเซียนครัวได้แล้ว ไม่มีใครกล้าสงสัยอีกต่อไป!
“ฉันเคยพูดตอนที่สอนศิลปะให้กับแกว่าต้องเรียนคุณธรรมก่อนศิลปะ เรียนเป็นมนุษย์ก่อนทำอาหารเป็น แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อผลประโยชน์ กลับกล้าทำเรื่องทำเรื่องที่ไร้ซึ่งคุณธรรมเช่นนี้ แกทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ!”
“นับจากนี้ไป ในตระกูลเทพเซียนครัว ทุกสูตทุกเมนู แกห้ามแปดเปื้อนแม้แต่นิดเดียว ถ้าแกฝ่าฝืน!”
สายตาของเทพเซียนครัวเย็นชา มีดทำครัวในมือสะท้อนแสงเย็นเยียบ “จุดจบ ตัวแกรู้ดีอยู่แล้ว!”
เซี่ยหูตัวสั่น ทันใดนั้นก็ทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าเป็นสีเทา!
หลังจากจัดการชำระโทษเสร็จแล้ว สายตาของเทพเซียนครัวก็หันไปมองเผิงไห่เซิงและเอ่ยปากพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เป็นนายนี่เอง อยากจะประลองฝีมือทำอาหารกับฉันเหรอ?”
เมื่อพูดคำนี้ เผิงไห่เซิงก็เหงื่อออกจนเปียกโชก แล้วโค้งคำนับทันทีพร้อมกับกระซิบว่า “ผู้อาวุโสล้อเล่นแล้วล่ะครับ ด้วยทักษะการทำอาหารของคนรุ่นหลัง น่ากลัวว่าต่อให้ฝึกอีกหลายสิบปี หนึ่งในหมื่นก็ไม่อาจเทียบผู้อาวุโสได้!”
ในใจของเผิงไห่เซิงก็รู้สึกเป็นทุกข์เช่นกัน เขาแอบชำเลืองมองเถาซิ่งเอ๋อ ใจก็อยากกลืนกินเธอลงไปทั้งเป็น!
พ่อครัวที่มีชื่อเสียงทั่วทั้งภาคเหนือทั้งหมดล้วนแต่เคยได้รับการชี้แนะจากเทพเซียนครัวไม่มากก็น้อย ถ้าหากพวกเขารู้ว่าตนเองกล้าที่จะล่วงเกินเทพเซียนครัวแล้วล่ะก็ น่ากลัวว่าตนเองจะไม่สามารถอยู่ในวงการนี้ได้อีกต่อไป!
“ฮึ!”
เทพเซียนครัวพ่นลมแล้วเอ่ยเสียงดังกังวาน “เนื่องจากผู้อำนวยการอวิ๋นเชิญฉันมา และเพราะว่าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติชาวต่างชาติ ถ้าอย่างนั้นฉันจะก็ใช้รสชาติของอาหารจีนแท้ๆต้อนรับเขา!”
“รอที่นี่แหละ!”
เมื่อโยนคำพูดถึงการควบคุมออกมาแล้ว ก็เดินที่ด้านหลังห้องครัว
คาเรนที่ติดอยู่ในวงแล้วภาษาจีนก็ไม่ดีจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ชายชราคนนี้เป็นใครกัน?”
ซ่งจื้อตงที่อยู่ข้างๆยิ้มและเอ่ยว่า “เขาน่ะ เป็นเชฟชั้นยอดระดับประเทศเป็นที่รู้จักกันในนามเทพเซียนครัว!”
“พูดง่ายๆคือ ถ้าหากฝีมือการทำอาหารของเฮดเชฟเผิงสามารถไล่ตามระดับเชฟมิชลินได้ ถ้าอย่างนั้นระดับของเทพเซียนครัวก็เพียงพอที่จะได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเชฟมิชลินทั้งหมด!”
ท่ามกลางความหวังคาดหวังชนิดหาที่เปรียบไม่ได้ของคาเรน เทพเซียนครัวได้ถือถาดออกมาแล้วเดินตรงมายังด้านหน้าของคาเรนแล้วยื่นถาดส่งไปข้างหน้า “เอาล่ะ มาลองชิมฝีมือการทำอาหารจีนของแท้ที่สุดกันเถอะ!”
คาเรนขมวดคิ้วเล็กน้อยและชี้ไปที่ชามบนถาด “นี่มันไม่ใช่แค่บะหมี่หรอกเหรอ?”
ถูกต้องแล้ว!
ที่เทพเซียนครัวทำก็คือบะหมี่ธรรมดาที่คนทั่วไปกินกัน ถ้าจะมีข้อแตกต่างก็คือมีไข่ลวกกลมๆให้อีกหนึ่งฟอง
“บะหมี่งั้นเหรอ?”
เทพเซียนครัวยิ้มอย่างเหยียดหยาม “นายเคราใหญ่ ชาวต่างชาติที่กินบะหมี่ของฉันครั้งล่าสุด ตอนนี้ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำคนที่สามของประเทศของพวกเขา!”
ภาษาจีนของคาเรนนั้นไม่ดีเลย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเทพเซียนครัวพูดอะไร แต่ถึงยังไงเขาก็ยกมาให้ถึงหน้าตนเองแล้วโดยมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุด เขาเอาตะเกียบคีบเข้าไปในปากอย่างระมัดระวัง
ภายในเสี้ยววินาทีที่กลิ่นหอมอ่อนๆนั้นเข้ามาในปาก ดวงตาของคาเรนก็แข็งค้างอย่างนิ่งอึ้งโดยฉับพลัน จากนั้น ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงจนตาค้างของทุกคน ด้วยความเร็วราวกับหมาป่าที่แย่งอาหาร เขาเทบะหมี่ในชามเข้าปากอย่างสุดชีวิต สุดท้ายก็เลียก้นชาม ด้วยใบหน้าที่พึงพอใจพร้อมทั้งกล่าวว่า “มันอร่อยมาก! ผมไม่เคยกินบะหมี่ที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน! ไม่สิ! ผมไม่เคยกินอาหารที่อร่อยขนาดมาก่อนต่างหาก!”
“ผมกล้าสาบานเลยว่า แม้แต่พระเจ้าก็ไม่เคยกินอาหารที่มีรสเลิศขนาดนี้แน่นอน!”
มองเห็นปฏิกิริยาของคาเรนแล้ว เปรียบเทียบด้วยทักษะการทำอาหาร ผลแพ้ชนะก็ชัดเจนแล้ว!
เซี่ยงเส้าหลงเหลือบมองไปที่เถาซิ่งเอ๋อที่มีสีหน้าเลวร้ายราวกับกินหนูตายเข้าไป มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สะกิดอวิ๋นเสว่เหยน ให้หันไปทางคาเรนที่กำลังบุ้ยปาก ฝ่ายหลังจึงหายจากอาการช๊อคทันทีและมีสติคืนกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ พร้อมกับค่อยๆเดินเข้ามาหาคาเรน “มาสเตอร์คาเรนคะ คุณพอใจกับของขวัญที่บริษัทมู่ซือกรุปเตรียมไว้ให้คุณหรือเปล่าคะ?”
“พอใจ! พอใจมากเลย!”
คาเรนพูดอย่างตื่นเต้น “พวกคุณทำให้ผมตื้นตันใจจริงๆ ผมตัดสินใจแล้ว หุ้นส่วนของความร่วมมือในครั้งนี้ก็คือ……”
“รอก่อนค่ะ!”
เสียงของเถาซิ่งเอ๋อดังขึ้นในทันที เพียงแต่ว่าสีหน้าของเธอมีรอยยิ้มกลับคืนมาอีกครั้ง เธอเดินเข้ามาช้าๆ แล้วยิ้มให้กับคาเรนพร้อมกับกล่าวว่า “อาหารรสเลิศนั้นย่อมมีค่าอย่างแน่นอน แต่ทว่ามันเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีของความอยากอาหารเท่านั้นเอง ในฐานะที่มาสเตอร์คาเรนเป็นตำนานของอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ถ้าอย่างเครื่องประดับที่เหนือกาลเวลาย่อมจำเป็นต้องมีเสื้อผ้าที่หรูหรางดงามมาเสริมให้เด่นคู่กัน”
“ได้ยินมาว่ามาสเตอร์คาเรนรักวัฒนธรรมจีน ผู้เชี่ยวชาญของเถาซื่อจึงได้เตรียมของขวัญชิ้นนี้ให้กับอาจารย์เป็นพิเศษ เชื่อว่าอาจารย์จะต้องชอบมันมากอย่างแน่นอน!”
พูดพร้อมกับกวักมือเรียก คนผู้หนึ่งได้เดินเข้ามาพร้อมกับถือกล่องผ้าไว้ในมือเถาซิ่งเอ๋อรับมาแล้วแล้วสะบัดฝากล่องให้เปิดออก มันเป็นชุดถังจวงหรือเสื้อคอจีนสีแดงขนาดใหญ่ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ท่อนบนของชุดราชวงศ์ถังนี้เป็นสีแดงล่างเป็นสีเข้ม มีมังกรสีม่วงเลื้อยผ่านตรงช่วงไหล่ ให้ความรู้สึกถึงการถูกควบคุมโดยไม่สูญเสียความสง่างาม ในความหรูหรายังประกอบด้วยเกียรติอันสูงส่ง
เมื่อเห็นชุดนี้แล้ว คาเรนก็ตัวสั่นเทาไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้นทันที “พระเจ้า! คุณหนูเถา คุณคือนางฟ้าที่พระเจ้าส่งมาใช่หรือเปล่า?”
“คุณรู้ได้อย่างไรว่านอกจากอาหารอร่อยๆแล้ว ที่ผมชอบมากที่สุดยังมีชุดราชวงศ์ถังของจีนแบบดั้งเดิมของพวกคุณด้วย!”
“ชุดนี้มันช่าง สมบูรณ์……สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง!”
เมื่อมองเห็นท่าทางตื่นเต้นของคาเรน เถาซิ่งเอ๋อก็แอบชำเลืองมองอวิ๋นเสว่เหยนพร้อมกับมีรอยยิ้มของผู้มีชัยปรากฏออกมา แล้วกล่าวต่อว่า “คุณดูผ้าไหมสิคะ นี่เป็นผ้าไหมชั้นยอดจากเมืองซูโจวและหางโจว และลายมังกรนี้ทำด้วยด้ายทองซึ่งทำจากทอง9999 มันเต็มไปด้วยการสะท้อนให้เห้นถึงความสง่างาม”
“แต่ถ้าจะพูดถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดแล้ว คือผู้ที่สร้างมันขึ้นมาค่ะ!”
“นี่คือชุดราชวงศ์ถังชุดแรกที่บริษัทเถาซื่อกรุปได้เชิญเหมยเสว่ฉิงมาสเตอร์สเหมยให้มาลงมือตัดเย็บด้วยตัวเองเป็นกรณีพิเศษ มาสเตอร์สเหมยผลิตเสื้อผ้าของตนเองเพียงสามชิ้นต่อปี พวกเขายังไม่ทันทำการผลิต ก็ได้ถูกบุคคลผู้หนึ่งจับจองเอาไว้ก่อนแล้ว เพื่อให้มาชุดราชวงศ์ถังที่แสนล้ำค่านี้มา เถาซื่อต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยล่ะค่ะ!”
“คุณต้องการมอบของขวัญล้ำค่าขนาดนี้ให้กับผมจริงๆเหรอ?”
เถาซิ่งเอ๋อหัวเราะ “มาสเตอร์คาเรนเป็นผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรม ถ้าหากหลังจากที่ร่วมมือกับเถาซื่อสำเร็จ ทั้งยังกลายเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกเรามากที่สุด ด้วยอารมณ์และด้วยเหตุผล มาสเตอร์คาเรนล้วนมีคุณสมบัติในการครอบครองชุดรางวงศ์ถังชุดนี้!”
ความหมายในคำพูดนั้น ชัดเจนกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว มีสีหน้าของความลังเลใจปรากฏบนหน้าของคาเรน
ไตร่ตรองอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็หันไปพูดกับอวิ๋นเสว่เหยน ด้วยสีหน้าขออภัย “คุณหนูอวิ๋น ผมขอโทษด้วย!”
“ถึงแม้ว่าบะหมี่ชามนั้นจะเป็นบะหมี่ที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมา แต่ว่าชุดนี้ ผมชอบมันมากจริงๆ ผมทำได้เพียงกล่าวขอโทษกับคุณและบริษัทมู่ซือกรุป ตามที่ได้สัญญากับคุณไว้ ถ้าเกิดการออกแบบเครื่องประดับชิ้นต่อไปของผมมีการประกาศออกมา ผมจะส่งมอบบริษัทมู่ซือกรุปทำการผลิตทันที!”
บนหน้าของเถาซิ่งเอ๋อมีรอยยิ้มที่มีประกายแห่งชัยชนะปรากฏออกมา
อวิ๋นเสว่เหยนมีสีหน้าผิดหวัง ทำมาจนขั้นนี้แล้ว สุดท้ายก็พ่ายแพ้
“รอก่อนครับ”
ทันใดนั้นเซี่ยงเส้าหลงคว้าชุดนั้นไปไว้ในมือ เมื่อสุ่มดูแล้ว จากนั้นเขาก็กล่าวโดยมีรอยยิ้มเหยียดหยามว่า “มาสเตอร์คาเรน ชุดราชวงศ์ถังนี้เป็นของปลอม แค่สิ่งนี้ก็จับคุณเป็นเชลยได้แล้วงั้นเหรอ?”
“อะไรนะ?”
ดวงตาของคาเรนเบิกกว้างในทันใด “คุณบอกว่านี่คือของปลอมงั้นเหรอ?”
“พูดเหลวไหล!”
เถาซิ่งเอ๋อดวงตาจ้องเขม็งไปทางอวิ๋นเสว่เหยน “คุณหนูอวิ๋น หรือว่าคุณขี้แพ้ชวนตีได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”
“หรือว่านี่คือความน้อยใจที่สู้ฉันไม่ได้เลยเริ่มมาใส่ร้ายฉัน?”
ทุกคนต่างพากันเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ ความประทับใจที่มีต่ออวิ๋นเสว่เหยนเมื่อกี้นี้เริ่มค่อยๆลดลง
เซี่ยงเส้าหลงไม่เห็นด้วย “คุณบอกว่านี่คือของแท้ก็ต้องเป็นของแท้งั้นเหรอ แล้วมันอ้างอิงจากอะไรล่ะ?”
เถาซิ่งเอ๋อทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา “ในเมื่อคุณถามมาแล้ว ฉันก็จะทำให้คุณยอมแพ้โดยสิ้นเชิง!”
จากนั้นเธอก็หยิบกระดาษสองแผ่นออกมาจากล่องผ้า “นี่คือใบรับรองที่มาสเตอร์สเหมยลงนามด้วยตนเอง ใบนี้คือเอกสารรับรองความเป็นเจ้าของชุดราชวงศ์ถังพร้อมกับตราประทับของมาสเตอร์สเหมย หนังสือรับรองสองฉบับนี้เพียงพอต่อการพิสูจน์หรือยัง?”
“เฮอะ!”
เซี่ยงเส้าหลงพ่นเสียงดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเขาก็คว้าชุดราชวงศ์ถังชุดนั้นขึ้นมาแล้วเปิดตำแหน่งของปกเสื้อ “ถ้าอย่างนั้นคุณไม่รู้แน่ๆว่า เสื้อผ้าทั้งหมดที่มาสเตอร์สเหมย ทำด้วยตัวเองนั้น ที่แผ่นป้ายตรงคอเสื้อจะใช้การเย็บมือแบบพิเศษปักอักษรคำว่า เหมยเสว่ฉิง สามตัวลงไป เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างของจริงกับของปลอม!”
“สิ่งนี้ ถึงจะเป็นสัญลักษณ์ในการป้องกันการปลอมแปลงที่มีพลังมากที่สุด!”
ทำไมเซี่ยงเส้าหลงถึงได้รู้ดีขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะว่า ในตอนที่อยู่กองทัพภาคเหนือ เซี่ยงเส้าหลงรักเสื้อผ้าราชวงศ์ถังถึงขั้นลำเอียง สินค้าของเหมยเสว่ฉิงที่ผลิตปีละสามชิ้น สองชิ้นจะถูกส่งไปที่กองทัพภาคเหนือ เขาใส่มาแล้วห้าปีโดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเลย แล้วเขาจะไม่รู้อย่างชัดเจนได้อย่างไร?
ฟังจบแล้ว เถาซิ่งเอ๋ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา “พูดมากขนาดนี้ ฟังแล้วก็สมเหตุสมผลดีอยู่หรอก ถ้าไม่รู้ ก็คงนึกว่าคุณเคยใส่ชุดที่มาสเตอร์สเหมยทำ!”
“แต่ความจริงก็คือ ด้วยฐานะของคนอย่างคุณ น่ากลัวว่ายังไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นเสื้อผ้าของมาสเตอร์สเหมยใช่ไหมล่ะ?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ที่คุณพูดมาทั้งหมด มันก็เป็นแค่เรื่องตลกที่น่าสมเพชเท่านั้น!”
“เหอๆ……”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วรู้ได้ยังไงว่าที่ผมพูดทั้งหมดเป็นเรื่องตลก!”
“ฮึ!”
เถาซิ่งเอ๋อมองเขาด้วยความมั่นใจ “แม้แต่ บริษัทเถาซื่อกรุปที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรายังต้องใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถถึงจะซื้อได้ ถ้าหากแม้แต่ไอ้คนยาจกอย่างคุณยังเคยเห็น ฉันจะตัดชุดนั้นออกเป็นชิ้นๆทันที แล้วฉันเถาซิ่งเอ๋อจะยอมรับต่อหน้าทุกคนด้วยว่ามีตาหามีแววไม่และไม่เคยเห็นโลกกว้าง!”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะเคยเห็นโลกกว้างหรือเปล่า แต่ว่าเสื้อผ้าชุดนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องตัดทิ้ง!”
ทันใดนั้นเสียงที่ทุ้มหม่นได้ดังขึ้น เมื่อกันไปมองตามเสียง พบว่าเป็นหญิงชราคนหนึ่งสวมชุดราชวงศ์ถังแบบคลาสสิคนั่งอยู่บนรถเข็นและมีคนผลักเข้ามาช้าๆ
เถาซิ่งเอ๋อขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “คุณคือใคร? รปภ.สะเพร่าชะมัด แม้แต่ยายแก่พิการก็ยังเข้ามาในสถานที่จัดงานได้ตามใจชอบแบบนี้งั้นเหรอ?”
“เหอะๆ……”
หญิงชราหัวเราะเบาๆ “บังเอิญ่าฉันเป็นยายแก่พิการที่คุณพูดถึง คือเหมยเสว่ฉิง ที่เป็นคนทำสิ่งที่เรียกว่าเสื้อผ้าในมือของคุณยังไงล่ะ”