100 คนล้อมรอบบริเวณไว้ที่เหลือ400คน มือถือจอบสนาม เริ่มต้นจัดการโดยไม่มีท่าทีลังเลสักนิด เริ่มตั้งแต่ชั้นที่หนึ่งไปถึงชั้นที่สี่ จากชั้นสี่ลงมาชั้นหนึ่ง ทั่วทั้งบาร์ พังทลายกระจัดกระจายใช้เวลาแค่เพียงสองชั่วโมง บาร์ที่ใช้เงินประดับประดาตกแต่ง ไปกว่าห้าล้านเหรียญ กลายเป็นสิ่งปลูกสร้างปรักหักพังไปเรียบร้อย!
“มานี่ซิ มาคิดบัญชีกับฉัน!”
ในใจหยางซีเฟิง แทบจะระเบิดออกมา ถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่า เข้าไปทำผิดอะไรกับลูกพี่ใหญ่ท่านนี้!
หลังจากพังทลายด้วยความสะใจ ส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องยี่สิบกว่าคนเดินก้าวออกมา ในมือแต่ละคน มีหีบคนละใบ หลังจากเปิดขึ้น ข้างในเป็นตั๋วเงินสดสีแดงอล่างฉ่าง!
“แก้วเบียร์หนึ่งใบทำแตกไปราคาหนึ่งพันเหรียญ ตอนนี้ฉันทำลายทั้งร้าน แกลองคิดคำนวณดูสิ ว่าฉันจะต้องชดใช้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่?!”
ตึ่ง!
สายฟ้าฟาดเข้ามาตรงกลางกระหม่อมของหยางซีเฟิง เข้าใจแล้ว! ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว!
เมื่อก่อนก็เคยทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้มาก็ไม่น้อย แต่ด้วยอิทธิพลของหยางซีเฟิง คนอื่นก็ทำได้แต่เพียง แค่คิดเสียว่าเป็นโชคร้าย ไม่คาดคิดเลยว่า วันนี้ไม่เพียงแต่ไปเตะโดนแผ่นเหล็ก แต่ยังไปเตะโดนผนังกำแพงแข็ง ๆด้วยซ้ำ!
เพียะ!
หยางซีเฟิงลับไปตบผู้จัดการหนึ่งฝ่ามือ “ดวงตาสุนัขโง่ ๆของแก ชอบจริงๆที่จะไปล่วงเกินกับใครต่อใคร ฉันจะฆ่าแกให้ตายเดี๋ยวนี้ ไอ้สารเลว!”
เซี่ยงเส้าหลง มองยืนอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา ไม่พูดจาสักคำ รอจนกว่าหยางซีเฟิง ทุบตีผู้จัดการเกือบปางตาย จากนั้นหยางซีเฟิงพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “ลูกน้องไม่รู้ความก็เรื่อง ร้านค้าก็พังหมดแล้ว เรื่องนี้ ขอให้มันแล้วกันไปได้ไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงใช้หางตามองเขา ยิ้มมุมปากและพูดว่า “คุณยังไม่ตอบกับผมเลย ต้องการให้ผมชดใช้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่!”
หยางซีเฟิงตกตะลึงคุกเข่าลงบนพื้น พูดว่า “ท่านไว้ชีวิตพวกเราเถอะ ต่อให้พวกเรากล้าดียังไง ก็ไม่กล้าที่จะคิดเงินกับท่านหรอก!”
“หากท่านเปิดเผยสถานะตนเองเสียแต่ทีแรก ต่อให้ตีพวกผมให้ตาย ก็ไม่กล้าที่จะเก็บค่าแก้วเบียร์หนึ่งพันเหรียญกับท่านหรอก!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มมุมปากขึ้นทันทีพูดขึ้นว่า “ถ้าผมเปิดเผยสถานะตนเองตั้งแต่ทีแรก จะมีโอกาสได้เล่นสนุกๆอย่างนี้เหรอ?”
หยางซีเฟิง ตกตะลึงในทันที เซี่ยงเส้าหลงแสดงสีหน้าขึงขังพูดต่อว่า “ในเมื่อเงินก็ไม่ต้องการแล้ว บัญชีนี้ ก็แล้วกันไป พวกเรามาคิดบัญชีอื่นกันต่อเถอะ!”
บัญชีอื่น ยังมีบัญชีอื่นอีกเหรอ?
เซี่ยงเส้าหลงหยิบรูปภาพขึ้นมาใบหนึ่ง ค่อย ๆพูดว่า “นี่คือเด็กสาวตัวเล็กที่น่ารักคนหนึ่ง เธอควรที่ใช้ชีวิตอย่างความสุขเพรียบพร้อม แต่ว่าวันนี้ เกือบไปนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ใบหน้าของเธอเกือบจะเสียโฉม!”
“ทุกคนต่างพูดกันว่า หนูน้อยคนนั้น เป็นคนไม่มีพ่อ แต่เรื่องนี้ ทำให้พ่อของเขา โกรธเป็นอย่างมาก!”
พูดพลาง เซี่ยงเส้าหลงก็ยื่นภาพให้กับหยางซีเฟิงดู “คุณลองพูดมาสิ ว่าควรทำยังไง ถึงจะสามารถบรรเทาความเดือดดาลของพ่อเธอได้?”
เมื่อมองดูเด็กสาวในภาพ หยางซีเฟิง ตกใจแทบสิ้นสติ เด็กสาวคนนี้ก็คือเด็กสาวที่เขา โยนกระเด็นลอยไป เมื่อช่วงกลางวัน?
หยางซีเฟิงอ้าปากค้าง ร่างกายอ่อนระทวยทรุดกองกับพื้น ใบหน้าสิ้นหวัง เขาจะไปรู้ได้อย่างไร โรงเรียนอนุบาลธรรมดา ๆโรงเรียนหนึ่ง จะมีเด็กสาวที่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้?
หากรู้เสียตั้งแต่แรก เขายอมที่จะโยนลูกของตนเองเสียมากกว่า ไม่มีทางที่จะทำร้ายเด็กสาวคนนั้นแม้แต่เพียงเส้นขน!
“ผม…… ผมผิดไปแล้ว!”
“ร้านค้าคุณก็พังไปแล้ว อารมณ์โกรธก็ระบายออกมาแล้ว ท่านก็ให้อภัยผมสักครั้งเถอะ!”
“ร้านผุพังของแกอย่างนี้ แลกกับบาดแผลลูกสาวของฉันได้ด้วยเหรอ?”
“งั้น…… งั้นท่านคิดจะทำอย่างไร?”
หยางซีเฟิงสอบถามด้วยเสียงอ้ำอึ้ง
เซี่ยงเส้าหลง ยิ้มมุมปากเล็กน้อยพูดว่า “ภายในหนึ่งเดือนให้ปรับปรุงบาร์แห่งนี้ให้เป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ฉันจะมาพังอีกรอบ!”
“เดือนหนึ่ง ปรับปรุงหนึ่งครั้ง รอจนกว่าฉันพังจนเบื่อเสียก่อน เรื่องนี้ก็ถือว่าเลิกรากันไป มิฉะนั้นแล้ว……” เซี่ยงเส้าหลง ยิ้มมุมปากเล็กน้อยพูดขึ้นว่า “หากไม่สามารถพังร้านค้าได้ ฉันก็จะนำคนมาชดใช้แทน!”
สีหน้าหยางซีเฟิงเหมือนคนตาย ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เดือนหนึ่งต้องใช้ถึงห้าล้านเหรียญมาชดใช้ การเหวี่ยงเด็กน้อยคนนั้น ก็เหมือนกับเหวี่ยงตัวเองทิ้งไปทั้งชีวิต!
ค่ำคืน ณ คฤหาสน์ตระกูลซ่ง
พี่น้องทั้งสองชนแก้วดื่มสุรากันอย่างมีความสุข ไม่นานนัก ทั้งสองก็เริ่มเมาเล็กน้อย
“ได้ยินมาว่า คุณพังร้านค้าของหยางซีฟง?”
“ฮ่าฮ่า ช่องทางข่าวสารของพี่ใหญ่ รวดเร็วเหมือนกันนะ!”
“เมืองเทียนไห่ใหญ่โตขนาดนี้เอง ตราบใดที่ฉันต้องการอยากจะรู้ ไม่มีเรื่องอะไรที่จะรอดพ้นสายตาของฉันไปได้!”
“แต่ว่าน้องชาย ตอนนี้ชื่อเสียงของน้องแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยจ้องที่จะตะครุบตำแหน่งของน้องอยู่นะ ต้นไม้สูงใหญ่ ก็ย่อมง่ายที่จะโดนลมกรรโชก!”
“ฉะนั้น ฉันได้หาคำพูดที่สมเหตุสมผลแล้ว เหตุผลดีจนทำให้พวกเขาจ้องมองกันตาปริบ ๆ เท่านั้น แต่กลับไม่รู้ถึงจุดบกพร่องใด ๆเลย!”
“ฮ่าฮ่า……คุณนี่นะ หลายปีมานี้ ยังมีนิสัยแบบนี้อีก ยังไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ!”
พูดจบ จู่ ๆก็ถอนหายใจ วางแก้วเหล้า ในดวงตา หวนนึกถึง เรื่องราวเก่า ๆ “พวกเราพี่น้องทั้งห้าคนในปีนั้น แม้ว่าเวลานั้นจะเป็นคนต่ำต้อยติดดิน แต่การใช้ชีวิตแบบนั้น ช่างมีอิสรเสรี ถ้าหากห้าปีผ่านไปแล้ว ทุกคนต่างก็ประสบความสำเร็จ แต่ว่าต่างคนต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง มิหนำซ้ำยังไม่ได้เจอกันอีกเลย ก็หากน้องรองรู้ว่าพวกเราตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาก็คงจะเสียใจเหมือนกันนะ!”
เซี่ยงเส้าหลง ค่อยๆวางแก้วเหล้าลง ในเบื้องลึกของจิตใจ จู่ ๆก็เผยให้เห็นถึงความเกลียดชัง แค้นเคืองที่ฝังอยู่ในจิตใจ “พี่รองจะต้องไม่ตายเปล่า ผมเชื่อว่า พี่สามและพี่สี่ ก็ไม่ลืมบัญชีแค้นครั้งนี้เช่นกัน ยังไงจะต้องคิดบัญชีนี้ให้ได้!”
ซ่งจื้อตงพยักหน้ารับคำ “ใช้แล้ว บัญชีแค้นครั้งนี้ จะต้องชำระให้ได้!”
ในขณะนั้นเอง จู่ ๆเซี่ยงเส้าหลงจ้องมองไปที่ซ่งจื้อตง เอ่ยปากพูดขึ้นว่า“พี่ใหญ่ สุราอาหารค่ำคืนนี้ คงไม่ใช่มาเพื่อทบทวนความหลังเรียบง่ายอย่างนี้กระมัง?”
“ฮ่าฮ่า ยังคงไม่มีอะไรสามารถปิดบัง น้องได้จริง ๆ!”
“นอกจากทบทวนความหลังแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ต้องการที่จะรบกวนน้องเล็กสักครั้ง!”
ซ่งจื้อตงเอ่ยปากพูดขึ้นมาตรงๆ
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“พวกเราพี่น้องแต่ละคน ต่างก็หันเหไปตามทางที่ตัวเองชอบต่างกัน ในเมื่อพี่ใหญ่เลือกที่จะเดินทางสายธุรกิจ แน่นอนว่าจะต้องทำให้ได้ถึงมหาเศรษฐีระดับประเทศ ณ ตอนนี้ แม้นว่าจะเป็นถึงมหาเศรษฐีแห่งเทียนไห่ แต่คงยังห่างไกลเป้าหมายอีกมาก!”
“หลายวันก่อน ฉันได้ไปเจรจาธุรกิจกับตระกูลเสิ่น ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางรุ่นแรกของเมืองหงเหมิง หากครั้งนี้สำเร็จ ฉันก็จะมีคุณสมบัติพอที่จะขยายเขตอิทธิพลทางการค้าไปข้างนอกเมืองเทียนไห่ได้!”
“ฉันได้ยินมาว่านายท่านเสิ่นของตระกูลเสิ่น ชื่นชอบของโบราณเป็นพิเศษ ประจวบเหมาะพอดี หลังจากนี้ไม่นาน จะมีการประมูลสิ่งของล้ำค้ามากมายที่ตลาดมืดของเมืองเทียนไห่ ในจำนวนนั้นมีของล้ำค่ามากมาย เจ้าของตลาดมืด มีความขัดแย้งกับฉัน ลูกน้องของฉันทั้งหมด เขาก็รู้จักทุกคน ฉะนั้น ต้องขอรบกวนให้น้องไปแทนสักครั้ง ประมูลของล้ำค่ามาหนึ่งหรือสองชิ้น!”
ฟังจบ เซี่ยงเส้าหลง ยิ้มเล็กน้อย “เรื่อง ง่ายๆอย่างนี้ ทำไมถึงจะต้องให้ผมไปให้ได้ล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า ….. งั้นก็เพิ่มคำว่า คุณจะต้องไปให้ได้!”
พูดพลาง ก็หยิบรูปภาพขึ้นมาใบหนึ่งยื่นให้
เมื่อมองดูสิ่งของบนภาพแล้ว ดวงตาเซี่ยงเส้าหลงหดตัวลงขึ้นทันที “นี่คืออะไร?”
“นี่คือสินค้าชิ้นหนึ่งที่อยู่ในการประมูลครั้งนี้ ถ้าหากข้อมูลไม่ผิดพลาด ในมือของพี่น้องทั้งสองคน จะต้องมีคนละชิ้น?”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้าด้วยท่าทีครุ่นคิด
อวิ๋นเสว่เหยนก็มีหยกที่มีรูปร่างเช่นนี้เหมือนกัน เธอบอกว่าเป็นสมบัติชิ้นเดียวของเธอที่เป็นของตัวเธอเอง เคยเห็นหันไม่กี่ครั้ง ตามคำบอกของอวิ๋นเสว่เหยน เธอสวมไว้กับตัวมาตลอดตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในสถานเด็กกำพร้า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกี่ยวข้องกับพ่อแม่แท้ ๆของเธอ!
และรูปภาพที่ซ่งจื้อตง ยื่นมาให้ดูนั้น เหมือนกับหยกที่อวิ๋นเสว่เหยนสวมอยู่ในมืออย่างมาก!
“แม้จะไม่กล้ารับประกัน ว่าจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างไร แต่บางทีก็สามารถพบเบาะแสอะไรได้บ้าง”
“ขอบคุณพี่ใหญ่มาก!”
“พี่น้องกัน ต้องขอบอกขอบใจอะไรกัน?”
“เพียงแต่ว่า น้องเล็กต้องจำไว้ให้ดี เจ้าของตลาดมืดคนนี้ มีเบื้องหลังที่มาลึกลับ ไม่มีใครล่วงรู้ชื่อที่แท้จริงของเขา คนในวงการ ตั้งสมญานามเขาว่าท่านเฮยอู่”
“อีกสามวันหลังจากนี้ เรือสำราญแองเจิลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนไห่ ท่านเฮยอู่ได้จัดงานประมูลตลาดมืดครั้งยิ่งใหญ่บนเรือลำนี้!”
“นอกจากผู้มีชื่อเสียงในเมืองเทียนไห่แล้ว ยังมีคนจากต่างเมือง ต่างอาชีพจำนวนมากมาย มาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม!”
“ในงานประมูล จะมีสินค้าล้ำค่ามากมายที่หาซื้อตามปกติไม่ได้นำออกมาประมูล เป้าหมายของพวกเราก็คือ วัตถุโบราณ ยิ่งล้ำค่ายิ่งดี น้องชอบสินค้ารายการไหน ก็ซื้อรายการนั้นก็แล้วกัน เรื่องเงิน ไม่ต้องกังวลมีพี่ชายอยู่ทั้งคน!!”
เซี่ยงเส้าหลงแย้มยิ้มอย่างดีใจ มีพี่ชายเป็นมหาเศรษฐี ได้ยินคำพูดเช่นนี้ เพิ่มความมั่นใจอีกมาก!
พริบตาเดียว ผ่านไปสามวัน
เยนเอ๋อ ได้ถูกส่งตัวไปยังห้องคนไข้พิเศษ เพื่อส่งคนมาคอยดูแล ส่วนเซี่ยงเส้าหลงกับอวิ๋นเสว่เหยนทั้งสองคนสวมชุดงานเลี้ยงปรากฏตัวอยู่ที่ท่าเรือ
“เป็นยังไงบ้าง ตื่นเต้นนิดหน่อยใช่ไหม?”
อวิ๋นเสว่เหยนควงแขนเซี่ยงเส้าหลงมีท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย “เข้าร่วมงานประมูลที่หรูหราเช่นนี้ ฉันต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว อีกทั้งประธานซ่งยังให้ความเชื่อใจพวกเราให้เงินเรามาพันล้านเหรียญ ถ้าหากพวกเราทำเรื่องพังล่ะก็ จะตอบประธานซ่งอย่างไรกับความไว้วางใจที่เขามีให้พวกเรา?”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวล มีผมอยู่ทั้งคน!”
“เรือสำราญมาแล้ว พวกเราไปกันได้แล้ว!”
แองเจิล เป็นเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนไห่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆทั้งสามชั้น ประดับประดาหรูหรา อีกทั้งประตูทางเข้างานประมูลสินค้า แยกเป็นสองส่วน ช่องทางหนึ่งเป็นทางเข้าบุคคลทั่วไป อีกช่องทางหนึ่งเป็นทางเข้าลูกค้าวีไอพี ซ่งจื้อตง เป็นคนจัดการทั้งที แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา มอบบัตรเชิญทางเข้าแขกวีไอพีให้กับทั้งสองคน
รอจนกระทั่งทั้งสองคนเดินเข้ามา มีผู้ดูแลงานชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางนอบน้อมโค้งคำนับและพูดว่า “แขกผู้มีเกียรติ ท่านคือลูกค้าวีไอพีที่พวกเราเชิญมาเป็นพิเศษ ยินดีมากที่ได้รับใช้ท่าน!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มรับ “ขอบใจมาก พวกเราไปกันเถอะ!”
“แขกผู้มีเกียรติท่านนี้โปรดรอเดี๋ยว!” ผู้ดูแลงานพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ “หลังจากงานประมูลในคืนวันนี้เสร็จแล้ว ทางเราจะจัดงานเต้นรำที่ยิ่งใหญ่เครื่องอีกดังนั้นคู่ควงสาวที่มาร่วมงาน จะต้องสวมชุดราตรีเข้ามาร่วมงาน”
อวิ๋นเสว่เหยนพูดขึ้นทันทีว่า “อ่า ฉันไม่รู้เรื่องเลย จึงไม่ได้สวมชุดราตรีมา ทำยังไงละ?”
“ท่านไม่ต้องร้อนใจ ท่านคือแขกผู้มีเกียรติคนสำคัญของพวกเรา ทางเรือสำราญได้เตรียมชุดราตรีแบรนด์หรูหราล่าสุดที่มาจากทั่วทุกมุมโลกเตรียมไว้ให้ท่านได้เลือกสรร ยังไงแล้วก็รบกวนคุณผู้ชาย รออยู่ตรงนี้สักครู่ ผมจะพาคุณผู้หญิงท่านนี้ ไปเปลี่ยนชุดราตรี จากนั้นจะพาทั้งสองเข้าไปร่วมงาน!”
เซี่ยงเส้าหลงแย้มยิ้มและพยักหน้าตอบรับ “ไม่มีปัญหาแน่นอน”
ผู้ดูแลงานพาอวิ๋นเสว่เหยน ไปเปลี่ยนชุดราตรีไม่นานนัก ขณะที่เซี่ยงเส้าหลงกำลังยืนรอด้วยท่าทางเบื่อหน่าย จู่ ๆมีเสียงเรียกที่ฟังดูเย่อหยิ่งดังขึ้นมา “พนักงาน พวกคุณตาบอดกันหรือไง! มองไม่เห็นแขกเข้ามาเหรอ?”