ที่แท้ มีดอกเตอร์ท่านหนึ่งกลับจากต่างประเทศเข้ามาที่บริษัทมู่ซือกรุป เมื่อเข้ามาในบริษัท ก็ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการออกแบบ
กล่าวกันว่า ผู้ช่วยผู้อำนวยการคนนี้นั้นมีภูมิหลังที่ใหญ่โตพอควร เป็นลูกสาวของรองประธานอาวุโสท่านหนึ่งของบริษัท ดังนั้น ด้วยความหยิ่งทะนง จึงไม่เห็นอวิ๋นเสว่เหยนภายในแผนกออกแบบอยู่ในสายตามาตลอด
และครั้งนี้ อาศัยช่วงที่สีเทียนมู่ไม่อยู่ในประเทศ ไม่คาดคิดว่ารองประธานคนนั้นจะซื้อตัวคนในแผนกออกแบบ วางแผนที่จะขับไล่ อวิ๋นเสว่เหยนลงจากตำแหน่ง และสนับสนุนลูกสาวของตัวเองให้ดำรงตำแหน่งแทน!
เมื่อฟังคำอธิบายสั้นๆ ของอวิ๋นเสว่เหยนจบแล้ว เซี่ยงเส้าหลงดวงตาเปล่งประกายและพูดว่า “ มีเพียงกลอุบายแค่นี้ ก็คิดจะบีบคุณออกไปพวกเขาไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
อวิ๋นเสว่เหยนส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง “ครั้งนี้ ฉันรับมือพวกเขาไม่ไหวแล้วจริงๆ !”
“คุณรู้จักตระกูลเฉิงแห่งเมืองอวิ๋นหรือเปล่า? พวกเขาเป็นซัพพลายเออร์หยกรายใหญ่ที่สุดของประเทศ จากข้อมูลที่พวกเราได้รับมา บริษัทสาขาย่อยที่ตระกูลเฉิงเตรียมการจัดตั้งในเมืองเทียนไห่ จะเปิดดำเนินการในเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องการหาหุ้นส่วนความร่วมมือในเมืองเทียนไห่!”
“พูดอีกนัยหนึ่งได้ว่า ใครที่สามารถร่วมมือกับตระกูลเฉิงได้สำเร็จ ผู้นั้นก็จะได้รับวัตถุดิบหยกที่ถูกที่สุด ที่มีคุณภาพดีที่สุด ในช่วงที่กำลังแข่งขันกันเช่นนี้ ก็สามารถเปิดเผยตัวขึ้นมา แล้วครอบครองแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุด!”
“ดังนั้น ทุกคนในธุรกิจเดียวกันทั่วทั้งเทียนไห่ ต่างจ้องที่จะร่วมมือกับตระกูลเฉิงให้ได้!”
“รองประธานอยากที่จะลงจากตำแหน่ง แต่ผู้ถือหุ้นบางส่วนในคณะกรรมการเห็นถึงความสามารถของฉันและไม่อยากให้สือเหย่นจิ้งมาแทนตำแหน่งของฉัน ต่อมาหลังจากการพูดคุยกัน ก็ยอมถอยคนละก้าว ให้ฉันและสือเหย่นจิ้งได้แข่งขันกัน เพื่อดูว่าใครสามารถทำสัญญาความร่วมมือกับตระกูลเฉิงได้ก่อน!”
“คนที่พ่ายแพ้ ก็จะต้องลาออก คนที่ยังอยู่ แน่นอนว่าจะก็ต้องได้เป็นผู้อำนวยการระดับสูงของบริษัทมู่ซือกรุป!”
“แข่งขันกันในฐานะเดียวกัน หรือว่าคุณจะไม่เชื่อมั่นในตัวเองเหรอ?”
อวิ๋นเสว่เหยนส่ายหน้าอย่างหมดอาลัย “ถ้าหากแข่งขันกันในฐานะเดียวกันจริงๆ หากว่าแพ้ นั้นก็เป็นที่ฉันมีความสามารถด้อยกว่า ไม่มีอะไรจะพูดอีก แต่ว่าผู้รับผิดชอบบริษัทสาขาเทียนไห่ของตระกูลเฉิงนั้น เป็นเพื่อนชายของสือเหย่นจิ้งนี่สิ!”
“การแข่งขันครั้งนี้ ไม่ต้องพูดถึงความยุติธรรม มาตั้งแต่ต้นแล้ว!”
สายตาเซี่ยงเส้าหลงครุ่นคิด หากเป็นดั่งที่อวิ๋นเสว่เหยนพูดมาทั้งหมดเมื่อครู่นี้ หากแข่งขันครั้งนี้มีความยุติธรรม ผู้ชนะเป็นราชาผู้แพ้เป็นโจร ใครก็ว่าอะไรไม่ได้ เซี่ยงเส้าหลงเองก็ไม่ใช้อำนาจของตัวเองไปแทรกแซงชีวิตปกติของอวิ๋นเสว่เหยนมากเกินไป
แต่ว่า หากการแข่งขันครั้งนี้เต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว ฮึฮึ ใครก็ยากที่จะมองดูอยู่เฉยๆ ได้?
บางทีคนตระกูลอื่น เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามไปหน่อย แต่หากเป็นตระกูลเฉิงแห่งเมืองอวิ๋นแล้ว บังเอิญว่าผู้นำตระกูลเฉิงก็คือทหารที่เคยร่วมรบกับเซี่ยงเส้าหลงก่อน!
“รอผมสักครู่ ผมขอออกไปโทรศัพท์!”
จากนั้นก็ผลักประตูออกไป กดหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้คิดต่อกันนานเบอร์หนึ่ง
“ฮัลโหล?”
ปลายสายโทรศัพท์อีกฝั่ง เป็นน้ำเสียงที่จริงจังเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
“เหล่าไห่ สบายดีไหม?”
ปลายสายนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้น ก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “นายพลน้อย?คุณคือนายพลน้อย?!”
“ฮ่าฮ่า ห้าปีแล้วนะ นึกไม่ถึงว่าคุณยังจำเสียงผมได้!”
“อดีตกองทัพชายแดนเหนือเฉิงเซิ้งไห่แสดงความเคารพนายพลน้อย!”
เสียงปลายสายดังกังวานพูดว่า “อย่าว่าแต่ห้าปี แม้จะตายไป ผมก็ไม่มีวันลืมเสียงของนายพลน้อย!”
“จู่ๆ คุณโทรศัพท์มาหา มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ?”
“ฮ่าฮ่า ถูกต้องแล้ว!”
“คุณโปรดสั่งมาได้เลย แม้ว่าผมจะแก่แล้ว ผมก็จะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ!”
หลังจากนั้นห้านาที เซี่ยงเส้าหลงเดินกลับมาที่ห้อง เอ่ยปากพูดว่า “คุณสบายใจได้แล้ว ฉันก็รู้จักคนตระกูลเฉิง เคยทักทายกันมาก่อน พรุ่งนี้เช้าตรู่ก็เข้าไปเซ็นสัญญา!”
อวิ๋นเสว่เหยนมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ “ที่คุณพูดนั้นเรื่องจริงเหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงหัวเราะฮ่าฮ่าพูดว่า “ผมเคยโกหกคุณเมื่อไหร่กัน?พรุ่งนี้ผมจะไปเซ็นสัญญากับคุณ!”
ค่ำคืนผ่านไป รุ่งเช้าในวันที่สอง หลังจากส่งอวิ๋นเยนเอ๋อไปโรงเรียนแล้ว ท่ามกลางความสงสัยของอวิ๋นเสว่เหยน เซี่ยงเส้าหลงพาเธอไปถึงสำนักใหญ่ของบริษัทสาขาเทียนไห่ของตระกูลเฉิง
และแผนกออกแบบของบริษัทมู่ซือกรุป ติดตามความเคลื่อนไหวของอวิ๋นเสว่เหยน ตั้งแต่สือเหย่นจิ้งรู้ข่าวว่าพวกเขาเดินทางไปที่สำนักงานสาขาตระกูลเฉิง เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมาในทันที “ฮ่าฮ่า……อยากจะหัวเราะ!พวกคุณรู้ไหม?อวิ๋นเสว่เหยนกล้าไปที่บริษัทสาขาเทียนไห่ของตระกูลเฉิงแล้วจริงๆ !”
“อีกทั้งยังไปพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นคงจะเป็นคนคนนั้นที่พวกคุณพูดถึงกัน เพียงแค่รู้ว่าอาศัยอยู่กับอวิ๋นเสว่เหยน คงเป็นสามีไร้ประโยชน์คนนั้น ที่เอาแต่กิน เอาแต่ดื่ม?”
“อะไรนะ? อวิ๋นเสว่เหยนยังไปกับไอ้สวะคนนั้นเหรอ? น่าตลกสิ้นดี อวิ๋นเสว่เหยนคงสับสนจนทำอะไรเลอะเลือน คาดหวังจะให้เซี่ยงเส้าหลงไอ้สวะคนนั้นช่วยกู้สถานการณ์เหรอ?ช่างน่าขันจริงๆ !”
เพื่อนร่วมงานที่พอคุ้นเคยกับเรื่องครอบครัวของอวิ๋นเสว่เหยน จู่ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมาเสียงดัง!
“หรือว่าอวิ๋นเสว่เหยนจะไม่รู้ว่า ผู้รับผิดชอบบริษัทสาขาเทียนไห่ของตระกูลเฉิงนั้นเป็นแฟนพี่จิ้งของพวกเราเหรอ? พวกเขาไปครั้งนี้คงโดนรังแกแน่?”
กลุ่มเพื่อนร่วมงานแผนกออกแบบที่อยู่ฝ่ายเดียวกับสือเหย่นจิ้งทุกคนต่างก็พากันหัวเราะเยาะ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง!
สือเหย่นจิ้งยิ้มมุมปาก “ดูท่าทางแล้ว ผลลัพธ์น่าจะออกมาในไม่ช้าแล้ว คณะกรรมการแก่คร่ำครึกลุ่มนั้น คราวนี้ก็คงไม่มีอะไรจะพูดแน่ แจ้งให้กลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัทให้ทราบ อีกสักครู่ ฉันจะให้อวิ๋นเสว่เหยน ไม่มีทางแก้ตัวได้อีกต่อหน้าของทุกคน!”
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยงเส้าหลงและอวิ๋นเสว่เหยนได้มาถึงประตูทางเข้าของบริษัทสาขาเทียนไห่ของตระกูลเฉิงอย่างรวดเร็ว
“คุณมั่นใจเหรอ?”
อวิ๋นเสว่เหยนถามด้วยความกังวลใจเล็กน้อย
ปัจจุบันนี้ เพื่อนๆ ที่ไม่น่าเชื่อถือก็มีเยอะ ตระกูลเฉิงมีอำนาจอะไร เธอนั้นรู้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เชื่อมั่นเซี่ยงเส้าหลง เพียงแค่คำสัญญาของเพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อมีผลประโยชน์มากมายอยู่ตรงหน้า บางครั้งก็ไร้ซึ่งพลังอำนาจ
“เหยนเหยน เชื่อใจผม!”
เซี่ยงเส้าหลงมองหน้าเธอ ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
อวิ๋นเสว่เหยนกัดฟันตัดสินใจอย่างแน่วแน่ขึ้นในใจ ไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว เซี่ยงเส้าหลงเป็นความหวังเดียวของเธอแล้ว!
ขณะที่ก้าวแรกเดินเข้าไปที่สาขาของตระกูลเฉิง ชายหนุ่มรูปร่างสง่างามคนหนึ่ง แย้มยิ้มเดินเข้ามา “ท่านนี้คงเป็นอวิ๋นเสว่เหยน คุณหนูอวิ๋นนั้นใช่ไหม?ผมขอแนะนำตัวเอง ผมชื่อเฉิงจื่อเจีย นายน้อยของตระกูลเฉิงแห่งเมืองอวิ๋น!”
“อะไรนะ? คุณ……คุณคือลูกชายของผู้นำตระกูลเฉิง?”
อวิ๋นเสว่เหยนตกใจขึ้นในทันที!
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่ติดต่อกับเธอ แท้จริงแล้วเป็นลูกชายของผู้นำตระกูลเฉิง อีกทั้งดูท่าทางแล้ว เหมือนจะตั้งใจมารอเธอที่นี่เป็นพิเศษ
เฉิงจื่อเจียยิ้มแล้วพยักหน้าไม่มีการวางมาดแม้แต่น้อย “ใช่ครับ พ่อของผมเป็นผู้นำตระกูลเฉิงแห่งเมืองอวิ๋นเฉิงชื่อเฉิงเซิ้งไห่”
“คุณหนูอวิ๋น ผมเข้าใจถึงสถานการณ์พอสมควรแล้ว ตระกูลเฉิงมีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับบริษัทของคุณสัญญาผมได้จัดทำไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร พวกเราสามารถเซ็นสัญญาได้ตลอดเวลา”
“อ๋า? เซ็นสัญญากันตอนนี้เลยเหรอ?”
อวิ๋นเสว่เหยนเผยให้เห็นแววที่ไม่น่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ทำยังไงเธอก็นึกไม่ถึงว่า โชคจะมาหาในเวลาที่ฉับพลันถึงเพียงนี้
“ทำไม? คุณหนูอวิ๋นยังติดปัญหาอะไรเหรอ?”
เฉิงจื่อเจียแย้มยิ้มถาม
เขากล้าจะชักช้าเหรอ? แน่นอนว่าไม่กล้า!
หลังได้รับโทรศัพท์ของเซี่ยงเส้าหลงในคืนวันนั้น เฉิงเซิ้งไห่ได้บังคับลูกชายของตนออกมา เพื่อรีบไปให้ทันเครื่องบินเที่ยวพิเศษของเทียนไห่ ด้วยสถานะของเซี่ยงเส้าหลง คุณชายของตระกูลเฉิงท่านนี้ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี เป็นบุคคลที่พ่อของตนเคารพมากที่สุด นายพลน้อยกองทัพชายแดนเหนือผู้ไร้เทียมทาน หลายปีมานี้ตระกูลเฉิงทำธุรกิจใหญ่โตมาได้ขนาดนี้ เซี่ยงเส้าหลงเองก็ใช้เส้นสายไปก็ไม่น้อย
เทพผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มหรี่ตาอยู่ เฉิงจื่อเจียหรือจะกล้าที่จะทำอะไรชักช้า!
“ไม่มีปัญหา! ไม่มีปัญหาแน่นอน!”
อวิ๋นเสว่เหยนตกตะลึงแกมประหลาดใจ
จากนั้นเฉิงจื่อเจียหันหน้าไปทาง เซี่ยงเส้าหลงขณะกำลังจะเอ่ยปากพูด เซี่ยงเส้าหลงกลับส่ายหน้าทำสัญญาณให้กับเขา
เฉิงจื่อเจียไม่พูดอะไรต่อ แต่ดวงตานั้นแสดงถึงความเคารพอย่างสุดซึ้ง กลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน พนักงานทั้งหมดในแผนกออกแบบของบริษัทมู่ซือกรุปมารวมตัวกัน นอกจากนี้ ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่อีกสองท่าน
คุณสือไท่รองประธานบริษัทมู่ซือกรุปและคุณจางเจิ้งซิวคณะกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่!
แน่นอนว่านอกจากประธานสีเทียนมู่แล้ว ทั้งสองคนนี้เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุด!
สือเหย่นจิ้งมองจางเจิ้งซิวยิ้มแล้ว พูดว่า “ประธานจาง อวิ๋นเสว่เหยนได้เดินทางมาถึงสาขาตระกูลเฉิง อีกไม่นาน ก็คงจะเห็นผลชัดเจนแล้ว ถึงเวลานั้นประธานจางก็จะรู้ว่า ใครเป็นผู้ที่มีความสามารถและเหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกออกแบบของบริษัทมู่ซือกรุป!”
“ก็ใช่ ประธานจาง พี่จิ้งถึงจะเป็นดีไซเนอร์ที่เก่งกาจที่สุดในบริษัทมู่ซือกรุปของพวกเรา!”
“ถูกต้อง แผนกออกแบบมีเพียงอยู่ภายใต้การนำของพี่จิ้ง ถึงจะสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับบริษัทได้!”
เดิมที อวิ๋นเสว่เหยนขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการไม่คิดที่จะผิดต่อแผนกออกแบบทุกคน และยิ่งอยู่ภายใต้สถานการณ์การทุ่มเงินทองสุดกำลังของสือเหย่นจิ้ง แน่นอนว่าก็จะต้องพูดชมเชยยกย่องเขาเป็นธรรมดา
ใบหน้าจางเจิ้งซิวไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย “จะพูดอะไรตอนนี้ เร็วไปหน่อยไหม!”
“ฮ่าฮ่า……”
สือเหย่นจิ้ง แสดงสีหน้ามั่นใจเป็นอย่างมาก “ฉันลืมบอกประธานจางไปว่า หานเทาเป็นผู้รับผิดชอบสำนักงานสาขาตระกูลเฉิง ในเมืองเทียนไห่ ความจริงแล้วเป็นเพื่อนชายของฉัน อีกครั้งระหว่างเราสองคน กำลังคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว สำหรับความร่วมมือของตระกูลเฉิง นอกจากฉันสือเหย่นจิ้ง ที่จะสามารถเจรจาได้สำเร็จ ไม่มีทางที่จะมีคนที่สองไปได้ ประธานจางคิดว่า ฉันพูดเรื่องนี้ ยังจะเร็วไปอีกหรือไม่?”
“อะไรนะ เรื่องนี้จริงเหรอ?”
สีหน้าจางเจิ้งซิว แสดงหรือความประหลาดใจออกมา
สือไท่ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองเห็นสีหน้าของเขา เผยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย “ฉันมันคนความจำแย่จริงๆ ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย!”
“เหล่าจาง หากถึงเวลาที่เด็กทั้งสองได้แต่งงานกัน อย่าลืมมาดื่มเหล้ามงคลด้วยกันล่ะ!ฮ่าฮ่า……”
สีหน้าจางเจิ้งซิวบูดบึ้งจนดูไม่ได้ ในครั้งนั้นเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออวิ๋นเสว่เหยน ประกาศแรก ชื่นชมในความสามารถของเธอ ประการที่สอง ความทะเยอทะยานของสือไท่ในเวลาสองปีมานี้ ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำแผนกออกแบบบริษัทมู่ซือกรุป หากตกอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของลูกสาวสือไท่ พ่อลูกทั้งสองร่วมมือกันบริษัทมู่ซือกรุป คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง กันยกใหญ่ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนเก่าแก่ของบริษัทมู่ซือกรุปปรารถนาที่จะเห็น สภาพเช่นนั้น!
โอ้ว!
ขณะที่ภายในใจของเขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูใหญ่ก็เปิดขึ้น อวิ๋นเสว่เหยนกับเซี่ยงเส้าหลงเดินเข้ามา