“ขาของฉัน! โอ๊ย!ขาของฉัน!”
ยางิวโกโจต้องการจับขาของเขา แต่กลับถูกเซี่ยงเส้าหลงเหยียบไว้อย่างหนักแน่น ได้แต่นอนคร่ำครวญอยู่บนพื้นและชักกระตุกไปทั้งตัว!
“แกกล้าหักขาโกโจซังหรือ?”
นักการทูตของสถานทูตตัวสั่นไปหมด พวกเขามองไปที่เซี่ยงเส้าหลงด้วยสายตาเหลือเชื่อ แล้วก็คำรามอย่างโกรธเคือง “คุณมีปัญหาแน่! คุณต้องชดใช้ให้กับสิ่งที่คุณทำ!”
“ใครก็ได้มาจับตัวมันไปเดียวนี้!”
“เดียวก่อน!”
ฉวี่อี้หมินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ฉันคือฉวี่อี้หมินจากตระกูลฉวี่ของมณฑลหลู่ คุณจะจับคนคนนี้ไปไม่ได้!”
“ใช่! พวกคุณจะเอาตัวเขาไปไม่ได้นะ!”
“พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาจับฮีโร่ของเรา? เราไม่เห็นด้วย!”
นักการทูตตวาดอย่างเย็นชา “ฉวี่อี้หมิน ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลมณฑลหลู่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเขากำลังเหยียบใครอยู่?”
“เขาเป็นลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐีอันดับสองของประเทศเรา คนคนนี้ต้องชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่เขาทำลงไป วันนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจช่วยเขาได้!”
“ถ้าใครกล้าขัดขวาง…”
ความเย่อหยิ่งฉายผ่านสายตาของนักการทูต “และใครคนนั้นก็จะกลายเป็นนักโทษที่ยั่วยุนักการทูต!”
เมื่อเรื่องมันมาถึงจุดนี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เงียบกริบในทันที และแม้แต่สีหน้าของฉวี่อี้หมินก็ไม่แน่วแน่เหมือนดั่งที่เคย!
“เชอะ! เอาตัวเขาไปซะ! หากมีใครกล้าขัดขืน ก็ปราบปรามด้วยความรุนแรงได้เลย!”
“ฮ่าฮ่า…” ยางิวโกโจหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “แกตายแน่! แกตายแน่! ตกอยู่ในมือของฉัน ฉันจะทรมานแกให้ถึงที่สุด!”
“ท่านฉวี่! คุณต้องช่วยเขานะ!”
ฉวี่อี้หมิน แสดงสีหน้าเคร่งเครียด “เขาพูดถูก สถานทูตเป็นสถาบันระดับชาติ พวกเขามีกองกำลังติดอาวุธอยู่ในมือ หากเราหัวรุนแรงเกินไป พวกเขาสามารถใช้มาตรการรุนแรงกับเราโดยอ้างว่าพวกเราคุกคามความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และพวกเขาจะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แบบนี้เราก็ได้ไม่คุ้มเสียนะสิ!”
“ฉันจะกลับไปทันที ฉันจะหาคนมาช่วยโดยการใช้เส้นสายของตระกูลฉวี่ไม่ต้องกังวล เสี่ยวเซี่ยงไม่เพียงแต่เป็นฮีโร่ของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ช่วยชีวิตของฉันด้วย ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาถูกข่มเหงอย่างแน่นอน!”
ต่อหน้าคนติดอาวุธที่จ้องมองพวกเขา เซี่ยงเส้าหลงยังคงเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเหลือบมองพวกเขาและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “อย่าเล็งปืนมาที่ฉันแบบนี้ มิฉะนั้นคุณจะเสี่ยงใจทีหลัง!”
“ฮ่าฮ่า…ในสถานการณ์แบบนี้แกยังจะอวดดีอีกเหรอ เล็งปืนไปที่แกแล้วอย่างไง? ต่อให้เราฆ่าแกมันก็เป็นการป้องกันที่ถูกต้อง แต่ถ้าแกกล้าขัดขืนแม้แต่นิดเดียว ก็จะโดนข้อหารบกวนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แบบนี้คุณยังกล้าที่จะลงไม้ลงมือกับเราอีกไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงหรี่ตาลงเล็กน้อยและถอนหายใจทันที “เฮ้ มีคนโง่เขลาที่ไม่กลัวตายอยู่เสมอ!”
ทันทีที่พูดจบประตูก็ถูกเปิดออก ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีปืนจริงอยู่ในมือก็พุ่งเข้ามา สถานการณ์พลิกผันในทันที และนักการทูตทุกคนก็ถูกเล็งด้วยปืนมากกว่าสามกระบอกในทันที!
“วางปืนลงเดียวนี้ ไม่เช่นนั้น เราจะใช้มาตรการบังคับกับคุณ!”
หัวหน้ากลุ่มทหารตะโกนสุดเสียง!
ทันใดนั้นนักการทูตทุกคนก็ตื่นตระหนกอย่างมาก “พวกคุณเป็นใคร!”
“เราเป็นคนของสถานทูตและพวกคุณทำแบบนี่มันไม่ถูกต้องตามกฎ!”
“กฎอะไร?”
เซี่ยงเส้าหลงแสยะยิ้ม และพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ที่นี่ ฉันคือกฎ!”
“ยึดปืนของพวกเขาซะ และหากใครกล้าขัดขืน…” ดวงตาของเขาเป็นประกาย และเจตนาฆ่าก็ล้นหลามออกมาจากสายตาเขา “ก็ยิงได้เลย!”
“รับทราบครับ!”
เมื่อได้รับคำสั่งแล้วเหล่าทหารก็ปฏิบัติตามคำสั่งในทันที กองทัพชายแดนทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างเฉียบขาดเสมอ สถานเอกอัครราชทูตที่เย่อหยิ่งแต่เดิมถูกลดระดับมาเป็นนักโทษทันที เซี่ยงเส้าหลงยืนเชิดหน้าชูคอและมองไปยังนักการทูตที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “อย่างพวกคุณเนี่ยนะ จะมาจับฉันไปเป็นนักโทษ? พวกคุณไม่คู่ควรหรอก?
นักการทูตคำราม “ไอ้พวกต่ำต้อย กล้าดียังไงมาทำกับผู้สูงศักดิ์อย่างเราเช่นนี้? คอยดูนะ เราจะให้พวกแก…”
ปั้ง!
มีควันสีขาวจางๆ พ่นออกมาจากปากกระบอกปืน และเซี่ยงเส้าหลงมองไปที่ใบหน้าตื่นตระหนกที่สิ้นลมหายใจไปแล้วของนักการทูตด้วยใบหน้าเย็นชา “ตอนนี้ มันไม่ใช่ราชวงศ์ชิงอีกต่อไปแล้ว…”
หลังจากนั้น เขาเดินไปหายางิวโกโจราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดด้วยเสียงต่ำ “ตามทางเลือกที่เสนอไปเมื่อกี้ คุกเข่าหรือขาหัก?”
“ปีศาจ! แกมันปีศาจ!”
ในเวลานี้ใบหน้าของยางิวโกโจเต็มไปด้วยความสยดสยอง เขาไม่สนใจความเจ็บปวดที่ขาของเขาเลย
“ดูเหมือนว่า คุณได้ให้เลือกแล้ว!”
ตะครุบ!
ตามด้วยเสียงอันดังลั่น ขาอีกข้างหนึ่งของเขาถูกเหยียบจนหัก!
ยางิวโกโจกลอกตาและหมดสติไปโดยตรง
“โยนพวกเขากลับไปที่สถานทูตซะ และกลับไปบอกหัวหน้าของพวกแกว่าฉันเป็นคนที่ฆ่าพวกเขาเอง ถ้ามีปัญหาอะไรให้มาหาฉันโดยตรง!”
พวกเขาไม่กล้าต่อต้านเขาอีก จากนั้นพวกเขาก็ถูกพาออกไปทีละคน ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงหันกลับมาและหยุดลงที่ชายหนุ่มสุนัขคนนั้นอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็คิดได้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นก็เห่าสองครั้งและรีบวิ่งหนีไปด้วยสี่ขา ความเร็วนั้นไม่น้อยหน้าความเร็วของสุนัขจริงๆ เลย!
“ท่านเหอขอโทษนะ ที่ทำให้ที่ของคุณต้องแปดเปื้อน เดี๋ยวรบกวนคุณไปจ้างคนมาทำความสะอาดด้วยนะ!”
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเซี่ยงเส้าหลง เหอจงซวินเลยตื่นจากความตกใจและยิ้มอย่างเจื่อนๆ “เสี่ยวเซี่ยงเอ๊ย คุณนี่น่าทึ่งจริงๆ เลย!”
ขนาดคนที่มีฐานะอย่างฉวี่อี้หมิน เวลามองไปที่ทหารติดอาวุธเหล่านี้ ก็ยังรู้สึกสะเทือนใจเลย “เสี่ยวเซี่ยงคุณเป็นใครกันแน่?”
“ฮ่าฮ่า ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ชอบดูท่านทั้งสองเล่นหมากรุกก็เท่านั้นเอง!”
“ท่านเหอใกล้เที่ยงแล้ว ฉันช่วยนายมากขนาดนี้ จะไม่ชวนฉันไปทานข้าวกลางวันหน่อยหรือ?”
ชายชราทั้งสองชำเลืองมองกันและกัน แล้วหัวเราะ จริงสิ! ไม่ว่าเซี่ยงเส้าหลงจะเป็นใคร พวกเขาทั้งสองเพียงต้องการเป็นเพื่อนกับเซี่ยงเส้าหลงเท่านั้น!
“ได้สิ! มื้อเที่ยงนี้ฉันเลี้ยงเอง วันนี้ฉันจะดื่มกับเสี่ยวเซี่ยงอย่างเต็มที่ไปเลย!”
“เหล่าเหอถ้าอย่างนั้นฉันขอทานด้วยคนอย่างหน้าด้านเลยนะ?”
“ได้!ไม่มีปัญหา!”
ทั้งสามรับประทานอาหารด้วยกันและพูดคุยกันอย่างมีความสุข และมิตรภาพระหว่างชายหนุ่มและชายชราทั้งสองก็ใกล้ชิดยิ่งขึ้น นายท่านฉวี่ดื่มหนักจนหน้าแดงก่ำ เขาดึงแขนเซี่ยงเส้าหลงและพูดอย่างคลุมเครือว่า “เสี่ยวหลงหลานสาวของฉันกำลังจะหมั้นในเร็วๆ นี้แล้ว คราวนี้ นายต้องตามฉันกลับไปที่เมืองจี้ตงให้ได้นะ!”
เซี่ยงเส้าหลงเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไอ้แก่นี้ดื่มมากไปหรือเปล่า หลานสาวของคุณจะแต่งงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่ใช่หลานเขยของคุณสักหน่อย!
“ฉันอยากให้คุณเป็นพยานสมรสในงานหมั้น!”
ทันใดนั้นเซี่ยงเส้าหลงก็ตกใจอย่างมาก “ท่านฉวี่ อย่าทำให้ฉันตกใจสิ ฉันจะไปเป็นพยานให้กับเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร!”
ฐานะของตระกูลฉวี่ เป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในมณฑลหลู่ และยังเป็นผู้มีอิทธิพลของประเทศด้วย ดังนั้นจะต้องมีผู้คนที่มีฐานะทางสังคมมากมายมาร่วมงานหมั้นของหลานสาวฉวี่อี้หมิน อย่างแน่นอน สถานภาพของเขาเซี่ยงเส้าหลงคืออะไร แล้วตัวเองจะเหมาะสมกับการเป็นพยานสมรสมากกว่าเศรษฐีเหล่านี้ได้ยังไง?
ฉวี่อี้หมินยิ้มและส่ายหัว เขาจะพูดภาษาคนเมาอีกเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่!
ฉวี่อี้หมินคือใครเหรอ อย่ามองว่าเขาอายุมากแล้ว แต่เขาฉลาดขั้นเทพเลยแหละ เขามีทักษะทางการแพทย์ที่แม้แต่แพทย์อัจฉริยะอย่างภูเขาถังติ่ง ยังต้องยอมแพ้ เขามีทักษะหมากรุกที่ยอดเยี่ยมกว่าเทพหมากรุกอย่างเหอจงซวิน และฉวี่อี้หมินสามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วว่ากลุ่มทหารที่ปรากฏตัวในเมื่อสักครู่นี้เป็นทหารเลือดเหล็กที่มีประสบการณ์สงครามด้วยจิตวิญญาณที่กระหายเลือดทั่วร่างกาย เห็นแบบนี้แล้วใครยังจะกล้าพูดว่าเซี่ยงเส้าหลงเป็นคนธรรมดาอีก?
“เสี่ยวหลงนายรู้ไหม หลานสาวของฉันคนนี้เพิ่งปลดประจำการได้ไม่นาน ฉันคิดว่าคุณสองคนมีหลายอย่างที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนายเหมาะสมกับตำแหน่งพยานสมรสในครั้งนี้ที่สุดแล้ว!”
“ตกลงตามนี้นะ!”
ตกลงบ้าบออะไรเนี่ย!
หลานสาวของคุณเคยเป็นทหารแล้วยังไง? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าไอ้แก่นี้กำลังจับคู่ให้ตัวเองอยู่?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็พูดทันทีว่า “ท่านฉวี่ ฉันขอขอบคุณสำหรับความกรุณาของคุณ แต่ภรรยาและลูกๆ ของฉันอยู่ที่เมืองเทียนไห่ และในระยะเวลาอันสั้นฉันคงไม่สามารถไปกับคุณได้”
ทันใดนั้นฉวี่อี้หมิน ก็ยิ้มอย่างลึกลับ “คนรักของนาย เป็นผู้อำนวยการออกแบบของบริษัทมู่ซือกรุปใช่ไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที
ตามที่คาดการณ์ไว้ โทรศัพท์ดังขึ้นทันที และเมื่อเชื่อมต่อแล้ว มันคืออวิ๋นเสว่เหยนที่โทรมา!
“เซี่ยงเส้าหลง ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วยหน่อย!”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“บริษัทภายใต้ตระกูลใหญ่ของมณฑลหลู่อย่างตระกูลฉวี่เซ็นสัญญาครั้งใหญ่กับบริษัทมู่ซือกรุป แต่อีกฝ่ายหนึ่งแต่งตั้งให้นายเป็นผู้เซ็นสัญญา ดังนั้นคงต้องรบกวนนายเดินทางไปจัดการเรื่องนี้ที่เมืองจี้ตงด้วยตัวเอง และไปเซ็นสัญญากับตระกูลฉวี่ให้เรียบร้อยด้วยนะ!”
“ตกลงตามนี้นะ! นายรีบไปจัดกระเป๋าเดินทางเถอะ ยิ่งออกเดินทางเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ถ้านายไม่สามารถนำสัญญาฉบับนี้กลับมาให้ฉันได้ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้นาย!”
หลังจากที่วางสายแล้ว เซี่ยงเส้าหลงก็ตกอยู่ในความงุนงง!
เมื่อมองไปที่ใบหน้าสมคบคิดสำเร็จของฉวี่อี้หมิน เขาก็กัดฟันด้วยความแค้น “ท่านฉวี่ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?”
“ฮิฮิ…นายช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันยังไม่มีโอกาสตอบแทนนายเลย เสี่ยวหลงฉันสัญญาว่าทริปนี้จะไม่ทำให้นายผิดหวังอย่างแน่นอน!”