ฉวี่เสี่ยวอี้จับที่เท้าแขนอย่างแน่น ท้องไส้ที่ปั่นป่วนของเธอถูกแทนที่ด้วยความกลัวในทันใด การดริฟท์ที่สวยงามในทุกๆครั้ง ทำให้ใจของเธอสั่นระรัวจนแทบขาดใจ!
“ตกลงนายเป็นใครกันแน่?ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!คุณตำรวจ ช่วยด้วย!”
เมื่อเหลือบมองใบหน้าอันซีดเซียวของฉวี่เสี่ยวอี้ เซี่ยงเส้าหลงก็ได้กล่าวอย่างดูหมิ่นว่า “ความกล้าของเธอ มาเป็นทหารได้ยังไงกัน!น่าอับอายจริงๆ!”
“ฉันเป็นทหารก็เป็นแค่ทหารสัญญาณ เอ๊ะ?ไม่สิ นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเคยเป็นทหารมาก่อน?”
เซี่ยงเส้าหลงกล่าวอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่ได้รู้เพียงแค่ว่าเธอเคยเป็นทหารหรอกนะ ฉันยังรู้อีกว่าถ้าวันนี้เธอไม่ได้ฉันล่ะก็ ตอนนี้เธอคงได้ไปอยู่บนเตียงของใครคนหนึ่งในพวกเสี่ยวๆสี่คนนั่นแล้ว”
เธอใช้สมองนึกถึงความทรงจำที่คลุมเครือนั้น จากนั้นฉวี่เสี่ยวอี้ส่ายหัวและจ้องมอง ทันใดนั้น เธอก็นึกออกในพริบตา “ฉันนึกออกแล้ว นายคือกุ๊ยที่เข้ามาในห้องน้ำหญิงนี่!”
เซี่ยงเส้าหลงขับโซเซ เขาเกือบจะเหยียบเบรกแทนคันเร่งซะแล้ว ความรู้สึกตงิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “เข้าใจผิด!นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ฉันเดินเข้าไปผิดต่างหาก!”
ฉวี่เสี่ยวอี้ทำเสียงฮึฮึ “เดินเข้าไปผิด?ใครเขาจะเชื่อกัน!เห็นจากรูปร่างท่าทางของนายแล้ว นี่มันเหมือนกับนักโทษชัดๆ!”
ให้ตายสิ!
มันเป็นสิ่งที่ดูได้จากหน้าตาหรือยังไงกัน?
เซี่ยงเส้าหลงกัดฟัน “เธอมันเด็กน้อย อย่ามาทำตัวไม่เห็นความดีของผู้อื่นไปหน่อยเลย ถ้าคืนนี้ไม่ได้ฉันช่วยเธอไว้ล่ะก็ ป่านนี้เธอจะเป็นยังไงก็ไม่อาจรู้ได้หรอกนะ!”
“ฉันไม่เชื่อหรอก นายวางแผนจะทำอะไรชั่วๆกับฉันล่ะสิถึงจะถูก!ลงจากรถ!รีบปล่อยฉันลงจากรถเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้เอง ก็ได้มีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาจากเครื่องสัญญาณ “ไอ้หนู!มองไม่เห็นไฟท้ายของพวกเราหรือไง?”
ทันใดนั้น มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เราเป็นเจ้าของสถิติของถนนบนภูเขาเส้นนี้ ใครก็ตามที่ขับรถซอมซ่อมาแข่งชนะเรา เราจะบดขยี้ไอ้พวกอ่อนปวกเปียกนี่ให้เละไปเลย”
“กล้ามาแข่งรถกับเรา ฉันจะทำให้นายมาอยู่ข้างหลังดมกลิ่นท่อไอ้เสียเอง”
เมื่อได้ยินคำยั่วยุที่หยิ่งผยองของคุณชายสี่แห่งเมืองหนาน มุมปากของเซี่ยงเส้าหลงก็ยกขึ้นเล็กน้อย “เฮ้เฮ้…ให้แสงสว่างพวกแกแค่นิดหน่อย แต่กลายเป็นเจิดจรัสไปได้ซะนี่!”
“ฉันไม่ได้แตะรถมานานมากแล้ว ตอนนี้ก็พอที่จะคุ้นชินกับมันขึ้นมาหน่อย ในเมื่อพวกนายต้องการจะเล่น งั้นฉันก็จะเล่นเป็นเพื่อนพวกนายก็แล้วกัน!”
“เจ้าหนู เงียบไว้และจับที่เท้าแขนเอาไว้ให้ดี ถ้าโดนเหวี่ยงลงไปจากรถ ฉันไม่รับผิดชอบทุกกรณีนะ!”
ร่างกายของฉวี่เสี่ยวอี้กระชับขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นท่าทางที่ดูจริงจังของเขา แววตาแห่งความกลัวก็แวบเข้ามา “นาย…นายจะทำอะไรน่ะ?”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงที่ดังกังวานออกไป “ให้พวกเขาได้เห็นว่าทักษะที่แท้จริงเป็นยังไง!”
สวด!
รถกอล์ฟสีขาวพุ่งออกอย่างรวดเร็วราวกับศรธนู ด้านหนึ่งมีกำแพงภูเขา ส่วนอีกด้านมีหน้าผาชัน ทุกซอกทุกมุมล้วนแต่เป็นพื้นขรุขระ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชะลอตัวรถเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เขากลับเพิ่มแรงคันเร่งขึ้น ล้อหลังถูกระงับลง อาศัยแรงเฉื่อยบังคับรถเข้าทางโค้งแทน!
ทุกๆการเลี้ยวโค้งต้องมีความแม่นยำอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้น หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถที่จะทำให้รถชนและเสียชีวิตได้!
ในช่วงเวลาสั้นๆ ระยะห่างของรถโฟล์กสวาเกน กอล์ฟและรถสปอร์ตชั้นนำทั้งสี่คันนั้นใกล้กำลังจะประชิดกันเต็มที!
“พี่ใหญ่ เขาตามมาแล้ว!”
“แม่งเอ๊ย นี่มันคนหรือเปล่าวะเนี่ย ทางโค้งแล้วแต่กลับไม่ชะลอรถเลย!”
เมื่อมองดูรถโฟล์กสวาเกน กอล์ฟที่เร่งความเร็วตามมาผ่านกระจกหลัง ดวงตาของชายหัวแดงก็มีความเกลียดชังแวบเข้ามา “พี่น้อง ยังเหลืออีกโค้งหนึ่ง เราจะใช้รถทั้งสี่คันขวางทางมันเอาไว้ ไม่อย่างงั้นเราก็จะแพ้ให้กับรถโฟล์กสวาเกน กอล์ฟคันเดียว มันคงเป็นเรื่องน่าอายอย่างมาก!”
“ฟังพี่ใหญ่!”
รถสปอร์ตทั้งสี่คันก่อตัวเป็นแถวอย่างรวดเร็ว ขวางทางไม่ให้เซี่ยงเส้าหลงขับไปข้างหน้าได้
นัยน์ตาของเซี่ยงเส้าหลงแฝงไปด้วยความขี้เล่น “จะขวางทางฉันงั้นเหรอ?เฮ้เฮ้ ดูเหมือนว่าพวกนายจะไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่าถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรมสินะ?”
ฉวี่เสี่ยวอี้ที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี “นาย…นายจะทำอะไรน่ะ?”
“เฮ้เฮ้ ฉันจะพาเธอไปเปิดประสบการณ์สักหน่อย ว่าอะไรที่เขาเรียกกันว่ารถไฟเหาะ!”
หลังจากนั้น ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงก็ปรากฏความจริงจังที่ไม่ได้มีมานานขึ้นมา โค้งสุดท้ายข้างหน้า ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงหรี่ลง เขาเห็นหินที่ค่อนข้างเรียบอยู่ทางด้านข้างของถนน เซี่ยงเส้าหลงควบคุมรถได้อย่างแม่นยำด้วยการหักพวงมาลัยอย่างกะทันหัน บวกกับความเร็วของรถที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนกำแพงภูเขาที่สูงชันผ่านมุมของหินก้อนนั้น เขาอาศัยแรงเฉื่อยมหาศาลจากความเร็ว ยางแต่ละเส้นได้รับการจัดแจงอย่างถูกต้องเพื่อให้มีจุดลงจอดที่มั่นคงบนกำแพงภูเขาที่ขรุขระนี้
ด้วยวิธีนี้ รถจึงเปรียบเสมือนกับจิ้งจกขนาดใหญ่ที่ขับผ่านการขวางทางของคุณชายสี่แห่งเมืองหนานและทะยานสู่กำแพงภูเขาแซงหน้าพวกนั้นได้อย่างสมบูรณ์!
“พี่ใหญ่ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?”
“ฉันเหมือนเห็นจิ้งจกสีขาวขนาดใหญ่ ขับผ่านฉันไปทางด้านข้างนี่เอง!”
“พี่ใหญ่ ทำไมรถโฟล์กสวาเกน กอล์ฟสีขาวคันนั้นถึงขับแซงหน้าเราไปได้แล้วล่ะ คงไม่ใช่ว่าเขาคือจิ้งจกสีขาวตัวนั้นหรอกนะ!”
ชวา!
ตรงไปเป็นถนนเส้นตรง คันเร่งผ่อนลง เข้าเส้นชัยไปอย่างราบรื่น
ผู้คนที่ได้เห็นกระบวนการขับรถของเซี่ยวเส้าหลิงที่สมบูรณ์แบบนี้ ต่างพากันเงียบกริบ
พ้าบ!
ประตูข้างคนขับเปิดออกทันที ฉวี่เสี่ยวอี้ไม่ได้พูดอะไร เธอวิ่งไปด้านข้างและอาเจียนออกมา เซี่ยงเส้าหลงเดินลงมาพร้อมกับมองไปที่รถสปอร์ตสี่คันที่เอ้อระเหยลอยชายอยู่ ทำท่าทางที่คาดเดาไม่ได้ออกมา “เฮ้อ ไม่ได้แตะรถมานาน ดูเหมือนทักษะจะถดถอยลงเสียแล้วสิ!”
“นักแข่งขั้นเทพ!นักแข่งขั้นเทพ!นักแข่งขั้นเทพ!”
ไม่รู้ว่าใครที่ตะโกนออกมา แต่มันทำให้จุดชนวนผู้ชมทั้งหมดได้ในพริบตา ผู้คนทั้งหมดต่างพากันตะโกนชื่อเซี่ยงเส้าหลงออกมา สายตาของแต่ละคนคล้ายกับการจ้องมองไอ้ดอลของพวกเขา!
ประตูรถทั้งสี่คันเปิดออกในทันที สี่หนุ่มเสี่ยวทำเสียงร้องห่มร้องไห้วิ่งไปหาเซี่ยงเส้าหลง
“ผู้ยิ่งใหญ่!ยอมรับพวกเราเป็นศิษย์ด้วยเถอะครับ!”
“ใช่!ท่านมาเป็นอาจารย์ของพวกเราเถอะครับ!”
“พวกเราคุณชายสี่แห่งเมืองหนาน จากนี้เป็นต้นไปภายใต้การนำอันรุ่งโรจน์ของท่าน จะจงรักภักดีอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่โดยไม่มีวันที่จะเสื่อมคลาย โปรดยอมรับพวกเราด้วย!”
ขณะที่เซี่ยงเส้าหลงนั้นดูหนักใจอยู่นั้น ฉวี่เสี่ยวอี้ก็เบี่ยงเบนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“นาย มากับฉัน!”
ขณะนี้เอง คุณชายสี่แห่งเมืองหนานก็รู้สึกไม่พอใจ “คนสวย ฉันรู้ว่าท่านอาจารย์ของฉันน่ะหล่อเกินบรรยาย แต่หนทางยังอีกยาวไกล ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก!”
“ใช่ เธอรอให้เราฝากตัวเป็นศิษย์ให้เสร็จก่อน แล้วจากนั้นน้องสี่จะเป็นคนไปขับรถ น้องสามจะเป็นคนไปเปิดห้องให้ น้องรองไปซื้อถุงยาง ส่วนฉันจะเป็นคนเฝ้าประตูให้เอง เพียงเท่านี้ ฉันก็จัดการทุกอย่างให้เธอเสร็จเรียบร้อย”
“พวกนายพูดว่าอะไรนะ?”
ความโกรธของฉวี่เสี่ยวอี้ ถูกระบายโดยชุดมวยทหารที่งดงาม เซี่ยงเส้าหลงมองคุณชายทั้งสี่ที่โดนต่อยจนร้องโหยหวนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นถอนหายใจออกมา เด็กน้อยที่น่าสงสาร ทหารสัญญาณยังไงก็ยังถือว่าเป็นทหารนะ!
ในฐานะตระกูลใหญ่แห่งมณฑลหลู่ ที่อยู่ของตระกูลฉวี่ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในเมืองจี้ตง วิลล่าขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่าสองพันตารางเมตร
เมื่อเห็นคุณหนูลากชายแปลกหน้ากลับบ้านตอนกลางดึก พ่อบ้านของตระกูลฉวี่ถามด้วยความประหลาดใจ “คุณหนู นี่มันอะไรกันครับ?”
ฉวี่เสี่ยวอี้นั้นไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับพูดกับเซี่ยงเส้าหลงด้วยน้ำเสียงที่ดุเดือดว่า “นายนั่งรออยู่ตรงนี้ไปเลยนะ จนกว่าฉันจะกลับมา นายห้ามไปไหนทั้งนั้น!”
ขณะที่พูด ก็กลับหลังหันเข้าไปห้องของตนเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
เซี่ยงเส้าหลงทำปากยื่น นั่งไขว่ห้าง พร้อมกับมองไปที่ห้องโถงของตระกูลฉวี่
“วางขาลงมาให้ฉัน!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนที่ดูเย็นชาดังอยู่ข้างหู เมื่อเซี่ยงเส้าหลงหันกลับมา ก็พบกับพ่อบ้านที่มองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่ดูน่าเกรงขาม
“ไม่ดูเลยว่าที่นี่คือที่ไหน มานั่งไขว่ห้าง ทำตัวหัวมงกุฎท้ายมังกร เป็นคนแบบไหนกันเนี่ย?”
เซี่ยงเส้าหลงหัวเราะเบาๆ “นี่พ่อบ้านสนใจอะไรเยอะไปหน่อยหรือเปล่าครับ ผมจะนั่งยังไงท่าไหนมันก็เรื่องของผม เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”
“บังอาจ!”
“ที่นี่คือบ้านตระกูลฉวี่!มาที่นี่ นายก็ต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูลฉวี่!”
พ่อบ้านมองเขาอย่างน่าเกรงขาม “และฉัน ก็ถือว่าเป็นตัวแทนกฎของตระกูลฉวี่!”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงดูเย็นชา “หรือคุณไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า ผู้ที่มาเยือนถือว่าเป็นแขกน่ะ?”
“นายน่ะเหรอ ที่คู่ควรแก่การเป็นแขกของตระกูลฉวี่น่ะ?”
พ่อบ้านมองดูเสื้อผ้าราคาถูกของเซี่ยงเส้าหลง อีกทั้งทุกที่ก็ยังมีคราบเปื้อนไปหมด แววตาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง “ท่าทางยากจนข้นแค้นแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงจริงๆ ฉันจะบอกนายให้นะว่าคุณหนูของเราน่ะเป็นคนจิตใจดี เห็นแมวหมาที่ไหนน่าสงสาร ก็เต็มใจจะพากลับมาที่บ้านทั้งนั้น แต่ฉันน่ะ ไม่ชอบที่สุดที่มีพวกคนจนแบบพวกนายมาอยู่ต่อหน้าฉัน!”
“ท่าทางของนายอย่างกับขอทาน มาปรากฏตัวที่นี่ มันก็ทำให้สายตาของฉันต้องแปดเปื้อนแล้ว!”
ด้วยน้ำเสียงของพ่อบ้าน รวมถึงความเย่อหยิ่งที่สูงส่ง “ตอนนี้ ฉันจะให้ทางเลือกนายสองอย่าง อย่างแรกคือไสหัวออกไปด้วยตัวเอง หรืออย่างที่สอง ให้ฉันพาคนมาลากตัวนายออกไป!”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลง จมดิ่งลงอย่างสมบูรณ์ “ช่างเป็นพ่อบ้านที่น่าเกรงขามซะจริง แต่เมื่อกี้คุณไม่ได้ยินที่เจ้านายพูดหรือไงกัน ว่าให้ผมอยู่ที่นี่ก่อน?”
“เจ้านาย?”
ความดูถูกแวบเข้ามาในดวงตาของพ่อบ้าน “ก็แค่อีนังหนูที่ไม่รู้เรื่องอะไร จะเป็นเจ้านายได้ยังไงกัน ฉันบอกให้นายไสหัวไปไง เธอยังเด็กน้อยนัก ไม่กล้าพูดอะไรหรอก”
“ฮึ้ม!ลับหลังกลับด่าเจ้านายแบบนี้ ไม่กลัวว่าผมจะเอาไปบอกฉวี่เสี่ยวอี้หรือไงกัน?”
“ฮ่าฮ่า….”
ความรังเกียจผุดขึ้นมาในดวงตาของพ่อบ้าน “ไม่ต้องหรอก เพราะนายจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีก และต่อให้เจอ นายคิดว่าเธอจะเชื่อคำพูดของขอทานหรือไงกัน?”
“หยุดพูดไร้สาระ เรียกคนมาแล้วเอาขอทานนี่โยนออกไปซะ!”
“ดึกดื่นป่านนี้ เอะอะโวยวายอะไรกัน!”
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้นมา ชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
พ่อบ้านยิ้มแย้มรีบทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ในทันที “เจ้าตระกูล ท่านตื่นมาทำไมกันหรือขอรับ?”
“ไม่รู้ว่าคุณหนูไปเก็บขอทานที่ไหนกลับมา กระผมก็เกรงว่ามันจะไปรบกวนการพักผ่อนของท่าน เลยเตรียมพร้อมที่จะให้เงินและไล่ไปขอรับ!”
ฉวี่เฉิงหันศีรษะเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นเซี่ยงเส้าหลงนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูเขาด้วยรอยยิ้ม ปากของเขาก็อ้าค้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ได้ยิ้มและทักทาย “เจ้าเซี่ยง นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?!”
ขณะที่พูดก็เข้าไปกอดโดยไม่ได้คำนึงถึงความสกปรกบนร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นฉากนี้ พ่อบ้านหน้าซีดเผือด ยืนค้างตึงอยู่ตรงนั้น!