ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 62 คุณเซี่ยง ได้โปรด!

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

มุมปากของเซี่ยงเส้าหลงยกขึ้นเล็กน้อย ถอยหลังพร้อมกับหลีกเลี่ยงฉวี่เฉิง “เจ้าตระกูลฉวี่ออกไปให้ห่างจากผมเถอะ ผมเป็นแค่ขอทานคนหนึ่ง จะไปคู่ควรกับการกอดของเจ้าตระกูลฉวี่ได้ยังไงกัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉวี่เฉิงก็ขมวดคิ้วพร้อมกับใช้หลังมือตบจนเกิดเสียงดังลั่น

“ไอ้คนเลว!มีตาหามีแววไม่ แม้กระทั่งแขกผู้มีเกียรติของตระกูลฉวี่ก็ยังกล้าที่จะละเลย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วงั้นสิ?”

พ่อบ้านคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับหมอบหัวลงพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เจ้าตระกูล กระผมผิดไปแล้ว!กระผมมีตาหามีแววไม่!ได้โปรดท่านให้อภัยกระผมด้วยเถิด!”

“ฮึ!ปกติทำตัวยโสโอหังก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก แต่วันนี้แม้กระทั่งแขกผู้มีเกียรติของตระกูลฉวี่ก็ยังกล้าที่จะเข้ามาทำให้ขุ่นเคือง คิดว่าตัวเองเป็นใครกันเหรอ?”

“เรียกคนมา นำตัวมันออกไป ขับไสไล่ส่งและอย่าเรียกใช้มันอีก!”

“ไอ้กุ๊ย ฉัน…”

ขณะที่ฉวี่เฉิงกำลังคุยกับเซี่ยงเส้าหลงอยู่นั้น ฉวี่เสี่ยวอี้ที่เปลี่ยนเป็นชุดแสนน่ารักก็กระโดดออกมา ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากพูดอะไร สายตาก็เหลือบไปเห็นฉวี่เฉิง ใบหน้าแข็งทื่อในทันทีพร้อมกับพูดว่า “พ่อ พ่อมาได้ยังไงกันคะ?”

ถึงแม้ว่าจะอาบน้ำแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงมีกลิ่นอายของแอลกอฮอล์อยู่ ฉวี่เฉิงสูดลมหายใจอย่างเย็นชา “เป็นสาวเป็นแส้ ตกดึกออกไปดื่มเหล้าแบบนี้ มันเหมือนอะไรกัน!”

“แขกผู้มีเกียรติมาหาถึงประตู ยังจะทำตัวไร้กฎเกณฑ์อีก ยังจะไม่รีบมาพบกับลุงเซี่ยงอีกงั้นเหรอ?”

เมื่อมองไปที่เซี่ยงเส้าหลงที่มีอายุใกล้เคียงกับเธอ ดวงตาของฉวี่เสี่ยวอี้เบิกกว้างขึ้น พร้อมกับโพล่งออกมา “อะไรนะ?พ่อให้หนูเรียกไอ้กุ๊ยนี่ว่าลุงเหรอ?”

ใบหน้าของเซี่ยงเส้าหลงนั้นมีความรู้สึกตะหงิดๆอยู่ ใครคือกุ๊ย?ทำไมฉันต้องไล่ตามเธอกัน?

ฉวี่เฉิงงุนงงในทันใด “นี่…พี่น้องเซี่ยง รู้จักกันด้วยเหรอ?”

โดยธรรมชาติแล้วเซี่ยงเส้าหลงจะไม่พูดว่าฉวี่อี้หมินเชิญเขามา จึงบอกไปเพียงแค่ว่าเขามาเซ็นสัญญากับตระกูลฉวีแทนอวิ๋นเสว่เหยน แล้วบังเอิญไปเจอกับฉวี่เสี่ยวอี้ที่บาร์เท่านั้น เขาบอกเล่าเหตุการณ์คร่าวๆและแน่นอนเขาไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงเรื่องที่ตนเข้าห้องน้ำหญิงแต่อย่างใด

“พี่น้องเซี่ยง นายนี่เป็นดาวนำโชคของตระกูลฉวี่เสียจริง!”

ฉวี่เฉิงจับมือเซี่ยงเส้าหลงและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่เพียงแต่ช่วยพ่อของฉันเท่านั้น แต่ยังช่วยลูกสาวของฉันด้วยในวันนี้ เด็กน้อยนี่ทำให้ฉันกังวลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ต้องให้หมั้นหมายในเร็ววันแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก เดาว่าหน้าตาของตระกูลฉวี่ คงต้องโดนเธอทำให้อับอายป่นปี้เป็นแน่!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉวี่เสี่ยวอี้จึงตอบไปในทันที “หนูไม่อยากหมั้นหมายค่ะพ่อ สวีเจี๋ยอะไรนั่น หนูไม่ได้ชอบเขาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ทำไมหนูต้องไปแต่งกับหมอนั่นด้วย!”

“บังอาจ!”

ดวงตาของฉวี่เฉิงเบิกกว้าง “ลูกกับสวีเจี๋ยโตมาด้วยกัน ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักเขาสักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น นี่พ่อของลูกเอง จะไปทำร้ายลูกได้ยังไงกัน?”

ขณะหนึ่งดวงตาของฉวี่เสี่ยวอี้กลายเป็นแดงก่ำทันที “พ่อไม่เคยเคารพความปรารถนาของหนูเลย เมื่อสามปีก่อน หนูหนีออกจากบ้านและไปเป็นทหารมานานกว่าสามปี พ่อไม่รู้จริงๆเหรอคะว่าทำไม?”

เมื่อพูดจบ เธอก็วิ่งออกไปทั้งน้ำตา

คำขอโทษปรากฏขึ้นในดวงตาของฉวี่เฉิง เขามองไปที่เซี่ยงเส้าหลง “พี่น้องเซี่ยง ไหงทำให้มาดูเรื่องตลกได้กัน เด็กน้อยนี่ ไม่เคยทำให้หมดห่วงมาได้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ”

“เรื่องสัญญาเอาเป็นว่าฉันรู้แล้ว พรุ่งนี้เช้าฉันจะจัดการส่งคนเอาสัญญาไปให้นายเซ็น จากนั้น ต้องอยู่นานหน่อยนะ ให้ฉันได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านให้ดีเยี่ยมไปเลย!”

เซี่ยงเส้าหลงก็ถือโอกาสพายเรือตามน้ำ ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าตระกูลฉวี่แล้วล่ะ!”

“ฮ่าฮ่า…พี่น้องเซี่ยงนี่เห็นเป็นคนนอกเกินไปแล้วนะ เรียกคนมา จัดหาห้องที่ดีที่สุด รองรับแขกผู้มีเกียรติของตระกูลฉวี่ด้วย!”

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากรับประทานอาหารเช้า คนรับใช้ของตระกูลฉวี่ก็เข้ามาด้วยความเคารพ “คุณเซี่ยง เจ้าตระกูลได้สั่งก่อนจะออกไปว่าได้มอบหมายงานให้กับรองประธานของ บริษัทเครื่องประดับรุ่ยเหอ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเข้าไปเซ็นสัญญาได้เลยนะคะ เขามีเรื่องที่จะต้องไปจัดการ ดังนั้นจึงไม่สามารถมาอยู่เป็นเพื่อนกับคุณได้!”

บริษัทเครื่องประดับรุ่ยเหอ เป็นบริษัทที่ตระกูลฉวี่ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด

เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า อันที่จริงแล้วจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาเซ็นสัญญา ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างได้ถูกเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว งั้นก็คงไม่น่าจะเป็นอะไรถ้าจะลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย!

“รถได้ถูกตระเตรียมไว้ให้สำหรับคุณแล้ว คุณพร้อมที่จะเดินทางเมื่อไหร่คะ?”

“ไม่ต้องหรอก!วันนี้อากาศค่อนข้างดีเลย ฉันเดินไปเองได้ จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองจี้ตงด้วย!”

เมืองจี้ตงนั้นเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง ผู้คนรถราวิ่งกันให้ขวักไขว่ ยี่สิบกิโลเมตรแม้จะไม่ใช่ระยะทางสั้นๆ แต่สำหรับเซี่ยงเส้าหลงนั้น มันก็เป็นแค่เพียงการวอร์มร่างกายเท่านั้น

เมื่อไฟเขียวสว่างขึ้น เซี่ยงเส้าหลงก็กำลังก้าวข้ามถนน ทันใดนั้นขณะที่เขากำลังเดินอยู่กลางถนน ก็ได้มีเสียงแตรดังออกมาจากรถคันหนึ่ง เขาหันศีรษะไปทันที ดูเหมือนว่ารถบีเอ็มดับเบิลยูจะไม่สามารถหยุดรถได้และกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงนั้นว่องไว เขาใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่ฝากระโปรงรถ จากนั้นใช้แรงที่มีตีลังกาข้ามไปอีกฝั่งได้อย่างสวยงามและมั่นคง

แต่รถบีเอ็มดับเบิลยูกลับพุ่งไปตามทิศทางอย่างแรง และชนเข้ากับเสาโทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้างอย่างจัง ด้านหน้าของรถบุบลึกลงไปเป็นอย่างมาก!

ประตูรถเปิดออกมา มีชายและหญิงคู่หนึ่งลงมาจากรถ ชายคนดังกล่าวลงมาดูที่รถของตนเป็นอย่างไร จากนั้นเดนเข้ามาหาเซี่ยงเส้าหลงด้วยความโกรธ พร้อมกับตะโกนไปว่า “มึงไม่มีตาหรือไงกัน!ไม่เห็นเหรอไงว่ารถขับมาน่ะ?”

เซี่ยงเส้าหลงมองเขาอย่างเย็นชา “คุณครับ เมื่อตะกี้มันไฟเขียวให้คนเดิน ถ้าไม่ใช่เพราะผมหูไวล่ะก็ ป่านนี้คงโดนชนนอนอยู่ใต้รถคุณแล้ว”

“ชีวิตต่ำต้อยของแกไม่มีค่าเท่ากับไฟหน้ารถหรอกนะ ชนแกแล้วมันจะทำไมกัน?”

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หล่อนกวาดสายตามองด้วยเย่อหยิ่งจองหอง “นี่แกรู้ไหมว่านี่มันรถอะไร?นี่บีเอ็มดับเบิลยู!ท่าทางยากจนน่าสังเวช เดินตากลมท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บขนาดนี้ คงเป็นแค่คนจนกระจอกที่ไม่มีปัญญามีรถสินะ!”

เซี่ยงเส้าหลงพูดอย่างโกรธเคือง “หล่อนพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน?ดูก็รู้ว่าฝ่าไฟแดงมา!”

“มึงหยุดพูดจาไร้สาระซะที!”

ชายคนดังกล่าวพูดอย่างเหยียดหยาม “จะฝ่าไฟแดงอะไรก็ช่าง ถนนเส้นนี้เป็นของตระกูลกู จะขับยังไงก็ได้!”

“รีบจ่ายเงินชดใช้มาซะ ไม่อย่างนั้น กูทำลายมึงแน่!”

เมื่อมองดูท่าทางที่หยิ่งผยองของทั้งสองคน เซี่ยงเส้าหลงจึงยิ้มออกมา “ดีสิ มาดูกันว่านายจะทำลายฉันยังไง!”

“แม่งเอ๊ย!คนจนแต่แสร้งทำตัวใหญ่โตว่ะ กูจะตีมึงให้ตายนี่แหละ!”

ขณะที่ฝ่ายชายกำลังจะลงมือ ก็ถูกหญิงสาวคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน “คุณสามี มันจะไปมีความแข็งแกร่งเทียบคุณได้ยังไงกันคะ ถ้าเราตีมัน มือของเราก็ต้องแปดเปื้อนนะคะ”

“แล้วดูท่าทางแล้ว ก็คงเป็นแค่พวกเศษเดนที่ไม่มีเงินหรอก”

ขณะที่พูดก็เงยหน้ามองเซี่ยงเส้าหลงด้วยความเย่อหยิ่ง “เศษเดนอย่างแก อย่าถือว่าฉันไม่ได้ให้โอกาสนะ!”

“ตอนนี้ไปที่หน้ารถของเรา คุกเข่าก้มลงกราบสามรอบ พูดว่าขอโทษ เงินนี้แกก็จะไม่ต้องชดใช้แล้ว!”

“เหอะเหอะ…รถพังขนาดนี้มีค่าคู่ควรให้ฉันก้มลงกราบอีกเหรอ?”

“แกนี่มันหน้าด้านหน้าทนจริง!รถพังงั้นเหรอ?มึงเคยเห็นรถหรูบ้างสักครั้งไหมล่ะ?”

“ดูท่าทางยากจนข้นแค้นของแกแล้ว แม้แต่รถซาเล้งก็คงไม่มีปัญญาซื้อด้วยซ้ำ!”

ในขณะนั้นเอง เสียงเบรกของรถก็ดังขึ้นมา เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความหยิ่งผยองก็ดังขึ้น “โวยวายอะไรกันเนี่ย เช้าขนาดนี้ยังจะมาขวางทางถนนอีก มีศีลธรรมกันบ้างไหม!”

“นั่นสินะ แค่รถบีเอ็มดับเบิลยูที่เสียไปชนเสาโทรศัพท์เอง มีอะไรให้เสียงดังโวยวาย ออกไปให้พ้นทางเร็ว ไม่งั้นฉันจะชนรถให้!”

ฝ่ายหญิงมองไปที่รถที่มีคนพูดคุยกันอยู่ทางด้านหลัง พร้อมกับพูดออกมาด้วยความอิจฉา “คุณสามี ดูสิคะว่ารถที่พวกเขาขับนั้นดูดีมากเลย นั่นมันไม่ใช่รถสปอร์ตหรอกเหรอคะ?”

จู่ๆชายคนนั้นก็หดคอลงเล็กน้อย “ไร้สาระน่า! แน่นอนว่านั่นคือรถสปอร์ต นั่นคือเฟอร์รารี่ ส่วนนั่นคือแม็คลาเรน รถแต่ละคันราคาไม่ต่ำกว่าสิบล้านเลยแหละ!”

จากนั้นรอยยิ้มที่ประจบสอพลอก็ปรากฏบนใบหน้า “พี่น้อง ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะไอ้เศษเดนนี่ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ขวางทางถนนหรอก!”

สองสามคนนั้นหันกลับมา ดวงตาจ้องเขม็งในทันที “ท่านอาจารย์ ท่านเองหรอกเหรอ?”

“แม่เจ้า ท่านอาจารย์ ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่ตลอดเลย!”

เมื่อเห็นเส้นผมที่มีสีสันเช่นนี้ ความรู้สึกตะหงิดก็แวบเข้ามาบนใบหน้าของเซี่ยงเส้าหลง ทำไมไปที่ไหนก็เจอแต่กลุ่มเด็กหนุ่มพวกนี้ตลอดเลย!

เมื่อเห็นวัยรุ่นสองสามคนที่ขับรถสปอร์ตออกปากเรียกว่าท่านอาจารย์ ทั้งสองคนนั้นถึงตะลึงค้างอย่างจัง

แค่ลูกศิษย์ยังขับรถคันละหลายสิบล้าน แล้วคนที่เป็นท่านอาจารย์ล่ะ จะต้องขับรถแบบไหนกัน?

รถของตนเป็นแค่บีเอ็มดับเบิลยู แต่กลับทำตัวโอ้อวดโอหัง ไม่รู้เลยจริงๆว่า สองขานี้จะเป็นพี่ใหญ่ตัวจริง!

“ท่านอาจารย์ ดูเหมือนว่าไอ้หมอนี้มันจะเรียกท่านว่าเศษเดนใช่ไหม?”

“แม่งเอ๊ย!กล้ามาดูถูกอาจารย์ของเรา ผมจัดการฆ่ามันให้เลยดีไหมครับ?”

“แค่รถพี่เอ็มดับเบิลยูพังๆ จะยังกล้ามาพูดจาไม่ดีกับท่านอาจารย์เหรอ เฮ้ย พวกเรา ไปทุบรถมันซิ!”

ชายคนนั้นเกือบจะคุกเข่าลงและพูดว่า “พี่ใหญ่!พี่ใหญ่ทั้งหลาย!ได้โปรดอย่าทุบรถผมเลย!” ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่เซี่ยงเส้าหลงอย่างน่าสงสาร “พี่ชาย ผมไม่ระวังเอง ผมมันตาไม่บอด มองไม่เห็นไฟเขียวไฟแดง ท่านมีตรงไหนไม่สบายตัวบอกผมเลย ผมจะชดใช้ให้ เท่าไหร่ก็ยอมครับ!”

ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเบรกของรถดังขึ้นอีก โรลส์รอยซ์สองคันหยุดจอดอยู่บนถนนอย่างงดงาม เมื่อเห็นป้ายทะเบียน กลุ่มเด็กหนุ่มสองสามคนก็หดหัวลง “นี่มันทะเบียนรถของตระกูลฉวี่ นี่มันหมายความยังไงกัน คงไม่ได้มาช่วยไอ้สองคนนี้ใช่ไหม?”

เมื่อเห็นป้ายทะเบียน ชายคนนั้นก็ดีใจมาก เปลี่ยนท่าทีเป็นหยิ่งยโสในทันใด “ฮ่าฮ่า รู้ไหมล่ะว่าพ่อฉันเป็นใคร?เป็นพ่อบ้านของตระกูลฉวี่เชียวนะ ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆว่ามันจะมีใครกล้าทุบรถฉันต่อหน้าคนของตระกูลฉวี่ไหม!”

ประตูเปิดออก ชายวัยกลางคนลงจากรถ พร้อมกับวิ่งเหยาะๆเข้ามา

เมื่อเห็นคนที่มาเยือน ชายคนดังกล่าวจึงกล่าวด้วยความเคารพว่า “อาหวัง ทำไมเป็นท่านได้ล่ะ วันนี้พ่อของฉันไม่ได้ไปทำงานหรอกเหรอ?”

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายเป็นลูกชายของจางซงงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้วครับอาหวัง!ดีเลยที่ท่านมา ไอ้เศษเดนนี่มันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้รถของผมต้องชนจนเป็นแบบนี้ ผมบอกว่าผมเป็นคนของตระกูลฉวี่ แต่พวกมันกลับบอกว่าตระกูลฉวี่แล้วยังไงกัน แถมยังจะมาทุบรถผมอีก ท่านต้องช่วยผมจัดการนะครับ!”

ชายคนนั้นเห็นว่าคนหนุนหลังของเขามาแล้ว จึงเอ่ยปากพูดเกินจริง

อาหวังชี้ไปที่เซี่ยงเส้าหลงด้วยท่าทางแปลกๆ “คนที่นายบอกว่าเป็นเศษเดนคือเขางั้นเหรอ?”

“เขานี่แหละครับ ทั้งเนื้อทั้งตัวคงมีค่าไม่เกินสองร้อยหยวนหรอก ถ้าไม่ใช่เศษเดนแล้วจะเป็นอะไรไปได้!”

ป้าบ!

อาหวังยกมือขึ้นตบหน้าและไล่ชายคนนั้นไปในทันที!

หลังจากนั้น เขาก็พูดกับเซี่ยงเส้าหลงอย่างเคารพว่า “คุณเซี่ยง เจ้าตระกูลรู้มาว่าคุณเดินเท้าไปทางไปบริษัท จึงได้ว่ากล่าวพวกเรามา ท่านจะเดินไปได้อย่างไรกัน นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงว่าพวกเราตระกูลฉวี่ต้อนรับท่านไม่ไม่ดีพอ ดังนั้น ขอเชิญท่านขึ้นรถโรลส์รอยซ์นี้ไปบริษัทเถอะครับ!”

“สำหรับความไม่พึงพอใจที่ท่านเพิ่งเจอมา ผมอยากจะเป็นตัวแทนของตระกูลฉวี่กล่าวขอโทษด้วยใจจริงครับ เรื่องต่อจากนี้ โปรดมอบให้กับผม ผมจะทำให้ท่านพอใจอย่างแน่นอนครับ!”

พูดจบเขาก็หันศีรษะกลับไปด้วยใบหน้าที่มืดมน

“ทุบรถให้ฉันที!”

คนทางเท้าไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด เข้าไปทุบปึงปังจนรถบีเอ็มดับเบิลยูกลายเป็นเศษเหล็ก!

อาหวังเดินเข้าไปหาชายผู้ที่ซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พูดอย่างเฉยเมยว่า “การทุบรถของนาย ถือเป็นคำขอโทษที่ไปมีเรื่องขัดแย้งกับคุณเซี่ยงเข้าให้!”

“นายควรจะขอบคุณที่คุณเซี่ยงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ไม่เช่นนั้น มันก็คงจะไม่ใช่แค่ทุบรถของนายให้พังไม่เป็นท่าแน่!”

“จริงด้วย ตอนนี้พ่อของนายไม่ได้เป็นพ่อบ้านของตระกูลฉวี่อีกต่อไปแล้วนะ นั่นก็เพราะเมื่อวานเขาดันไปขัดแย้งกับคุณเซี่ยงเข้าให้น่ะ เลยโดนไล่ออกจากตระกูลฉวี่ไปแล้ว อนาคตถ้านายยังกล้าที่จะใช้ชื่อของตระกูลฉวี่ในการวางอำนาจอีกล่ะก็ นายก็ต้องรับผิดชอบเอาเองแล้วล่ะ!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงประตูด้วยความเคารพ เขาโค้งคำนับ ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้คนจำนวนมาก “คุณเซี่ยง เชิญครับ!”

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท