ตลอดทางราบรื่น พร้อมกับตรงไปที่ลานจอดรถชั้นล่างของบริษัทรุ่ยเหอ
อาหวังเปิดประตูให้เซี่ยงเส้าหลงด้วยความเคารพ “คุณเซี่ยง เจ้าตระกูลได้มอบหมายงานให้เรียบร้อยแล้ว ประธานบริษัทรุ่ยเหอ คุณเฝิงเวยได้รอท่านอยู่ที่สำนักงานแล้ว ท่านต้องการให้ผมไปกับท่านด้วยไหมครับ?”
เซี่ยงเส้าหลงโบกมือไปมา “ถ้าทุกอย่างจัดเตรียมไว้เรียบร้อย ก็ไม่รบกวนอะไรแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอง”
“ได้ครับ!งั้นผมจะรอท่านกลับมาที่นี่นะครับ!”
เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้บอกปัดอะไร เขาขึ้นไปชั้นบนสุด ประตูห้องทำงานของประธานเปิดออก
“อ่า!”
มีเสียงแหลมของผู้หญิงดังออกมา หญิงสาวที่อยู่ในชุดทำงานนั่งอยู่บนตักของชายอีกคนบนเก้าอี้ของสำนักงาน หล่อนแต่งกายไม่เรียบร้อย เมื่อเซี่ยงเส้าหลงเข้ามาอย่างกะทันหัน นั่นจึงทำให้หล่อนตกใจในทันที!
การแสดงออกของเฝิงเซ่าอวิ๋นกลายเป็นมืดมนในทันที เขาตบโต๊ะพร้อมกับสาปแช่งออกมา “ใครให้เข้ามา!ออกไป!”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงหรี่ลงเล็กน้อย เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ “แม้ว่าผมจะดูเหมือนรบกวนคุณอยู่ แต่ยังไงซะ ผมก็คิดว่าการทำธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า!”
เฝิงเซ่าอวิ๋นยิ้มเยาะ “ธุรกิจ?นายทำอะไรล่ะ?”
“มาเซ็นสัญญา”
“นายคือคนที่พ่อของฉันบอกว่าจะมาเซ็นสัญญาด้วยวันนี้น่ะเหรอ?”
“ถ้าไม่มีคนที่สอง ก็คงเป็นผมนี่แหละ”
เฝิงเซ่าอวิ๋นมองเขาหัวจรดเท้า พร้อมกับโบกมือ ผู้หญิงคนนั้นรีบจัดแจงเสื้อผ้าของเธอและรีบวิ่งออกจากออฟฟิศด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เฝิงเซ่าอวิ๋นวางขาของเขาที่บนโต๊ะด้วยความเย่อหยิ่ง “ถ้าอย่างงั้นก็เข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน นายจะให้ฉันเท่าไหร่กัน?”
เซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้ว ให้เท่าไหร่?เขาไม่ได้นัดมาเซ็นสัญญาหรือไงกัน?ยังต้องให้ของอะไรอีกเหรอ?
เมื่อเห็นท่าทีที่ดูสงสัยของเขา เฝิงเซ่าอวิ๋นจึงเคาะโต๊ะและพูดอย่างหมดความอดทน “เหม่ออะไรล่ะ!ฉันกำลังถามนายอยู่นะ!”
“ผมไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูด”
เซี่ยงเส้าหลงส่ายหัวพร้อมกับพูดเบาๆ
ป้าบ!
เฝิงเซ่าอวิ๋นตบโต๊ะอย่างแรง “นี่แกล้งทำเป็นงงกับกูงั้นเหรอ?”
“ไม่รู้จริงๆว่าบริษัทของนายทำมาหากินอะไรกัน ถึงได้ส่งเศษเดนที่ไม่รู้อะไรสักอย่างมา!”
“กูจะบอกอะไรให้เข้าใจนะ เซ็นสัญญาได้ แต่กูต้องการห้าล้าน!”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงจดจ่อ เขาพอจะเข้าใจความหมายของเฝิงเซ่าอวิ๋นแล้วว่ามันคือการกินเงินใต้โต๊ะ!
เขาเดินไปอย่างช้าๆ นั่งตรงข้ามเฝิงเซ่าอวิ๋นและมองดูเขา “แต่ตอนที่ผมมา ไม่ได้มีใครบอกว่าต้องเอาเงินมาจ่ายด้วย!”
“เฮ้!เป็นแค่พนักงานกระจอกๆจะอะไรมาก นายมีคุณสมบัติอะไรถึงมานั่งตรงหน้าฉัน?ยืนขึ้นซะ!”
เฝิงเซ่าอวิ๋นชี้ไปที่เขาอย่างเย่อหยิ่ง “ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่านายทำมาหากินอะไร ไม่มีเงิน แล้วทำไมฉันต้องเซ็นสัญญากับนายด้วย?”
“นี่เป็นการนัดหมายเซ็นสัญญาเป็นการส่วนตัวของเจ้าตระกูลฉวี่ คุณกล้าที่จะมาตัดสินใจเองงั้นเหรอ?”
เฝิงเซ่าอวิ๋นเย้ยหยัน “เจ้าตระกูลฉวี่?เด็กน้อย นายนี่โอ้อวดเกินไปไหม เจ้าตระกูลฉวี่เป็นคนระดับไหน กับอีแค่การทำสัญญาเล็กๆนี่ ทำไมเขาต้องนัดเป็นการส่วนตัวด้วยตัวเองด้วยเล่า?”
“เด็กน้อย นายให้ความสำคัญกับตัวเองมากไปหรือเปล่า?”
“กูจะบอกอะไรให้ นี่เป็นใบสั่งซื้อมูลค่าห้าสิบล้านหยวน มีบริษัทจำนวนมากที่แย่งชิงอยากจะร่วมมือกับรุ่ยเหอ ถ้านายไม่แสดงความจริงใจ แล้วทำไมฉันต้องเลือกนายด้วยล่ะ?”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงมืดลง “เรียกเฝิงเวยมาคุยกับฉันเป็นการส่วนตัว!”
“โอ้โห!”
เฝิงเซ่าอวิ๋นยิ้มที่มุมปาก มองดูเขาราวกับว่าเขาเป็นคนบ้า “นี่กูออกจากบ้านแล้วลืมดูปฏิทินโหราศาสตร์เหรอวะเนี่ย ถึงได้มาเจอกับคนบ้าตัวเป็นๆได้!”
“เด็กน้อย!ต้องทำความเข้าใจอะไรบางอย่างก่อนนะ ตอนนี้คือนายกำลังขอร้องฉันอยู่!”
“ถ้าฉันอารมณ์ดีล่ะก็ อาจจะยอมเซ็นสัญญากับนายก็ได้ แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดี ต่อให้โทรหาบรรพบุรุษของฉันมันก็เปล่าประโยชน์!”
“แต่ตั้งแต่นายเข้ามา ฉันก็อารมณ์ไม่ดีแล้วนี่สิ!”
“ตอนนี้คุกเข่าลงให้ฉันสิ บางที ฉันอาจจะยอมมอบโอกาสให้นายได้พูดคุยกันต่อก็ได้นะ”
“เหอะเหอะ…”
เซี่ยงเส้าหลงมองเขาอย่างมีนัย “คนหนุ่มสาว มีอยู่ประโยคหนึ่งไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินไหม?”
“อ่อนน้อมถ่อมตน อย่าเย่อหยิ่งจองหอง!”
“ฮ่าฮ่า…”
“แม่งเจอพวกสมองพิการจริงๆด้วยว่ะ นายมองให้ชัดนะว่าที่นี่คือ รุ่ยเหอ!อยู่ที่นี่ ฉันคือเจ้าแห่งสวรรค์”
เขาลุกขึ้นด้วยใบหน้าเย่อหยิ่งและดูถูกเหยียดหยาม “กูจะบอกอะไรให้ อยากเซ็นสัญญา ก็ต้องคุกเข่าอ้อนวอนกูสิ!”
ปัง!
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก เสียงตะโกนดังเข้ามา “ไอ้บ้า แกทำอะไรเนี่ย?!”
“พ่อ!ทำไมพ่อกลับมาแล้วล่ะ?”
เฝิงเซ่าอวิ๋นผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดูถูกเหยียดหยามต่อ “พ่อไปหาบริษัทแบบไหนมาร่วมมือด้วยเนี่ย ถึงได้ส่งพวกสมองพิการมาคุยงานกับเรา?”
“ถ้าวันนี้ฉันทำให้นายคุกเข่ารับผิดให้ไม่ได้ ฉันจะไม่แซ่เฝิงอีกต่อไป”
เฝิงเวยถอนหายใจ เหงื่อเย็นๆไหลออกมา เขาก้าวเดินไปสองสามก้าวจนหยุดที่ด้านหน้าของเซี่ยงเส้าหลงโดยที่ไม่ได้สนใจเฝิงเซ่าอวิ๋นแต่อย่างใด พร้อมกับโค้งคำนับเก้าสิบองศา “คุณ…คุณเซี่ยง ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ ที่ไม่ได้สั่งสอนให้ดี ได้โปรดยกโทษให้ด้วย”
เฝิงเซ่าอวิ๋นตกตะลึง “พ่อ ดื่มหนักไปเหรอ?ทำไมต้องโค้งคำนับให้พนักงานขายกระจอกๆนี่ด้วย?”
ป้าบ!
เฝิงเวยใช้หลังมือตบอย่างไร้ความปรานี!
“ไอ้บ้าเอ๊ย!รู้ตัวไหมว่าแกเจอปัญหาใหญ่แล้ว!”
เฝิงเซ่าอวิ๋นผู้ที่ถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก จะไปเคยโดนทุบตีมาได้อย่างไรกัน ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ “เป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน!”
เขาไม่ได้เป็นพนักงานขายที่ต้องพึ่งพาหาเงินจากบริษัทรุ่ยเหอหรอกเหรอ?หากเซ็นสัญญาไม่ผ่าน ก็จะตกงาน กลับไปกินขี้แทนข้าว!
“ไอ้เศษเดนนี่กำลังขอร้องอ้อนวอนเราอยู่นะ!”
“แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงได้คู่ควรให้คุณเซี่ยงมาร้องขอกัน?”
ประตูถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง อาหวังเดินเข้ามาด้วยความโกรธ
“พะ…พ่อบ้านหวัง เป็นเพราะฉันไม่มีปัญญาสอนเด็กมันเอง ฉันจะรีบไล่เขาออกไป!”
เฝิงเวยรู้สึกเสียใจ ฉวี่เฉิงโทรมาบอกเขาเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ เขาจึงรับรู้ได้ถึงความสำคัญของเซี่ยงเส้าหลงเป็นอย่างดี สำหรับเขาแล้ว การที่ฉวี่เฉิงออกหน้าแทนให้กับเรื่องง่ายๆอย่างการเซ็นสัญญาเช่นนี้ คงเป็นลูกชายของเขาเองต่างหากที่ไร้การศึกษาและไร้ซึ่งฝีมือ เดิมทีเขาตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้ในการทำให้เฝิงเซ่าอวิ๋นมีหน้ามีตา สนับสนุนเขาต่อหน้าตระกูลฉวี่เสียหน่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องง่ายๆแค่นี้ เขาจะทำออกมาได้เป็นแบบนี้แทน เฝิงเวยในตอนนี้ แทบรอไม่ไหวที่จะตบเจ้าลูกนี่กลับเข้าไปในท้องแม่ของเขา!
เฝิงเซ่าอวิ๋นนั้นพอที่จะรู้จักหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลฉวี่ แม้ว่าเขาจะดูทึมทื่อ แต่เขาไม่ได้โง่ เขาเข้าใจทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ใบหน้าของเขาซีดเผือด เดินออกไปอย่างละอาย
“รอเดี๋ยว!”
เซี่ยงเส้าหลงที่ไม่ได้พูดอะไรมาก่อนหน้านี้ จ้องมองไปที่เขา ยื่นปากไปทางอาหวัง “ไม่ใช่ห้าล้านหรอกเหรอ?อยากได้ก็ไปถามเขาสิ!”
เฝิงเซ่าอวิ๋นตกใจจนเกือบจะคุกเข่าลงกับพื้น ไปถามหน้าเงินกับหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลฉวี่อ่ะเหรอ?จะบ้าหรือไง?
“ห้าล้าน?ห้าล้านอะไร?!”
อาหวังถามด้วยใบหน้าที่มืดมน
“ก็เฝิงเซ่าอวิ๋นบอกว่า หากต้องการจะเซ็นสัญญาก็ต้องให้เงินเขาห้าล้าน แถมเขายังจะให้ฉันคุกเข่าเซ็นอีกต่างหาก”
“ฉันคนนี้มันไม่มีเงินน่ะ เข่าก็แข็งมากด้วย แต่ยังไงซะ ตัวสัญญาเองก็ต้องเซ็นเอากลับไปอยู่ดี พ่อบ้านหวัง บอกหน่อยสิว่าควรทำยังไงดี?”
ใบหน้าของอาหวังนั้นมืดมนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก เขามองไปที่เฝิงเซ่าอวิ๋นพร้อมกับกัดฟันกรอดๆ “คุณชายเฝิง ห้าล้านมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอ?ต้องให้ฉันคุกเข่าให้เงินสิบล้านไหมล่ะ?”
เฝิงเวยสั่นสะท้านไปหมด เขาเตะไปที่หัวเข่าของเฝิงเซ่าอวิ๋นอย่างแรง “ไอ้เวร!ตอนเด็กกินนมปนเปื้อนไปหรือไงกัน สมองถึงได้มีปัญหา!พูดออกมาแบบไร้สมองแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
“คุกเข่าขอโทษซะ!ถ้าคุณเซี่ยงไม่ยกโทษให้ ฉันนี่แหละจะยกเลิกทันที”
ในขณะนี้เฝิงเซ่าอวิ๋นไม่ได้หยิ่งยโสอีกต่อไป ตัวสั่นระริก “เซี่ยง…คุณเซี่ยง เป็นผมเองที่มีตาหามีแววไม่!ผมจะรีบเซ็นสัญญาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
เซี่ยงเส้าหลงโน้มตัวลง พร้อมกับมองที่เขา “สุภาพบุรุษท่านนี้ มีนามสกุลว่าอะไรเหรอ?”
“ผม…ผม…ขอเพียงแค่ท่านพอใจ ต้องการให้ผมใช้นามสกุลอะไร ผมก็ยอมครับ!”
เฝิงเซ่าอวิ๋นเปิดปาก เมื่อคิดถึงคำพูดอันหยิ่งผยองที่ตนเองพูดออกไป เขาล่ะอยากตบตัวเองจริงๆ!
“ผมจะคุกเข่ารับผิดให้ท่าน ขอร้องล่ะ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง!”
“นายไม่มีคุณสมบัตินั้น!”
อาหวังกล่าวอย่างเย็นชา “เฝิงเวย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะระงับตำแหน่งของคุณในฐานะประธานบริษัทรุ่ยเหอ ทีมสอบสวนของตระกูลฉวี่จะเข้ามาในไม่ช้า หากพบว่าพวกคุณสองพ่อลูกได้ทำการใดอันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นส่วนตนล่ะก็…”
เขาหรี่ตาลง “พวกคุณก็คงจะต้องรอคดีความจากตระกูลฉวี่ได้เลย”
สองพ่อลูกนั้นแข็งทื่อราวกับเป็นอัมพาต เฝิงเวยรู้ดีเลยว่าอนาคตของตนนั้นถูกทำลายป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
อาหวังกล่าวด้วยความเคารพโดยที่ไม่ได้สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย “คุณเซี่ยงครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจจากทางเรา ผมจะให้คนมาพิมพ์สัญญาแล้วจัดส่งไปที่บริษัทมู่ซือกรุ๊ปที่เทียนไห่ให้ก็แล้วกันนะครับ!”
“แต่ว่าตอนนี้…”
ความอึดอัดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเล็กน้อย “ผมเกรงว่าตอนนี้คุณต้องกลับไปที่ตระกูลฉวี่กับผมก่อนครับ!”
เซี่ยงเส้าหลงถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“คุณหนูโทรมา บอกว่าต้องการพบคุณครับ!”
ชั่วโมงต่อมา ที่คฤหาสน์ตระกูลฉวี่!
วันนี้ฉวี่เสี่ยวอี้แต่งตัวสบายๆ ดูน่ารักเป็นอย่างมาก เธอจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่กลมโต
เมื่อมองดูใบหน้านี้ มันช่างเหมือนกับ…
ฉวี่เสี่ยอี้อดไม่ได้ที่จะพูดมันออกมาในใจ ความคิดเธอผุดลอยขึ้นมา นั่นเป็นปีที่สามของเธอในการเป็นทหาร ตอนนั้นเป็นการซ้อมรบระดับชาติ มันเป็นโอกาสให้เธอได้พบกับบุคคลในตำนานผู้ซึ่งเป็นดั่งจิตใจของทหารทั่วประเทศโดยบังเอิญ!
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงใบหน้าที่เห็นได้จากระยะไกลๆ แต่ฉวี่เสี่ยวอี้ก็หมกมุ่นอยู่กับมันเป็นอย่างมาก!
ชายหนุ่มผู้ซึ่งมีอำนาจในการกระทำเรื่องต่างๆ!
นั่นคือผู้กล้าท้าสวรรค์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาผู้นำที่แท้จริง เป็นตำนานของชายผู้ไม่เคยพ่ายศึก!
ชายหนุ่ม ควรเป็นเช่นนั้น!
“ทำไมจ้องมองลุงแบบนั้นล่ะ?”
เซี่ยงเส้าหลงมองเธอด้วยรอยยิ้ม โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าอันกลมเล็กของเธอ เขาล่ะอดไม่ได้ที่จะต้องหยอกล้อ
เธอมองเขาอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นก็รู้สึกท้อแท้ภายในใจ ฉวี่เสี่ยวอี้อ่าฉวี่เสี่ยวอี้ ทำไมคิดเยอะแบบนี้ บุคคลที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามแบบนั้นจะมาอยู่ตรงหน้าได้ยังไงกัน?
จากนั้น เธอมองบนใส่เขาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดี “ไอ้กุ๊ย!นายหลอกใช้ฉัน!”
“พ่อของเธอเรียกฉันว่าพี่น้อง เธอจะไม่เรียกฉันว่าลุงอย่างนั้นเหรอ?”
“นาย!..”
ใบหน้าเล็กๆนูนขึ้น ทันใดนั้น แววเจ้าเล่ห์ก็แวบเข้ามาในดวงตา “งั้นฉันต้องเอาเรื่องการกระทำที่ลุงเข้าห้องน้ำผู้หญิงไปช่วยโปรโมทไหมคะ?”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงทรุดลงเล็กน้อย “คุณหนู ฉันผิดไปแล้ว!”
ด้วยดวงตาที่ฉายแววของผู้ชนะ ฉวี่เสี่ยวอี้ทำเสียงเหอะเหอะ “เพื่อชดเชยกับความบอบช้ำที่นายทำกับฉันไว้เมื่อคืน หญิงคนนี้จะให้โอกาสนายได้แก้ตัว!”
ตอนเที่ยง ณ โรงแรมเจ็ดดาวแห่งหนึ่งในเมืองจี้ตง หากมองจากประตูเข้าไปแล้ว ก็จะพบกับสิ่งจิตรตระการตา รถที่จอดอยู่ ไม่มีคันไหนที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านหยวนเลย จากมุมมองเหล่านี้ การบริโภคในที่แห่งนี้คงจะไม่มีทางไม่ดีอย่างแน่นอน!
เซี่ยงเส้าหลงกล่าวอย่างบูดบึ้ง “ไปกินก๋วยเตี๋ยวบะหมี่ซุปเผ็ดหลานโจวไม่ดีกว่าเหรอ?มีของดองแถมให้กินฟรีอีกต่างหาก”
ฉวี่เสี่ยวอี้มองเขาอย่างดุร้าย พร้อมกับดึงมือเขาเข้าไปด้านใน “พูดน้อยๆหน่อย!วันนี้กินที่นี่เนี่ยแหละ และนายก็ต้องเลี้ยงด้วย!”
พอเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ มีชายหญิงสวมใส่ชุดสูท มีรองเท้าหนัง คนเข้าออกไปมา แม้ว่าการบริโภคในที่แห่งนี้จะดี แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดกว่านั้นก็คือในนี้มีจำนวนคนรวยมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่พวกเขามองไปรอบๆ ก็มีเสียงที่ไม่ลงรอยดังขึ้นมาในทันใดว่า “ขอโทษทีนะทั้งสอง แต่ตอนนี้เราไม่ได้รับสมัครพนักงาน!”