ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 64 กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

เซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนัง บวกกับสีหน้าที่ดูไร้ซึ่งความอดทนนั่นกำลังพูดกับพวกเขาอยู่

เซี่ยงเส้าหลงสังเกตว่าป้ายบนอกของเขามีคำว่าผู้จัดการล็อบบี้อยู่ด้วย!

“พวกเรามาเพื่อกินข้าว ไม่ได้มาสมัครเป็นพนักงานสักหน่อย!”

“กินข้าว?”

ผู้จัดการล็อบบี้มองกวาดตาขึ้นลงไปที่พวกเขาทั้งสอง แม้ว่าฝ่ายหญิงจะดูสวยมาก แต่กลับกันฝ่ายชายดูเหมือนพวกยาจก เมื่อคิดเช่นนี้ เขาจึงยิ้มอย่างดูถูกและโบกมือไปมา “ออกไปซะ ออกไป พวกนักเรียนจนๆทั้งสองคน อย่ามายุ่งอะไรที่นี่!”

“ฉันจะพูดอีกรอบ เรามาที่นี่เพื่อกินข้าว!”

“กรุณาจัดที่นั่งให้เราด้วย!”

“ไอ้หนู!” ผู้จัดการล็อบบี้มองไปที่ฉวี่เสี่ยวอี้ที่อยู่ด้านข้าง มีรอยยิ้มอยู่บนมุมปากของเขา “จีบหญิงใช้เงินเยอะสินะ”

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาตอแหลได้หรอกนะ!”

“เธอรู้ไหมว่าที่นี่กินอาหารกันทีมื้อละเท่าไหร่?รู้ไหมว่าไวน์แดงขวดหนึ่งราคาแค่ไหน?พวกคนจนอย่างพวกเธอทั้งสองคน ชีวิตนี้ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถซื้อได้หรอก!”

“ก่อนที่ฉันจะโกรธ รีบออกไปซะ!”

“เฮ้!พูดแบบนี้ได้ยังไง!”

ฉวี่เสี่ยวอี้เท้าสะเอวพร้อมกับมองไปที่ผู้จัดการ “ปฏิบัติทำตัวแบบนี้กับแขกอย่างงั้นเหรอ?”

ฉวี่เสี่ยวอี้เป็นสาวงามที่ไร้เดียงสา บนร่างกายของเธอไม่ได้มีเครื่องประดับประดาอะไร เมื่อมองดูแล้ว เธอจึงเหมือนกับนักศึกษาที่เพิ่งออกจากโรงเรียน

ผู้จัดการล็อบบี้มองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มจางๆ “สาวน้อย เติบโตมาสวยงามเช่นนี้ ทำไมต้องมาทนทุกข์กับยาจกแบบนี้ด้วย?ดูก็รู้ว่าเป็นแค่นักศึกษาที่เพิ่งออกจากโรงเรียนมา เมื่อมาอยู่ในสังคม เธอก็จะรู้เองว่าความรักในวัยเรียนน่ะ มันก็แค่เรื่องไร้สาระ!”

“ดูท่าทางหนูน่ารักแบบนี้ ลุงแนะนำเจ้านายที่รวยๆให้เอาไหมล่ะ?”

“นาย!….”

ฉวี่เสี่ยวอี้กระทืบเท้าอย่างแรง พร้อมกับดึงเซี่ยงเส้าหลง “ไป!พวกเราไม่ต้องกินที่นี่แล้ว!”

เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้พูดอะไร เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่ไกลจากตรงนี้มีตู้เก็บไวน์อยู่ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเดินตรงไป

“เฮ้ เจ้าหนู จะทำอะไรน่ะ?!”

“อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ไวน์ที่นี่แพงมากนะ”

มือของเซี่ยงเส้าหลงลูบขวดไวน์แดงชั้นเยี่ยมอย่างเบามือ ท้ายสุดมือก็ไปหยุดอยู่ตรงกลางขวด

ไวน์บนชั้นวางที่ประตูนั้นไม่ธรรมดา ขณะที่เซี่ยงเส้าหลงถือขวดในมือ เขาก็เขย่าเบาๆและพูดว่า “โรมาเน กงติปี1960 ราคาตลาดเริ่มต้นที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากหมู่บ้านโรมาเนีย ในภูมิภาคเบอร์กันดี จะมีการส่งไวน์จำนวนห้าร้อยขวดไปให้กับประเทศจีนในทุกๆปี กล่าวได้ว่าเป็นไวน์สำหรับคนชนชั้นสูงนี่เอง”

“เจ้าหนู รู้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เป็นยาจกแบบนี้ไม่มีปัญญาได้ดื่มไวน์แดงหรอก วางมันลงซะ!”

เซี่ยงเส้าหลงถอนหายใจเบาๆ ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ผู้จัดการล็อบบี้ ริมฝีปากของเขาเปิดออก “ไม่มีปัญญาดื่มงั้นเหรอ?เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ไวน์นี่เป็นแค่ของกลั้วคอฉันเท่านั้นแหละ!”

ป้าบ!

ขวดไวน์แตก ผู้จัดการล็อบบี้ไม่ได้ยินสิ่งที่เซี่ยงเส้าหลงพูด ตอนนี้หัวใจของเขาพร้อมกับการแตกของขวดไวน์ เสียงแคร๊กเสียงเดียวก็ทำให้เขาจมดิ่งลงไป

เมื่อเห็นน้ำไวน์แดงไหลอย่างอิสระ ใบหน้าของผู้จัดการล็อบบี้ก็มืดมนราวกับก้นหม้อ

“เจ้าหนู ครั้งนี้นายจะไปไหนก็คงไม่ได้แล้วล่ะ!”

หลังจากปรบมือเรียก พนักงานรักษาความปลอดภัยหลายคนก็รวมตัวกันเข้ามาในทันที

ใบหน้าของฉวี่เสี่ยวอี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จากนั้นพูดอย่างเหยียดหยาม “พวกนายจะทำอะไร พวกเราชดใช้ให้ก็จบแล้ว!”

“ชดใช้?ยาจากสองคนจะเอาอะไรมาชดใช้ได้?!”

เส้นเลือดปูดบนผู้จัดการล็อบบี้ ในทันที “ไวน์ขวดนี้ เอาพวกแกไปขายยังชดใช้ไม่ได้เลย!”

“ล็อกตัวพวกมันไว้ ให้คนในครอบครัวมันเอาเงินมาแลก”

เซี่ยงเส้าหลงมองไปที่เขาอย่างเย็นชา “ยังจะมากักขังพวกเราอีกเหรอ?”

“กักขังพวกนายแล้วทำไมล่ะ?รู้ไหมว่านี่เป็นโรงแรมของใคร?”

“จะบอกอะไรให้นะ ถ้าไม่มีเงินมาจ่าย ไม่ใช่แค่กักขังหรอก แต่จะโดนทุบตีด้วย!”

“เซี่ยงเส้าหลง รอก่อน เดี๋ยวฉันจะโทรหาอาหวังเดี๋ยวนี้แหละ!”

“ไม่ต้องหรอก อีกเดี๋ยวจะมีคนมาเช็กบิลให้เรา!”

น้ำเสียงของเซี่ยงเส้าหลงสงบมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการชดใช้เงินเกือบล้านในครั้งนี้

“นับคนที่รู้จักไว้ แล้วบอกกับคนในครอบครัวด้วยว่าให้พวกเขานำใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ทุกอย่างไปด้วย เป็นพวกยาจกอย่างพวกนาย จะมีเงินสักเท่าไหร่กันเชียว?เหอะ!”

ฉวี่เสี่ยวอี้ไม่เข้าใจ ตามคำบอกกล่าวของฉวี่เฉิง เซี่ยงเส้าหลงนั้นไม่มีแม้แต่งานทำ เขาต้องให้ภรรยาเลี้ยงดู ภูมิหลังของเขาก็ไม่ดี เป็นคนไม่พึ่งพาตัวเอง เขามีความมั่นใจอะไรถึงยังคงดูสงบได้แม้ว่าจะต้องชดใช้เงินเป็นล้าน?

เวลาผ่านไปทีละนิด ทันใดนั้นเมื่อถึงตอนที่ผู้จัดการล็อบบี้กำลังจะหมดความอดทน ปัง ประตูโรงแรมถูกเปิดออก มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งพรั่งพรูกันเข้ามา…..

คนแรกเป็นคนหัวโตและมีใบหูที่ใหญ่ ดูเหมือนจะต้องมีเรื่องอะไรที่สำคัญเร่งรีบมาก เพราะแม้แต่เนกไทก็ยังผูกไม่เสร็จ บนกลางศีรษะของเขามีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด!

“ประธานหวง?ท่านมาได้อย่างไรกันครับ?”

เมื่อเห็นผู้ที่มาเยือน ผู้จัดการล็อบบี้ก็ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำตัวเป็นหมารับใช้ยิ้มรับ

ผู้ที่มาเยี่ยมชมนี้คือเจ้าของโรงแรมระดับเจ็ดดาว หวงซ่างเหริน!

หวงซ่างเหรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง ดวงตาของเขาเริ่มมองไปรอบๆก่อนจะมาหยุดที่เซี่ยงเส้าหลงและฉวี่เสี่ยวอี้ เขาเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ไม่แม้แต่จะสนใจผู้จัดการล็อบบี้เลยสักนิด พร้อมกับถามว่า “ขอถามว่าคุณคือคุณเซี่ยงใช่ไหมครับ?”

เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า “ถูกต้อง”

“อั๊ยยะ คุณเซี่ยง!จะมาทานข้าวทั้งที ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะครับ!” หลังจากทำการยืนยันตัวตนเรียบร้อย หวงซ่างเหรินนั้นกระตือรือร้นรีบเข้าไปทำตัวสนิทชิดเชื้อด้วย ดูสนิทมากกว่าพ่อของเขาเสียอีก เขาตบไปที่อก พร้อมกับพูดว่า “คุณเซี่ยง วันนี้ต้องการทานอะไร สั่งได้ตามใจชอบเลยนะครับ ผมจะจัดการให้เอง!”

รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเซี่ยงเส้าหลง เขาชี้ไปที่พื้น “กินข้าวเถอะ ไม่ต้องทำอะไร ผู้จัดการล็อบบี้คนนี้กำลังรอให้ผมขายบ้านเพื่อเอามาชดใช้ไวน์อยู่น่ะครับ”

หวงซ่างเหรินขมวดคิ้ว เมื่อหันศีรษะไป ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงในทันที “เกิดอะไรขึ้น?”

ตอนนี้ผู้จัดการล็อบบี้ตื่นตระหนกไปหมด น่องขาของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปหมด ผู้ที่ทำหน้าที่ของตนจะรู้จักผู้คนได้ดีที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักตัวตนของเซี่ยงเส้าหลง แต่ตัวตนของเจ้านายใหญ่ของเขานั้น เขารู้จักอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง!

ในเมืองจี้ตงทั้งเมือง เขาถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง คนที่สามารถให้เขามาหาเป็นการส่วนตัวและยังโค้งคำนับทำตัวราวกับเป็นหลานชายแบบนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไงกัน?

จบแล้วจบแล้ว!ครั้งนี้มันจบลงอย่างแม่จริง!

เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนทำกับเซี่ยงเส้าหลงเมื่อสักครู่ ผู้จัดการล็อบบี้ก็รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นที่อยู่ตรงหน้าของเขา!

เมื่อเผชิญกับคำถามของหวงซ่างเหริน ผู้จัดการล็อบบี้กล้าจะกล้าปกปิดมันได้อย่างไรกัน เขาพูดอย่างสั่นเทาถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อเสียงสิ้นสุดลง หวงซ่างเหรินตบเขาลงไปกองกับพื้น พร้อมกับตะโกนด่าชุดใหญ่ “ไอ้สารเลว!กล้ามากที่จะระรานแขกผู้มีเกียรติ!กูจะเลี้ยงมึงไว้ทำไมกัน ไร้ประโยชน์เช่นนี้!”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันศีรษะกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า “คุณเซี่ยง ดูสิลูกน้องของผมดูแลคุณได้ไม่ดี ทำให้คุณต้องรู้สึกน้อยใจไปด้วยเลย ผมยังมีไวน์ลาฟีทอีกสองขวดอยู่ในคอลเล็กชันด้วย ผมจะทำให้คุณผ่อนคลายเอง”

รอยยิ้มแวบผ่านในดวงตาของเซี่ยงเส้าหลง ใบหน้าแสร้งทำเป็นแปลกใจ “น้อยใจ?ไม่ได้น้อยใจอะไรหรอก เพียงแต่ว่าไวน์ขวดนี้…”

“ดูคุณพูดสิ มาถึงที่ของคุณเองแล้ว ทุบขวดไวน์ของตัวเองแตะจะทำให้เกิดปัญหาได้ยังไงกัน?”

“บอสหวง คุณน่าจะเข้าใจผิด ผมเห็นได้ชัดเลยว่าไวน์ขวดนี้นั้น เป็นผู้จัดการล็อบบี้ต่างหากที่ทำแตก!”

ทันทีที่เสียงหายไป แม้แต่ฉวี่เสี่ยวอี้ที่อยู่ด้านข้างเองก็ยังผงะ เธอเพิ่งจะเห็นอย่างชัดเจนเลยว่าขวดไวน์นั้นตกลงมาจากมือของเซี่ยงเส้าหลงไม่ใช่เหรอ?

หัวใจพิสุทธิ์เจ็ดห้องของหวงซ่างเหริน เข้าใจได้ในทันที เขาพยักหน้าพร้อมกับหันไปด่ากราดในทันที “แกไอ้เศษเดน แม้แต่ขวดไวน์ก็ถือไม่ได้ แถมยังทำให้แขกผู้มีเกียรติต้องมาตกใจไปด้วยอีก!”

“กูจะบอกอะไรมึงให้ นี่ราคาหนึ่งล้านหยวน น้อยไปกว่านั้นแม้แต่นิดเดียว กูจะจัดการซะ!”

เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ พร้อมกับพูดกับฉวี่เสี่ยวอี้ว่า “ไปกันเถอะ มีคนเลี้ยงแล้ว อยากกินอะไรก็กินเลยตามสบาย!”

หลังจากส่งทั้งสองคนออกไปแล้ว หวงซ่างเหรินก็ถอนหายใจออกมา เมื่อมองไปที่ผู้จัดการล็อบบี้ที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น ความโกรธของเขาที่สะสมมานานก็ระเบิดออกมา จากนั้นใช้เท้าเตะเข้าไปอย่างแรง “แม่งเอ๊ย!ทำงานไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังทำให้แย่ไปกว่าเดิมอีก!”

เตะนี้นั้นราวกับเป็นการปลุกสติของผู้จัดการล็อบบี้ให้กลับมา เขาตัดสินใจไม่ยอมแพ้ที่จะถามออกไป “ประธานหวง ผมทำผิดที่ไปขัดใจคนที่ไม่ควรทำให้ขัดใจ ผมยอมรับครับ!”

“แต่ได้โปรดให้ผมได้รู้แจ้งแจ่มชัดที ว่าบุคคลที่มีความสามารถเหนือมนุษย์นี่มาจากไหนกันเหรอครับ?”

หวงซ่างเหรินเหลือบมองไปที่สองคนนั้นที่กำลังออกไปอย่างมีความหมาย พูดอย่างแผ่วเบา “มาจากไหน?ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบุคคลที่มีความสามารถเหนือมนุษย์มาจากไหน!”

“แกรู้ไหมว่าทำไมอยู่ดีๆฉันถึงมาปรากฏตัว?”

“ทำไมเหรอครับ?”

“นั่นก็เป็นเพราะราชาหมาป่าโทรหาฉันเป็นการส่วนตัวน่ะสิ ไม่ต้องพูดถึงขวดไวน์เพียงขวดเดียวเลย ต่อให้บุคคลท่านนั้นทำลายโรงแรมของฉัน ฉันก็ยังจะต้องพูดเพราะเฮฮากับเขา!”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ผู้จัดการล็อบบี้ก็ตกตะลึง เขาไม่รู้หรอกว่าเซี่ยงเส้าหลงเป็นใคร แต่เขารู้ดีว่าบุคคลที่ขนานนามว่าราชาหมาป่าเป็นคนยังไง!

วันที่ท้องฟ้าสดใสในเมืองจี้ตง ทั้งเมืองจะเป็นของสี่ตระกูลใหญ่ยักษ์ แต่เมื่อใดที่ถึงคืนยามค่ำ ทั้งหมดทั้งเมืองจะเป็นของราชาหมาป่า!

ครั้งนี้เขาไม่ใช่แค่เผลอไปเหยียบแผ่นเหล็ก แต่มันคือแผ่นเหล็กไททาเนียมเสียด้วยสิ!

ไม่นานนัก อาหารหน้าตาน่าทานก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร เซี่ยงเส้าหลงยิ้มตะเกียบพร้อมกับรอยยิ้มและพูดว่า “อาหารมาแล้ว เธอจะจ้องมองฉันทำไมกัน?”

“นายมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?”

ฉวี่เสี่ยวอี้กวาดตามองเซี่ยงเส้าหลงจากบนลงล่างอย่างสงสัย รู้สึกว่าเขานั้นจะมีความลับมากขึ้นเรื่อยๆเลย

“เรื่องอะไรล่ะ รีบๆกินเร็วก่อนที่อาหารจะเย็นชืดซะก่อน!”

เซี่ยงเส้าหลงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว!

“ไม่ถูกสิ นาย…”

“อั๊ยยะ!เสี่ยวอี้ เป็นเธอนี่จริงๆเลย!”

“เอาน่าๆ ฉันก็บอกอยู่ว่ามองไม่ผิด เสี่ยวอี้จริงๆด้วย!”

ประตูห้องรับรองพิเศษถูกเปิดออก จากนั้นก็มีคนสามคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉวี่เสี่ยวอี้เข้ามา แต่ละคนแต่งตัวราวกับเจ้าหญิง จากนั้นนั่งลงที่เก้าอี้อย่างไม่เกรงใจ

ดูเหมือนว่าฉวี่เสี่ยวอี้จะคุ้นเคยกับคนสองสามคนนี้เป็นอย่างมาก ต่างตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กสาวที่ชื่อหวงหยู่โม่ ก็ได้หันกลับมา กวาดตามองไปที่เซี่ยงเส้าหลง พร้อมกับพูดจาอย่างรังเกียจว่า “เสี่ยวอี้ ตอนนี้ตระกูลเธอปฏิบัติกับคนใช้ดีขนาดนี้เลยเหรอ?”

“คนขับรถก็ร่วมโต๊ะได้งั้นเหรอเนี่ย?”

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท