ความอึดอัดปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉวี่เสี่ยวอี้เล็กน้อย จากนั้นรีบพูดออกไปว่า “หยู่โม่ เขาไม่ใช่คนขับรถนะ เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของฉัน!”
“เพื่อนเหรอ?”
ทั้งสามคนมองไปที่เซี่ยงเส้าหลงพร้อมกัน แม้ว่าเขาจะดูดี แต่การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาถูกนั้น มองดูยังไงก็ดูไม่เหมือนกับพวกคนชนชั้นสูงเลยสักนิดเดียว
“เสี่ยวอี้!ไม่ใช่ว่าฉันว่าอะไรเธอหรอกนะ แต่ได้ยินมาว่าเธอไปเป็นทหารมาตั้งสามปี ตาของเธอน่ะจะต้องสว่างกว่านี้หน่อยนะ ไม่ใช่หมาแมวที่ไหนก็สามารถเอามาคบเป็นเพื่อนได้!”
“นั่นสิ!”
เด็กผู้หญิงอีกคนแตะแหวนเพชรสิบกะรัตแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “พวกเราเป็นมันชนชั้นไหนกัน ใช่ว่าใครก็สามารถมาคบค้าสมาคมได้งั้นเหรอ แบบนั้นมันก็จะเป็นลดคุณค่าของเราน่ะสิ?”
เด็กหญิงคนสุดท้ายมองไปที่แก้มและมือที่หยาบกร้านของเซี่ยงเส้าหลง จากนั้นเยาะเย้ยออกมา “เฮ้ นายน่ะทำงานหนักอยู่ที่ไหนกันล่ะ?ดูจากมือที่หยาบกร้าน เกรงว่าคงจะหลายปีเลยสิท่า”
“ฮ่าฮ่า…”
ทั้งสามคนตัวสั่นด้วยเสียงหัวเราะ ฉวี่เสี่ยวอี้จ้องมองเขม็ง “พอได้แล้ว!หยู่โม่ ชิงชิง มี่เอ๋อ พวกหล่อนพูดแบบนี้กับเพื่อนฉันได้ยังไงกัน?”
“เสี่ยวอี้!เธอบ้าไปแล้ว!นี่จะเอาคนบ้านนอกนี่เป็นเพื่อนจริงๆเหรอ!”
ดวงตาของหวงหยู่โม่เบิกกว้างพร้อมกับกรีดร้องออกมา “เธออย่าลืมนะ อีกไม่นานเธอก็จะเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลสวีแล้ว ถือว่าโชคดีมากนะที่เป็นพวกเราที่เห็นน่ะ ถ้าถูกคุณชายสวีเห็นเธออยู่กับชายแปลกหน้าล่ะก็ เขาจะคิดยังไงกัน?”
“เขาจะคิดยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ!ฉันเต็มใจจะอยู่กับใครมันก็คืออิสระของฉัน!ใครก็มายุ่งไม่ได้!”
“เธอ!…”
เมื่อเห็นท่าทางที่ดื้อรั้นของฉวี่เสี่ยวอี้ หวงหยู่โม่เหลือบตามองและเห็นเซี่ยงเส้าหลงนั้นดูสงบและผ่อนคลาย หล่อนจึงทำเสียงเหอะออกมา “ไอ้หนู ฉันไม่สนหรอกนะว่านายจะเป็นใคร ทางที่ดีรีบห่างจากฉวี่เสี่ยวอี้จะดีที่สุด คนระดับอย่างพวกเรา ไม่ใช่คนที่นายจะปีนมาหาถึงหรอกนะ!”
“ถูกต้อง!” ชิงชิงดูถูกเหยียดหยาม “อาหารล้ำค่าบนโต๊ะอาหารนี้ เดาว่าโตมาจนป่านก็คงยังไม่เคยเห็นล่ะสิท่า?เกาะผู้หญิงกินแบบนี้ มันไม่ใช่ผู้ชายแล้ว!”
“ชิงชิง!หล่อนพูดจาร้ายกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ฉวี่เสี่ยวอี้มองไปที่เพื่อนสนิทของเธอทั้งสามคนอย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง “แต่ก่อนพวกหล่อนไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ อีกอย่าง อาหารมื้อนี้ เซี่ยงเส้าหลง เขาเลี้ยงฉันต่างหาก!”
“เขาเลี้ยง?เสี่ยวอี้ อย่าพูดเพื่อคนยากไร้คนนี้เลย เธอมองดูความยากจนของเขาสิ แบบนี้จะไปเลี้ยงใครได้? เกรงว่าเลี้ยงบะหมี่เธอแค่ร้อยหยวน ก็คงทำให้เขาต้องหยุดฟุ่มเฟือยไปสามวันได้เลยล่ะ!”
“ถ้ารู้แล้ว ก็รีบออกห่างให้ไวเลย!ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการทำให้ตระกูลสวีขุ่นเคือง และผลที่ตามมาก็คงจะร้ายแรงเป็นอย่างมาก”
“พอแล้ว!”
ฉวี่เสี่ยวอี้มองทั้งสามคนอย่างผิดหวัง “พวกหล่อนเปลี่ยนไป แตกต่างไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง!”
“ตอนนี้ เชิญพวกหล่อนออกไปได้ ฉันจะทานข้าว!”
“เสี่ยวอี้!นี่เธอไล่พวกเราเพื่อไอ้ผู้ชายคนนี้เหรอ?เธอน่ะสิที่เปลี่ยนไป!”
จากนั้น หวงหยู่โม่มองไปที่เซี่ยงเส้าหลงด้วยสีหน้าที่โกรธจัด “นี่นายทำของอะไรใส่เสี่ยวอี้ ทำให้เธอพูดจาแบบนี้ออกมาใช่ไหม!”
ใบหน้าของชิงชิงมืดมน “เราไม่สามารถดูเสี่ยวอี้ทำสิ่งผิดพลาดอย่างเลวร้ายนี้ได้ ฉันจะโทรหาคุณชายสวีเดี๋ยวนี้!”
“หล่อนไม่รู้เหรอว่าการส่งเสียงดังจะทำให้กินอะไรไม่ลงน่ะ?”
“อะไร?นี่นายกล้าพูดว่าพวกเราทำให้เบื่ออาหารงั้นเหรอ?”
หวงหยู่โม่กรีดร้อง หล่อนมีท่าทีที่ไม่พอใจ “นายคิดว่าจับเสี่ยวอี้ได้แล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจกับพวกเราก็ได้งั้นเหรอ?”
“จะบอกอะไรให้นะ ว่าเศษเดนยาจกอย่างนายน่ะ ไม่มีวันรู้หรอกว่าระดับชนชั้นของพวกเราน่ะมันสูงเสียดฟ้าแค่ไหนกัน!”
“ยังจะมาให้พวกเราออกไป คนที่ต้องออกน่ะมันต้องเป็นนาย!”
หลังจากนั้น ก็มองไปที่เขาอย่างภาคภูมิใจ “เกรงว่านายคงไม่รู้ว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้น่ะ เขาเป็นลุงของฉัน ขอแค่ฉันโทรไปล่ะก็ พนักงานรักษาความปลอดภัยก็จะกรูกันเช้ามาไล่นายออกไป!”
ทันทีที่เสียงหายไป ประตูก็ถูกเปิดออก หวงซ่างเหรินถือลาฟีทสองขวดเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “คุณเซี่ยง ไม่ทราบรสชาติอาหารถูกปากไหมครับ?”
“ผมเอาไวน์ชั้นดีมาให้คุณสองขวด ช่วยชิมให้หน่อยนะครับ!”
“คุณลุง!”
หวงหยู่โม่กรีดร้องออกมาอย่างเหลือเชื่อ “ลาฟีทสองขวดนี้ไม่ได้เป็นสองขวดที่คุณลุงเก็บมาเป็นสิบกว่าปีแล้วเหรอคะ?แม้แต่พ่อของหนูที่อยากจะลองชิมก็ยังไม่ให้เลย แต่ตอนนี้จะมาให้ไอ้เศษเดนยาจกนี่เหรอ?”
“หยู่โม่?”
หลังจากเซอร์ไพรส์ ใบหน้าของเขาก็หมองหม่นลงในทันที “พูดจาไร้สาระ!ใครอนุญาตให้ไปดูหมิ่นคุณเซี่ยงเขาแบบนี้? รีบขอโทษซะ!”
“ทำไมหนูต้องไปขอโทษเศษเดนยาจกนี่ด้วย?!”
หวงหยู่โม่ยืนขึ้นด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง “ไม่ต้องพูดเลยว่าเสี่ยวอี้นั้นโดนหลอก แม้ว่าเขาจะเป็นลูกเขยที่มีความสามารถจริงๆของตระกูลฉวี่ก็ตาม แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหวง เราก็ไม่ควรจะต้องมาถ่อมตนขนาดนี้ไหมคะ!”
“ไอ้เวรนี่!”
หวงซ่างเหรินใช้มือตบไปหนึ่งฉาด มองดูหลานสาวที่ตนรักเป็นชีวิตจิตใจและหวังว่าเติบโตไปจะได้ดิบได้ดี ก็จริงอยู่ที่ตระกูลหวงแม้จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับตระกูลฉวี่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปเกรงกลัวเช่นนั้น แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของเซี่ยงเส้าหลงนั้นไม่ใช่ตระกูลฉวี่ แต่เป็นถึงราชาหมาป่าผู้ครองความมืดมิดแห่งเมืองจี้ตงน่ะสิ!
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลฉวี่ก็ยังเป็นตระกูลใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาสีหน้าท่าทางรวมถึงการกล่าวถึงเหตุผลก็เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจแต่ราชาใต้พิภพนี้ดันไม่พูดเรื่องเหตุผลกันซะด้วยสิ!
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่ลืมน้ำเสียงที่ราชาหมาป่านั้นพูดกับเขา “ถ้าทำให้คนคนนั้นไม่มีความสุขล่ะก็ ก่อนรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ ตระกูลหวงจะถูกทำลายสูญสิ้น”
หวงซ่างเหรินเชื่อว่าราชาหมาป่านั้นพูดคำไหนคำนั้นแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากกว่านั้นก็คือเขาสัมผัสได้ถึงความเคารพที่แท้จริงผ่านจากน้ำเสียงของราชาหมาป่า!
ใครกันที่สามารถทำให้ราชาหมาป่าผู้ที่ไม่สนใจแม้กระทั่งสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ หันมาสนใจและทำความเคารพได้ขนาดนี้?
สามสาวตกตะลึงไปกับการตบของหวงซ่างเหริน ในขณะนี้สายตาที่จ้องมองไปที่เซี่ยงเส้าหลงนั้นไม่ใช่ความต่ำทรามแต่อย่างใด แต่เป็นความเกรงกลัวเสียมากกว่า
“รีบขอโทษคุณเซี่ยงเดี๋ยวนี้!”
“ไม่เช่นนั้น นับจากนี้ไป ฉันหวงซ่างเหรินจะไม่ยอมรับหล่อนในฐานะหลานสาวอีกต่อไป!”
“บอสหวง!ยอมทำเป็นไม่รู้จักกับหลานสาวตัวเองเพื่อคนนอก มันเกินไปหน่อยไหม…”
ประตูถูกผลักเปิดออกทันที ชายผู้สง่างามสวมแว่นตาขอบทองเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เหลือบมองเบาๆพร้อมกับจ้องไปที่เซี่ยงเส้าหลง น้ำเสียงของเขานั้นแฝงความเป็นผู้ดีเอาไว้อยู่ “อีกอย่าง สิ่งที่หยู่โม่พูด มันก็ไม่ผิดนี่ ผู้หญิงของฉันก็ไม่ใช่เศษเดนที่ไหน หล่อนควรค่าแก่การจดจำ!”
“คุณชายสวี…”
ใบหน้าของหวงซ่างเหรินดูน่าเกลียดขึ้นมาทันใด คุณชายใหญ่ของตระกูลสวีเองก็ถือเป็นคนที่เขาไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองใจได้เช่นกัน!
“ผู้หญิงของนาย?”
เซี่ยงเส้าหลงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา “ก่อนที่จะพูดประโยคนี้ออกมา ได้ถามความเห็นของเสี่ยวอี้ก่อนไหม?”
“หรือจะบอกว่านายหยิ่งผยองที่ได้ลูกสาวของตระกูลฉวี่มาเป็นของส่วนตัว เลยสามารถควบคุมได้ตามที่ต้องการงั้นเหรอ?”
ดวงตาของสวีเจี๋ยนั้นเป็นประกาย คำพูดของเซี่ยงเส้าหลงนั้นร้ายกาจไม่เบา หากเขาตอบว่าไม่ใช่ล่ะก็ มันก็ดูเหมือนจะขัดแย้งกับประโยคที่เขาพูดก่อนหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย หากตอบว่าใช่ล่ะก็ นั่นก็จะทำให้ฉวี่เสี่ยวอี้ไปจนถึงตระกูลฉวี่ขุ่นเคืองได้!
“เหอะเหอะ น่าสนใจดีจริง!”
“ขอให้ฉันได้แนะนำตัวสักหน่อย ฉันคือคู่หมั้นของฉวี่เสี่ยวอี้ สวีเจี๋ย จากตระกูลสวี!”
เซี่ยงเส้าหลงนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย “เซี่ยงเส้าหลง!”