ความเจ็บปวดผ่านมาและผ่านไปไวเสมอ เผิงเซียวส่ายหัวไปมา “แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น นายพลน้อยอย่าเป็นกังวลไปเลย!”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ฉันขอสั่งให้นายพูดทุกอย่างออกมาให้หมด!”
ความลังเลเกิดขึ้นบนใบหน้าของเผิงเซียว เขาพูดช้าๆภายใต้แรงกดดันจากการจ้องมองของเซี่ยงเส้าหลง
เมืองจี้ตงนั้นเป็นเมืองหลวงของมณฑลหลู่ เป็นเสมือนโลกทั้งใบของสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ แต่ตั้งแต่ที่เผิงเซียวนั้นเกษียณและออกมาอยู่ที่นี่เมื่อสองปีก่อน ด้วยความแข็งแกร่งและความโหดร้ายของเขา ในไม่ช้าเขาก็สามารถรวมกองกำลังใต้ดินของเมืองจี้ตงได้ วันเวลาล่วงเลยไป สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ก็หันกลับมาต้องการที่จะปราบปรามเขา แต่ดันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่พบว่ากองกำลังของเผิงเซียวนั้นแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะทุกๆตระกูลได้!
เมืองจี้ตงถือเป็นเมืองที่ใหญ่มาก จากที่เคยแบ่งปันกันสี่คนก็กลายเป็นห้าคน นั่นจึงหมายความว่าส่วนแบ่งของสี่คนที่เหลือก็จะน้อยลงกว่าเดิม ดังนั้น สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ที่เป็นอิสระต่อกันกลับมารวมตัวกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พวกเขาจู่โจมกองกำลังของเผิงเซียวขณะที่เขากำลังเผลอ ไม่ว่าเผิงเซียวจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะการร่วมมือกันของสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ได้ เขาพ่ายแพ้อย่างทุกข์ทรมาน!
ภายใต้การสมรู้ร่วมคิด เขาได้รับยาพิเศษมา ซึ่งมันจะทำให้ควบคุมเขาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลานี้เอง อดีตกองกำลังต่างถูกแบ่งแยกออกไปโดยสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่นี้ นับวันกองกำลังของเผิงเซียวก็ถดถอยลงทุกที!
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาเล่า เซี่ยงเส้าหลงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดังนั้นด้วยเหตุนี้ พวกรุ่นที่สองของตระกูลอย่างเว่ยหลายและสวีเจี๋ยเลยกล้าที่จะพูดด้วยท่าทางที่มั่นใจเช่นนั้นกับนายเหรอ?”
ใบหน้าของเผิงเซียวนั้นปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่น “ผมอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่น กองกำลังก็ต่างพากันแตกความสามัคคี หากปราศจากความภาคภูมิใจในตัวเอง ก็เป็นเรื่องปกติที่จะถูกผู้อื่นกดขี่!”
“แต่ยังไงซะอูฐที่อดอาหารตายนั้นก็ยังตัวใหญ่กว่าตัวม้าอยู่ดี สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่นั่นก็ทำได้แค่ควบคุมผม แต่พวกนั้นไม่กล้าฆ่าผมหรอกครับ เพื่อความอยู่รอด ผมอาจถูกพวกมันทำร้าย แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังมีฟางเส้นสุดท้ายที่ใครก็ห้ามมาแตะต้อง!”
ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่เซี่ยงเส้าหลงด้วยแววตาที่สว่างไสว “ซึ่งนั่นก็คือท่าน!”
“เทพรบหนึ่งเดียวในใจของผม ใครที่กล้าแม้แต่มาดูหมิ่นท่านเพียงเล็กน้อย ผมเผิงเซียวคนนี้ก็พร้อมที่จะสละชีวิตปกป้องศักดิ์ศรีของท่านเอาไว้!”
“ผมเชื่อว่า กองทัพชายแดนเหนือทุกๆคนไม่ว่าใครก็ตาม ก็คงจะเลือกทางเลือกนี้อย่างแน่นอน”
เผิงเซียวไม่ได้โกหก ในกองทัพชายแดนเหนือ เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้เพียงแต่เป็นผู้นำสูงสุดของพวกเขา แต่ยังเป็นเสมือนผู้ที่พวกเขาเคารพและศรัทธาอีกด้วย แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นนายพล แต่ในใจของกองทัพชายแดนเหนือทุกคนนั้น เซี่ยงเส้าหลงนั้นเป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาบูชา ใครก็จะมาระรานไม่ได้!
“ถอดเสื้อของนายซะ!”
เซี่ยงเส้าหลงพูดเบาๆ
เมื่อรู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของเซี่ยงเส้าหลงนั้นไม่ธรรมดา เผิงเซียวก็ไม่ลังเลที่จะถอดเสื้อออก เมื่อเข็มเงินเข้าสู่ร่างกาย สีหน้าของเซี่ยงเส้าหลงก็ดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ในดวงตาของเขามีเจตนาฆ่าแวบขึ้นมา “นี่ไม่ใช่ยาควบคุมแต่อย่างใด มันคือพิษที่เรื้อรัง โชคดีที่วันนี้นายกับฉันได้เจอกัน ไม่เช่นนั้นหากเลยวันนี้ไปล่ะก็ พิษจะซึมเข้าสู่อวัยวะภายในเป็นแน่ ซึ่งเกรงว่านั่นก็จะทำให้พวกเขาควบคุมนายไปได้ตลอดชีวิต!”
“รีบไปนำตัวยาพวกนี้มา ฉันจะล้างพิษให้!”
หลังจากนั้น เซี่ยงเส้าหลงก็ได้พูดชื่อยาหลายชนิด เมื่อฟังจนจบ ใบหน้าของเผิงเซียวก็มีรอยย่นเกิดขึ้น
“นายพลครับ ตัวยาไม่กี่อย่างที่ว่านั้นก็พอจะหามาได้ง่ายอยู่ เหลือก็เพียงแต่เห็ดหลินจือม่วงที่อายุร้อยปี หากจะให้หาได้ภายในวันนี้ เกรงว่าจะมีอยู่เพียงที่เดียวเท่านั้น!”
“ตลาดมืดเมืองจี้ตง!”
“ตลาดมืด?”
แสงในดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงริบหรี่ลง ขอเพียงแค่มีความต้องการ การค้าขายก็จะเกิดขึ้น แต่การค้าขายที่มากมายนี้ก็ดันมาผิดกฎหมาย ไร้ซึ่งเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นยังละเมิดศีลธรรมอีก
ดังนั้นจึงเกิดการเติบโตของตลาดมืดขึ้นมา พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในมุมที่มืดมิดที่สุด ค้าขายของต้องห้ามต่างๆบนโลกใบนี้ ที่นี่ ขอเพียงแค่มีเงินก็จะสามารถซื้อของทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ ยา หรือแม้แต่ชีวิตของคน!
เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารอให้เผิงเซียวพูดต่อ หากสิ่งเหล่านี้สามารถหามาได้ด้วยการใช้เงินล่ะก็ สีหน้าของเผิงเซียวก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน
เป็นดังที่คาดไว้ เผิงเซียวยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “แต่ตลาดมืดเมืองจี้ตง นั้นถูกควบคุมโดยสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ คนที่จะสามารถเข้าไปในตลาดมืดได้จะต้องมีใบอนุญาตที่ออกโดยสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่เท่านั้น!”
“อีกอย่าง ตลาดมืดนั้นก็ไม่ได้มีเพียงแค่ที่เดียว มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้นแม้กระทั่งผมเองก็ไม่รู้จะตามหาตลาดมืดได้จากที่ไหน!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยงเส้าหลงจึงพูดว่า “เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายรอฟังข่าวก็แล้วกัน”
ขณะที่พูด เขาก็เตรียมจะออกไปแต่ทันใดนั้นเผิงเซียวก็ได้หยุดเขาไว้ ขณะที่พูด ดวงตาก็แฝงไปด้วยความกังวล “นายพลน้อย ท่านได้ทำให้ตระกูลเว่ยและตระกูลสวีขุ่นเคืองใจ อีกทั้งตลาดมืดก็อยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา ท่านตัวคนเดียวเช่นนี้ ผมเกรงว่าท่านจะ…”
“ไม่มีอะไรต้องกลัว!”
เซี่ยงเส้าหลงหันกลับมา มองดูเขาด้วยสายตาที่แหลมคม “ฉันไม่ต้องการที่จะเห็นพี่น้องของฉันต้องมาบาดเจ็บต่อหน้าซ้ำสองหรอกนะ!”
จากนั้นเขาก็ได้เปิดประตู พร้อมกับเดินตรงไปที่ฉวี่เสี่ยวอี้และพูดอย่างตรงประเด็น “ฉันอยากไปตลาดมืด!”
ฉวี่เสี่ยวอี้ผงะ “อะไรนะ?นายรู้จักตลาดมืดได้ยังไงกัน?”
เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาจ้องมองมาที่เธอ “เสี่ยวอี้ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ!”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเขา ฉวี่เสี่ยวอี้ก็ได้กัดริมฝีปากของเธอราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้ทางอุดมการณ์ที่รุนแรง เธอพยักหน้า “นายรอฉันสักครู่!”
จากนั้น เธอหลีกไปที่มุมห้องพร้อมกับใช้โทรศัพท์โทรออกมา เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้ตามไปด้วย จากนั้นไม่นาน ฉวี่เสี่ยวอี้ก็ได้เดินกลับมา “ฉันสามารถพานายไปที่ตลาดมืดได้ แต่ว่าถ้าเราไม่มีใบอนุญาต พวกเราก็ไม่สามารถเข้าไปได้อยู่ดี!”
“เธอแค่พาฉันไปก็พอแล้ว ถ้าเข้าไม่ได้…”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงมีเจตนาแฝงไว้อยู่ “งั้นก็บุกเข้าไป!”
นอกเมืองจี้ตง มีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลโพ้น หากมองจากภายนอกแล้ว มันดูเงียบสงบ มองไม่ออกเลยว่ามีอะไรอื่นอยู่ เมื่อเดินเข้าไปในหมู่บ้าน พวกเขาก็ได้มาถึงบ้านธรรมดาๆหลังหนึ่งด้วยการนำของฉวี่เสี่ยวอี้ เมื่อมาถึงประตูเหล็กบานใหญ่ เคาะประตูสองสามครั้ง ประตูก็ถูกเปิดออก มีชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนลุงในชนบททั่วไปออกมาเปิดประตูด้วยท่าทางที่โง่เขลาพร้อมกับเหลือบมองพวกเขา จากนั้นหันหลังกลับและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ฉวี่เสี่ยวอี้และเซี่ยงเส้าหลงเดินตามเข้าไป เขาเดินไปจนถึงคอกหมูพร้อมกับไล่พวกหมูที่กำลังกินน้ำสกปรกอยู่ เมื่อดึงประตูที่สกปรกขึ้นมา อุโมงค์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสอง
ชายคนนั้นโบกมือให้ทั้งสองคนลงไป ฉวี่เสี่ยวอี้ลงไปก่อน หลังจากความมืดที่เข้ามาในชั่วขณะหนึ่ง ฉากตรงหน้าก็ค่อยๆดูชัดเจนขึ้น!
ที่นี่เป็นเหมือนตลาดเล็กๆสว่างไสว มีเสียงโห่ร้องมากมาย
เซี่ยงเส้าหลงถอนหายใจเล็กน้อย “ใครจะไปคิดล่ะว่าที่แห่งนี้จะซ่อนเร้นตลาดที่ใหญ่โตขนาดนี้เอาไว้ได้ เกรงว่าสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่คงทุ่มเงินมหาศาลให้กับที่นี่เป็นแน่!”
ฉวี่เสี่ยวอี้กัดริมฝีปากของเธอ พร้อมกับพูดอย่างช้าๆ “ในทุกๆปี ตลาดมืดนี้ทำกำไรให้กับสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่อย่างมหาศาลเลยล่ะ ความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์นั้นยิ่งทำให้มันซับซ้อนขึ้นไปอีก ดังนั้น นอกจากสายของพวกสี่ตระกูลใหญ่แล้ว หากไม่มีคนที่รู้จักนำเข้ามาล่ะก็ แทบจะไม่มีใครหามันเจอเลยล่ะ!”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอมองด้วยแววตาที่ประหม่า “ไม่ต้องไปสนใจหรอก ที่ไหนที่มีความต้องการ การค้าขายก็จะเกิดขึ้น ตลาดมืดเช่นนี้ก็เหมือนกับพวกเว็บตลาดมืดของต่างประเทศนั่นแหละ ถึงแม้มันเต็มไปด้วยคาวเลือด แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ในกรณีนี้ ต่อให้ตระกูลฉวี่จะมีคุณธรรมมากแค่ไหน แต่ถ้าจะให้มาเห็นอีกสามตระกูลผูกขาดและค่อยๆเติบโตไปเรื่อยๆ มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้!”
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยงเส้าหลง ฉวี่เสี่ยวอี้ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ทันใดนั้นภายในใจลึกๆก็ผงะ ทำไมตนต้องกลัวเซี่ยงเส้าหลงเข้าใจผิดด้วยล่ะ?
“พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ทำไมถึงไม่ให้ฉันเข้าไปล่ะ?!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังอยู่ไม่ใกล้ไกล เสียงนั่นดึงดูดพวกเขาในทันที
เมื่อเดินใกล้เข้ามา มีชายหญิงคู่หนึ่งสวมเสื้อผ้าที่สวยงามกำลังยืนเถียงกับเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตูอยู่!
“ถ้าไม่มีใครบอกฉัน ฉันจะผ่านรังหมูโสโครกมาที่ตลาดมืดนี่ได้ยังไงกัน!”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันน่ะเป็นคุณชายที่มาจากต้าซิงกรุ๊ป รีบให้ฉันเข้าไปเร็วเข้า!”
เจ้าหน้าที่คนแรกที่ดูแข็งแกร่งราวกับหมี มองไปที่เขาอย่างเย็นชา “หากต้องการเข้าสู่ตลาดมืดจะต้องมีบัตรเชิญ หากไม่มี ก็เชิญกลับไป!”
“ฉันแม่งพูดไปกี่รอบแล้ววะ!จดหมายเชิญลืมไว้อยู่ที่บ้าน!มันกำลังจะมาถึงแล้ว นี่แกยังจะอยากให้ฉันกลับไปเอาอีกเหรอ?”
เจ้าหน้าที่นั้นเย็นชาราวกับเครื่องจักรกล “ไม่มีจดหมายเชิญก็เข้าไม่ได้!”
“ฉันล่ะยอมแม่งเลยจริงๆ!”
เฉิงซิงกระทืบเท้าอย่างแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดื้อรั้น เมื่อหันกลับมา เขาก็พบเห็นเซี่ยงเส้าหลงกำลังยิ้มอยู่ ทันใดนั้นไฟแห่งความเกรี้ยวกราดก็แผดออกมาจากใจของเขา “มองอะไร มึงเป็นใครกัน ถึงได้มาตลกกู?”
ฉวี่เสี่ยวอี้โกรธ พร้อมกับเท้าสะเอว “ทำไมทำตัวเหมือนหมาแบบนี้ล่ะ เห็นใครก็กัดไปทั่ว”
เซี่ยงเส้าหลงหยุดเธอเอาไว้ “เธอบอกเองว่าเขาเป็นหมาตัวหนึ่ง หมากัดคนไปครั้งหนึ่ง งั้นพวกเราจำเป็นจะต้องไปกัดตอบงั้นเหรอ?”
“นี่มึงบอกว่าใครเป็นหมา?!”
เฉิงซิงจะรับความรู้สึกข้องใจเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เขาลงมือในทันที เซี่ยงเส้าหลงหันกลับมา สายตาเต็มไปด้วยด้วยเจตนาฆ่าและความเกลียดชัง ราวกับยมทูตจากขุมนรก เฉิงซิงร่างกายสั่นสะท้านไปหมดเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาเป็นคนรุ่นที่สองที่หยิ่งทะนงของตระกูลที่ร่ำรวย จะไปเคยเห็นแววตาที่น่ากลัวเช่นนี้ได้จากไหนกัน เขายืนค้างอยู่นิ่งๆ ไม่ก้าวเข้ามาและไม่ถอยหลังไป
“จดหมายเชิญ!”
ชายร่างหมีเหลือบมองพวกเขา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พวกเราไม่มีจดหมายเชิญ!”
ทันทีที่เสียงสิ้นสุดลง คำพูดที่เย่อหยิ่งของเฉิงซิงก็ได้เริ่มต้นขึ้น “แม่งเอ๊ย!จดหมายเชิญก็ไม่มีแล้วยังจะมาแสร้งทำตัวเป็นคนใหญ่คนโตอีก!”
“ดูท่าทางยาจกแบบนี้ แอบเข้ามาล่ะสิท่า!”
“ไอ้หนู กูจะรอตรงนี้นี่แหละ ตราบใดที่แกออกไป คำที่แกด่าฉันไว้เมื่อตะกี้ ฉันจะสั่งสอนแกเอง!”
ใบหน้าของเฉิงซิงนั้นโกรธถึงขีดสุด ท่าทางราวกับถูกครอบงำเอาไว้
ชายร่างหมีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันไม่สนว่าคุณจะเข้ามาได้ยังไงกัน แต่คุณจะเข้าไปไม่ได้ถ้าไม่มีจดหมายเชิญ!”
“งั้นสิ่งนี้ไม่ได้เหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงหยิบนามบัตรธรรมดาออกมา มีคำว่าฉวี่ที่เย็บชัดเจนเป็นพิเศษจากด้ายสีทองอยู่ด้านบน!
“ทำไมนายถึงมีนามบัตรนี้ได้?”
ดวงตาของฉวี่เสี่ยวอี้เบิกกว้าง เธอรู้ดีว่าคนที่มีนามบัตรนี้จะต้องเป็นคนที่มีความหมายต่อตระกูลฉวี่เป็นอย่างมาก!
“ฮ่าฮ่า..คงไม่ได้เป็นคนบ้าใช่ไหม!คิดว่าหยิบนามบัตรจากที่ไหนมาก็ได้แล้วจะได้เข้าไปในตลาดมืดงั้นเหรอ?”
“ถ้าแกเข้าไปได้ ฉันจะคลานกลับไปผสมพันธุ์กับหมูเลย!”
“คุณเข้าไปได้”
คำพูดของชายร่างหมีนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉิงซิงหุบลงในทันที
“ขอบคุณมาก!”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า พร้อมกับหันกลับมามองเฉิงซิงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่ไปผสมพันธุ์กับหมู ก็ใส่ใจเรื่องการคุมกำเนิดด้วยล่ะ ถ้าไม่มีถุงยางล่ะก็ จะใช้ถุงพลาสติกแทนก็ได้นะ!”
เมื่อสองคนนั้นเดินไปไกลแล้ว เฉิงซิงจึงถามอย่างไม่พอใจว่า “นี่แกหมายความว่ายังไงกัน?กับอีแค่นามบัตรพังๆก็สามารถเข้าไปได้แล้วเหรอ?แล้วทำไมฉันเข้าไปไม่ได้ล่ะ?”
ชายร่างหมีมองเขาและพูดออกมาเบาๆ “ตลาดมืดเป็นสถานที่ที่จัดโดยสี่ตระกูลหลัก คนที่สามารถเข้าออกได้โดยที่ไม่ต้องมีบัตรเชิญก็จะมีแค่เจ้าตระกูลจากสี่ตระกูลเท่านั้น!”
“และในมือของเขา ก็คือนามบัตรที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลฉวี่ มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น!”
“ผู้ที่ถือบัตรก็จะเหมือนกับเจ้าตระกูลฉวี่ที่เข้ามาด้วยตนเองเลย!”
“อะไรนะ?!”
เฉิงซิงนั้นตกตะลึง แม้ว่าเขาจะทึ่ม แต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เจ้านายตระกูลฉวี่แสดงถึงนั้นอะไร!
“ตอนนี้นายควรจะภาวนานะ นิสัยใจคอของผู้ชายคนเมื่อกี้นั้นไม่เลวเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้น…คำพูดที่นายพูดไปเมื่อกี้คง…”ชายร่างหมีมองไปที่เขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสาร “ตอนนี้นายควรจะคิดๆดูว่าจะเผชิญกับความโกรธของเจ้าตระกูลฉวี่ยังไงดี!”
พรึ่บ!
ใบหน้าของเฉิงซิงนั้นซีดเผือด เท้าของเขาหมดแรง ทรุดตัวลงไปที่พื้นในทันที สติของเขาล่องลอยไปเป็นเวลานาน!
เป็นครั้งแรกที่มาตลาดมืด ใบหน้าของฉวี่เสี่ยวอี้นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองไปรอบๆ เวลาก็ดูเหมือนจะหมดลงเต็มที เซี่ยงเส้าหลงไม่มีเวลาที่จะมาเดินเตร็ดเตร่แล้ว ด้วยกลิ่นจางๆที่ลอยมานี้ เขาจึงรีบพุ่งไปยังพื้นที่ที่ขายยาสมุนไพรจีนอย่างรวดเร็ว
ตลาดมืดนี่สมควรเป็นตลาดมืดจริงๆ สมุนไพรที่ขายที่นี่นั้นหาไม่ได้จากโลกภายนอก บางทีอาจจะเป็นเพราะโชคช่วยในไม่ช้า พวกเขาก็พบสิ่งที่ต้องการที่หน้าแผงลอย!
เห็ดหลินจือสีม่วงอายุกว่าร้อยปี!
ราคาสองล้านติดอยู่ที่แผงลอย เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้ต่อราคาแต่อย่างใด เผิงเซียวครองโลกใต้กินมาเป็นเวลากว่าสองปี เงินสองล้านสำหรับเขา มันเป็นแค่เพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น!
ในขณะที่กำลังทำเจรจาค้าขายอยู่ ทันใดนั้น เสียงหยิ่งผยองก็ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน!”
เมื่อหันศีรษะกลับไป จู่ๆดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงก็ฉายแววนักฆ่า!
โลกนี้นี่มันช่างกลมจริงๆ!