ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 77 ทหารมาถึง

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

วันนี้ที่เมืองเทียนไห่เป็นวันที่ประชาชนรู้สึกเคร่งขรึม

มีบุคคลที่พวกเขาไม่รู้จักได้เข้ามาที่เมืองเทียนไห่ผ่านทางเครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์ถึงพวกเขาจะดูแตกต่างกัน แต่พวกเขามีกลิ่นอายที่เหมือนกัน

กลิ่นอายของความอันตราย

ตอนนี้ถนนข้างบ้านตระกูลซ่งที่เมืองเทียนไห่ ซ่งจื้อตงได้ใช้เงินมหาศาลปิดถนนเรียบร้อย ถนนที่กว้างขวางอกไพรไหล่ผึ่งยื่นอยู่เต็มถนน

แววตาของทุกคนดูสดและมองไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ที่นั้นมีความเชื่อของพวกเขาอยู่ ก็คือนายพลน้อย เซี่ยงเส้าหลง!

“เรียนนายพลน้อย เส้าหลงกับหนึ่งพันทหารม้าชายแดนเหนือได้มาถึงรอคำสั่งจากท่าน!”

“เรียนนายพลน้อย ก่วยเสอกับหนึ่งพันทหารม้าชายแดนเหนือได้มาถึงรอคำสั่งจากท่าน!”

“เรียนนายพลน้อยเทียนโก่วกับหนึ่งพันทหารม้าชายแดนเหนือได้มาถึงรอคำสั่งจากท่าน!”

เสียงคำรามและมีเสียงสะท้อนกลับ องครักษ์เสื้อเลือดทั้งสิบสองคน มาแล้วห้าคน ยังมีทหารม้าที่แข็งแกร่งของชายแดนเหนือกว่าห้าพันนาย ทำให้เมืองนี้ถูกปกคลุมด้วยสีของเลือด

เซี่ยงเส้าหลงกำกระดาษอยู่ใบหนึ่ง กระดาษใบนั้นมีเนื้อหาที่เรียบง่าย

“อวิ๋นเสว่เหยนและอวิ๋นเยนเอ๋ออยู่ในมือฉัน อยากได้ตัวพวกเธอ ให้รอโทรศัพท์จากฉัน”

“ทิ้งเบาะแสไว้แค่นี้หรือ?”

เซี่ยงเส้าหลงพูดออกมาด้วยเสียงที่เบา น้ำเสียงเขาดูเยือกเย็นไร้ความรู้สึก

ซ่งจื้อตงก็มีสีหน้าแย่ไม่แพ้กันและพยักหน้า “ใช่ครับ กระดาษนี้ถูกพบที่ที่อยู่ของพี่น้องคู่นี้!”

“เรื่องนี้ต้องโทษฉัน ถ้าฉันไม่รีบไปที่เมืองจี้ตง แล้วมองข้ามความปลอดภัยของพี่น้องคู่นี้ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น!”

“เรื่องนี้จะโทษนายไม่ได้”

เซี่ยงเส้าหลงก็พูดอย่างเย็นชา “พวกเขากล้าที่จะลักพาตัวภรรยาและลูกของฉัน คงวางแผนไว้นานแล้ว!”

“แต่ก็อธิษฐานให้ภรรยาและลูกของฉันปลอดภัยนะ ไม่งั้น ถึงจะต้องหาไปทั่วฟ้าแผ่นดินฉันก็จะไม่ให้พวกมันมีศพหลงเหลืออยู่เลย!”

ขณะนี้ได้มีเสียงเครื่องขยายเสียงของตำรวจดังขึ้นและมีรถตำรวจนับไม่ถ้วนได้มาจอดและล้อมรอบทุกคนเอาไว้ที่กลางถนน!

มีชายอ้วนคนหนึ่งได้ลงจากรถมา และมองไปที่คนเหล่านี้ที่สูงจนมองไม่เห็นหัวพวกเขา ชายอ้วนปรากฏสีหน้าที่กลัวเล็กน้อย เอาเครื่องขยายเสียงออกมา “พวกนายเป็นใคร?”

“ใครอนุญาตให้พวกนายมาร่วมกลุ่มกันที่นี่?”

“ใครเป็นผู้ดูแล? ออกมาเดี๋ยวนี้!”

ซ่งจื้อตงมีสีหน้าที่เย็นชา “เจ้าอ้วนเจียง?”

คนที่มาก็คือ รองหัวหน้ากองงานความมั่นคงเมืองเทียนไห่ เจียงจื้อเหว่ย

“ได้ยินมั้ยว่าผู้ดูแลออกมาเดี๋ยวนี้? ไม่งั้นผมจะนำทุกคนไปที่สถานีตำรวจนะ!”

“รองอธิบดีเจียง คุณก็พูดอวดเก่งเกินไป!คนมากมายขนาดนี้จะเอากลับไปสถานีตำรวจหรือ มีพื้นที่พอหรือเปล่า?”

เจียงจื้อเหว่ยหรี่ตามองไปที่คนที่มาแล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ผมก็คิดว่าเป็นใคร ที่แท้เป็นคนรวยที่สุดในเมืองเทียนไห่คุณซ่งนี่เอง!”

ซ่งจื้อตงฝืนยิ้มออกมา มองไปที่รถตำรวจจอดพร้อมรบ “อธิบดีเจียง ท่านหมายความว่าอะไร?”

“คุณซ่ง คำนี้ผมน่าจะเป็นคนที่ถามคุณมากกว่ามั้ย?”

เจียงจื้อเหว่ยชี้ไปที่ด้านหลังของเขา “นี่นายหมายความว่าอะไร? มองไปแล้วน่าจะเป็นหลายพันคนเลยนะ?”

“คนเหล่านี้เป็นพนักงานบริษัทของผมเอง คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“คุณซ่งมีธุรกิจที่ใหญ่โต พนักงานต้องมากเป็นธรรมดา ข้อนี้พอเข้าใจได้ แต่ผมได้รับการร้องเรียนมาว่า มีคนร้ายได้ปลอมตัวเข้ามาที่เมืองเทียนไห่ หวังที่จะก่อเหตุอะไรบางอย่าง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ผมที่เป็นวรองหัวหน้ากองงานความมั่นคง ผมจะเพิกเฉยไม่ได้เด็ดขาด!”

ซ่งจื้อตงเกือบที่จะหลุดขำออกมา ในเมืองเทียนไห่มีใครไม่รู้บ้างว่าเจียงจื้อเหว่ยเป็นคนที่ปลิ้นปล้อนถ้าพูดถึงการจ้องจะเอาสิ่งของมีค่าของผู้อื่น เขาจริงจังกว่าใครๆ แต่ตอนที่ทำงานที่จริงจังแล้ว จะหายตัวเป็นคนแรก!

นึกถึงตอนนี้ซ่งจื้อตงก็ไม่ได้เสียเวลาพูดอะไรมาก และเอาเช็คออกมา เขียนตัวเลขขึ้นไปแล้วส่งไปให้เขา “อธิบดีเจียงตั้งใจทำงานแบบนี้ เงินพวกนี้ก็เอาไปเลี้ยงลูกน้อง ไปหาร้านอาหารที่อร่อยๆ กินกัน”

แต่ใครจะรู้ เจียงจื้อเหว่ยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “คุณซ่ง คุณหมายความว่าอะไร? คุณจะติดสินบนผมต่อหน้าทุกคนหรือ?”

ซ่งจื้อตงมองตาค้าง “หรือว่ารองอธิบดีเจียงคิดว่าน้อยเกินไป?”

“หึ! ซ่งจื้อตง!อย่าคิดว่านายเป็นคนรวยที่สุดในเมืองเทียนไห่แล้วจะทำอะไรโดยไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมายได้นะ!”

“ผมเจียงจื้อเหว่ยทำงานด้วยความสุจริตโปร่งใส ผมจะไม่รับเงินเล็กๆ น้อยๆ ของคุณแน่นอน!”

“คุณบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นพนักงานของคุณ ใครสามารถเป็นพยานได้?”

“ให้ทุกคนเอามือไว้บนหัว ผมจะตรวจบัตรประชาชนของพวกเขา”

หลังจากนั้นก็มีเสียงตะโกนขึ้นมา “ทุกคนเตรียมตัวปฏิบัติการ ถ้าคนไหนต้องสงสัย เอาตัวไปทันที!”

“ใครจะกล้า?”

มีเสียงที่เยือกเย็นถึงขีดสุดรอยมา และเซี่ยงเส้าหลงได้ค่อยๆ เดินออกมาจากฝูงคนเหล่านี้ แล้วใช้สายตาที่เย็นชามองไปที่เจียงจื้อเหว่ย แล้วพูดออกมาว่า “ไสหัวไป!”

“แม่มึงพูดอะไรออกมานะ?!”

เจียงจื้อเหว่ยโมโหมาก อยู่ในตำแหน่งรองอธิบดีมาตั้งหลายปี ไม่มีใครไม่ไว้หน้าเขา คนที่มีธุรกิจระดับซ่งจื้อตงยังต้องเกรงใจเขาเลย ใครจะกล้าดูถูกเขา?”

“เจ้านี้ นายเชื่อมั้ยคำที่ออกมาจากปากนายเมื่อกี้ กูสามารถขังมึงอยู่ในคุกได้ตลอดชีวิตเลยนะ?”

“ไสหัวไปหรือตาย!”

“ฮ่าฮ่า…..”

หัวเราะแล้วก็เอาปืนออกมา จ่อไปที่หน้าผากของเซี่ยงเส้าหลงและพูดว่า “โดยคำพูดประโยคเมื่อกี้ของคุณ ผมสงสัยว่าคุณอาจจะเป็นผู้ก่อการร้ายเอามือไว้บนหัวยั้งลง ไม่งั้นผมมีสิทธิ์ที่จะยิ่งหัวคุณกระจุยนะ!”

“เจียงจื้อเหว่ย! ถ้าคุณยังอยากมีชีวิตอยู่วางปืนลงเดี๋ยวนี้!”

เจียงจื้อเหว่ยโกรธและตกตะลึง!

“ซ่งจื้อตง!อย่ามาข่มขู่กู! กูไว้หน้ามึงเพราะว่ามึงเป็นคนรวยที่สุด! ถ้ากูไม่ไว้หน้ามึง มึงก็แค่คนธรรมดาทั่วไป!”

“กูจะบอกอะไรมึง เพีนงแค่ข้อหาร่วมกลุ่มกันอย่างผิดกฎหมาย กูก็จับคนรวยที่สุดอย่างมึงไปขังคุกได้แล้ว!”

เซี่ยงเส้าหลงมีแววตาที่เยือกเย็นเหมือนดั่งยมทูต “นายจะรนหาที่ตายจริงๆ หรือ?”

“มาถึงตอนนี้แล้วยังจะอวดเก่งอีกหรือ?”

เจียงจื้อเหว่ยเอาปืนจ่อที่หัวของเซี่ยงเส้าหลงอย่าง ประมาทเลินเล่อ “มึงดูดีๆ นะ ตอนนี้คนที่ถูกปืนจ่อหัวอยู่คือมึง!”

“กูแค่กดไปที่ไกปืน มึงก็จะได้ขึ้นสวรรค์ทันที!”

ริมฝีปากของเซี่ยงเส้าหลงขยับเขายิ้มมุมปาก “ใครมีปืนใครก็ใหญ่สุดหรือ?”

เจียงจื้อเหว่ยพูดด้วยความอวดเก่ง “ใช่ ใครมีปืนใครก็ใหญ่ที่สุด!”

“คุณลองมองดูสิ ว่าปืนของคุณกับคนของผมใครมากกว่ากัน?”

พึ่งพูดจบ ข้างหลังของเขาก็มีเสียงชักปืนที่เป็นระเบียบ ห้าพันคนได้รูดซิปเสื้อออกมาปรากฏเสื้อลายพรางที่อยู่ข้างในปืนยิงเร็วห้าพันกระบอก กระบอกปืนห้าพันกระบอก และดวงตาที่เยือกเย็นห้าพันคู่!”

“ติ้ง!”

เหงื่อได้ไหลออกมาเต็มหน้าผากของเจียงจื้อเหว่ยความ ประมาทเลินเล่อได้หายไปแล้ว ตอนนี้สีหน้าเขามีเพียงความขาวซีด มองไปที่เงาร่างที่เยือกเย็นเหล่านี้ เขาเหมือนถูกยมทูตจ้องมองอยู่ ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว!

มือที่ถือปืนอยู่ก็สั่นไหว เซี่ยงเส้าหลงขำออกมา “รองอธิบดีเจียงคุณดูสิว่าตอนนี้ใครเป็นคนที่ใหญ่กว่ากันแน่?”

ขณะเดียวกัน ตำรวจยศเล็กที่อยู่ข้างหลัง ได้ถือโทรศัพท์และเดินมาด้วยสีหน้าที่เกรงกลัว น้ำเสียงที่สั่นเครือ “รอง….รองอธิบดี โทรศัพท์จากอธิบดี”

เจียงจื้อเหว่ยไปรับโทรศัพท์และมีเสียงคำรามดังออกมาจากในสาย “เจียงจื้อเหว่ย! แม่มึง มึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย! ใครอนุญาตให้มึงนำตำรวจออกตรวจด้วยตัวเอง? !”

“มึงไม่รู้หรือว่าพวกเขาเป็นใคร?! ถ้ามึงอยากตาย มึงก็อย่าพาทั้งสถานีตำรวจไปตายด้วย!”

พูดจบ เสียงในสายมีเสียงที่ดูเคารพและเกรงกลัว “เขาคือคนหนึ่งเดียวในประเทศที่ได้ใช้นามว่าผู้บัญชาการแห่งเทพสงคราม หัวหน้าชายแดนเหนือ นายพลน้อยประเทศหวาเซี่ย!”

รีบพาคนของมึงกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!

เพี๊ยะ!

โทรศัพท์ร่วงลงกับพื้น ตัวที่มีน้ำหนักกว่าสองร้อยกิโลกรัมได้ลงไปนั่งกับพื้น ริมฝีปากของเขาชักไม่หยุด สีหน้าดูไม่มีชีวิตชีวาเลยและพูดอยู่คนเดียวว่า “มัน…..มันสายไปแล้ว”

เซี่ยงเส้าหลงก้าวออกมาและยืนอยู่สูงกว่าเขาดวงตาที่เหมือนเพลิง “ใครให้คุณมาที่นี้!”

เจียงจื้อเหว่ยตัวสั่น ยังไม่ทันได้พูดอะไร โทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น มองไปที่เบอร์ที่แสดง เมื่อสายติดแล้วก็ส่งไปให้เซี่ยงเส้าหลงด้วยมือที่สั่น “เขา….เขาจะคุณกับคุณ”

สายตาของเซี่ยงเส้าหลงค้างไว้และรับโทรศัพท์มา เสียงในสายมีเสียงที่เย็นชาลอยมา “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นายพลน้อยเซี่ยง!”

ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงหดตัวอย่างรุนแรง “นายเองหรือ?”

“เฮ้อๆ เพื่อนเก่าไม่ได้เจอกันนาน ฉันคิดถึงนายมากเลย!”

“ไม่พูดไม่ได้ว่า ภรรยาของนายสวยมาก ทำให้ใจของฉันสั่นไหว”

เซี่ยงเส้าหลงพูดด้วยเสียงที่เยือกเย็น “ถ้านายกล้าที่จะทำอะไรเธอ ฉันจะทำให้นายรู้ว่านายคิดผิดที่ทำแบบนั้น!”

“ถ้าอยากให้พวกเขารอด มาหาฉันที่ภูเขาต้าหมิน แต่เตือนนายไว้ก่อนนะ นายมีเวลาแค่สองชั่วโมงนะ……”

วางสายไปความเย็นชาของเซี่ยงเส้าหลงเพิ่มมากขึ้น แคก โทรศัพท์ถูกเขาบีบจนกลายเป็นเศษเหล็ก ในปากเขาก็พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “ผีดำ นายยังไม่ตายจริงๆ ……”

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท