“แกกล้าตบฉัน? ไอ้เศษเดนแกกล้าตบฉันเหรอฮะ?!”
เซี่ยงชินชินคลั่งทันที ส่วนฉินห้าวที่อยู่ด้านข้างก็ทำหน้าเคียดแค้นราวกับภูเขาไฟจะระเบิด ถึงพวกเขาแค่เกี่ยวดองระหว่างตระกูล แต่เซี่ยงชินชินก็ยังเป็นภรรยาของตัวเอง นี่ไม่เพียงแค่ตบเซี่ยงชินชิน แต่เหมือนตบหน้าเขาด้วย
“เซี่ยงเส้าหลง หรือว่ามึงไม่เห็นว่ากูยังอยู่ที่นี่?!”
เซี่ยงเส้าหลงเลิกคิ้ว มองเขาอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษจริงๆ ครับที่ละเลยคุณชายฉินไป”
ว่าแล้วก็มีเสียงตบไปอีกฉาด เซี่ยงเส้าหลงสะบัดมือ ดูแก้มบวมที่สมดุลกันของเขากับเซี่ยงชินชิน ยิ้มตาหยีพูด “แบบนี้ คุณชายฉินพอใจหรือยังครับ?”
“อ๊า…! เซี่ยงเส้าหลง! กูจะฆ่ามึง!”
ฉินห้าวตาแดงก่ำ ในฐานะที่เขาเป็นบุตรภรรยาหลวงของตระกูลฉิน เติบใหญ่มาขนาดนี้ ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าเขามาก่อน!
เมื่อเห็นคุณชายของตัวเองถูกเหยียดหยาม บอดี้การ์ดที่พามาด้วยจึงเข้าล้อมทันที ถลึงตาจ้องเซี่ยงเส้าหลง ขอแค่ฉินห้าวสั่งมาคำเดียว พวกเขาก็จะทำให้เซี่ยงเส้าหลงรู้ผลของการตบหน้าว่าหนักหนาสาหัสเพียงใด!
เมื่อเห็นทางนี้ขยับ พวกเลี่ยหลง สิบสององครักษ์เสื้อเลือดย่อมไม่นิ่งเฉยอยู่แล้ว วิ่งพรวดเข้ามาทันที ทันใดนั้น ห้องที่แต่เดิมกว้างขวางก็คับแคบไปในทันที รังสีพิฆาตอันเย็นเยือกอบอวลไปทั่ว
“ไอ้สวะพวกเนี่ยเหรอจะคู่ควรมาสู้กับกู?”
ฉินห้าวตาเป็นไฟชี้พวกเลี่ยหลง แล้วพูดเสียงกร้าว “คนที่อยู่ข้างหลังกูพวกเนี่ย เป็นถึงองครักษ์คนสนิทที่พามาจากตระกูลฉิน แต่ละคนผ่านสนามรบมาแล้วเป็นร้อยครั้ง เปื้อนเลือดนับไม่ถ้วน ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
พวกของเลี่ยหลง เผยความไม่แยแสในดวงตาทันที
เปื้อนเลือดนับไม่ถ้วน?
สมรภูมิรบชายแดนเหนือ มีการรบครั้งใหญ่ครั้งไหนที่พวกเขาไม่ต้องแบกรับคนหลายสิบชีวิตกลับมา?
ผู้คนรู้แค่ว่าสิบสององครักษ์สวมชุดสีเลือด แต่กลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วนั่นเป็นชุดขาวล้วน เพียงแต่ใช้เลือดของศัตรูย้อมจนเป็นสีแดงเท่านั้น!
สิบสององครักษ์เลือด สิบสององครักษ์เสื้อเลือด แปดเปื้อนชีวิตศัตรูกว่าหมื่นชีวิต!
“ดื้อดึงเสียจริง!”
แรงอาฆาตในดวงตาของฉินห้าวมากขึ้นทุกที สายตามองไปทางเซี่ยงเส้าหลง “เซี่ยงเส้าหลง กูจะให้โอกาสมึงอีกครั้ง ขอแค่มึงยอมทำตาม ไม่แน่นะ กูอาจมีจิตเมตตาไว้ชีวิตมึงก็ได้!”
เซี่ยงเส้าหลงมองฉินห้าว เกี่ยวมุมยิ้มเล็กๆ “เหรอครับ? งั้นคุณจะทำให้ผมทำตามแต่โดยดียังไงล่ะครับ?”
ฉินห้าวทำท่าทางอย่างกับเป็นเพชฌฆาตของเซี่ยงเส้าหลง หัวเราะพูดด้วยความเย่อหยิ่งและก้าวร้าว “ง่ายมาก!”
“คุกเข่าตรงนี้ ให้บอดี้การ์ดของกูตั้นหน้ามึง จากนั้นก็มุดลอดหว่างขาของกูไป สุดท้ายก็คลานสี่ขากับพื้น เห่าเป็นหมาสามครั้ง แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเจ๊ากัน”
เมื่อพูดจบ ทุกคนก็มีหน้าตึงเครียด แม้แต่เซี่ยงเส้าจุนเองก็ยังกำหมัดแน่น โมโหจนสั่นไปทั้งตัว
ส่วนเซี่ยงชินชินที่อยู่ด้านข้างก็ทำตาประกาย พูดเห็นด้วย “เอาอย่างนี้แหละ เซี่ยงเส้าหลง ถ้าแกไม่อยากตาย ก็ทำตามที่บอกซะโดยดี!”
“ไม่อย่างงั้น… ถ้าคุณพี่ของฉันโมโหขึ้นมาจริงๆ ถึงจะเชือดแกก็ยังไม่สาสม!”
“ตระกูลเซี่ยงไม่มีใครออกหน้าให้แกหรอก แล้วก็ไม่มีใครร้องขอความเป็นธรรมให้แกด้วย ความยิ่งใหญ่ของบารมีตระกูลฉิน แกต้องคิดไม่ถึงแน่!”
“เหยียบแกให้ตายมันง่ายดายเสียยิ่งกว่าเหยียบมด!”
เมื่อมีฉินห้าวให้ท้าย เซี่ยงชินชินก็ไม่เห็นเซี่ยงเส้าหลงอยู่ในสายตา
แต่ก่อนเมื่ออยู่ตระกูลเซี่ยง พวกเขายังพอคำนึงถึงความคิดของคนในตระกูลบ้าง แต่ตอนนี้เซี่ยงเส้าหลงล่วงเกินฉินห้าว ถึงจะฆ่าเขาตาย ตระกูลเซี่ยงก็ว่าอะไรไม่ได้
เพราะตระกูลฉินมีอิทธิพลมาก ตระกูลเซี่ยงไม่อาจผิดใจด้วยได้!
“ยังไม่คุกเข่าลงอีก?!”
ฉินห้าวตะคอกไปทีหนึ่ง จากนั้นสมองเริ่มจินตนาการว่าอีกประเดี๋ยวจะเหยียบย่ำเซี่ยงเส้าหลงให้สะใจอย่างไรดี
ส่วนเซี่ยงชินชินก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เตรียมจะบันทึกภาพแล้วส่งไปให้ตระกูลเซี่ยง ให้คนในตระกูลได้เห็นลูกภรรยาหลวงของพวกเขาว่าต่ำต้อยเหมือนสุนัขตัวหนึ่งอย่างไร คนแบบนี้หรือจะมีสิทธิ์อะไรมาชิงอำนาจในตระกูลกับพวกเขา?
เมื่อเห็นท่าทางของสองสามีภรรยาคู่นี้แล้ว เซี่ยงเส้าหลงก็หัวเราะขึ้นมาทันใด “พวกคุณมาพูดเป็นตุเป็นตะกันตรงนี้ แต่…ถามความเห็นผมหรือยังครับ?”
“ความเห็นมึง?”
ฉินห้าวมองเขาอย่างไม่สนใจ “มึงมีสิทธิ์อะไรมาออกความเห็นฮะ?”
“มึงคิดว่านี่กำลังหารือกับมึงอยู่หรือไง? นี่เป็นคำสั่งต่างหาก! คำสั่ง! เข้าใจไหม? ก็เหมือนกับเจ้าของสั่งหมาตัวเองแบบนั้นแหละ!”
“เหรอครับ? งั้นถ้าผมบอกว่า ‘ไม่’ ล่ะ?”
เซี่ยงชินชินจ้องตาเขม็งทันที “เซี่ยงเส้าหลง! อย่าให้มากนักนะ!”
“ถ้าแกทำให้คุณพี่ของฉันโมโหขึ้นมาจริงๆ จะตายยังไงแกก็คงไม่ทันได้รู้!
“อย่าคิดว่าสายเลือดตระกูลเซี่ยงของแกใหญ่โตล้นฟ้านะ นั่นเป็นเพราะตระกูลไว้หน้าแกหรอก ถ้าอยู่ต่อหน้าตระกูลฉิน แกมันก็แค่ขี้เล็บ!”
“ถึงจะฆ่าแกจริง คนตระกูลเซี่ยงพวกนั้นก็ยังต้องตบมือเชียร์เลย!”
เมื่อเห็นเซี่ยงชินชินอวดเบ่งบารมี เซี่ยงเส้าหลงก็ยิ้มเย็น “โถ่ๆ ดูท่าผมว่าไว้ไม่มีผิดจริงๆ ภายนอกเหมือนคน แต่จิตใจเหมือนหมา ไม่เปลี่ยนเลยให้ตายสิ! ”
“สงสัย…ผมคงไม่ต้องถามแล้ว เป็นหมาตระกูลฉินน่าจะสบายกว่าเป็นคุณหนูตระกูลเซี่ยงมากสินะ…”
“แก…!”
เซี่ยงชินชินเดือดพล่าน แต่เธอรู้ดีว่าตัวเองเอาชนะเซี่ยงเส้าหลงไม่ได้ ดังนั้นจึงไปกอดแขนฉินห้าว ออดอ้อนทันที “ที่รัก คุณรีบสั่งสอนมันสิคะ!”
“กูจะเลาะฟันมันออกมาทีละซี่ให้หมดปากเลย ดูซิว่าต่อไปมันจะโอหังยังไงได้อีก!”
เพื่อให้ตัวเองดูองอาจมีต่อหน้าผู้หญิง ฉินห้าวจึงเชิดคางแลต่ำ พูดอย่างยโส “ไอ้สวะ ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก!”
“คุกเข่า? เหอะๆ…”
จากนั้นเลือดลมที่ราวกับมาจากบุพกาลแห่งการกำเนิดโลกก็พลุออกมาจากตัวเซี่ยงเส้าหลง “ฟ้าไม่คู่ควรแก่การคุกเข่าของผม ดินก็ไม่คู่ควรให้ผมกราบไหว้ ผมเซี่ยงเส้าหลง ข้ามศพมานับล้าน คุณเหรอจะคู่ควรให้ผมคุกเข่า?”
“คุณเห็นแล้วใช่ไหมคะ ว่ามันฝีมือไม่เท่าไหร่ แต่คุยโม้เสียไม่มี! ต่อหน้าคุณยังโอหังขนาดนี้ ดูก็รู้ว่าเขาอยู่ในตระกูลเซี่ยงเหิมเกริมแค่ไหน! ”
“คุณพี่คุณต้องสั่งสอนมันให้หนักนะคะ ให้มันรู้ซะบ้างว่าอะไรคือฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รู้ว่าอะไรคือเกียรติศักดิ์ตระกูลฉินห้ามลบหลู่!”
ด้วยการยุยงของเซี่ยงชินชิน สีหน้าฉินห้าวก็เหี้ยมขึ้นทุกที เขาจ้องเซี่ยงเส้าหลงตาเขม็ง วาดมือออกไป “ในเมื่อมึงไม่ยอมคุกเข่า งั้นก็ให้กูช่วยมึงคุกเข่าแล้วกัน!”
“ทุกคน! ลุย!”
“สิบวินาทีหลังจากนี้ กูต้องการให้ไอ้สวะนี่มาคุกเข่าร้องขอชีวิตตรงหน้ากู!”
“รับทราบ!”
บอดี้การ์ดตระกูลฉินลูบหมัด แต่ขณะที่กำลังจะลงมือ ทันใดนั้น…เสียงเย็นชาหนึ่งก็ดังขึ้น “ฉันจะดูซิว่าใครกล้า?!”
เมื่อนั้นประตูก็เปิดออก ร่างกำยำร่างหนึ่งที่มีอาชานำหน้ามาก็ปรากฏกายอยู่ในห้องด้วยหน้าถมึงทึง
เมื่อเห็นชัดว่าคนที่มาเป็นใครแล้ว ฉินห้าวก็ตะลึงค้างแล้วพลันถามด้วยความประหลาดใจ “พี่ใหญ่ พี่มานี่ได้ยังไง?”
ฉินซางเดินขึ้นหน้ามาดาดๆ พูดเสียงหนัก “ฉินห้าว แกคิดจะทำอะไร?”
ฉินห้าวยิ้มแหย “พี่ใหญ่ ก็แค่สั่งสอนไอ้สวะที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเท่านั้น เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องลำบากให้พี่ลงมือหรอกครับ…”
อัก!
ฉินซางออกแรงถีบฉินห้าวกระเด็นไกล กระแทกกับกำแพงเข้าอย่างจัง
จากนั้น ท่ามกลางทุกคนที่หน้าทึ่งตาค้าง เขาก็พุ่งเข้าไปคารวะเซี่ยงเส้าหลิง “นายพลน้อยครับ ฉินซางมาช้าไป ทำให้ท่านต้องลำบากแล้ว!”