“เซี่ยง…เซี่ยงเวิ่นเหอ! นายคิดจะทำอะไรน่ะ?!”
เซี่ยงเส้าจุนทั้งตกใจทั้งโมโห ความหวาดกลัวในใจทำให้เขาถอยหลังไปสองก้าว “ฉันเป็นลูกภรรยาหลวงของตระกูลเซี่ยงนะ หรือว่านายไม่เห็นกฎบรรพชนอยู่ในสายตา จะลงมือกับฉัน?”
“กฎบรรพชน?”
เซี่ยงเวิ่นเหอเชอะไม่สนใจ “นั่นมันกฎของบรรพชนแก เกี่ยวอะไรกับฉัน?!”
“นั่น…นั่นนายพูดอะไรน่ะ?!หรือว่านายไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ยง?!”
“ฉันเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยง แต่ก็มีสายเลือดตระกูลเสิ่น”
เซี่ยงเวิ่นเหอยิ้มร้าย “ตระกูลเซี่ยงใกล้จะล่มสลายแล้ว แกยังคิดว่าจะอยู่ได้สักกี่น้ำ?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะมีไอ้เศษเดนขัดหูขัดตาอย่างไอ้เซี่ยงเส้าหลงโผล่ออกมา ตระกูลเซี่ยงก็ตกอยู่ในกำมือพวกฉัน แล้วพวกฉันก็จะได้กลับตระกูลเสิ่นอย่างสมเกียรติ ได้ตั้งให้เป็นเชื้อสายตระกูลหลักไปนานแล้ว จะต้องมาทนดูสีหน้าไอ้แก่พวกนั้นทำไม?”
“นายว่าอะไรนะ? หรือว่าพวกนายคิดจะล้มล้างบรรพชน?”
เซี่ยงเส้าจุนประหลาดใจอย่างหนัก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโมโหโกรธแค้น เขารู้แค่ว่าเสิ่นเสว่เหลียนต้องการกุมอำนาจของตระกูล แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากได้อำนาจมาอยู่ในมือแล้ว พวกเขายังคิดจะประเคนรากฐานที่บรรพบุรุษสั่งสมมานับพันปีให้ตระกูลเสิ่นอีก
ในฐานะที่เซี่ยงเส้าจุนให้ความสำคัญกับตระกูลอย่างยิ่งยวด เรื่องนี้เขาจะยอมไม่ได้เด็ดขาด!
แม้ตระกูลย่อยจะกุมอำนาจ แต่อย่างไรก็ยังเป็นตระกูลเซี่ยง แต่หากมอบให้ตระกูลเสิ่น เช่นนั้นการสืบทอดของตระกูลเซี่ยงนับพันปีก็สูญสิ้นไปทันที
“เหอะๆ ตอนนี้ถึงจะแกรู้แล้ว แล้วจะทำไม? แกคิดว่าวันนี้จะรอดไปจากที่นี่ได้เหรอ?”
เซี่ยงเวิ่นเหอมองเขา ยิ้มร้าย “ไม่ว่าจะเป็นแกหรือไอ้เดนเซี่ยงเส้าหลง ก็ไม่มีใครขัดขวางแผนการที่ทำมาหลายปีของพวกฉันได้!”
ทันใดนั้น ดวงตาของเซี่ยงเวิ่นเหอก็มีเปลวเพลิง “จะบอกความลับให้อีกอย่างนะ แกคิดว่าตอนนั้นทำไมนายหญิงตระกูลเซี่ยงถึงได้ตายกะทันหัน? แล้วทำไมแม่ฉันถึงเข้ามาอยู่ตระกูลเซี่ยง กลายเป็นนายหญิงคนต่อมา? แล้วทำไมพ่อแม่ของพวกแกที่น่าสงสารจู่ๆ ถึงได้หายสาบสูญ?”
“ตระกูลเซี่ยง ถูกลิขิตให้จบแบบนี้!”
เมื่อนั้นก็ราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่ามาที่เซี่ยงเส้าจุน
ใบหน้าเขาซีดเผือด ตัวสั่นสะท้านมองเซี่ยงเวิ่นเหอ “ทั้ง…ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือพวกนาย?”
เซี่ยงเวิ่นเหอหัวเราะสะใจ “จะโทษ ก็ต้องโทษความเลอะเลือนของไอ้แก่ที่นอนอยู่บนเตียงนั่น ไม่งั้นพวกเราจะสบโอกาสได้ยังไง! ฮ่าๆ…”
เซี่ยงเส้าจุนแค้นหนัก “ฉันจะบอกทุกคนในตระกูลเซี่ยง ประกาศความผิดของพวกนายให้โลกรู้ พวกนายไม่คู่ควรมีเชื้อสายฌ้อปาอ๋อง พวกนายเป็นความอัปยศของตระกูลเซี่ยง!”
เซี่ยงเวิ่นเหอเชอะเย็นชาไปที่หนึ่งแล้วพลันโบกมือ องครักษ์ปาอ๋องทั้งห้าสิบนายก็เข้ามารายล้อมเซี่ยงเวิ่นเหอ ทันใดนั้นรังสีพิฆาตล้นหลามอบอวลรอบตัวเขา
“พวกนาย…พวกนายไม่ได้ยินหรือยังไง?”
เซี่ยงเส้าจุนชี้องครักษ์ปาอ๋องที่ดวงตาดุดันยืนอยู่รอบตัว “พวกเขาโฉดชั่วใจทราม คิดจะกลืนกินตระกูลเซี่ยง พวกนายเป็นองครักษ์ปาอ๋องของตระกูลเซี่ยง หรือพวกนายก็จะทรยศด้วยงั้นเหรอ?!”
เซี่ยงเวิ่นเหอ หลุดหัวเราะ “เซี่ยงเส้าจุน แกรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไว้ชีวิตแกจนถึงตอนนี้?”
“ก็เพราะแกมันโง่จนน่าสงสารยังไงล่ะ!”
ว่าแล้วก็ถือป้ายคำสั่งโบราณออกมาแกว่งต่อหน้าเซี่ยงเส้าจุน “องครักษ์ปาอ๋องไม่มีความรู้สึก ทำตามแต่คำสั่งเท่านั้น!”
“ใครมีป้ายประกาศิตตระกูลเซี่ยงอยู่ในมือก็ออกคำสั่งกับพวกเขาได้!”
“ไม่ต้องรีบไป นี่แค่เพิ่งเริ่ม ต่อไปก็คือได้เดนเซี่ยงเส้าหลง แล้วก็ไอ้แก่พวกนั้นของตระกูลเซี่ยง ถึงตอนนั้น…ทายาทปาอ๋องอย่างพวกแกก็จะได้ไปอยู่ในนรกด้วยกัน!”
ว่าแล้วดวงตาก็แวบความเหี้ยมออกมา “ลง…”
“เหอะๆ…คิดไม่ถึงเลย ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังทันได้ฟังเรื่องสนุกๆ!”
“เสิ่นเสว่เหลียนถึงจะฉลาดแต่กลับเลอะเลือนไปชั่วขณะ ส่งคนที่ไม่เอาไหนอย่างแกมา หรือเธอไม่รู้ว่าแค่คำพูดแกเมื่อกี้ก็พอให้แผนการนับสิบปีของพวกแกต้องล้มไม่เป็นท่า?”
เสียงหัวเราะเยาะ ทำให้เซี่ยงเวิ่นเหอตกใจ “เซี่ยงเส้าหลง?!”
จากนั้น เมื่อเห็นชายล่ำผิวคล้ำที่สวมชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตามหลังมา เขาก็หัวเราะอย่างดูถูกทันที “เซี่ยงเส้าหลงนะเซี่ยงเส้าหลง ถ้าฉันเป็นคนไม่เอาไหน งั้นแกจะไม่ยิ่งแย่กว่าเหรอ?”
“มากับยามกระจอกแค่สองคน ยังไงเนี่ย? อยากไปรายงานตัวกับยมบาลจนตัวสั่นแล้วหรือไง? ฮ่าๆ…”
“เส้าหลง! นายรีบหนีไป!”
เซี่ยงเส้าจุนตกใจทันที เขาเติบใหญ่อยู่ในตระกูลเซี่ยง ย่อมรู้ถึงความร้ายกาจขององครักษ์ปาอ๋องของตระกูลเซี่ยงดี องครักษ์ปาอ๋องห้าสิบนาย…อย่าว่าแต่เซี่ยงเส้าหลงคนเดียวเลย ถึงเขาจะพาคนมาด้วยอีกห้าสิบคนก็ต้องตายหมดแน่!
เขาตายไม่เป็นไร แต่เซี่ยงเส้าหลงจะตายไม่ได้เด็ดขาด!
หากการล่มสลายของตระกูลเซี่ยงเกิดขึ้นจริง เช่นนั้นเซี่ยงเส้าหลงก็จะเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูล!
“หนี? หนีไปไหน?”
ความมาดร้ายในดวงตาเซี่ยงเวิ่นเหอปรากฎขึ้น “ในเมื่อรนหาที่เอง งั้นพวกแกสองพี่น้องก็ไปลงนรกด้วยกันเถอะ!”
“เดี๋ยว!”
“ยังไง? จะตายอยู่รอมร่อแล้ว เพิ่งจะคิดขอชีวิตเหรอ?”
คำพูดเย้ยหยันเซี่ยงเวิ่นเหอดังขึ้น
“ฉันยังมีข้อสงสัยอยู่อีกเรื่อง หวังว่าแกจะช่วยไขความให้กระจ่างหน่อย”
“ว่ามา เห็นแก่ที่อีกเดี๋ยวแกจะตายอยู่แล้ว ฉันอารมณ์ดี จะให้แกได้ตายแบบไร้ข้อข้องใจก็ได้!”
เซี่ยงเส้าหลงมองเขาแล้วหัวเราะเสียงเบา เอ่ยปากถาม “ที่จริงแล้วแกไม่มีเลือดตระกูลเซี่ยงละสิ?”
เมื่อโพล่งคำถามออกมา เซี่ยงเส้าจุนก็ตกใจทันที “เส้าหลง นายหมายความว่าอะไรน่ะ?!”
“ฮ่าๆ…เซี่ยงเส้าหลง ที่ท่านแม่ให้ความสำคัญกับแกขนาดนี้ มีเหตุผลจริงๆ ด้วยสินะ”
“ถ้าคนที่อยู่ตระกูลเซี่ยงเป็นแก ไม่ใช่ไอ้คนไม่เอาไหนเซี่ยงเส้าจุน พวกเราก็คงทำงานสำเร็จง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ แต่น่าเสียดาย…ใครใช้ให้แกออกตระกูลเซี่ยงไปเร็วขนาดนั้นล่ะ ขนาดสวรรค์ยังช่วยพวกฉันเลย การล่มสลายตระกูลเซี่ยงของแก มันถูกกำหนดไว้แล้ว!”
“แกพูดถูก พวกเราไม่มีเลือดตระกูลเซี่ยงจริงๆ นั่นแหละ ไอ้แก่ที่อัมพาตอยู่บนเตียงจะมีสายเลือดที่เก่งกาจอย่างพวกเราได้ยังไง?”
เมื่อเห็นใบหน้าได้ใจของเซี่ยงเวิ่นเหอแล้ว เซี่ยงเส้าหลงก็ยิ้มที่มุมปาก พยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่มีคำถามแล้ว”
เซี่ยงเวิ่นเหอทำหน้าเหี้ยม “งั้นพวกแกสองคน ก็ลงนรกไปได้แล้ว!”
“องครักษ์ปาอ๋องจัดการ!”
เมื่อพูดจบ สายลมเย็นยะเยือกในอากาศก็โชยมา ทุกคนไม่กระดิก เวลานี้ภายในตึกร้างเงียบจนหากมีเข็มสักเล่มตกพื้นก็ยังได้ยินชัด
เซี่ยงเวิ่นเหอตกใจทันที มององครักษ์ปาอ๋อง แล้วแกว่งป้ายคำสั่งในมือ “ฉันบอกให้ลงมือ! หูหนวกกันหรือไง?!”
“ไปสิ! ไป! ใช้วิธีที่น่าอนาถที่สุดฆ่าพวกมันซะ!”
“เหอะๆ…”
เซี่ยงเส้าหลงแบมือออก ปรากฏป้ายคำสั่งโบราณ ยิ้มนิดๆ “บังเอิญจังเลยนะ ไอ้ของในมือแก เหมือนว่าฉันก็มีเหมือนกัน…”