ตามเสียงตะโกนกึกก้องของเซี่ยงเส้าหลง โลงศพเหล็กที่หนักอึ้งก็ค่อยๆ ห่างจากพื้น เซี่ยงเส้าหลงอยู่ด้านหน้าสุด สายฝนที่ตกหนักไม่ทำให้เส้นสายตาของเขาพร่ามัว ดวงตาของเขาส่องประกายเจิดจ้าทะลุทะลวง พูดเสียงดังชัด “เดินทางได้!”
สายลมนำทาง สายฝนร่ำไห้ สายฟ้าคร่ำครวญ
ยอดพลศึกชายแดนเหนือทั้งห้าพันนายโค้งตัวลง พวกเซี่ยงเส้าหลงทั้งแปดหามโลงศพด้วยความเคร่งขรึม สงบเงียบ
ทางเขาไกลสามลี้ ทุกคนในตระกูลเซี่ยง รวมถึงพวกของเสิ่นเสว่เหลียนไม่มีใครกล้าพูดสักคำ
การรวมตัวของแปดคนนี้ เทียบเท่าได้กับสุดยอดอิทธิพลของโลก
แต่โบราณมาตระกูลเซี่ยงก็ไม่เคยมีใครได้รับเกียรติและความเคารพเช่นนี้มาก่อน
เวลาผ่านไปทีละน้อย เสิ่นเสว่เหลียนไม่เคยรู้สึกว่าเวลาจะผ่านไปไวขนาดนี้มาก่อน สองชั่วยามให้หลัง รอจนเงาเซี่ยงเส้าหลงปรากฏต่อหน้าตนอีกครั้ง นัยน์ตาเธอก็เบิกโพลง
สองมือจับกันแบบไม่รู้ตัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดอย่างนั้นหรือ?
หากว่าก่อนหน้านี้เธอมั่นใจในชัยชนะ เช่นนั้นเมื่อเห็นเซี่ยงเส้าหลงแสดงอิทธิพลที่แท้จริงต่อหน้าตนแล้ว ชัยชนะที่คิดว่าแน่นอนก็กลายเป็นแค่เรื่องน่าขันเท่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเธอก็ค่อยๆ ดุดันขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่เป็นตระกูลย่อยที่ถูกคนในตระกูลเย็นชาด้วย กระทั่งค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นผู้ดูแลตระกูลที่กุมอำนาจทั้งหมด เพื่อสายเลือดที่น่าขัน เธอละทิ้งทุกสิ่ง ลำบากมาทั้งชีวิต บัดนี้ความสำเร็จอยู่เพียงแค่เอื้อม แล้วเธอจะยอมล้มเลิกไปได้อย่างไร?
ที่เสิ่นเสว่เหลียนแบกรับอยู่นั้นหาใช่ตัวเองไม่ แต่เป็นชะตาของตระกูลย่อยของเธอทั้งหมด!
เธอไม่สามารถแพ้ได้ แพ้ไม่ได้!
เซี่ยงเส้าหลงยืนห่างเธอในระยะสิบก้าว อารมณ์บนใบหน้าเสิ่นเสว่เหลียนก็กลายเป็นความเด็ดเดี่ยว
เรื่องมาถึงขั้นนี้ พูดไปก็ไร้ประโยชน์
ก่อนฟ้าสาง จะแพ้หรือชนะ อย่างไรเสียก็ต้องรู้ผล
“เส้าหลง เงินทั้งหมดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณต้องการก็ใช้จัดการตระกูลเซี่ยงได้เลย!”
ซ่งจื้อตงย่างเท้ามาหนึ่งก้าว พูดเสียงหนัก
ขี้เหล้ากรอกเหล้าไปทีหนึ่ง พูดเฉื่อย “นายอยากให้ใครตายก่อน?”
จากนั้นจางจุนก็พูดต่อ “ครอบครัวหมอเวชศาสตร์ จะเป็นกำลังเสริมที่เหนียวแน่นของคุณ!”
หูฉี่หรงเปิดปากพูดช้าๆ “ก่อนมาคุณท่านได้สั่งไว้แล้ว หากนายพลน้อยต้องการอะไรก็ให้ตามต้องการทั้งหมด!”
เมื่อได้ฟังทั้งเจ็ดคนพูดแล้ว ลูกๆ และคนของเสิ่นเสว่เหลียนก็หน้าซีดเผือด ด้วยอิทธิพลของพวกเขาทั้งแปด ไม่ว่ากับใครคนใดคนหนึ่งก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะชนะได้ แต่หากทั้งหมดร่วมมือกัน แม้แต่จะต่อต้านพวกเขาก็ยังไม่อาจ!
ทว่า…สายตาเซี่ยงเส้าหลงกลับเป็นประกายมองเสิ่นเสว่เหลียน เอ่ยปากพูด “ขอบคุณในความปรารถนาดีของทุกท่าน แต่ เรื่องในตระกูล ผมจัดการเองจะดีกว่า”
ว่าแล้ว นัยน์ตาก็แวบความเย็นชา “เสิ่นเสว่เหลียน ตอนนี้น่าจะถึงเวลาคิดบัญชีแล้วนะ!”
เสิ่นเสว่เหลียนไม่หวั่น สบตากับเขา “เซี่ยงเส้าหลง! แกมีสิทธิ์อะไรมาคิดบัญชีกับฉัน!”
“ถ้าแกใช้เส้นสายพวกนี้ ก็ไม่แน่ว่าแกอาจเอาชนะฉันได้”
“แต่ในเมื่อแกยืนกรานแล้ว แถมตอนนี้อำนาจตระกูลเซี่ยงก็อยู่ในมือฉัน ไม่มีเส้นสาย แกจะเอาอะไรมาสู้กับฉันฮะ?! ”
ในเมื่อฉีกหน้ากากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีก
“เหรอ? อำนาจอยู่ในมือ?”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มร้ายที่มุมปากเล็กน้อย “ทำไมผมดูไม่ออกล่ะ? ว่าตระกูลเซี่ยงตกอยู่ในมือคุณ?”
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”
“เวิ่นไห่!”
“ย้ายทรัพย์สินให้หมดของตระกูลเซี่ยงซะ!”
“ครับ!”
เซี่ยงเวิ่นไห่โทรศัพท์ไปหลายสาย เซี่ยงเส้าหลงก็ไม่ขัดขวาง เมื่อสิ้นสุดการโทร เซี่ยงเวิ่นไห่ก็เผยรอยยิ้มได้ใจ “ท่านแม่ เริ่มเคลื่อนไหวหมดแล้วครับ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทรัพย์สินในนามตระกูลเซี่ยงทั้งหมดก็จะเปลี่ยนชื่อแซ่!”
เมื่อได้ฟังที่เซี่ยงเวิ่นไห่ว่าแล้ว เสิ่นเสว่เหลียนก็มั่นใจขึ้นมาอีก มองเซี่ยงเส้าหลง พูดด้วยความทะนง “ตระกูลลึกลับคิดจะตั้งตัวอยู่ได้ ไม่ว่าเงินทองหรืออำนาจก็ห้ามขาด!”
“ตอนนี้ตระกูลเซี่ยงไม่มีเงินแล้ว ก็เท่ากับแขนขาดไปข้าง! เซี่ยงเส้าหลง แกแพ้แล้ว!”
“ขาดไปข้างก็ไม่ใช่ว่ายังเหลืออยู่อีกข้างเหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงไม่สนใจสักนิด พูดเรียบ
“เฮอะ! ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นฉันก็จะให้แกแพ้อย่างราบคาบ!”
“เด็กๆ! เอาไอ้แก่หัวแข็งพวกนั้นออกมา!”
“ฉันจะให้แกได้เห็นกับตา ดูสายเลือดตระกูลเซี่ยงหายเรียบไปจากโลกนี้!”
เสิ่นเสว่เหลียนมั่นใจเต็มประดา แต่เมื่อพูดจบแล้วกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
“หือ? เกิดอะไรขึ้น?”
เสิ่นเสว่เหลียนฉงนใจมองเซี่ยงเวิ่นไห่ทันที
เซี่ยงเวิ่นไห่ก็ตื่นตระหนกด้วย รีบพูด “ผมวางคนของเราไว้หมดแล้วนะครับ ให้เฝ้าไอ้แก่พวกนั้นที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์พวกเรา คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง?”
“ไม่มีปัญหาแน่นะ?”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็มีคนจากทุกสารทิศเดินดุ่มๆ ออกมา มีทั้งคนหนุ่ม คนชรา ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เวลานี้…ใบหน้าอันคุ้นเคยกำลังมองเสิ่นเสว่เหลียนด้วยความเคียดแค้นอยู่
“นางผู้หญิงใจชั่ว!”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งเคาะไม้เท้าหนัก พูดเสียงกร้าว “เมื่อก่อนฉันยังรู้สึกโชคดีที่ตระกูลเซี่ยงมีนายหญิงแสนดีเก่งกาจอย่างเธอ แต่เธอกลับคิดทำลายตระกูลเซี่ยงของฉัน! ฟ้าดินไม่อาจให้อภัย! ”
“เสิ่นเสว่เหลียน ตระกูลเซี่ยงของฉันทำผิดอะไรกับเธอ? ถึงทำให้เธอต้องทำลายตระกูลเซี่ยงอย่างนี้?!”
“ถึงต้องตาย ฉันก็จะไม่ยอมให้เธอได้แตะต้องตระกูลเซี่ยงแม้แต่น้อย!”
การตำหนิติเตียนแต่ละเสียงล้วนประหนึ่งฆ้องระฆัง ดังสนั่นก้องหูเสิ่นเสว่เหลียนกับพรรคพวก
“เป็น…เป็นไปได้ยังไง? คนของพวกเราล่ะ?”
“พวกเขาเหรอ…”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มชืด น้ำเสียงเบาเรียบ “ที่ยอมเชื่อฟังก็ขังไว้ ที่ไม่ยอมก็ฝังมันซะ!”
ใบหน้าเสิ่นเสว่เหลียนซีดเผือดทันที หายใจติดขัด
ฝัง?
สายที่ตัวเองสู้ลำบากลำบนแทรกซึมเข้าตระกูลเซี่ยง ถูกเซี่ยงเส้าหลงจัดการไปง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ?!
“แล้ว…แล้วจะยังไงอีก?!”
“ถึงตระกูลเซี่ยงยังมีสายเลือดอย่างพวกแกอยู่ แต่เมื่อไม่มีทรัพย์สมบัติแล้ว ตระกูลเซี่ยงยังคู่ควรกับชื่อตระกูลลึกลับอยู่อีกเหรอ?”
“ย้ายทรัพย์สินเสร็จแล้วเหรอ?”
ทันใดนั้นเซี่ยงเส้าหลงก็ยิ้มเลศนัย “ไม่งั้นก็ลองโทรไปถามดูหน่อยเป็นไง!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มหยิบหย่งของเขาแล้ว ความรู้สึกไม่ดีก็แผ่ซ่านขึ้นสมองเสิ่นเสว่เหลียนทันที ความเป็นไปไม่ได้ที่เซี่ยงเส้าหลงทำขึ้น ช่างมีมากมายเหลือเกิน ทำให้จิตใจเสิ่นเสว่เหลียนตุ้มๆ ต่อมๆ
“เวิ่นไห่ เร็ว! รีบโทรไปถามซิ!”
เซี่ยงเวิ่นไห่ไม่รอช้า รีบโทรศัพท์ทันที พูดไปไม่กี่คำในหน้าก็พลันซีดขาว จากนั้นโทรศัพท์มือถือก็หล่นลงพื้นตุบ!
“เกิด…เกิดอะไรขึ้น?!”
ดวงตาเสิ่นเสว่เหลียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เซียงเวิ่นไห่ตะลึงงันไปสิบวินาทีเต็มๆ สุดท้ายก็น้ำตาไหลพราก “ท่านแม่! เกิดเรื่องแล้ว!”
“ทรัพย์สินที่ย้ายไปตระกูลเสิ่น ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นไวรัส กำลังกลืนกินทรัพย์สินของตระกูลเสิ่นฮวบๆ แถมยังย้ายเข้าบัญชีตระกูลเซี่ยงอีก!”
“ท่านแม่! พวกเราทำยังไงกันดี?! ”
เปรี้ยง!
ราวกับถูฟ้าฉับพลัน เสิ่นเสว่เหลียนยืนงันแข็งทื่อไปทันที!
ตระกูลเซี่ยงจบสิ้น ตระกูลเสิ่นก็ไม่มีที่ให้อยู่ ต่อสู้มากว่าครึ่งชีวิต ทิ้งทุกอย่าง สุดท้ายกลับกลายเป็นคนไร้แผ่นดิน ถูกทุกคนทิ้งขว้าง!
เซี่ยงเส้าหลงเดินไปอยู่ตรงหน้าเธอช้าๆ พูดเสียงเบา “ตอนนี้ คุณยังมีอะไรสู้กับผมอีกเหรอ?”
เสิ่นเสว่เหลียนยิ้มอย่างขมขื่น เงยหน้าขึ้นมองเขา “ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่พลาดเลยซักนิด แต่ทำไม…ทำไมฉันถึงต้องแพ้ย่อยยับอย่างนี้ด้วย? เพราะอะไรกัน?!”
“เพราะตั้งแต่ต้น…แกก็ยืนอยู่บนตาชั่งฝั่งที่ต้องแพ้แล้วยังไงล่ะ!”
เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้เอ่ยปาก แต่เป็นเสียงคนผู้เฒ่าคนหนึ่งตอบ..