ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 170 ลงมือ

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ต้องบอกเลยว่า ห้องนี้เก็บเสียงได้ดีมากเลย เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ในห้องนี้ ก็มีหลายคนล้มนอนกระจายทั่วพื้น ผู้หญิงอีกสองสามคนก็นั่งตัวสั่นอยู่ตรงมุมโซฟา ส่วนมังกรเขียว ก็ไม่สนใจบาดแผลบนหัวตัวเอง มือที่ถือมืดยาวอยู่ก็สั่นไม่หยุด สายตาที่มองเซี่ยงเส้าหลง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้……

เมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น ลูกน้องที่ถือมีดถือปืน โดนเด็กวัยรุ่นผอมแห้งคนนี้จัดการหมดเลยงั้นหรือ? ให้ตายเถอะ ต่อให้ฆ่าหมูสี่ห้าตัวก็ไม่ไวขนาดนี้หรอกมั้ง?

เซี่ยงเส้าหลงพยุงหลิวต้าหู่ขึ้น “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

หลิวต้าหู่ก็ยังอยู่มึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงเซี่ยงเส้าหลง สติก็กลับมา จึงรีบส่ายหัวตอบไปว่า “ไม่……ไม่เป็นอะไรครับ”

“มึง……มึงอย่าเข้ามานะ”

มังกรเขียวเริ่มตัวสั่น และเริ่มถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว พร้อมชี้หน้าเซี่ยงเส้าหลง “ไอ้หน้าอ่อน กูจะบอกมึงให้นะ! กูยังมีลูกน้องอีกสี่ห้าสิบคนอยู่ข้างนอก ถ้ามึงยังกล้าทำอะไรอีก กูรับประกันได้เลยว่ามึงเดินออกจากที่นี่ไม่ได้แน่นอน!”

“สี่ห้าสิบคนงั้นหรือ? เยอะขนาดนั้นเลย?”

มังกรเขียวยืดอก พอนึกถึงลูกน้องก็เหมือนมีความกล้าขึ้นมาหน่อย จึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “มึงเก่งแล้วไง มึงสู้กับคนสองคนได้ แต่มึงจะสู้คนสิบยี่สิบคนได้หรือ?”

“ไอ้หน้าอ่อน ดูจากที่มึงก็เก่งในระดับหนึ่ง ถ้ามึงต้องคุกเข่าก้มหัวให้กู กูอาจจะยอมปล่อยมึงไปก็ได้!”

เซี่ยงเส้าหลงยิ้มมุมปาก จ้องไปที่มังกรเขียว “งั้นเหรอ? งั้นหมายความว่า กูต้องขอบคุณมึงงั้นสิ?”

มังกรเขียวยิ้มอย่างภูมิใจ “ใช่แล้ว กูเป็นถึง……”

ผัวะ!

มังกรเขียวยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนเซี่ยงเส้าหลงตบหน้าจนหัวหมุนไปสองรอบ จากนั้นก็ตบเข้าไปที่ปาก “หน้าของมึงนี่ด้านจริงว่ะๆ ด้านจนกูเจ็บมือเลย!”

“ไอ้หน้าอ่อน มึงแน่นักนะ มึงคิดว่าตัวเองเก่งแล้วไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้วใช่ไหม?”

ในขณะตอนนี้ หลิวต้าหู่ก็เข้าไปด้วย แล้วพูดเสียงเบาว่า “เจ้าเซี่ยง คนเก่งไม่กลัวเสียเปรียบหรอก พวกเรารีบไปจากที่นี่ก่อนสำคัญที่สุด!”

เซี่ยงเส้าหลงยิ้มมุมปาก แล้วมองไปที่มังกรเขียว พร้อมขยับริมฝีปากเอ่ย “กลับออกไปงั้นหรือ? ไม่เหมาะมั้ง ท่านมังกรเขียวคนนี้ ยังรอผมคุกเข่าก้มหัวไถ่โทษให้อยู่เลย!”

“ไอ้หน้าอ่อน มึงกล้ามาก!”

มังกรเขียวหน้าแดงเดือดตะโกนเสียงดัง “พวกมึงรีบเข้ามาเดี๋ยวนี้!”

ทันได้นั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากประตูด้านนอก หลิวต้าหู่กระทืบเท้าพูดขึ้นว่า “เจ้าเซี่ยง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอวดเก่งนะ! เฮ้อ!”

แต่มันก็ถึงขั้นนี้แล้ว พูดไปก็เปล่าประโยชน์ หลิวต้าหู่มองไปรอบๆ หยิบกระบองเหล็กสองอันที่อยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วยื่นไปให้เซี่ยงเส้าหลง “ผมจะสู้กับพวกมันเอง! น้องชาย คุณฝีมือดี ถ้าคุณได้มีชีวิตรอดออกจากที่นี่ ฝากบอกท่านประธานของผมด้วยนะ ว่าผมหลิวต้าหู่ไม่ได้ทำให้เธอขายหน้า!”

เซี่ยงเส้าหลงยิ้มอ่อน แววตามีความอยากหัวเราะ “ประโยคนี้ เก็บไว้พูดกับเธอเองเถอะ!”

พูดจบ ประตูก็ถูกกระแทกออกทันที เงาของผู้คนก็ทะลักเข้ามา พอมองดูไป มีคนยืนถืออาวุธพร้อมต่อสู้อยู่นับไม่ถ้วน

“ฟันพวกมันให้ตายเลย!”

พอมีคำสั่งออกมา พวกกลุ่มนักเลงทั้งหลายเหมือนถูกปลุกความเดือดดาลในตัว พากันพุ่งเข้าเข้ามา เซี่ยงเส้าหลงถอนหายใจ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้ลงไม้ลงมือมานาน ตัวจะขึ้นสนิมแล้ว ช่ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ก็ถือว่าออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายแล้วกัน!”

พูดจบ ฝีเท้าก้าวเดินไป สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ตรงหน้านั้น มีนักเลงสองคนถือกระบองเล็กพุ่งมาหา เซี่ยงเส้าหลงยื่นมือขวาออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วกดจุดใต้รักแร้สองที สีหน้าของทั้งสองสงสัย วินาทีต่อมาก็พากันล้มลงไป จากนั้น ก็เหยียบร่างของทั้งสอง แล้วกระโดดหมุนตัวในอากาศ พร้อมเตะขาออกไปอย่างสง่างามพร้อมกันสามครั้ง ทางเดินมันแคบมาก จึงเตะโดนทีเดียวสี่ห้าคน

หลิวต้าหู่ที่อยู่ข้างหลัง ก็อึ้งนิ่งไป ดูเหมือนฝั่งตรงข้ามจะมีคนเยอะกว่า แต่ฝั่งนั้นไม่มีใครสามารถทำอะไรเซี่ยงเส้าหลงได้สักคน และไม่มีใครสามารถรับมือเซี่ยงเส้าหลงได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว เวลาไม่ถึงห้านาที ที่พื้นก็เต็มไปเสียงร้องโอดครวญ ซึ่งแสดงว่าสงครามครั้งนี้ได้จบลงแล้ว!

ตอนที่เซี่ยงเส้าหลงเดินไปตรงหน้ามังกรเขียวนั้น ดูเหมือนว่ามังกรเขียวยังตั้งสติมาไม่ได้ จนกระทั่งเสียงของเซี่ยงเส้าหลงดังขึ้น “ตอนนี้ กูยังต้องคุกเข่าก้มหัวให้มึงอีกไหม?”

เพล๊ง!

มีดในมือมังกรเขียวตกลงพื้น เขาพยายามกลืนน้ำลายแล้วก้มมองไปที่ลูกน้องแต่ละคนที่ยังร้องอย่างเจ็บปวด ทันใดนั้นจึงรีบคุกเข่าลงไป “ลูก……ลูกพี่ ผมตาไม่ดีเอง ไม่รู้ว่าลูกพี่คือใคร ผมผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะครับ ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะครับ!”

เซี่ยงเส้าหลงยิ้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย แล้วก็ยื่นฝ่ามือไปหาเขา

มังกรเขียวฉลาด จึงรีบตั้งสติตัวเอง แล้วฝ่ามือรีบเอาเช็คห้าแสนยื่นไปให้อย่างสั่นๆ เซี่ยงเส้าหลงก็รับมา แล้วยิ้มอย่างพอใจ “งั้นเรื่องยาปลอม ก็พอจะอธิบายได้แล้วใช่ไหม?”

ถึงแม้เรื่องของกุหลาบกรุ๊ปจะไม่เกี่ยวข้องกับเซี่ยงเส้าหลง แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับหูเม่ยเอ๋อแน่นอน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นเซี่ยงเส้าหลงก็จะถือว่าทำความดีช่วยเธอหน่อยแล้วกัน จะทำยังไงได้ ให้คนอื่นเจอจุดอ่อน แม้แต่นายพลน้อยเซี่ยงของเรา ก็จำใจต้องรับไว้แทน!

มังกรเขียวทำหน้าอมทุกข์ “ลูกพี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลยครับ ฟางหวาให้เงินผมมาก้อนหนึ่ง แล้วบอกให้ผมทำแบบนี้ แล้วก็……แล้วก็ความคิดทุกอย่างก็มาจากเขาคนเดียว!”

ฟางหวาหรือ?

เซี่ยงเส้าหลงเริ่มขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดาแล้วสิ……

“ผู้จัดการหลิว คุณรู้ไหมว่าฟางหวาคือใคร?”

หลิวต้าหู่เดินเข้ามา แล้วพยักหน้า “คุณชายของบริษัทต้าหวา ทรัพย์สมบัติมากกว่าหมื่นล้าน เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซูหัง แล้วชื่อเสียงก็ดังกว่ากุหลาบกรุ๊ปของเราอีกด้วย ได้ข่าวว่า นอกจากวงการธุรกิจแล้ว บริษัทต้าหวามีเส้นสายกว้างขวางมากในธุรกิจสีขาวกับสีเทา!”

ดวงตาเซี่ยงเส้าหลงเป็นประกาย ตระกูลหูเป็นตระกูลใหญ่ เรื่องกำลังทรัพย์ มีแค่ตระกูลเสิ่นที่เทียบเคียงได้ แต่เมืองซูหังที่ตระกูลหูอยู่นั้น ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกลับไม่ใช่ตระกูลหูงั้นหรือ?

เหอะเหอะ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะยิ่งน่าสนใจมากกว่าเดิมแล้วสิ……

“อัดเสียงทุกอย่างที่มันพูดไว้!”

หลิวต้าหู่หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วอัดเสียงทุกอย่างที่มังกรเขียวพูด พวกนี้ ก็สามารถล้างมลทินให้กุหลาบกรุ๊ปได้แล้ว!

“ลูกพี่……ที่ผมรู้ผมก็พูดไปหมดแล้ว ลูกพี่ปล่อยผมไปได้แล้วใช่ไหมครับ?”

มังกรเขียวถามอย่างระมัดระวัง

เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า แล้วเอ่ยพูดนิ่งๆ ว่า “ตามหลักแล้ว มึงไปได้แล้วก็จริง แต่หัวเพื่อนกูโดนมึงฟาดจนได้แผล เรื่องนี้จะปล่อยไปง่ายๆ ได้เหรอ?”

“เดี๋ยวผมชดใช้! ต้องการเงินเท่าไหร่ลูกพี่บอกมาได้เลยครับ!”

ตอนนี้มังกรเขียวรู้สึกเสียดายมาก ตอนนั้นตัวเองเห็นเงินเลยหน้ามืดตามัว ทีนี่ล่ะงานเข้า ทำเรื่องพังไม่เป็นท่า ไม่รู้ว่าจะบอกทางฟางหวายังไง ทั้งสองฝั่งล้วนเป็นคนที่เขาไม่กล้าหาเรื่องด้วย!

“เหอะเหอะ พูดถึงเรื่องเงินก็จะดูเสียมิตรภาพกัน เอาแขนมาข้างหนึ่งดีกว่า ถึงจะดูจริงใจ!

มังกรเขียวกลัวตัวสั่น เงื่อนไขนี้ สถานการณ์แบบนี้ ทำไมมันคุ้นๆ ……

“กูเป็นคนของคุณหนูหูแห่งโรงที่หนึ่ง มึงทำกับกูแบบนี้ โรงที่หนึ่งไม่ปล่อยมึงไว้แน่! ในเมืองซูหัง มึงหนีไม่รอดแน่!”

มังกรเขียวเห็นว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล จึงรีบกลับหน้ามือเป็นหลังมือ แล้วพูดข่มขู่ออกไป!

“โรงที่หนึ่ง?”

ตอนที่เซี่ยงเส้าหลงกำลังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ ทันใดนั้น นอกห้องก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น ทุกคนจึงหันมองไปทางต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย เดินเข้ามาจากทางเดิน สิ่งแรกที่เห็นคือรองเท้าส้นสูงสีไวน์แดง ที่ห่อหุ้มเท้าสวยๆ ไว้ พอมองขึ้นไป ก็เห็นเรียวขาขาวๆ ที่เพอร์เฟค เหมือนเป็นผลงานชิ้นเอกของสวรรค์ เพียบพร้อมไร้ที่ติมาก ชุดเดรสสีม่วงอ่อนห่อหุ้มเรือนร่างไว้ ดวงตาที่เจ้าเล่ห์ พอกะพริบตา ก็ยั่วยวนใจคนได้มาก มีผมลอนประบ่า ริมฝีปากแดงอิ่ม ทั้งสายตาและก็รอยยิ้ม เหมือนกำลังปลุกฮอร์โมนของผู้ชายขึ้นมาได้เลย

“เมื่อครู่ฉันได้ยินว่า มีคนเรียกชื่อฉันงั้นหรือ?”

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท