เจ้าของร้านในตอนนี้เสียใจแทบบ้าตาย อยู่ดีไม่ว่าดีตนออกหน้าทำไม คราวนี้จบละ เจอตอเข้าให้แล้วไหมล่ะ! ไม่เพียงเสียหน้า เจ็บตัวหนักเข้าไปอีก!
“เมื่อกี้ผมจำได้ว่า มีคนบอกให้ผมคุกเข่าลงขอขมาโขกหัวสามที แล้วจะยอมละเว้นผมใช่ไหม?”
เจ้าของร้านตกใจรีบลุกขึ้น โขกหัวไปทางเซี่ยงเส้าหลงสามที “ท่านครับ ผมมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยครับ!”
กระบวนท่าเดียวก็หักขายอดฝีมืออย่างราชานักสู้ได้โดยง่าย ถ้าเป็นตน ป่านนี้คงไปรายงานตัวกับยมบาลแล้วแน่!
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มละไมเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนมองเขาอย่างผู้เหนือกว่า พูดเสียงเรียบว่า “รังแกคนอื่น วันหนึ่งก็ต้องโดนรังแกกลับ! ถ้ามีครั้งต่อไปคงไม่โชคดีอย่างวันนี้แน่!”
“ครับครับครับ! ผมผิดไปแล้วครับ! ต่อไปผมจะทำตัวดี ไม่รังแกคนอื่นอีกแล้วครับ!”
“พวกเราไปกันเถอะ!”
“เดี๋ยวก่อน!”
จู่ๆหูเม่ยเอ๋อก็เอ่ยปากยั้งออกมา เธอหยิบไม้เอาสมบัติล้ำค่าของเจ้าของร้านลงมา จากนั้นวางทาบกับตัวเซี่ยงเส้าหลง และพยักหน้าอย่างพอใจว่า “เสื้อตัวนี้ไม่เลว ฉันซื้อละ!”
เจ้าของร้านอ้าปากค้างมองเธอ ในใจร้องโหยหวน นั่นหนึ่งล้าน! ราคาหนึ่งล้านนะ!
เซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังจะพูดอะไร หูเม่ยเอ๋อก็หยิบบัตรออกมาจากในกระเป๋า โยนใส่หน้าเจ้าของร้าน “ในนี้มีเงินอยู่ ถือว่าฉันซื้อเสื้อตัวนี้ละกัน จำไว้ อย่างคุณน่ะขนาดจะถือรองเท้าให้ฉันยังไม่คู่ควรเลย!”
พูดจบควงแขนเซี่ยงเส้าหลงเดินออกจากร้านไป จวบจนทั้งคู่จากไปแล้ว เจ้าของร้านถึงพึ่งได้สติกลับมา ตอนนี้มีหรือจะมีเวลามาโอดครวญ ตัวซวยสองคนนี้ออกไปได้ถือว่าสวรรค์เมตตามากแล้ว!
“โชคยังดี จ่ายค่าเสื้อผ้าแล้ว ไม่อย่างนั้นเสื้อราคาหนึ่งล้าน ถ้าให้ฉันจ่าย คงหมดตัวล้มละลายแน่งานนี้!”
เจ้าของร้านรีบหยิบบัตรไปรูดคิดเงิน จากนั้นพอเสียงกิ๊งดังขึ้น เสียงร้องโหยหวนประหนึ่งหมูถูกเชือดดังไปทั่วร้าน “ห้าแสน? ทำไมแค่ห้าแสนล่ะ! แกหลอกฉัน!!!”
ระหว่างทางกลับ หูเม่ยเอ๋อเล่าเรื่องให้เซี่ยงเส้าหลงฟัง เซี่ยงเส้าหลงเลิกคิ้วถาม “ในบัตรใบนั้นมีแค่ห้าแสน?”
หูเม่ยเอ๋อยิ้มบอก “ใช่ไง!”
“แต่เสื้อตัวนี้ราคาหนึ่งล้านไม่ใช่หรอ? ยังขาดอีกห้าแสนนะ!”
“ก็ให้หมอนั่นออกสิ! คุณคิดว่า กล้าดูหมิ่นฉัน แล้วฉันจะยกโทษให้ง่ายๆแบบนี้หรอไง? คนอย่างฉันหูเม่ยเอ๋อไม่ใช่คนใจกว้างอะไรแบบนั้นหรอกนะ!”
พอเห็นสีหน้าเจ้าคิดเจ้าแค้นของเธอ เซี่ยงเส้าหลงยิ้มหน่ายใจ ถือซะว่าสั่งสอนเจ้าของร้านนั่นแล้วกัน แบบนี้เขาจะยิ่งจำได้ขึ้นใจเลย!
พอกลับถึงตระกูลหู หูเม่ยเอ๋อเข้าห้องไปเลย เธอให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงคืนนี้มาก ดังนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้ เธอจะแต่งองค์ทรงเครื่องละ
ตอนนี้มีร่างหนึ่งเขยิบชิดเซี่ยงเส้าหลงอย่างระมัดระวัง ถามขึ้นว่า “พี่เขย!”
เซี่ยงเส้าหลงเหล่เขาหนึ่งที ถามเซ็งๆว่า “มีอะไร?”
“แหะแหะ…คุณกับพี่สาวผมไปถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ?”
เซี่ยงเส้าหลงกะพริบตามองเขาปริบๆ “ขั้นไหนอะไร? แค่เดินไปตามบทที่วางไว้ ไปถึงขั้นไหนก็ขั้นนั่นแหละ!”
หูหยุนหลงอดมองเซี่ยงเส้าหลงด้วยสายตาสำรวจสงสัยไม่ได้ ถามขึ้นอีก “พี่เขย ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ?”
เซี่ยงเส้าหลงเกือบสำลักน้ำในปากออกมา!
ใครจะรู้หูหยุนหลงกลับไม่กลัวตายยังพูดต่อหน้าตาเฉยว่า “เจอสาวสวยยั่วยวนวิญญาณอย่างพี่สาวผมเข้าไป พี่กลับไม่มีท่าทีอะไรเลย ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย? ยังเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย?”
“พี่เขย ผมรู้จักแพทย์แผนจีนดีๆคนหนึ่ง รักษาโรคด้านนี้ชะงัดนัก ถ้าไงว่างๆผมพาพี่ไปดูไหม?”
สายตาเซี่ยงเส้าหลงฉายแววเย็นเยือกแบบแช่แข็งคนได้ออกมา “ถ้านายยังอยากใช้ชีวิตบั้นปลายต่อไปอย่างสงบ ก็หุบปากซะ!”
หูหยุนหลงตกใจสะดุ้ง รีบยิ้มประจบว่า “พี่เขย ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรกับพี่สาวผมเลยหรอ?”
เซี่ยงเส้าหลงใจกระตุก ไม่รู้สึกหรอ?
เจอสาวสวยอย่างหูเม่ยเอ๋อ ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอก!
แต่เซี่ยงเส้าหลงมีภรรยาอยู่แล้ว อวิ๋นเสว่เหยนเสียสละเพื่อตนมามากมาย ตนไม่สามารถและไม่มีทางทำอะไรที่ผิดต่อเธอแน่นอน!
พอคิดถึงตรงนี้ เขาหรี่ตาลงพูดเสียงเรียบว่า “พวกเราก็แค่ร่วมมือกันงานหนึ่งเท่านั้นเอง!”
สีหน้าหูหยุนหลงฉายแววผิดหวังออกมา “ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…”
“ผมยังนึกว่า…”
“ช่างเถอะ บางทีคงเป็นแค่พี่สาวผมคิดไปเองฝ่ายเดียวล่ะมั้ง!”
เซี่ยงเส้าหลงเลิกคิ้วถาม “นายพูดอย่างนี้หมายความว่าไง?”
หูหยุนหลงอ้าปาก ขณะที่เขากำลังลังเลว่าจะพูดดีไหม ก็ได้ยินเสียงถามกระเซ้าว่า “พวกนายสองคนคุยอะไรกันน่ะ?”
ระหว่างพูด ประตูห้องเปิดออก สายตาเซี่ยงเส้าหลงเป็นประกายวูบหนึ่ง ชุดราตรีสีม่วงอ่อนทำให้ทรวดทรงองค์เอวแน่งน้อยเด่นชัดขึ้น การแต่งหน้าอ่อนๆนั่น ทั้งงดงามและหรูหรา ตุ้มหูสีเงินขาวคู่นั้น บวกกับจี้สีรุ้งเส้นหนึ่ง รวมถึงผมยาวที่เกล้าเป็นระเบียบ ราศีสาวใหญ่ที่มีเสน่ห์เต็มเปี่ยมของผู้ใหญ่เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายทั้งเมืองซูหังบ้าคลั่งไปตามๆกัน!
หูเม่ยเอ๋อสวยมาก สวยถึงขนาดผู้ชายที่หนักแน่นมั่นคงอย่างเซี่ยงเส้าหลงยังไม่วายใจกระตุก
“โหๆ ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งจริงๆ พอแต่งตัวแบบนี้แล้วหล่อพอดูเลยนะเนี่ย!”
ในขณะเดียวกับที่เซี่ยงเส้าหลงมองสำรวจหูเม่ยเอ๋อ เธอเองก็มองเขาอยู่เหมือนกัน เดิมทีเขาก็เป็นประเภทต้องดูนานๆอยู่แล้ว ทำศึกสงครามอยู่นาน ดูมีอำนาจกำราบทุกสิ่ง พอใส่สูทสีดำ ยิ่งทำให้ราศีจับมากขึ้น เหมือนกับดาวที่สุกสกาวดวงหนึ่ง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถดึงดูดสายตาได้ทุกเมื่อ!
“พวกเราไปกันเถอะ!”
หูเม่ยเอ๋อคล้องแขนเซี่ยงเส้าหลงอย่างเป็นธรรมชาติ พูดเสียงเบาว่า “จำไว้นะ นับตั้งแต่วินาทีนี้ นายเป็นคู่หมั้นของฉัน!”
“ลูกเขยตระกูลหู ผู้ชายของฉันหูเม่ยเอ๋อ ผู้ชายเพียงคนเดียว!”