โรงแรมChamps Elysees
งานเลี้ยงชั้นบนสุด แสงไฟระยิบระยับ ตระกูลฟางในฐานะที่เป็นตระกูลอันดับสูงสุดของเมืองซูหัง แม้แต่ตระกูลหูยังต้องยอมศิโรราบให้ ตระกูลฟางซึ่งประหนึ่งภูเขาใหญ่หนักแน่นนี่ ประหนึ่งยักษ์ปักหลั่นตนหนึ่ง กุมอำนาจพื้นที่นี้ไว้มั่น ในฐานะที่เป็นผู้ถือหางเสือที่แท้จริงของตระกูลฟาง อำนาจเบื้องหลังของฟางหวา ทำให้แม้แต่ตระกูลเก่าแก่หลายตระกูลก็พากันครั่นคร้าม ดังนั้นการเชิญของเขา อำนาจกว่าครึ่งในเมืองซูหังเลยไม่กล้าไม่ไว้หน้า พร้อมใจมาร่วมงานแต่โดยดี
หูเม่ยเอ๋อกับเซี่ยงเส้าหลงมาถึงโรงแรม และขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ด้านหน้าห้องจัดงาน มีคนเข้างานไม่หยุด หูเม่ยเอ๋อหยิบการ์ดเชิญออกจากในกระเป๋า พอคิดจะเข้าไป ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงแหลมทักมาจากด้านหลังว่า “พี่สะใภ้ โหโห วันนี้สวยจังเลยนะ!”
“รู้ว่าพี่ใหญ่กลับมา เลยตั้งใจแต่งตัวมาล่ะสิ!”
พอหันไปดู ผู้ชายท่าทางคุณชายคนหนึ่งควงหญิงสาวเซ็กซี่คนหนึ่งเดินเข้ามา
หูเม่ยเอ๋อเลิกคิ้วน้อยๆ “คุณชายหวัง! ข้าวน่ะกินผิดได้ แต่จะมาพูดจาซี้ซั้วไม่ได้นะ!”
“ฉันหูเม่ยเอ๋อยังไม่ได้แต่งงาน จะเรียกพี่สะใภ้ได้ยังไง?”
“แหะแหะ ทั่วทั้งเมืองซูหังใครไม่รู้บ้างว่า คุณชายฟางชอบพี่สะใภ้มาหลายปีแล้ว ขนาดไปเยี่ยมเยือนหวังทำการสู่ขอก็หลายครั้ง คุณชายฟางอายุยังน้อยอนาคตไกล พี่สะใภ้สวยงามล่มเมืองขนาดนี้ เป็นคู่กิ่งทองใบหยกชัดๆ จะผิดได้ยังไงกัน?”
“เหอะ! เขาคิดไปเองคนเดียว ฉันไม่เคยพูดว่าชอบเขาสักครั้ง!”
“ดังนั้นกรุณาหุบปากของคุณซะ เรื่องไม่จริงแบบนี้อย่าพูดซี้ซั้ว!”
รอยยิ้มบนใบหน้าหวังโชงชะงักค้าง และแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที “หูเม่ยเอ๋อ อย่ามาอวดดีไม่ไว้หน้านะ ถึงตระกูลหูจะกิจการใหญ่โต แต่เบื้องหลังคุณชายฟาง เธอรู้ดีกว่าฉันซะอีก! เทียบกับตระกูลฟางแล้ว เธอจะมีอะไรเทียบได้ล่ะ!”
“คุณชายฟางชอบเธอ นั่นเป็นบุญวาสนาที่เธอสั่งสมมาหลายชาติแล้ว ยังมีหน้ามาเลือกโน่นเลือกนี่ คิดว่าตัวเองมีค่านักหรือไง?”
“เม่ยเอ๋อชอบใครก็เป็นสิทธิ์ของเธอเอง ไม่มีใครมีสิทธิ์มาบังคับคนอื่นให้ชอบกลับ เพราะตัวเองชอบเขาหรอก!”
ตอนนี้เองเซี่ยงเส้าหลงแทรกขึ้นมาเสียงเรียบ หวังโชงเงยหน้าขึ้นแค่นเสียงหยันใส่ “ไอ้หยา หูเม่ยเอ๋อเอ้ยหูเม่ยเอ๋อ ที่แท้เธอชอบผู้ชายแบบนี้นี่เอง!”
จากนั้นก็มองสำรวจเขาจากหัวจรดเท้า และเดินเข้าไปใกล้ในระยะไม่ถึงหนึ่งหมัด มองเขาอย่างท้าทายว่า “แกเป็นใคร? บรรดาคุณชายตระกูลต่างๆของเมืองซูหัง ฉันรู้จักหมด แต่ทำไมไม่เคยเห็นแกมาก่อนเลยล่ะ?”
เซี่ยงเส้าหลงยิ้มละไม จ้องตาเขม็งกลับไปว่า “สำหรับคนที่ผมไม่อยากเจอ ไม่คู่ควรได้รู้ชื่อผมหรอก!”
“แก!”
“เอาล่ะ เสียเวลาพล่ามอะไรกับคนแบบนี้ พวกเราไป!”
ระหว่างพูด หูเม่ยเอ๋อเมินใส่หวังโชง ยื่นบัตรเชิญออกไป คล้องแขนเซี่ยงเส้าหลงเดินเข้างาน คู่ควงของหวังโชงดึงแขนเขาพลางพูดเสียงต่ำว่า “วันนี้เป็นงานเลี้ยงที่คุณชายฟางจัด คุณอย่าทำเรื่องให้ใหญ่ตรงนี้เลย พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ!”
หวังโชงจัดคอเสื้อ สบถอย่างมาดร้ายว่า “ชายโฉดหญิงชั่วคู่หนึ่ง เดี๋ยวพวกแกได้เจอดีแน่!”
ห้องโถงงานเลี้ยงที่กว้างใหญ่มีคนไม่น้อยมาแล้ว แค่แวบเดียวหูเม่ยเอ๋อก็เห็นผู้ชายชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงกลางงาน มือถือแก้วไวน์ ท่าทางอ่อนโยนสง่างาม กำลังคุยสนทนากับผู้คน ซึ่งก็คือคุณชายใหญ่ตระกูลฟาง พระเอกในงานคืนนี้ ฟางหวา!
หูเม่ยเอ๋อหามุมที่ไม่เป็นจุดเด่น พูดเสียงเรียบว่า “เขานั่นแหละฟางหวา! คนบังคับหางเสือของตระกูลฟางแห่งเมืองซูหังตอนนี้!”
“ชื่อเสียงตระกูลฟาง นายเคยได้ยินไหม?”
เซี่ยงเส้าหลงอึ้งเล็กน้อย ก่อนส่ายหัวบอก “พูดตามตรง ไม่เคย!”
หูเม่ยเอ๋อจัดปอยผม สายตาฉายแววบางอย่างออกมา “ฉันบอกนายได้แค่ว่า อำนาจตระกูลฟาง น่ากลัวมาก!”
“น่ากลัวถึงขนาดตระกูลลึกลับอย่างพวกเราไม่มีปัญญาเทียบเคียงได้เลย!”
“เซี่ยงเส้าหลง! ตอนนี้เปลี่ยนใจยังทันนะ พอเปิดศึกกับฟางหวาแล้วจริงๆ ถึงเวลานั้นอยากเปลี่ยนใจก็ไม่ทันการแล้วนะ!”
หูเม่ยเอ๋อพูดกับเซี่ยงเส้าหลงอย่างจริงจังเคร่งเครียดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เซี่ยงเส้าหลงมองเข้าไปในตาเธอ และเห็นความหวาดกลัวพาดผ่านส่วนลึกในดวงตานั้น!
ตระกูลฟาง?
นี่ร้ายกาจถึงขั้นไหนกัน ถึงทำให้คนระดับหูเม่ยเอ๋อหวาดกลัวได้?
สามารถทำให้ตระกูลหูที่มั่งคั่งทะลุฟ้ายังทำอะไรไม่ได้?
น่าสนใจ! ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นแล้ว!
มุมปากเซี่ยงเส้าหลงเผยแววนักสู้ ตลอดทางที่ผ่านมา เขาบุกลุยเดี่ยวมาตลอด ถ้าเพียงเขาถอยแม้แต่ครั้งเดียว คงไม่มีเซี่ยงเส้าหลงในตอนนี้แล้ว!
เห็นแต่สายตาเขาฉายแววครุ่นคิด พลางพูดเสียงเบาว่า “ตอนสามารถเอาทุกอย่างที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้เหยียบลงใต้ฝ่าเท้า ถึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ!”
“วางใจเถอะ เรื่องที่ผมเซี่ยงเส้าหลงรับปากแล้ว ต้องทำให้ได้แน่นอน!”
“ผมเซี่ยงเส้าหลง ตลอดทางมานี้ ศัตรูที่ร้ายกาจกว่าผมร้อยเท่าพันเท่าล้มตายไปหมดแล้ว เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ถึงตอนนี้!”
“ครั้งนี้ก็เหมือนกัน!”
ฟังคำพูดเขาจบ หูเม่ยเอ๋อประกายตาวิบวับ “เซี่ยงเส้าหลง หวังว่าครั้งนี้ฉันจะไม่ได้มองนายผิดไป…”
อีกด้าน หวังโชงเข้ามาหาฟางหวา กระซิบข้างหูเขาหลายคำ สายตาฟางหวามองมาทันที จากนั้นฟางหวาถือแก้วไวน์เดินตรงมาทางหูเม่ยเอ๋อ
“เม่ยเอ๋อ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ!”
ฟางหวายิ้มอ่อนโยนใส่หูเม่ยเอ๋อ ไม่มองเซี่ยงเส้าหลงในสายตาเลยสักนิด
หูเม่ยเอ๋อยิ้มอย่างมีมารยาทกลับไป “ใช่ คุณชายฟาง พวกเราเจอกันอีกแล้ว!”
ฟังน้ำเสียงห่างเหินในน้ำเสียงหูเม่ยเอ๋อ ฟางหวาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เม่ยเอ๋อ ผมว่าระหว่างเราไม่ควรจะห่างเหินกันแบบนี้นะ เพราะว่า…”
“คุณชายหวา ความรู้สึกของคุณฉันเข้าใจ เพียงแต่ฉันหวังว่าพวกเราจะยังเป็นเพื่อนกัน!” หูเม่ยเอ๋อแทรกคำ ตัดบทคำพูดของฟางหวา
สีหน้าฟางหวาชะงักค้าง ยิ้มอย่างหน่ายใจออกมา จากนั้นเบนสายตาไปที่เซี่ยงเส้าหลง “ในเมื่อเป็นเพื่อน ไม่คิดจะแนะนำให้ผมรู้จักสักหน่อยหรอ?”
“เขาชื่อเซี่ยงเส้าหลง เป็นคู่ควงในคืนนี้ของฉัน และเป็นคู่หมั้นของฉันด้วย!”
ฟางหวาได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าชะงักกึกทันที จากนั้นก็กลับสู่ความสง่างามดุจเดิม พลางหัวเราะว่า “คุณชายเซี่ยง สวัสดีครับ ผมชื่อฟางหวา เป็นเพื่อนของเม่ยเอ๋อ เป็นผู้จัดงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ!”
ฟางหวาสง่างามหรูหรา ดูมีมารยาท แต่สายตาเซี่ยงเส้าหลงกลับหรี่ลง เพราะเขามองเห็นในส่วนลึกของดวงตาฟางหวา เขาเห็นแววร้ายกาจที่มองเห็นได้ยากนั่น และมันพุ่งเล็งมาที่ตัวเขา!
ประสบการณ์นับไม่ถ้วนบอกเขาว่า การท่องไปในโลกนี้ ไม่กลัวคนชั่วร้าย และไม่กลัวคนหยิ่งยโสโอหัง เพียงแต่ต้องระมัดระวังคนที่ไม่แสดงอารมณ์ของตนออกมา เพราะพวกเขาถนัดในการซ่อนงำ แม้แต่อารมณ์ต่างๆของตนยังเก็บซ่อนได้ไร้ที่ติ เลยทำให้ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่า ส่วนลึกในใจพวกเขานั้นกำลังวางแผนการร้ายอะไรอยู่!
เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้ยื่นมือไปจับตอบ กลับพูดเสียงเรียบว่า “ผมไม่กล้ารับคำว่าคุณชายหรอกครับ ผมเซี่ยงเส้าหลงเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง!”
“ฮะฮะ คุณชายเซี่ยงนี่น่าสนใจจริงๆ ถ้าเป็นคนธรรมดาจริงๆ จะได้รับความสำคัญเป็นคู่ควงจากคุณหนูตระกูลหูได้ยังไง?”
ฟางหวาเน้นหนักคำว่าคู่ควง จงใจละเว้นคำว่าคู่หมั้นไป เหมือนกับไม่ได้ยินหูเม่ยเอ๋อแนะนำยังไงยังงั้น!
จากนั้นเขาเปลี่ยนเรื่องบอก “ผมดูแล้วคุณเซี่ยงยังไม่ค่อยผ่อนคลายเท่าไหร่ เอางี้พวกเราสองคนมาทำความรู้จักกันหน่อยดีไหม?”