แควก!
อวิ๋นเสว่เหยนรู้สึกหนาวในอก และเสื้อผ้าบาง ๆ ของเธอก็ถูกฉีกขาดเผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะบนหน้าอกของเธอ อวิ๋นเสว่เหยนกรีดร้อง อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว เธอจ้องไปที่เหอย่านจืออย่างไม่ละสายตา ดวงตาทั้งคู่เปลี่ยนเป็นพร่ามัวเล็กน้อยและกล่าวว่า : “ทำไม ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไม…”
เหอย่านจือมองดูเธออย่างเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “เธอวางแผนเพื่อลอบฆ่าลูกชายฉัน คาดไม่ถึงว่าแกยังมาถามฉันที่นี่อีกเล่า? ฉันบอกเธอ ถ้าไม่สารภาพคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา ฉันจะให้เธอรู้ว่าตายสะดีกว่าอยู่มันรู้สึกยังไง!”
สำหรับเหอย่านจือแล้ว สามารถเสพสุขไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งในตระกูลซ่งได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับลูกชายของเธอเอง หลังจากซ่งจ้านตายไป ผู้นำตระกูลซ่งก็คือซ่งชิงจู๋ ในฐานะมารดาผู้ให้กำเนิด สถานะจึงมีเกียรติดั่งไทเฮา!
ดังนั้นซ่งชิงจู๋จึงเป็นทุกอย่างสำหรับเธอ!
คือรากฐานของสิทธิทั้งหมดของเธอ!
เธอไม่ยอมให้ใครเป็นภัยคุกคามต่อซ่งชิงจู๋อย่างแน่นอน!
“คุณฆ่าฉันเถอะ!”
ยอมตายดีกว่าทนรับความอับอายนี้ ใบหน้าของอวิ๋นเสว่เหยนส่องประกาศความทุกข์น่าเวทนาออกมา แม้ว่านี่จะเป็นสังคมที่เปิดกว้าง ทว่าความรู้สึกจากภายในของเธอที่ยอมตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ ราวกับหญิงที่แข็งแกร่งในสมัยโบราณ!
“อยากตายหรือ มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”
เหอย่านจือหัวเราะเยาะและกล่าวว่า : “ทำร้ายลูกชายฉันจนกลายเป็นแบบนี้ หากไม่ให้เธอรับโทษมันยากที่จะขจัดจิตใจแห่งความเกลียดชังนี้!”
“พวกแกทั้งสองจะรออะไรอีก ถึงแม้ว่าคนสารเลวนี้จะสมควรตาย แต่รูปร่างที่ไม่เลวแบบนี้ ก็ถือเป็นรางวัลที่นายหญิงอย่างฉันประทานให้พวกคุณก็แล้วกัน!”
“ขอบคุณคุณหญิง ขอบคุณคุณหญิง!”
ชายสองคนกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนัยน์ตาพวกเขาก็ลุกเป็นไฟ ราวกับหมาป่าร้ายตัวใหญ่สองตัว ก้าวทีละก้าวๆไปยังอวิ๋นเสว่เหยน!
“อย่าเข้ามา!”
ทันใดนั้นอวิ๋นเสว่เหยนตะโกนด้วยความโกรธ ดวงตาของเธอเป็นประกายเหมือนไม่กลัวความตาย แล้วกวาดไปทั่วทั้งสามคน และในที่สุดก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของเหอย่านจือ เสียงของเธอเหมือนเสียงเรียกจากนรก เย็นชามาก : “ฉันอวิ๋นเสว่เหยนเป็นผีก็จะไม่ปล่อยคุณไป!”
พูดจบ ลิ้นก็เหยียดตรงออกมาระหว่างฟัน เตรียมกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ในเวลาอันฉับพลันนี้ ร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างรีบร้อนและพูดกับเหอย่านจืออย่างเคารพ : ” คุณหญิง ท่านเจ้าตระกูลมีคำสั่งให้พาผู้หญิงคนนี้ออกไปครับ!”
เหอย่านจือขมวดคิ้วกล่าวว่า : “พาออกไป? พาเธอออกไปทำไม? ”
“นี่…ข้าน้อยก็ไม่ทราบครับ!”
เหอย่านจือครุ่นคิด ทันใดนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจว่า : ” ผู้หญิงสารเลวนี้ช่างโชคดีจริงๆ!”
เวลาใกล้จะเช้าแล้ว กลางลานกว้าง อวิ๋นเสว่เหยนถูกสาดด้วยน้ำท่วมตัว และลมกลางคืนที่หนาวเย็นทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน ในลานบ้านแสงไฟสว่างไสว มีผู้คนมากมายยืนอยู่ที่นั่น ต่างก็ไม่ได้พูดคุย จ้านซ่งมองลงมาจากที่สูง เมื่อมองเห็นรูปลักษณ์ที่น่าสังเวชของอวิ๋นเสว่เหยน คิ้วเขาย่นเล็กน้อย และไม่ได้ว่าอะไรมาก แค่พูดอย่างเฉยเมย: “คุณพร้อมที่จะสารภาพหรือยัง ”
อวิ๋นเสว่เหยนหัวเราะเสียงแหลมอย่างน่าเวทนาและกล่าวว่า : “คุณให้ฉันสารภาพอะไร”
“ฉันเคยทำอะไรหรือ?”
“นังสารเลวคนนี้ ถึงตอนนี้แกยังปากแข็งอยู่อีก คงทุกข์ทรมานไม่พออีกนะ!”
เสียงที่โหดร้ายของเหอย่านจือดังมาจากด้านหลัง อวิ๋นเสว่เหยนหันศีรษะกลับไปเล็กน้อย ไม่พูดอะไร แต่ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
“คนสารเลวคนหนึ่ง กล้าจ้องฉันแบบนี้หรือ? ”
“ส่งคนมานี่ ควักลูกตาคู่นั้นของมันมาให้ฉัน!”
“เดี๋ยว!”
ซ่งจ้านพูดขึ้นทันที หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็กล่าวว่า : ” เรื่องนี้ยังรอการหารือ!”
หลังจากนั้น เขามองไปที่เหอย่านจือและกล่าวว่า : “พวกเรามาที่เมืองซูหาง ทั้งที่เป็นการตัดสินใจกะทันหัน ถ้าหากเธอวางแผนเรื่องชิงจู๋จริง จะทราบแผนการเดินทางของเราล่วงหน้าได้อย่างไร ”
“อีกอย่าง ผู้หญิงที่บอบบางเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่มีความสามารถที่จะทำร้ายชิงจู๋ได้ ”
“คุณพ่อ ท่านต้องไม่หลงกลโดยรูปลักษณ์ที่น่าสงสารของเธอ!”
เหอย่านจือมองดูอวิ๋นเสว่เหยนอย่างดุร้าย ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้แน่ชัดว่าเป็นเธอ และกล่าวว่า : “ในเวลากลางดึกที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว ผู้หญิงธรรมดาจะปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีใครไปได้อย่างไร ”
“ในความคิดของฉัน คนสารเลวคนนี้จงใจแกล้งทำเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ชิงจู๋นิสัยใจดีมาตลอด ต้องเข้าไปสอบถามแน่นอน เธอฉวยโอกาสขณะที่ชิงจู๋ไม่ระวัง นังนี่กับผู้สมรู้ร่วมคิดลงมือสังหารชิงจู๋ จากนั้นผู้สมรู้ร่วมคิดก็หนีไป และเธอแสร้งทำเป็นคนสัญจรเดินเท้าอีกครั้ง ในเมื่อไขข้อสงสัยของเธอกระจ่างแจ้งแล้ว ยังสามารถได้รับความชอบพอจากตระกูลซ่งของเราอีกหรือ!?”
“ว่ากันว่าที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ที่อันตรายที่สุด เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้สามารถหลอกคนอื่นได้ แต่มันหลอกฉันไม่ได้!”
“ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายจริง แต่เธอก็แยกไม่ออกจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”
ฟังเสียงคำปฏิญาณของเธอ อวิ๋นเสว่เหยนก็ยิ้มเจื่อน ๆ ความคิดของผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช้มาเขียนสคริปต์น่าเสียดายจริง…
ซ่งจ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าคำพูดของเหอย่านจือจะดูน่าเชื่อถือแต่ภายในใจเขารู้ดี ความน่าจะเป็นของสถานการณ์นี้ต่ำเกินไป!
เมื่อเห็นซ่งจ้านยังคงลังเล เหอย่านจือจึงเอนตัวไปข้างหน้าและกระซิบว่า : “คุณพ่อ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่นายน้อยตระกูลซ่งของเราถูกลอบสังหาร เราไม่เห็นแม้แต่เงาของฆาตกร ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มหาอำนาจของโลกนี้จะไม่หัวเราะเยาะความไร้ความสามารถของตระกูลซ่งของเราหรอกหรือ? ”
“เพื่อเห็นแก่หน้าตระกูลซ่ง ต้องมีคนรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย!”
ฟังประโยคนี้จบ ซ่งจ้านก็ใจเต้นแรง เหอย่านจือพูดไม่ผิด สำหรับผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์อย่างพวกเขา ศักดิ์ศรีเป็นมากกว่าสิ่งใด!
เมื่อเห็นสีหน้าของซงจ้าน เหอย่านจือรู้ทางเลือกของเขา เธอจึงรีบมองไปที่อวิ๋นเสว่เหยน ยิ้มอย่างบูดบึ้ง: “พวกแกยังรออะไรอยู่อีก ไม่ได้ยินคำสั่งของฉันเหรอ!”
“เอาลูกตาของเธอควักออกมาให้ฉัน!”
คนรับใช้สองคนที่คุมตัวอวิ๋นเสว่เหยนตกตะลึงในทันที แล้วจ้องมองไปที่ซ่งจ้านโดยไม่รู้ตัว พวกเขาเป็นคนรับใช้ของตระกูลซ่ง ปฏิบัติตามคำสั่งเป็นหน้าที่ของเขา แต่พวกเขายังเป็นผู้ชาย ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เป็นไปไม่ได้จริง ๆ ที่จะจัดการกับผู้หญิงอ่อนแอเช่นนี้!
ซ่งจ้านเบี่ยงหน้าไปอีกด้าน ภายในใจของเขาจริง ๆ แล้วก็เข้าใจ ว่าเรื่องราวอาจจะไม่เป็นดังสิ่งที่ลูกสะใภ้ของเขาพูด แต่มันสำคัญอะไร เมื่อเทียบกับชื่อเสียงและหน้าตาของตระกูลซ่ง แค่ชีวิตของผู้หญิงคนนึง นี้เป็นไรไป?
แม้ว่านี่จะเป็นสังคมสิทธิมนุษยชน แต่ในสายตาของขุนนางชั้นสูงอย่างพวกเขา ชีวิตมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่สุดเสมอ!
หากจะกล่าวโทษ ก็โทษชะตากรรมของอวิ๋นเสว่เหยนเท่านั้น!
คนรับใช้ทั้งสองเห็นซ่งจ้านไม่แสดงท่าที หนึ่งในนั้นกัดฟันและชักมีดสั้นจากเอวของเขา แสงตกกระทบของพระจันทร์เย็นเฉียบคนรับใช้ก้มศีรษะลงและกระซิบประโยคสุดท้าย : “คุณ ฉัน… ขอโทษ!”
หลังจากพูดจบ แสงเย็นเฉียบกระทบดวงตาของอวิ๋นเสว่เหยน ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ทันใดนั้น เสียงตะโกนอันเย็นชาก็ดังขึ้น : “คุณกล้าหรือ?!”