ท้องฟ้าใกล้จะรุ่งสาง แต่ลานบ้านของตระกูลซ่งนั้นแสงไฟยังคงสว่างจ้า
ไฟขนาดใหญ่จำนวนมากมายส่องแสงสว่างไปทั่วลานบ้าน ในคืนที่หนาวเย็น ทุกคนในตระกูลซ่งแม้แต่ผู้ชายที่แข็งแรงก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้
พวกเขาถูกกักขังอยู่ที่นี่ทั้งคืน ลมหนาวพัดจนถึงตอนนี้
เหอย่านจือผู้ซึ่งหยิ่งยโสก่อนหน้านั้น แต่ตอนนี้สั่นไปทั้งตัว เธอไม่ได้กินน้ำแม้แต่หยดเดียวทั้งคืน ถ้าหากคนรับใช้สองคนไม่ได้ช่วยพยุงเธอไว้ บางทีเธออาจจะไม่สามารถยืนได้ด้วยซ้ำ ซ่งจ้านยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ลมหนาวพัดจนเครายุ่งเหยิน เขามีสีหน้าที่ซับซ้อน และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ทุกคนมาครบหรือยัง?”
ทันใดนั้น เสียงที่เย็นชาดังขึ้นทำลายความสงบ ซ่งจ้านตัวสั่นสะท้าน หันศีรษะไปมองคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาที่ซับซ้อน
เซี่ยงเส้าหลงพยุงอวิ๋นเสว่เหยนเดินมา คนรับใช้ได้เตรียมโซฟานุ่มขนาดใหญ่ไว้ก่อนแล้ว เซี่ยงเส้าหลงพยุงอวิ๋นเสว่เหยนนั่งบนโซฟา แล้วกวาดสายตาไปอย่างเย็นชา ขณะนี้ เลี่ยหลงเดินออกมาและกล่าวว่า “เรียนนายพลน้อย คนของตระกูลซ่งนอกจากนายน้อยซ่งชิงจู๋แล้ว มีทั้งหมด 32 คน อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้วครับ!”
เซี่ยงเส้าหลงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และกล่าวถากถางว่า “เจ้าบ้านซ่งแค่ออกมาเที่ยวเล่นก็พาคนมาจำนวนมากมายขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่เสียแรงที่เป็นถึงเชื้อสายราชวงศ์ การที่จะไปที่ไหนก็ต้องเอิกเกริก!”
หลังจากนั้น สายตาของเขาก็ควบแน่นด้วยแสงที่เย็นยะเยือก “เจ้าบ้านซ่ง คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมหรือ?”
ซ่งจ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ตอนนี้ผมเป็นลูกไก่ในกำมือคุณ ผมไม่มีอะไรจะพูด!”
เซี่ยงเส้าหลงพยักหน้า “เอาล่ะ ในเมื่อคุณไม่พูด งั้นก็หาคนมาพูดแทนคุณ!”
จากนั้นเซี่ยงเส้าหลงก็โบกมือ แพทย์หลายคนเดินออกมาอย่างสั่นเทา เซี่ยงเส้าหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พวกคุณเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองซูหาง และเป็นหมอที่ทำการรักษาซ่งชิงจู๋ อาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไร? พวกคุณนั้นรู้ชัดเจนที่สุด!”
“พูดออกมาเถอะ”
แพทย์สูงอายุคนหนึ่งกัดฟันและกล่าวว่า “บาดแผลของนายน้อยซ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ช่องท้อง เขาได้รับบาดเจ็บจากอาวุธมีคม อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย จึงทำให้มีเลือดออกมามาก โชคดีที่เขาได้รับการรักษาทันเวลา มิเช่นนั้นชีวิตของเขาจะน่ากังวล!”
เซี่ยงเส้าหลงหันสายตาไปช้า ๆ “ได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตีเพียงครั้งเดียว?”
หมอพยักหน้ายืนยัน “ถูกต้อง บาดแผลเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว!”
“ถ้าแทงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้คนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ฆาตกรควรจะเป็นคนแบบไหน?”
“เมื่อก่อนสมัยหนุ่มผมทำงานเป็นแพทย์นิติเวชมาสองสามปี อย่างน้อยฆาตกรก็ต้องมีพลังไม่ต่ำกว่าร้อยปอนด์ และคุ้นเคยกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ จึงสามารถทำให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ได้!”
หลังจากฟังคำพูดของหมอแล้ว ซ่งจ้านสั่นไปทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นเสว่เหยนเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ แม้แต่มีดก็อาจจะไม่สามารถจับได้แน่น นับประสาอะไรกับการระเบิดพลังเป็นร้อยปอนด์!
สำหรับผู้สมรู้ร่วมคิด?
ฮ่า ๆ ถ้าแฟนของนายพลอยากจะก่ออาชญากรรมจริง ๆ เธอจำเป็นต้องออกหน้าด้วยหรือ?
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงเปล่งประกาย และกล่าวทันทีว่า “เมื่อสักครู่คุณบอกว่า ตอนนั้นซ่งชิงจู๋มีเลือดออกมามาก?”
“ถูกต้อง! ถ้าไม่มีคนเอาเสื้อผ้ามาพันแผลไว้ ซึ่งมันสามารถลดความเร็วในการไหลของเลือดลงได้เป็นอย่างมาก เกรงว่านายน้อยซ่งคงจะไม่สามารถรอให้ผมมาทำการรักษาได้!”
“ฮ่า ๆ……”
เซี่ยงเส้าหลงหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และหัวเราะอย่างรันทด!
ทันใดนั้น สายตาของเขาเยือกเย็นอย่างฉับพลัน และชี้ไปที่ซ่งจ้าน และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ซ่งจ้านคุณได้ยินหรือยัง! ถ้าไม่ใช่แฟนผม หลานชายสุดที่รักของคุณกลายเป็นศพไปตั้งนานแล้ว!”
“เมื่อคืนอวิ๋นเสว่เหยนเดินผ่านสวนสาธารณะ และพบซ่งชิงจู๋ที่ได้รับบาดเจ็บและหมดสติ เธอยื่นมือช่วยเหลือ แต่กลับถูกคนตระกูลซ่งที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ปรักปรำว่าเธอเป็นฆาตกร แล้วก็นำตัวเธอมาที่ตระกูลซ่ง แล้วคุณไม่เพียงไม่สำนึกบุญคุณ แต่กลับใส่ร้ายป้ายสี และลงโทษเธอเป็นการส่วนตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย!”
“ซ่งจ้าน จิตสำนึกของคุณถูกหมากินไปแล้วหรือ?!”
ร่างกายของซ่งจ้านสั่นทันที เมื่อมองดวงตาที่ซับซ้อนของเซี่ยงเส้าหลง เขามีสถานะที่สูงศักดิ์ แต่ก็ทำเพื่อคนรัก และทุกคำพูดของเซี่ยงเส้าหลงนั้นเป็นความเป็นจริงทุกคำ ถึงแม้ว่าตนเองอยากจะเถียง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้!
“เฮ้อ……”
ซ่งจ้านเหมือนแก่ขึ้นมากทันที เขาใช้สองมือประสานแสดงการขออภัยกับเซี่ยงเส้าหลง “เรื่องนี้เป็นความผิดของตระกูลซ่ง นายพลน้อยเซี่ยง คุณต้องการอะไร พูดมาได้เลย!”
ประกายแสงคมกริบอยู่ในดวงตาของเซี่ยงเส้าหลง “เจ้าบ้านซ่ง คุณให้เกียรติผมเช่นนี้ แล้วผมจะไม่คืนให้คุณได้อย่างไร?”
“พาคนออกมา!”
หลังจากกล่าวจบ เลี่ยหลงเดินควบคุมคนสามคนที่ตัวสั่นออกมา อวิ๋นเสว่เหยนมองอย่างตั้งใจ เธอรู้จักพวกเขา รวมถึงหัวหน้าบอดี้การ์ดที่พาเธอมาที่ตระกูลซ่ง และชายสองคนที่เฝ้าคุกใต้ดิน
“บาดแผลบนร่างกายของแฟนผม พวกคุณเป็นคนทำใช่ไหม?”
พวกเขาสามคนกลัวจนตัวสั่น ใบหน้าขาวซีดเผือด ดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงเย็นชา และก็ระเบิดอารมณ์ออกมาว่า “ผมกำลังถามพวกคุณอยู่!”
“นายพลน้อยโปรดไว้ชีวิตด้วย! นายพลน้อยโปรดไว้ชีวิตด้วยเถอะ!”
ทั้งสามคนก้มกราบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงนั้นดังเป็นพิเศษในคืนอันเงียบงัน ผ่านไปครู่หนึ่ง หน้าผากของพวกเขาก็บวมแดง!
เซี่ยงเส้าหลงชี้ไปที่หัวหน้าบอดี้การ์ดคนนั้น “ผมเป็นคนที่ยุติธรรมเสมอ ถ้าคุณตบแฟนผมหนึ่งที ผมก็จะใช้วิธีตบคืนเช่นกัน!”
“พาเขาออกไป แล้วตบปากหนึ่งร้อยครั้ง!”
หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ผลของการตบหนึ่งที เขาต้องชดใช้คืนเป็นร้อยครั้ง !
หัวหน้าบอดี้การ์ดหน้าซีดราวกับศพ แล้วกองทัพชายแดนเหนือก็ลากบอดี้การ์ดที่หวาดกลัวออกไปราวกับสุนัขที่ตายไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงตบและเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของชายสองคนที่เฝ้าคุกใต้ดินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง การตบไปหนึ่งครั้งจะถูกตบคืนเป็นร้อยเท่า มันจะไม่เลวร้ายไปกว่าสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำหรือ?
เสียงที่เย็นชาของเซี่ยงเส้าหลงก็ดังขึ้น “พาสองคนนี้ออกไป!”
เซี่ยงเส้าหลงไม่ได้กล่าวว่าจะลงโทษอย่างไร แต่สองคนนั้นตกใจกลัวจนทรุดลงบนพื้น พวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น ถ้าถูกพวกเขาพาออกไป จะมีเรื่องดีได้อย่างไร?
เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ พวกเขาคุกเข่าและอ้อนวอนขอความเมตตา “นายพลน้อยโปรดไว้ชีวิตด้วย! นายพลน้อยโปรดไว้ชีวิตด้วยเถอะ! พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของคุณหญิง!”
สีหน้าของเหอย่านจือซีดลงอย่างกะทันหัน เธอไม่สนใจความอ่อนแอของร่างกายตนเอง และกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “พูดจาเหลวไหล ฉันพูดเช่นนั้นตอนไหน?”
“คุณหญิง! คุณต้องช่วยพวกเรา พวกเราทำตามคำสั่งของคุณ! คุณสั่งให้พวกเราทรมานเธออย่างหนัก และให้ถอดเสื้อผ้าของเธอจนหมด!”
เมื่อได้ยินคำว่าถอดเสื้อผ้า ลมหายใจของเซี่ยงเส้าหลงเยือกเย็นทันที แค่เรื่องนี้ชายสองคนนี้ก็ควรจะถูกสับออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้นแล้ว!
“เลี่ยหลง! พาออกไป!”
เหอย่านจือมองไปที่เซี่ยงเส้าหลงด้วยใบหน้าซีดเผือดท่ามกลางเสียงร้องห่มร้องไห้ของชายสองคนนั้น และฝืนยิ้ม “นายพลน้อยเซี่ยง เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด…..”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรือ?”
ขณะนี้ อวิ๋นเสว่เหยนฮึ่มประโยคหนึ่ง และค่อย ๆ ลุกขึ้น “ตอนที่อยู่ในคุกใต้ดิน คุณหยิ่งยโสมาก!”
อวิ๋นเสว่เหยนไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้กับคนอย่างเหอย่านจือ เธอต้องการเอาคืนความอัปยศอดสูที่ตนเองเคยได้รับ!