เจ้าแผลเป็นสามตกตะลึง เขามองไปที่เซี่ยงเส้าหลง จากนั้นก็มองไปที่หูเจี๋ยด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เขากล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “คุณ…..พี่เขยของคุณหรือ?”
“พี่เจี๋ย ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”
ปัง!
หูเจี๋ยเตะเขาจนกระเด็นออกไปด้วยท่าทางเคร่งขรึม “แกคิดว่าท่าทางของกูเหมือนล้อเล่นหรือ?”
“นอกจากนั้น แกเป็นขอทานไร้ยางอาย แกมีคุณสมบัติอะไรที่กูจะพูดล้อเล่นด้วย!”
หลังจากกล่าวจบ หูเจี๋ยไม่ได้มองเขาอีก เดินไปหาเซี่ยงเส้าหลงด้วยท่าทางประจบสอพลอ แล้วโค้งคำนับ “พี่เขย ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่…”
“คุณมาเดินเล่นหลังทานอาหารใช่ไหม”
เมื่อมองท่าทางที่ประจบเหมือนสุนัขของเขา เซี่ยงเส้าหลงพูดไม่ออกชั่วขณะ “คือ…ผมรู้จักคุณด้วยหรือ?”
หูเจี๋ยกล่าวทันทีว่า “คุณไม่รู้จักผมหรอก แต่ผมรู้จักคุณเป็นอย่างดี!”
“โดยเฉพาะในพิธีหมั้นกับลูกพี่ลูกน้องของผมเมื่อหลายวันก่อน คุณสง่าน่าและเกรงขามเป็นอย่างมาก น้องเล็กอย่างผมอยู่ด้านล่าง แต่ผมเคารพคุณเสมอไม่ที่สิ้นสุด เหมือนกับ…….”
“หยุด ๆ ๆ!”
เซี่ยงเส้าหลงหยุดการประจบสอพลอของเขา แล้วมองเขาและกล่าวว่า “คุณเป็นลูกพี่ลูกน้องของหูเม่ยเอ๋อเหรอ?”
“ฮ่า ๆ……..ใช่ ๆ แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นห่างไปนิด ดังนั้นในงานหมั้นของคุณ น้องเล็กอย่างผมสามารถชื่นชมท่าทางสง่างามของคุณได้จากระยะไกล เป็นเรื่องปกติที่คุณจะไม่ได้สังเกตเห็นผม…ฮ่า ๆ”
เซี่ยงเส้าหลงพูดไม่ออกชั่วขณะ หูเม่ยเอ๋อมีลูกพี่ลูกน้องเช่นนี้ด้วยหรือ?
เมื่อเห็นเซี่ยงเส้าหลงมองสำรวจตนเอง หูเจี๋ยรู้สึตกใจ เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง และกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ผมเข้าใจแล้ว! ผมเข้าใจแล้ว!”
“พี่เขย คุณคอยดูน่ะ!”
เซี่ยงเส้าหลงขยับปาก ผมพูดว่าอะไร? แล้วคุณเข้าใจว่าอะไร?
แต่ตอนนี้การแสดงออกของหูเจี๋ยเปลี่ยนเป็นเจตนาฆ่าแล้ว เดินไปหาเจ้าขอทานสามที่อยู่ด้านข้าง!
เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา เจ้าขอทานสามรู้สึกใจสั่นสะท้าน ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกายของตนเอง และฝืนยิ้ม “พี่…….พี่เจี๋ย นี่เป็นความเข้าใจผิดเท่านั้น!”
“เข้าใจผิด?”
หูเจี๋ยแสดงสีหน้าโหดเหี้ยม “กูจะทำให้มึงรู้ว่าความเข้าใจผิดคืออะไร!”
เขากล่าวพลางโบกมือ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนก็พุ่งเข้าไปเตะต่อยเจ้าขอทานสามที่ล้มอยู่บนพื้น เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังอย่างต่อเนื่อง ขอทานที่อยู่รอบ ๆ มองดูจากระยะไกล และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้!
ปัง!
หลังจากการทุบตีอย่างรุนแรง ในที่สุดหูเจี๋ยก็ใช้เท้าเตะไปที่หน้าของเจ้าขอทานสามอย่างรุนแรง ฟันซี่สุดท้ายในปากของเขากระเด็นออกมาจากปาก หน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด ตาพร่ามัวแล้วหมดสติไป!
หูเจี๋ยเหนื่อยจนหายใจหอบ เขายังไม่ทันได้หยุดพัก ก็เดินไปหาเซี่ยงเส้าหลงเหมือนสุนัขขี้ประจบ และกล่าวเยินยอว่า “พี่เขย คุณพอใจกับการจัดการเช่นนี้หรือไม่”
“ถ้าหากคุณยังไม่พอใจ ผมจะฆ่ามันให้ตายภายในคืนนี้! ผมสัญญาว่าคุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้ามันอีก!”
เซี่ยงเส้าหลงรู้สึกกลัดกลุ้มจนพูดไม่ออก ขณะนี้อวิ๋นเสว่เหยนอุทานออกมาว่า “เด็กน้อย หนูกำลังจะทำอะไร?”
เมื่อมองตามเสียง เห็นอวิ๋นเสว่เหยนยืนอยู่ตรงหน้าเด็กผู้ชายที่เพิ่งถูกทุบตี ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร
เซี่ยงเส้าหลงเดินไป เด็กผู้ชายสวมเสื้อผ้าที่ทรุดโทรม ใบหน้าของเขาสกปรกมอมแมม และเขามองทุกคนด้วยดวงตากลมโต
เมื่อเห็นใบหน้าบวมซ้ำของเด็กผู้ชาย อวิ๋นเสว่เหยนก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาด้วยความปวดใจ ต้องการเช็ดเลือดบนหน้าให้เขา แต่เด็กผู้ชายหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ อวิ๋นเสว่เหยนกล่าวด้วยความอ่อนโยนว่า “เด็กน้อย ไม่ต้องกลัวน่ะ ใบหน้าของหนูมีเลือดไหล ต้องรีบทำความสะอาดแผล มิฉะนั้นอาจจะติดเชื้อได้”
บางทีอาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่มีความเมตตาทำให้รู้สึกซาบซึ้งใจ เด็กผู้ชายไม่หลบอีกต่อไป อวิ๋นเสว่เหยนเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าด้วยความระมัดระวัง โดยไม่มีความรังเกียจใด ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ผ้าเช็ดหน้าสีขาวราวกับหิมะก็กลายเป็นสีดำ เด็กน้อยก้มศีรษะลงเล็กน้อยและกระซิบคำว่า “ขอบคุณ…..ขอบคุณ”
อวิ๋นเสว่เหยนยิ้มและมองไปที่เขา “เด็กน้อย หนูชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ บ้านหนูอยู่ที่ไหน พี่จะส่งหนูกลับบ้านดีไหม?”
ทันใดนั้นดวงตาของเด็กน้อยประกายความเยือกเย็น “ผมไม่มีชื่อ ปีนี้ผมอายุสิบสองปี บ้าน……ผมไม่มีบ้าน”
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเขา ดวงตาของอวิ๋นเสว่เหยนประกายความรักความเมตตา “งั้นบอกพี่ว่า เมื่อสักครู่ทำไมพวกเขาถึงทุบตีหนู?”
เด็กผู้ชายกัดริมฝีปากแน่น แต่ไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของอวิ๋นเสว่เหยน เซี่ยงเส้าหลงมองขอทานที่ตัวสั่นอยู่ด้านข้าง หูเจี๋ยที่อยู่ด้านข้างเห็นการจ้องมองของเซี่ยงเส้าหลง เขาก็เข้าใจและโบกมือทันที “นำพวกเขามา!”
บอดี้การ์ดของหูเจี๋ยพาขอทานที่ติดตามเจ้าขอทานสามมาด้วยสีหน้าที่ดุดัน พวกขอทานคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตกใจ ตัวสั่นสะท้าน”พี่…..พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย!”
“เจ้าขอทานสามเป็นคนให้พวกเราทำเช่นนี้!”
เซี่ยงเส้าหลงมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ทำไมพวกคุณถึงทุบตีเขา?”
ขอทานหลายคนมองหน้ากัน และหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “เพราะ……เพราะเขาแอบซ่อนเงินไว้!”
“แอบซ่อนเงินไว้? หมายความว่าอย่างไร? พูดให้ชัดเจน!”
“ผมบอก ผมบอก!”
“แม้ว่าพวกเราทุกคนจะเป็นขอทาน แต่พวกเราก็มีองค์กร เจ้าเด็กคนนี้ทำมาหากินกับพวกเรา และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้าขอทานสาม!”
“ตามกฎของพรรคกระยาจก เงินที่ลูกน้องขอทานมาได้ต้องส่งมอบให้เบื้องบนทุกวัน แล้วเบื้องบนจะจัดสรรอย่างเท่าเทียมกัน ไม่สามารถแอบซ่อนไว้ส่วนตัวได้!”
“แต่ทุกครั้งที่เด็กคนนี้มอบเงินออกมามันมีบางอย่างผิดปกติ พวกเราจับตาเขานานแล้ว ในที่สุดวันนี้พวกเราก็จับเขาได้คาหนังคาเขา พวกเราแค่ต้องการให้เขามอบเงินที่ซ่อนอยู่ออกมา ใครจะไปรู้ว่าเด็กคนนี้ดื้อร้านมาก ทำยังไงก็ไม่ยอมเอาเงินออกมา!”
“เจ้าขอทานสามบอกว่าเขาต้องซ่อนเงินไว้เยอะ เลยสั่งให้พวกเราทุบตีเขา!”
“พูดจาเหลวไหล! ผมไม่ได้ซ่อนเงินไว้มากเลย!”
เด็กชายตัวเล็กที่เงียบตลอดเวลา ก็กล่าวโพล่งออกมาและตะโกนใส่กลุ่มขอทาน!
ใครจะรู้ว่าขอทานคนนั้นไม่อ่อนแอ “ถ้าคุณไม่ได้ซ่อนเงินไว้มากมาย ทำไมไม่ให้พวกเราดูมือของคุณล่ะ?”
“ใช่ หากคุณแน่ก็แบมือของคุณให้พวกเราดูสิ!”
“ผมกล้าพนันได้เลยว่า ที่เขายอมทนถูกทุบตีมากกว่าจะแบมือให้พวกเราเห็น คิดว่าเขาจะต้องซ่อนเงินไว้มากแน่นอน!”
“ดี!”
“ผมจะให้พวกคุณดู!”
ดวงตาของเด็กชายแดงก่ำ แล้วเขาก็ค่อย ๆ แบมืออย่างสั่น ๆ ภายใต้แสงจันทร์ บนฝ่ามือที่สกปรก หยวนเล็กสองอันส่องประกายแวววาว!
“อะไรนะ? สองหยวน!”