ตอนที่ 741 แผนของเฉินเฟิง
จากนั้นหลินม่ายก็โทรหาเฉินเฟิงและถามเขาตรง ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ฮ่องกงหรือไม่
แน่รอนว่ามีเรื่องเกิดขึ้นในฮ่องกง
แต่ปีใหม่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า เฉินเฟิงไม่ต้องการให้หลินม่ายมีปีใหม่ที่เลวร้าย ดังนั้นเขาจึงไม่อยากบอกความจริงกับเธอ
เขาแสร้งหัวเราะสองสามครั้ง “อะไรก็เกิดขึ้นได้ในฮ่องกง แต่อย่าลืมสิว่าใครปกป้องฮ่องกงแทนเธออยู่!”
“อย่าพยายามโกหกฉัน ฉันเพิ่งโทรไปที่บ้านของนายในฮ่องกงและได้ยินเรื่องราวทุกอย่างแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่โทรหานาย”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป เฉินเฟิงก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยายามอธิบายให้ดูรุนเแรงน้อยที่สุด “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่อันธพาลสองคนจากสังคมเล็ก ๆ มายังสำนักงานอสังหาริมทรัพย์ของพวกเราและสร้างปัญหา”
เขาพูดด้วยสายตาดุร้าย “ฉันคิดว่าต้องมีเบื้องหลังซ่อนอยู่ในเรื่องนี้แน่ ไม่อย่างนั้นอันธพาลทั้งสองก็คงไม่กล้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา หลังจากกลับไปฮ่องกงแล้วฉันจะทำการสั่งสอนพวกเขา แล้วมาดูกันว่าพวกเขายังจะกล้าสร้างปัญหาเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่า!”
หลินม่ายอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “พวกนั้นเคยสร้างปัญหามาก่อนเหรอ? ก่อนหน้านี้นายบอกว่าเรื่องนี้สงบแล้วจึงกลับไปยังแผ่นดินใหญ่ในช่วงปีใหม่ คำว่าเรื่องราวสงบแล้วไม่ได้หมายความว่านายสอนบทเรียนให้กับอันธพาลเหล่านั้นหรอกเหรอ?”
จากนั้นเฉินเฟิงก็ตระหนักได้ว่าเขาพลาดพลั้ง จึงต้องยอมรับ
จ้าวเลี่ยงบอกหลินม่ายว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในฮ่องกง และเฉินเฟิงติดอยู่ที่นั่น ไม่สามารถกลับมายังแผ่นดินใหญ่ได้สักพัก อาจเป็นเพราะพวกอันธพาลเหล่านี้
เธอเอ่ยถาม “ทำไมพวกอันธพาลถึงสร้างปัญหาขนาดนั้น? พวกเขาสร้างปัญหามานานแค่ไหนแล้ว?”
เฉินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะบอกความจริง “สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ผมรับมือได้ พวกเขาไม่ได้ทำให้เราสูญเสียเลย”
เขาพูดอย่างเหยียดหยาม “สาเหตุที่พวกนั้นมาสร้างปัญหา หากไม่ใช่เพราะต้องการเงินแล้วจะเป็นอะไรได้อีก”
ในยุคนี้ สังคมในฮ่องกงเป็นสังคมที่มีอารยธรรมสำหรับสังคมสามกลุ่มเท่านั้น
เนื่องจากการลงนาม ‘ปฏิญญาร่วมจีน-อังกฤษ’ ในเวลานี้ จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่จึงไม่เต็มใจที่จะคืนฮ่องกงให้กับจีน
แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ควรคืนให้ แม้ไม่เต็มใจก็ตาม
กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ก็จงใจที่จะทำให้การบริหารประเทศฮ่องกงปั่นป่วน
พวกเขาก่อความวุ่นวายและอาละวาดสมาคมต่าง ๆ เพื่อบีบบังคับให้คืนฮ่องกงแก่ประเทศจีน
เมื่อเห็นว่าอสังหาริมทรัพย์สองแห่งของเธอกำลังตกเป็นเป้าของสังคม หลินม่ายก็รู้สึกไม่พอใจ
เธอถามเฉินเฟิง “แล้วนายจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง? ตะโกนด่าพวกเขาอย่างงั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่ทำแบบนั้นแล้วฉันควรทำยังไงล่ะ?”
หลินม่ายกล่าว “ในเมื่ออันธพาลพวกนั้นร้องขอเงิน ก็ให้เงินพวกเขาไปสิ ทำไมต้องเอาตัวเองและคนอื่นเข้าไปเสี่ยงชีวิต สิ่งเดียวที่ฉันปรารถนาคือให้พวกคุณปลอดภัย”
เฉินเฟิงกล่าว “เธอรู้ไหมว่าพวกเขาต้องการเท่าไหร่? พวกเขาต้องการเงินครึ่งล้าน! โครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห้งของเราในฮ่องกงยังไม่ได้เริ่มเปิดการขายด้วยซ้ำ แล้วเราจะเอาเงินจากที่ไหนให้พวกเขา?”
หลินม่ายกล่าว “ฉันสั่งให้สำนักงานใหญ่โอนให้นายได้”
“คุณจะส่งเงินจากสำนักงานใหญ่มาให้ผมเพื่อนำไปมอบให้อันธพาลพวกนั้นเหรอ? หากมีครั้งแรก แน่นอนว่าจะต้องมีครั้งที่สอง และพวกเขาก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ใช้เงินของสำนักงานใหญ่เพื่อจ่ายให้ไอ้สารเลวพวกนั้น นอกจากนี้ หากพวกอันธพาลเหล่านั้นได้ลิ้มรสความหอมหวาน พวกเขาก็จะทำแบบนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
หลินม่ายถาม “แล้วคุณจะทำยังไง?”
“ฉันวางแผนที่จะส่งจื่อฉิงไปหาพ่อแม่ของหล่อนในวันพรุ่งนี้ และให้พ่อแม่ของเธอดูแลหล่อน และฉันก็จะบินกลับฮ่องกงในวันเดียวกันเพื่อไปขอให้เจ้านายผู้ทรงเกียรติห้ามปรามเจ้านายทั้งสองของอันธพาลพวกนี้ ฉันยอมใช้เงินจ้างคนดีกว่าให้เงินกับพวกแก๊งอันธพาล!
หลินม่ายพยักหน้า “ยอมไปเถอะ อย่าลังเลที่จะจ่าย”
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “อย่าส่งจื่อฉิงไปหาพ่อตาและแม่ยายของนายเลย พี่ชายและพี่สะใภ้ของหล่อนอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอ และจื่อฉิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพี่สะใภ้ของหล่อน
ในวันปีใหม่ หากพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ทะเลาะกันคงไม่ใช่เรื่องดี ส่งหล่อนมาหาฉันดีกว่า ฉันจะดูแลหล่อนให้สักสองสามวัน หลังจากที่นายจัดการเรื่องนี้แล้วก็ค่อยพาจื่อฉิงไปหาพ่อตาและแม่ยายของนาย มีนายอยู่ด้วย หากหล่อนและพี่สะใภ้ทะเลาะวิวาทกัน นายก็อาจช่วยห้ามปรามได้ ไม่อย่างนั้นจื่อฉิงอาจโดนพี่สะใภ้ของหล่อนรังแกหนักจนลุกไม่ไหว”
เฉินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ปีใหม่ที่ต้องดูแลทั้งคนแก่และเด็กของเธอก็คงไม่ง่าย
ฉันจะไม่ส่งจื่อฉิงไปอยู่ในความดูแลของเธอ แต่จะส่งไปหาพ่อแม่ของหล่อน
ฉันจะให้เงินห้าหมื่นหยวนกับพี่สะใภ้ของจื่อฉิงเพื่อซื้อบ้านและให้หล่อนย้ายออกไป หากอยู่ร่วมชายคาเดียวกันไม่ได้ ผมก็ไม่มีทางเลือก”
หลินม่ายกล่าว “เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลปีใหม่ หากคุณปล่อยให้พี่สะใภ้ของจื่อฉิงซื้อบ้านและย้ายออกไป หล่อนจะไม่สามารถหาบ้านได้ทันเวลานะ”
“แต่อย่างน้อยเงินห้าหมื่นหยวนนี้ก็ทำให้หล่อนไม่กล้าจะทำอะไรภรรยาของฉัน”
หลินม่ายยิ้มพลางกล่าว “พี่สะใภ้ของจื่อสิงช่างน่าสงสารจริง ต้องถูกขับไล่ออกจากบ้านในช่วงปีใหม่”
เฉินเฟิงพูดอย่างไม่มีเหตุผล “เรื่องนั้นฉันไม่สน ขอแค่ภรรยาของฉันไม่ถูกรังแกก็พอ”
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายไปประชุมที่สำนักงานใหญ่
ส่วนใหญ่จะเป็นการสรุปงานของปีนี้ จากนั้นจึงถามเกี่ยวกับการจัดการงานในช่วงตรุษจีน
ในท้ายที่สุด เกาหยวนจงก็ถูกปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของธุกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือว่านถงกรุ๊ปสาขาเจียงเฉิง และถูกแทนที่ด้วยโม่เจี้ยนอัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลินม่ายได้สังเกตผู้บริหารหลายคนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เครือว่านถงกรุ๊ปสาขาเจียงเฉิง และโม่เจี้ยนอันก็เป็นผู้บริหารที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นธาตุแท้ของใครสักคนภายในเวลาไม่กี่วัน หลินม่ายจึงขอให้เขามาแทนที่ชั่วคราว
หากโม่เจี้ยนอันเก่งและมีฝีมือจริง เขาจะจัดการทุกอย่างได้ภายในสามเดือน
และหากเขาทำได้ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะบอกว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่า
เกาหยวนจงถูกปลดจากตำแหน่งในที่สาธารณะ และเขารู้สึกละอายใจมากจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
แต่หลินม่ายปลอบโยนและให้กำลังใจเขา โดยบอกให้เขาเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองและทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้นในอนาคต ลุกขึ้นยืนหยัดให้เร็วแม้จะล้มลง และเธอเชื่อว่าเขาจะได้รับตำแหน่งคืนในไม่ช้า
เกาหยวนจงได้ยินดังนั้นก็นึกถึงข้อผิดพลาดที่ทำลงไป และพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา
หลินม่ายถามเขาว่า กลุ่มคนที่ถูกส่งไปยังบ้านของผู้อำนวยการหูกลับมาแล้วหรือไม่
เกาหยวนจงพยักหน้า “ผมเรียกตัวพวกเขากลับมาแล้วและจ่ายเงินค่าแรงให้คนละหนึ่งร้อยหยวน”
หลินม่ายรู้สึกโล่งใจ
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือเมื่อเย็นวานนี้ เกาหยวนจงพาคนไปที่บ้านของผู้อำนวยการหูเพื่อไปรับคนงานเหล่านั้น ภรรยาและลูก ๆ ของผู้อำนวยการหูดีใจมากจนแทบจะน้ำตาไหล
คนเหล่านั้นก่อกวนและอาละวาดจนทำให้พวกเขาไม่ได้หลับนอน พวกเขาทำได้เพียงงีบหลับในตอนกลางวันก็เท่านั้น
คนเหล่านี้พูดคุยกันเสียงดังในยามค่ำคืน ทำให้สองแม่ลูกนอนไม่หลับ
ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกเรียกตัวกลับ ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของพวกหล่อนก็มาถึง
หลังเสร็จสิ้นการประชุม หลินม่ายก็เดินทางออกจากสำนักงานใหญ่
นอกจากนี้เธอยังต้องไปยังตลาดผักเพื่อซื้อสตรอว์เบอร์รี่ให้คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และโต้วโต้ว และไปส่งพวกเขาขึ้นเครื่องบินกลับเมืองหลวงก่อน เพื่อที่ฟางจั๋วหรานจะได้กินสตรอว์เบอร์รี่สด ๆ
เขาเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่กินสตรอว์เบอร์รี
ทันทีที่เดินออกจากห้องประชุม เสิ่นเสี่ยวผิงก็ทักทายเธอ โดยบอกว่ามีนักข่าวต้องการสัมภาษณ์เธอ
หลินม่ายถามขณะเดิน “นักข่าวจะสัมภาษณ์ฉันเรื่องอะไร?”
เสิ่นเสี่ยวผิงกล่าว “เรื่องงานการกุศลของว่านถงกรุ๊ปของเราในช่วงปลายปีค่ะ”
หลินม่ายกล่าว “รายงานให้ฉันทราบทันทีที่พวกเขามาถึงนะ ฉันจะใช้การโฆษณาครั้งนี้ดึงดูดผู้คนด้วย”
แน่นอนว่าเมื่อได้รับโอกาส เธอก็ไม่พลาดที่จะคว้าเอาไว้
เสิ่นเสี่ยวผิงตอบและหันไปหาซุนอวิ้นหง ผู้จัดการแผนกโฆษณา
หลินม่ายมายังตลาดสดฝูตัวตัวของครอบครัว
พ่อค้าได้เลือกสตรอว์เบอร์รี่ที่ใหญ่และดีที่สุดแล้วยื่นให้เธอพร้อมตะกร้าไม้ไผ่ขนาดเล็กที่บอบบาง
หลินม่ายต้องการจะกลับไปทันทีหลังจากได้รับสตรอว์เบอร์รี แต่พ่อค้าอีกคนกลับส่งถุงหลู่ไช่ให้เธอเพื่อรับประทานระหว่างทาง
หลินม่ายกลับไปที่วิลล่าพร้อมสตรอว์เบอร์รีและหลู่ไช่ คุณยายฟางและคนอื่น ๆ เก็บข้าวของเตรียมพร้อมที่จะไป
หลินม่ายซื้อตั๋วรถไฟตอนสิบโมงเช้า และรถไฟกำลังจะออก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถไปส่งคุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และโต้วโต้วขึ้นเครื่องบินได้ ดังนั้นหน้าที่นี้จึงถูกส่งมอบให้กับฟางจั๋วเยวี่ย
เธอแบกสัมภาระด้วยตัวเองเพียงเล็กน้อย และว่าจ้างคนช่วยขนผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ ที่ชาวเมืองนำมามอบให้ขึ้นรถไฟไป
ตั๋วรถไฟในช่วงเทศกาลเช่นนี้หาซื้อได้ไม่ง่ายนัก แม้แต่หลินม่ายยังหาซื้อได้เพียงตั๋วยืน
แต่ก็ยังถือเป็นเรื่องดี เพราะหลายคนหาซื้อตั๋วยืนยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลปีใหม่ แม้ว่าสถานีฮั่นโข่วจะเป็นสถานีต้นทาง แต่ผู้คนก็ขึ้นรถไฟในสถานีนี้จนอัดแน่นและเบียดเสียดกัน
หลินม่ายและผู้แบกหามสองคนที่เธอว่าจ้างพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเบียดเสียดขึ้นรถไฟ
ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่พวกเขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะไปส่งหลินม่ายจนถึงที่หมายและได้รับเงินตอบแทน
หลินม่ายมอบเงินให้พวกเขาคนละสิบหยวนพร้อมบอกให้พวกเขาวางของลง และเธอก็คิดหาวิธีขึ้นรถไฟด้วยตัวเอง
ชายสองคนในวัยสี่สิบรู้สึกละอายใจมาก พวกเขายืนยันที่จะคืนเงินให้หลินม่ายห้าหยวน
เพราะตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่าค่าจ้างในการขนของทั้งนี้อยู่ที่คนละห้าหยวน
และเงินเพียงห้าหยวนก็นับว่าสูงมากสำหรับพวกเขา
ในระยะทางสั้น ๆ เช่นนี้ โดยส่วนใหญ่พวกเขาจะได้เงินตอบแทนค่าแบกหามเพียงสามหยวน
หลินม่ายบอกชายทั้งสองว่าไม่ต้องคืนให้เธอ เพราะใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว และขอให้พวกเขาเอาเงินอีกห้าหยวนที่เธอให้เพิ่มซื้อขนมกลับบ้าน
ทั้งสองรับเงินและจากไปอย่างขอบคุณ
หลินม่ายเห็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟซึ่งเป็นชายหนุ่มสองสามคนนั่งคุยกันอยู่ไม่ไกล
เธอเดินไปขอให้พวกเขาช่วยถือของขึ้นรถ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ขอให้ช่วยโดยเปล่าประโยชน์ เธอให้เงินพวกเขาคนละหนึ่งหยวนเป็นค่าตอบแทน
นี่เป็นครั้งที่หลินม่ายให้ตอบแทนน้อยที่สุด
เป็นเพราะทนไม่ได้ที่เห็นเจ้าหน้าสถานีรถไฟเหล่านี้ได้รับค่าตอบแทนรายเดือน แต่กลับไม่ยอมทำงาน
มีคนแก่และเด็กจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่พวกเขากลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
ประตูรถทุกบานปิดแน่น ผู้คนเบียดเสียดกันจนไม่อาจเข้าไปในรถไฟได้อีก แต่พวกเขากลับเพิกเฉย
การให้ค่าแรงเพียงหนึ่งหยวนนั้นเหมาะสมแล้วสำหรับพวกเขา
หลินม่ายรู้ดีว่าหากไม่ให้ค่าตอบแทนพวกเขาเลย คนเหล่านี้ก็คงไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือเธอ
เมื่อเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟได้ยินเสียงของหลินม่ายที่เสนอค่าแรงให้พวกเขาเพียงหนึ่งหยวน พวกเขาก็ปฏิเสธการช่วยเหลือทันที
แต่เมื่อพวกเขาหันหน้ามาและเห็นว่าเป็นสาวสวยที่กำลังขอความช่วยเหลือ ท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
สวย มีเสน่ห์ ยิ้มหวาน ทั้งยังดูร่ำรวยและมีฐานะอีกด้วย
เมื่อเห็นดังนั้น เหล่าเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟก็ตอบตกลงในทันที
พวกเขาช่วยหลินม่ายยกของไปที่ที่นั่งของเธออย่างกระตือรือร้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีแต่เรื่องวุ่นรับปีใหม่นะ ปีใหม่นี้น่าจะมีสีสันกว่าปีก่อนเยอะเลย
ไหหม่า(海馬)