สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 56 นายดูถูกแด๊ดดี๊เกินไปแล้ว

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

ซูซือเยว่ได้บอกลั่วเยียนเรื่องที่อยากจะแสดงเป็นนางเอกภาพยนต์ของผู้กำกับเฉิน

เธอไม่ค่อยมีคนที่รู้จักในวงการบันเทิงสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากใช้เส้นสายของตระกูลฉิน คิดไปคิดมาก็มีเพียงเพื่อนอย่างลั่วเยียนนี่แหละที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

“ซูซือเยว่เธอคิดจริงๆหรอว่าฉันจะคุยกับผู้กำกับเฉินได้?”

ปลายสายอย่างลั่วเยียนหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ถึงแม้ฉันจะเป็นนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม แต่ก็เป็นแค่นักแสดงเฉยๆ”

“ฉันอาจจะช่วยแกไม่ได้”

“แต่ว่า”

ลั่วเยียนยกยิ้มมุมปาก “ฉันจะลองถามเพื่อนฉันดู ว่าพอจะช่วยได้ไหม”

“งั้นขอบคุณมากนะ!”

ซูซือเยว่ยืนอยู่ตรงระเบียง มองไปยังทะเลด้านนอกที่ไร้ขอบเขต แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ “ฉันไม่ได้ต้องการเป็นเด็กเส้นของผู้กำกับเฉิน ฉันแค่อยากมีโอกาสได้สู้อย่างยุติธรรม ฉันจะไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่นอน”

“ฉันเข้าใจ”

ลั่วเยียนคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ “แต่ซูซือเยว่ ถ้าเธอได้เป็นนางเอกหนังเรื่องนี้จริง อนาคตเธอก็จะได้อยู่ในวงการบันเทิงอย่างสบายเลย”

“พระเอกหนังเรื่องต่อไปของผู้กำกับเฉิน ฉันได้ข่าวว่าเป็นจี้หนานเฟิง”

“จี้หนานเฟิงมีดีทั้งหน้าตาและการแสดง เขามีบุคลิกที่เย็นชาอย่างมีสไตล์ ดาราหญิงจิกหัวกันจนผมร่วงหมดหัวก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำงานร่วมกับเขา……”

พอได้ยินคำพูดจากลั่วเยียน มือซูซือเยว่ที่ถือโทรศัพท์ไว้ชะงักไปครู่หนึ่ง

ในตาเธอปรากฏภาพใบหน้าเย็นชาเมื่อเช้าขึ้น

ผู้ชายคนนั้น……

“ฉันไม่มีความสนใจต่อจี้หนานเฟิง”

ซูซือเยว่หัวเราะ พูดตัดบทลั่วเยียน “ฉันแค่อยากได้บทนางเอก”

แม้กระทั่ง หนังเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก

เธอแค่ไม่อยากเห็นเซี่ยงหวั่นฉิงได้บทนี้อย่างง่ายดาย

“ดี”

ลั่วเยียนไม่ได้โกรธที่ซูซือเยว่พูดแทรกเธอ “งั้นฉันไปถามเพื่อนเดี๋ยวนี้เลย”

หลังจาดที่ซูซือเยว่วางสายไปได้สิบสามนาที โทรศัพท์ฉินโม่หานที่อยู่ห้องข้างๆก็ดังขึ้น

ปลายสายคือฉินหนานเซิงที่เป็นคนโทรมานั่นเอง “อาเล็ก อาสะใภ้เล็กมีเรื่องจะขอร้องอา”

“ว่ามาสิ”

สายตาไม่แยแสของชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ไปด้วย ใช้สำลีก้านทายาบนแผลตรงไหล่ไปด้วย

เมื่อคืนเขาอุ้มซูซือเยว่เดินนานเกินไป เขาไม่รู้ตัวเลย ว่าตอนที่อุ้มเธอนั้น จะไปโดนแผลบนไหล่เขา

เมื่อกี้ที่ฉีกตาข่ายพันแผลออก แผลด้านใต้คือดูแย่มากแล้ว

ไป๋ลั่วที่อยู่ด้านขางพอเห็นแผลของเจ้านายตัวเอง อดไม่ได้ที่จะเดินก้าวเข้ามา “นายครับ หรือว่า จะให้ผมเรียกหมอมาดีครับ?”

ฉินโม่หานเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง

ไป๋ลั่วเงียบทันที

ชายหนุ่มถึงจะคุยกับปลายสายอย่างฉินหนานเซิงต่อ “เธอไม่ได้บอกหรอว่าทำไม?”

“ไม่ได้บอก”

น้ำเสียงของฉินหนานเซิงฝั่งปลายสายแฝงไปด้วยความสะใจ “อาสะใภ้เล็กแค่บอกลั่วเยียนว่าเธออยากได้บทนี้”

“เมื่อกี้ผมลองเช็คดูแล้ว หนังเรื่องนี้บริษัทเพื่อนผมเป็นคนลงทุนพอดี เพราะอย่างนั้น……”

น้ำเสียงของฉินหนานเซิงแฝงไปด้วยความชอบใจ “อาเล็ก เงินค่าขนมที่อาให้ผมคงต้อง……”

“บริษัทเพื่อนแกชื่ออะไร?”

ชายหนุ่มทายาเสร็จ ก็กดปิดการแจ้งเตือน

ฉินหนานเซิง:“……”

ยอมซื้อกิจการแต่ไม่ยอมเพิ่มค่าขนมให้เขา!

บนโลกนี้ยังมีคนที่ตระหนี่กว่าฉินโม่หานอีกหรอ!

“เถอะหน่า”

ฉินหนานเซิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สลด “ผมคุยกับเพื่อนแล้ว บทนางเอกเรื่องนี้ต้องมีการแคสติ้ง แล้วกรรมการแคสติ้งก็เข้มงวดแล้วก็ยุติธรรม”

“แต่ว่า……”

ชายหนุ่มเม้มปากเบาๆ “ผมกำลังคิดว่า อาสะใภ้เล็กจะเอาบทนี้ได้จริงหรอ?”

ยังไงแล้วซูซือเยว่ก็เคยเป็นแค่นักแสดงแทนการต่อสู้ศิลปะ ไม่เคยลองแม้แต่ถ่ายอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ

“เธอไม่มีปัญหา”

พอฉินโม่หานพันผ้าพันแผลเสร็จ ก็ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างสง่างาม “มีเรื่องอีก?”

“มี”

ปลายสายเงียบไปสักครู่ แล้วมีเสียงพูดอู้อี้ดังขึ้น “อาสะใภ้เล็กไปขอลั่วเยียนให้ช่วยเธอ แต่ไม่ได้ขออาเล็กเอง น่าจะยังไม่เชื่อถือหรือว่าสนิทกับอาเล็กมากพอสินะ……”

พอฉินหนานเซิงพูดจบ ไป๋ลั่วที่อยู่ในห้องรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอุณหภูมิภายในห้องนั้นต่ำลง

“เพราะอย่างนั้น ผมก็เลยเพิ่งไปเปิดบัญชีมา ผมกะจะแฝงตัวไปเป็นพนักงานในบริษัท”

ฉินโม่หานเอนหลังลงอย่างสง่างามและเกียจคร้านบนโซฟา “แล้ว?”

“แล้วแสร้งคอยช่วยเหลืออาสะใภ้เล็ก สุดท้ายพออาสะใภ้เล็กได้บทนี้ไป ค่อยบอกเธอว่า จริงๆแล้วอาเล็กเป็นคนช่วยเธอ”

“แบบนี้ความรู้สึกของอาสะใภ้เล็กที่มีต่ออาเล็ก……”

“ส่งบัญชีมา”

ขาคู่ยาวของชายหนุ่มไขว่ห้างกันอย่างสง่างาม มือใหญ่ที่นิ้วเรียวยาวยกแก้วไวน์ขึ้น ลิ้มรสรสชาติของไวน์ “ฉันจะเป็นคนติดต่อกับเธอโดยตรงเอง”

ฉินหนานเซิงที่อยู่ในสายตกใจ “แต่ว่าอาเล็ก……”

“ไม่อยากได้เงินค่าขนม?”

“ได้ครับอาเล็ก ผมจะส่งบัญชีให้อาตอนนี้เลยครับ!”

……

ฉินโม่หานล็อคอินบัญชีที่ฉินหนานเซิงส่งมา หน้ารายชื่อผู้ติดต่อมีรายการเพิ่มเพื่อนเด้งขึ้นมา

รูปโปรไฟล์เป็นรูปเซเลอร์มูน

โน้ตคือ : “สวัสดีค่ะ ดิฉันซูซือเยว่ค่ะ”

เขาจับโทรศัพท์ไว้ แล้วมองรูปโปรไฟล์ของซูซือเยว่ ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้แล้วยิ้มออกมา

ยัยบ๊องนี่ อายุยี่สิบสามแล้ว ทำตัวเหมือนยังเหมือนเด็กอายุสิบสาม

เขากดปุ่มยอมรับเพื่อน

ห้องถัดไปในโรงแรม ซูซือเยว่ที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง พิจารณาคำพูดอย่างระมัดระวัง “เชียนเชียน เธอว่าอาจารย์คนนี้เป็นคนนิสัยยังไง”

“ลั่วเยียนบอกว่าเขาก็ไม่ได้รู้จักอาจารย์คนนี้มาก แต่ได้ยินมาว่าอาจารย์คนนี้อารมณ์แปรปรวน……”

ใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือย้อยจนเหมือนซาลาเปาจิ๋ว “ถ้าหากฉันพูดอะไรไปแล้วทำให้เขาไม่พอใจหล่ะ เขาไม่ช่วยฉันแล้วจะทำยังไง?”

ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้วแล้วใช้ความคิด “งั้นก็ส่งสติ๊กเกอร์ให้เขาสิ พวกน้องแมวที่ไม่มีพิษมีภัยต่อมนุษย์ น่าจะกระชับความสัมพันธ์ได้ง่าย ไม่ทำให้รู้สึกน่ารำคาญด้วย”

ซูซือเยว่รู้สึกมีเหตุผลมาก

ท้ายสุดเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วส่งสติ๊กเกอร์รูปแมวน่าสงสารไปให้เขา

“ไป๋ลั่ว”

ภายในห้องถัดไป ชายหนุ่มโบกมือไปยังไป๋ลั่ว “หาแมวตัวนี้ให้ฉันหน่อย”

ไป๋ลั่ว:“……”

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ข้อมูลของแมวตัวนั้นถูกส่งเข้าคอมของไป๋ลั่ว

“นายครับ สิ่งที่นายหญิงส่งมา น่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ในตำนานนะครับ”

ฉินโม่หานเลิกคิ้วขึ้น “ส่งนี่มาหมายความว่าไง?”

ไป๋ลั่วส่ายหน้า สีหน้างุนงง

ผู้ชายสองคนที่ไม่เคยเล่นโซเชียลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาศึกษาอยู่นานพอสมควร แต่ก็ไม่เข้าใจว่าที่ซูซือเยว่ส่งมานั้นหมายความว่าไง

“ซิงหยุนกับคุณชายน้อยซิงเฉินสองคนน่าจะรู้นะครับ”

จากนั้นไป๋ลั่วก็เสนอความคิดที่ดูฉลาดขึ้นมา

และแล้ว ซิงหยุนและซิงเฉินที่อยู่เมืองหรงได้รับข้อความหนึ่งอย่างพร้อมกัน

เป็นข้อความสติ๊กเกอร์ที่แด๊ดดี้ฉินโม่หานของพวกเขาส่งมานั่นเอง

“พี่ครับ คนสุขุมอย่างแด๊ดดี๊ ทำไมวันนี้ถึงได้ส่งสติ๊กเกอร์มา?”

ซิงเฉินที่สีหน้าดีใจมองไปอย่างซิงหยุนแวบหนึ่ง “หรือว่าแด๊ดกับหม่ามี๊จะคบกันแล้ว?”

ซิงหยุนไม่สนใจเขา ยกโทรศัพท์ขึ้นแล้วส่งข้อความเสียงให้ฉินโม่หาน “ความหมายของสติ๊กเกอร์นี้คือ หม่ามี๊ก็คือแมวตัวเล็กที่น่าสงสารตัวนี้ แล้วกำลังใช้สายตาที่น่าสงสารมองมาที่แด๊ด หวังให้แด๊ดสนใจมี๊แป๊ปหนึ่ง”

เด็กน้อยพูดจบ แล้ววางโทรศัพท์ลง แล้วมองไปยังซิงเฉินอย่างนิ่งๆ

ซิงเฉินเบ้ปาก “นายดูถูกแด๊ดดี๊เกินไปแล้ว!”

“แด๊ดดี๊เป็นถึงคนที่รวยที่สุดในเมืองหรง เป็นผู้ชายที่เก่งที่สุดในเมืองหรง! ทำไมถึงไม่เข้าใจความหมายของสติ๊กเกอร์อันเล็กๆนี้?”

หลังจากที่พูดจบ ทั้งสองก็ได้รับสติ๊กเกอร์อีกอันจากฉินโม่หาน “แล้วนี่หมายถึงอะไร?”

ซิงเฉิน:“……”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท