สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 111 ผมหาป้ายหยกเจอภายในบ้าน

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

ในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลกลางของเมืองหรง

ลั่วเยียนนอนอยู่บนเตียงอย่างสงบนิ่ง ท่าทางอันสงบนิ่งราวกับการนอนหลับตามปกติธรรมดา

ฉินหนานเซิงคอยนั่งมองเธออยู่ข้างเตียงตลอดเวลา โดยที่ไม่ปริปากพูดสิ่งใดเลย

ซูสือเยว่ผลักประตูเดินเข้ามา

ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว

เมื่อครู่ซิงเฉินเพิ่งโทรศัพท์มาหาเธอแล้วบอกให้เธอกลับบ้าน ทว่าเธอยังไม่ได้รู้สึกอยากจะกลับไปเลยแม้แต่น้อย

ไม่อยากกลับบ้าน และก็ไม่อยากนอนหลับด้วย

เธอเองก็อยากที่จะนั่งเฝ้าอยู่ที่นี่ให้เหมือนกับฉินหนานเซิง

ถ้า ถ้าเกิดว่าลั่วเยียนเกิดฟื้นขึ้นมาในวินาทีนั้นล่ะ?

“อาสะใภ้เล็ก”

ฉินหนานเซิงนั่งหันหลังชนเธอ น้ำเสียงเข้มขรึม “คุณพูดออกมาหน่อยสิว่าผมเป็นคนสารเลวใช่ไหม”

สายตาของชายหนุ่มจับจ้องมองใบหน้าของลั่วเยียน “เมื่อคืนตอนที่คุณส่งข้อความมาหาผม ผมก็ควรไปหาพวกคุณ”

“ถ้าผมไปหาพวกคุณแล้ว… บางทีทั้งหมดก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก”

ซูสือเยว่เม้มปากเอาไว้ “เรื่องนี้ฉันเองก็ต้องออกมารับผิดชอบด้วย ….”

เธอไม่ควรเชื่อฟังคำพูดของผู้กำกับแล้วออกมาเลย

แม้ว่าเป้าหมายของซูโม่ก็คือเธอก็ตามที แต่ว่าคนของซูโม่ลักพาตัวเธอไป มันก็ดีกว่าการที่พาตัวลั่วเยียนไปด้วยซ้ำ!

ถึงอย่างไรเธอก็เคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวที่เจี่ยนเฉิงเคยสอนเธอเอาไว้

ส่วนลั่วเยียนนั้น ไม่มีอะไรสักอย่างเลย

เธอเป็นเพียงผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่งเท่านั้นเอง

“คนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดก็คือผมเอง”

ฉินหนานเซิงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ พลางยื่นมือออกไปกุมมือเย็นเฉียบของลั่วเยียนเอาไว้ “ผมไม่ควรจะใส่อารมณ์ และยังตัดขาดสายสัมพันธ์กับเธอด้วย”

“เธอชอบผม ผมเองก็รู้มาตลอด”

“แต่ผมก็แค่คิดว่าเธอเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น เพราะว่าเหตุผลบางอย่าง และผมก็ไม่ได้สายสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นเลย”

“ผู้หญิงข้างกายของผมมีเข้ามาไม่ขาดสายไม่ซ้ำหน้า ก็เพื่อทำให้เธอได้ตัดใจซะ”

เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำแหบพร่า “คุณว่า เธอสวยหยาดเยิ้มขนาดนี้ เฉลียวฉลาดขนาดนี้ แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการบันเทิง มีอนาคตอีกยาวไกล ทำไมต้องมามัวเสียเวลากับผู้ชายเจ้าชู้อย่างผมด้วย?”

ซูสือเยว่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว พลันใช้นิ้วมือจับแน่นชายเสื้ออย่างรุนแรง “ดังนั้นวันนี้คุณมาทำอะไร…”

“ผม”

ฉินหนานเซิงถอนหายใจ “อีกไม่กี่วันก็วันเกิดของเธอแล้ว เธอถามผมว่าสามารถกลับบ้านเกิดเป็นเพื่อนเธอ เพื่อไปพบญาติเธอได้ไหม”

“เธอยังพูดว่าคนที่บ้านของเธอนั้นอยากจะเจอหน้าผมมานานโขแล้ว”

“ผมรู้ดีว่า เธอยังคงไม่ยอมล้มเลิกกับผม”

เขาหลับตาลง ในเบ้าตาพลันปรากฏภาพเมื่อตอนบ่ายขึ้นมา ดวงตาของลั่วเยียนปรากฏดวงตาอันแสนหมดเปี่ยมล้น

“ผมได้บอกเธอแล้ว ว่าผมต้องการใช้เธอให้เป็นประโยชน์มาโดยตลอด”

“ผมได้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์เหลยถิงขึ้นมา แต่ไม่ใช่เพราะว่าเป็นการประกาศศักยภาพของผมให้คนในครอบครัวเห็นหรอก แต่เป็นเพราะผมนั้นอยากหาเงินไปตามจีบสาวๆ”

“ส่วนเธอนั้นก็แค่เครื่องมือในการหาเงินเท่านั้นเอง หลายปีที่ผ่านมานี้ผมเอาแต่ตามหยอดเธอมาตลอด ทำตัวสนิทสนมบ้างเหินห่างบ้าง ความจริงแล้วก็แค่อยากให้เธอได้ทำอะไรให้ผมเยอะๆ และตักตวงเงินมาให้ผมมากขึ้น”

“ผมยังพูดว่า…”

“ยังพูดว่าผมหาเงินได้พอแล้ว อีกไม่กี่วันจะไปขอผู้หญิงที่ผมชอบแต่งงาน”

“เธอยังอยากจะอยู่ต่อเพื่อหาเงินให้เข้ากระเป๋าผมเยอะๆ ผมก็ย่อมยินดีเต็มที่ ถ้าไม่ยินยอม ไม่งั้นก็ต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญา ถึงอย่างไรตอนที่เธอเซ็นสัญญากับผมนั้น พนักงานเข้ามาใหม่เงินเดือนก็แค่สองพันหยวนเอง แต่ชดใช้ค่าเสียหายนั้นแตะไปที่หลายแสน”

ฉินหนานเซิงยิ้มอย่างขมขื่น นัยน์ตาปรากฏตอนที่ลั่วเยียนกำลังยืนหลั่งน้ำตาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน

ต่อจากนั้น เธอยิ้มแล้ว

“แบบนี้เอง”

เธอยืนอยู่ด้านหน้าของเธอ พลันเผยรอยยิ้มอันแจ่มใสออกมา “เช่นนั้นฉันเองยังต้องขอบคุณ คุณฉินที่มีบุญคุณล้นเหลืออบรมสั่งสอนมาตั้งหลายปี เพราะถ้าไม่มีคุณ ก็คงไม่มีลั่วเยียนในเวลานี้”

“ในปีนั้นที่สถานีโทรทัศน์เหลยถิงมีเพียงฉันที่เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงอยู่คนเดียว ฉันได้ต่อสู้สมบุกสมบันเพื่อคุณฉิน ไม่ลังเลกับข่าวเสียหายต่างๆ นานา เพื่อเขยิบตัวเองให้มีหน้ามีตาขึ้นมา ก็เพื่อให้คุณฉินไม่ได้โดนพ่อแม่คอยพูดพร่ำเสมอว่าเป็นคนไม่ได้เรื่องได้ราว”

“แม้ว่าผมจะโกหกคุณก็ตาม แต่ว่าผมก็เคยสัญญากับคุณเอาไว้ ผมทำได้แล้ว”

“เงินชดใช้ค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญาผมจะโอนเข้าบัญชีของคุณ”

“ขอบคุณคุณฉินที่ยอมปล่อยให้ฉันได้โบยบินอิสระในงานของฉัน บุญคุณเรื่องนี้ฉันจะจดจำฝังใจ”

“รอจนวันที่คุณฉินแต่งงาน ลั่วเยียนก็ได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้คุณ”

จนสุดท้ายเธอขบฟันแน่นตอนที่จ้องมองมาทางเขา “ฉินหนานเซิง ขอให้คุณไม่มีความสุขตลอดไป”

……

ฉินหนานเซิงกุมมือลั่วเยียนเอาไว้

เขาคิดว่าในสิ่งที่ตนเองทำลงไปทั้งหมด ก็เพื่อตัวเธอเอง

ทว่าไม่คิดเลยว่า เขาเองที่เป็นคนผลักเธอลงหุบเหวไปอีกฝั่งหนึ่ง

เธอเป็นผู้หญิงที่มีความเคารพตนเองมาก เรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ต่อไปก็ยังคงทิ้งเงาความมืดหม่นไว้ให้เธอตลอด

กระทั่งเข้ารู้สึกว่า หลังจากคืนนี้แล้ว เธอก็จะไม่ยอมรับผู้ชายคนไหนอีกแล้ว

เพราะทุกอย่างที่เป็นเธอก็เพราะเขาเป็นคนจุดประกายขึ้นมา เช่นนั้นเขาก็ควรรับผิดชอบเธอ

เธอไม่ได้รับความสุข เขาก็จะให้เธอ

ความสุขของเขา…

ในทางกลับกันเขาก็ไม่มีความสุขมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ฉันยังมีอีกคำถามหนึ่ง”

ซูสือเยว่เม้มปากเอาไว้ พลันนั่งลงด้านข้างของฉินหนานเซิง “คุณไม่ได้ชอบลั่วเยียนจริงๆ เหรอ?”

ไม่จำเป็นแล้วแหละ

ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้รู้จักกับฉินหนานเซิง ผู้ชายคนนี้ตอนที่พูดถึงลั่วเยียน นัยน์ดวงตาพลันปรากฏรอยยิ้มทุกครั้งในดวงตา

ดวงตาและนิสัยใจคอมิอาจหลอกลวงได้

“ไม่ชอบ”

ฉินหนานเซิงตอบกลับเธออย่างเย็นชา “ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

ซูสือเยว่เม้มปาก

เธอไม่คิดว่าฉินหนานเซิงจะปฏิเสธตีหน้าตายพลันตอบคำถามออกมาแบบนี้

ชั่วครู่ หญิงสาวลูดลมหายใจเข้าออก และพยายามปรับน้ำเสียงให้ผ่อนคลายลง “ทั้งๆ ที่คุณไม่ชอบลั่วเยียน ถึงแม้ว่าคุณขอเธอแต่งงาน เธอเองก็ไม่มีความสุข”

“คุณไม่สบายใจหรือเปล่า”

ฉินหนานเซิงแสยะยิ้มให้อย่างเย็นชา พลันเงยหน้าขึ้นแต่ไม่มีแววตาจ้องมองเขา “งั้นคุณล่ะ อาสะใภ้เล็ก”

“ตอนที่คุณแต่งงานกับคุณอาเล็กของผม ชอบเขาหรือเปล่า? แล้วอาเล็กของผมชอบคุณตอบหรือเปล่า?”

“ถ้าจำไม่ผิด ตอนที่คุณแต่งกับอาเล็กของผม พวกคุณยังไม่เคยเจอหน้ากันอย่างเป็นทางการเลย คุณยังเสียใจให้กับแฟนเก่าของคุณอยู่เลย”

“ตอนนี้คุณยังรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ไหม?”

ปัญหาของเขามันล่อแหลมเหลือเกิน ในเวลานั้นซูสือเยว่ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี

ชั่วครู่ เธอถอนหายใจ “ฉันเคารพในการตัดสินใจของคุณ”

ชีวิตของคนเราต่างมีทางเลือกเดินของแต่ละคน เธอมิอาจจะเห็นอกเห็นใจกับคนอื่น และก็มิอาจรบกวนชีวิตของพวกเขาเช่นกัน

แต่ว่า เธอก็ทำได้ในสิ่งที่ตนเองสามารถทำได้เท่านั้น

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออก พลันผลักประตูออกไป

ทางเดินนอกประตูห้อง ฉินโม่หานกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

“อืม ได้”

เมื่อเห็นเธอออกมาแล้ว ชายหนุ่มก็วางสายโทรศัพท์ทันที พลันเงยหน้ามองเธอ “เย่เชียนจิ่วไปต่างประเทศแล้ว”

“ไปต่างประเทศแล้ว?”

“อืม พูดว่าไปร่วมงานนิทรรศการสักอย่างที่ต่างประเทศ”

ฉินโม่หานเอ่ยขึ้นมาพลันขมวดคิ้วเข้าหากันและพูดอย่างราบเรียบ “เธอเดินทางไปเร็วเหลือเกิน คนของผมขัดขวางไม่ทัน”

“เมื่อครู่ทางฝั่งไป๋ลั่วได้ตรวจสอบแล้ว ตอนที่ผมไปหาซูโม่ที่คฤหาสน์ซู เธออยู่ที่สนามบินแล้ว”

เขาถอนหายใจ “น่าจะเป็นเพราะว่าไปได้ยินอะไรมา เลยจงใจเดินทางไป”

พูดจบ เขาก็ก้มหน้าก้มตาเหลือบตามองซูสือเยว่อยู่สักครั้ง “แต่ว่าถึงว่าเธอจะอยู่ในประเทศก็ตาม พวกเราก็ไม่ได้ความมากมายอะไรอยู่ดี”

“เธอคนคนนี้เป็นคนที่ระมัดระวังอยู่ตลอด ตอนที่อยู่หน้าประตูโรงแรมและพูดคุยคำพวกนั้นกับคุณไป ที่ไม่อาจจะยื่นมือเข้าไปช่วยทำเรื่องนั้น แม้ว่าหลังจากที่พวกเราได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดนั้นซูโม่เป็นคนรับผิดชอบ”

“เธอก็แค่ผู้สนับสนุนคนหนึ่ง”

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากเอาไว้ ความจริงแล้วเธอก็คงคิดถึงผลลัพธ์ทั้งหมดไว้แล้ว

ดูจากคืนนี้ตั้งแต่ที่ซูโม่ได้เอาอกเอาใจเย่เชียนจิ่ว เธอนั้นได้วางแผนเป็นตัวตั้งตัวตีเอาใจเย่เชียนจิ่วไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น โทรศัพท์ของเธอพลันส่งเสียงดังขึ้นมา

ซูจิ่นเฉิงเป็นคนโทรศัพท์เข้ามาหา

“สือเยว่”

น้ำเสียงปลายสายของซูจิ่นเฉิงปะปนน้ำเสียงแกมขอร้องอยู่เล็กน้อย “แกกลับมาบ้านหน่อย พ่อมีเรื่องต้องคุยกับแก”

ซูสือเยว่เงยหน้าจ้องมองนาฬิกา มันห่างจากเวลาที่ซูโม่จะโดนจับอีกสองชั่วโมง

ซูจิ่นเฉิงมาตามหาตัวเธอตอนนี้เนี่ยนะ น่าจะลองใช้วิธีต่างๆ นานาก็ยังไม่สามารถควานหาซูโม่ได้ เลยนึกถึงเธอขึ้นมา

หญิงสาวกระตุกรอยยิ้มอย่างราบเรียบ “คุณซูมีเรื่องก็พูดออกมาตรงๆ เลย”

เธอปฏิเสธในความเป็น “พ่อ” ของเธอเอง

ซูจิ่นเฉิงเงียบขรึมอยู่ชั่วครู่

สักพัก เขาก็อ้าปากพูดอย่างเย็นชา “ฉันหาป้ายหยกชิ้นหนึ่งเจอในบ้าน”

“เหมือนว่าตอนที่แกอยู่ที่บ้านก่อนหน้านี้ทำหล่นเอาไว้ โม่โม่พูดว่าแม่ของแกทิ้งสิ่งของเอาไว้ให้ แกยังจะเอาอยู่ไหม”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท