สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 159 ทำไมต้องแก่งแย่งกับท่านชายฉินด้วย

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเป็นเคอะเขินขึ้นมาเล็กน้อย

ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้ว เหลือบมองไปยังฉินโม่หานอย่างเย็นยะเยือก พลันกุมมือของซูสือเยว่เอาไว้ “แกบอกว่าเขาไม่ชอบแกไม่ใช่เหรอ”

“ใช่!”

ซูสือเยว่ที่ดื่มจนเมาแอ๋ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกมาหมด “เขาไม่ชอบฉัน”

“ในใจของเขา ฉันไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!”

ฉินโม่หานหรี่ตามอง ไม่พูดอะไร

เสียงกระซิบกระซาบของบรรดานักแสดงดังขึ้นโดยรอบ

“เมื่อวานท่านชายฉินเพิ่งจะประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่หรือ”

“ไม่ใช่บอกว่าเพราะไม่อยากเห็นซูสือเยว่ไปจูบกับผู้ชายอื่น จึงไปแสดงบทจูบแทนเหรอ”

“ใช่แล้ว การสารภาพรักนั้นเรียกว่าทำฉันอิจฉาตาร้อนแทบตาย ฉันคิดว่าซูสือเยว่จะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดในโลกซะอีก ตอนนี้ทำไม….”

“โอ๊ย เรื่องบุญคุณความแค้นรักแรงเกลียดแรงของคนรวยเขา คนธรรมดาทั่วไปอย่างพวกเราจะไปเข้าใจได้ยังไงกัน เนี่ยที่เขาบอกว่าผลตอบแทนยิ่งมากความเสี่ยงก็ยิ่งสูง….”

“คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าผู้ชายที่มีสถานะแบบนี้อย่างท่านชายฉิน จะกลับชอบบุคลิกผู้ชายที่มีความรักลึกซึ้งประเภทนี้”

……

เสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ ทำให้คิ้วของฟู๋เชียนเชียนหน้านิ่วคิ้วขมวดมากยิ่งขึ้น

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โอบไหล่ของซูสือเยว่ไว้ “สือเยว่ ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว แกก็พูดมาให้หมดเลย ว่าตกลงฉินโม่หานเขาคิดยังไงกับแกกันแน่”

“ถ้าเขาไม่ชอบแกจริง ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์ของเขา”

เมื่อวันก่อนยังพูดต่อหน้าคนทุกคนว่าเขาชอบซูสือเยว่มากแค่ไหน วันต่อมาก็ทำให้ซูสือเยว่ได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจจนต้องมาดื่มเหล้าด้วยความกลุ้มใจ!

เรื่องแบบนี้ เพื่อนสนิทไม่ช่วยออกหน้าแทนเธอ แล้วจะให้ใครออกหน้าแทนเธอหรือ

เมื่อฟู๋เชียนเชียนพูดประโยคนี้ออกไป ทั้งห้องรับรองก็เงียบลงทันที

ทุกคนแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเงี่ยหูฟังขึ้นมา กลัวว่าจะพลาดไปสักคำ เพื่อจะฟังคำซุบซิบนินทาให้น้อยลง

ซูสือเยว่เบะปากอย่างน้อยอกน้อยใจ “เขาดีต่อฉันมากนะ’

“ฉันเติบโตมาขนาดนี้ เขาเป็นผู้ชายที่ดีกับฉันมากที่สุด ดีกว่าพ่อแท้ๆ และพ่อเลี้ยงฉันเสียอีก”

“แต่ว่า…”

หญิงสาวเศร้าหมอง “ในใจของเขา ฉันไม่ได้เป็นคนที่สำคัญที่สุดคนนั้น”

“เชียนเชียน….”

หญิงสาวที่ดื่มจนเมาไม่ได้สัมผัสถึงสายตาและสภาพแวดล้อมรอบตัว

เธอคิดว่าตนเองอยู่ในบ้านของฟู๋เชียนเชียน และนั่งอยู่บนโซฟาของฟู๋เชียนเชียน

ดังนั้นเธอจึงผ่อนคลาย ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมาต่อฟู๋เชียนเชียน

“ฉันก็รู้นะ ว่าฉันมาปรากฏในชีวิตของเขาช้ากว่าของคนอื่น ผู้หญิงคนนั้นแม้แต่ชีวิต ยังยอมสละเพื่อเขาได้เลย”

“ในใจเขาเธอสำคัญที่สุด ฉันก็เข้าใจได้”

“เขาให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาเป็นผู้ชายที่ดี”

“แต่ฉันก็ไม่สบายใจนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากจะเป็นคนเดียวในหัวใจของสามีตนเองหรอก”

“ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัว….แต่ฉันก็ควบคุมไม่ได้……”

หญิงสาวซบลงบนบ่าของฟู๋เชียนเชียน น้ำตาซึมเปียกเสื้อผ้าของฟู๋เชียนเชียน “ทำไมคนที่รู้จักเขาเมื่อห้าปีก่อนไม่ใช่ฉัน”

“ทำไมเมื่อห้าปีก่อนฉันถึงไม่ได้พบกับเขา”

เสียงสะอึกสะอื้นของเธอทำให้แววตาของฉินโม่หานลึกล้ำขึ้นมา

เขาลุกขึ้นเดินมา รับร่างหญิงสาวที่ซบลงบนบ่าของฟู๋เชียนเชียนเบาๆ

“ทำไมฉันถึงเป็นคนนั้นที่มาเจอเขาทีหลัง…..”

“ตอนแรกฉันไม่ควรชอบเซี่ยงหวั่นฉิงเพียงเพราะเฉิงเซวียนเคยช่วยฉันเอาไว้ ไม่ควรเป็นเพื่อนกับเซี่ยงหวั่นฉิง หนำซ้ำยิ่งไม่ควรจะตอบตกลงทำเรื่องนั้นให้พวกเขา…

เธอสะอึกสะอื้นและพาดตัวบนไหล่ของฉินโม่หาน “ถ้าฉันไม่รับปากซูโม่ก็ดี….ฉันก็ไม่ต้องรู้จักฉินโม่หาน ตอนนี้ก็ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานขนาดนี้”

ชายหนุ่มที่กอดเธออยู่ค่อยๆ กระชับแขนแน่นขึ้น

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าในใจเธอ คิดเช่นนี้

ที่ผ่านมา เขาคิดมาตลอดว่า ความรู้สึกไม่ใช่แค่คำพูดไม่กี่คำก็สามารถตัดสินได้ว่าลึกซึ้งหรือฉาบฉวย

เขาคิดว่า ขอแค่เขาดีต่อเธอ เธอก็จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกในใจของเขา

แต่แท้จริงแล้ว เขายิ่งดีต่อเธอเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

ภาพตรงหน้านี้มันช่างทิ่มแทงตามากเกินไปจริงๆ

จี้หนานเฟิงขมวดคิ้ว หมุนตัวเดินออกมาจากห้องด้วยความรำคาญเล็กน้อย

เหลียงหยูซินกลอกตา รีบเดินตามออกไป

เมื่อก่อน ขอแค่จี้หนานเฟิงปรากฏตัว ฟู๋เชียนเชียนก็จะไม่ละสายตาไปจากเขา

แต่ตอนนี้ ขนาดจี้หนานเฟิงเดินไปแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัว

หญิงสาวกัดริมฝีปาก สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของฉินโม่หาน

ผู้ชายคนนี้….คล้ายกับว่าจะไม่เหมือนกับที่ซูสือเยว่บอกไว้อย่างนั้นเลย ไม่ได้ชอบเธอมากพอ

เธอลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดกล้องบันทึกวิดีโอ

ซูสือเยว่ยังคงแนบชิดอยู่กับร่างของฉินโม่หานพลางพึมพำถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของเธอ

แต่เสียงของเธอเบาขึ้นเรื่อยๆ อ่อนแรงลงเรื่อยๆ

สุดท้ายก็หลับไปในอ้อมกอดเขา

“ฉินโม่หาน”

วินาทีที่ชายหนุ่มอุ้มซูสือเยว่ลุกขึ้นมานั้น ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้วลุกขึ้นมาขวางเขาเอาไว้ “ตอบคำถามฉันข้อหนึ่งได้มั้ยคะ”

ฉินโม่หานหยุดชะงัก นัยน์ตาลึกล้ำที่มองไม่เห็นก้นบึ้งคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่เธอ “ว่ามา”

“เมื่อกี้สือเยว่บอกว่า คุณเป็นคนใส่ใจกับความรู้สึก”

“ฉันก็เชื่อว่าคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก ผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับคุณมากในตอนนั้น คุณไม่อาจลืมเธอได้ง่ายๆ ฉันก็เข้าใจ”

“แต่ว่า คุณบอกฉันได้ไหมว่า ในใจของคุณซูสือเยว่กับผู้หญิงคนนั้น ตกลงว่าใครสำคัญกว่ากัน?”

ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นยิ้มอ่อนๆ “สำคัญทั้งคู่”

ฟู๋เชียนเชียนยังคงขวางอยู่ด้านหน้าเขา “คุณรู้ว่าคำตอบที่ฉันต้องการไม่ใช่คำตอบนี้”

“ผมก็ไม่แน่ใจ”

ฉินโม่หานขมวดคิ้ว “ในเมื่อพวกเธอก็ไม่ได้อยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และก็ไม่เคยปรากฏตัวข้างกายผมพร้อมกันมาก่อน ผมจึงไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าใครสำคัญกว่ากัน”

“แต่ผมรับประกันได้ว่า”

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนกำลังสาบานว่า “สำหรับในใจผม สถานะของซูสือเยว่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินเชี่ยน”

พูดจบ เขาก็อุ้มซูสือเยว่อ้อมอย่างอ่อนโยนเดินอ้อมผ่านฟู๋เชียนเชียน และจากไป

ฟู๋เชียนเชียนยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่ได้สติอยู่พักใหญ่

“ทุกท่าน”

หลังจากที่ฉินโม่หานจากไปแล้ว ไป๋ลั่วก็เดินเข้ามาจากด้านนอก “คุณชายของผมแจ้งว่า ทุกท่านในวันนี้เป็นนักแสดงที่ลงทะเบียนไว้กับทีมงานกองถ่าย”

“ถ้าหลังจากพรุ่งนี้ทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนั้นตระกูลฉินของพวกเราก็จะรับประกันว่า นักแสดงทุกคนในกองถ่ายจะเจริญก้าวหน้า”

“แต่ถ้ามีวันหนึ่ง เรื่องในวันนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมา เช่นนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนตำแหน่งอะไร ก็จะหมดหนทางก้าวหน้า มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น”

“ได้โปรดเชื่อว่าตระกูลฉินของพวกเรามีความสามารถที่ดึงรั้งทุกท่านขึ้นมา และก็ยิ่งมีความสามารถที่ผลักลงไปจากแท่นบูชา”

บรรดานักแสดงภายในห้องมองหน้ากัน มองกันไปมา ล้วนไม่กล้าพูดอะไร

ที่เมืองหรง ตระกูลฉินมีความยิ่งใหญ่ ตระกูลฉินมีอำนาจเหนือใคร

ฉินโม่หานก็คือประมุขของอาณาจักรตระกูลฉินนี้ ประมุขที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุด

เขาเก่งกาจมากแค่ไหน ลึกลับมากเท่าไหร่หรือ?

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของซูสือเยว่ถูกแฉออกมา คนเมืองหรง 99% ต่างก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้หน้าเป็นอย่างไร!

ผ่านไปพักใหญ่ มีคนผู้หนึ่งท่ามกลางฝูงชนเอ่ยปากอย่างตัวสั่นงันงกว่า “ท่านชายฉินได้โปรดวางใจ จะ…จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องในคืนนี้ออกไปแน่นอนครับ”

พอเขาพูดประโยคนี้ออกไป ทั่วทั้งห้องก็มีเสียงรับประกันดังขึ้นระงม

……

ปลายสุดทางเดินระเบียงของโรงแรม หน้าต่างถูกเปิดอยู่

ลมเย็นยะเยือกในยามค่ำคืนพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง เหลียงหยูซินมองภาพฉินโม่หานที่อุ้มซูสือเยว่ขึ้นรถที่ชั้นล่าง มุมปากก็กระตุกเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ “เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงจี้ คุณดูสิว่าคนเขารักกันขนาดไหน”

“ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างคุณ อยากจะหาผู้หญิงแบบไหนหาไม่ได้เหรอ ทำไมต้องแย่งชิงกับท่านชายฉิน”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท