สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 221 Good Morning kiss

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซูสือเยว่ถูกฟู๋เชียนเชียนปลุกให้ตื่น

“ตื่นได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ฉันจะเริ่มสอนแกทำอาหารแล้ว เริ่มตั้งแต่อาหารเช้าเลย!”

ซูสือเยว่หาวไปด้วยพร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าลงจากเตียง “ทำไมแกถึงได้มีชีวิตชีวาแบบนี้ล่ะ?”

เมื่อคืนนี้พวกเธอสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกันนอนคุยกันเรื่องชีวิตกันอยู่ทั้งคืนเหมือนเมื่อก่อน พูดถึงเรื่องอุดมคติ เรื่องความรัก

สมองของซูสือเยว่ในเวลานี้มึนงงอยู่ ดูจากสภาพแล้วคือยังไม่งัวเงียอยู่

แต่ว่าความมีชีวิตชีวาของฟู๋เชียนเชียนราวกับสามารถออกไปวิ่งได้สองรอบ

“เพราะว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ มันทำให้มีพละกำลังนะสิ!”

ดวงตาของฟู๋เชียนเชียนทอประกาย “สองล้านนะ สือเยว่!”

“เพื่อเงินสองล้าน สู้โว้ย!”

เมื่อพูดจบ หญิงสาวฉุดกระชากลากถูซูสือเยว่ให้ลงไปชั้นล่าง

ซูสือเยว่เหลือบตามองหญิงสาวที่วุ่นวายพาตัวเธอมายังห้องครัว พลางถอนหายใจออก

“สือเยว่ อย่ายืนเอ๋ออยู่สิ รีบมาช่วยฉันตอกไข่ไก่หน่อย!”

ฟู๋เชียนเชียนเลิกคิ้วและเริ่มออกคำสั่ง

ซูสือเยว่พยักหน้า พลันหาไข่ไก่ในตู้เย็นรอบหนึ่งก็ยังหาไม่เจอ

“น่าจะลืมหยิบมาวางไว้หน้าประตูบ้านนั่นแหละ!”

ฟู๋เชียนเชียนตบหน้าผาก “แกลองไปหาดูตรงประตูทางเดินตรงนั้นนะ”

ซูสือเยว่เบะปาก จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินไปถึงทางเดิน แถมยังหาไข่ไก่เจอจากบนตู้ตรงทางเดินจริงๆ

เธอถือไข่ไก่เอาไว้ ตอนที่อยากจะเดินเข้าห้องครัวนั้น ก็เห็นฉินโม่หานที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบน

เขาใส่ชุดสีดำทั้งชุด รูปร่างสูงใหญ่สันทัด ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาจองหอง ทั้งตัวดูสง่างามหล่อเหลาอย่างเฉยเมยเป็นตัวของตัวเอง

เขาเดินลงมา พลันก้มหน้าก้มตาติดกระดุม

ราวกับสัมผัสถึงสายตาของเธอได้ ชายหนุ่มค่อยๆ เงยศีรษะสบตากัน

สายตาของซูสือเยว่เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง สายตาของชายหนุ่มมีแต่รอยยิ้มให้อย่างเต็มเปี่ยม

เขาสาวเท้าก้าวเดินมาอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ ลมหายใจอันสดชื่นที่อยู่บนตัวปกคลุมรอบตัวเธอ “ตื่นเช้าขนาดนี้เชียว?”

การเผชิญหน้ากับน้ำเสียงทุ้มต่ำและใบหน้าหล่อเหลาของเขา ทำให้วินาทีนั้นซูสือเยว่พลันรู้สึกว่าน้ำเสียงของตนเองเริ่มอึกอักเล็กน้อย

เธอสูดลมหายใจลึกๆ พลันพยักหน้า “อืม เชียนเชียนปลุกฉันให้ลุกขึ้นมาทำกับข้าวกับเธอ เธอสอนฉันทำ”

“ดีมาก”

ชายหนุ่มยิ้มให้พลันยกมือขึ้น จากนั้นหยิบปอยผมที่อยู่ด้านข้างทัดหลังใบหู “ตั้งใจเรียนกับเธอนะ”

“งั้นคุณล่ะ?”

เมื่อเห็นว่าเขาก้าวเท้าเตรียมจะเดินออก ซูสือเยว่คว้าจับชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้ทันที พลันเอ่ยปากถาม “คุณ …ไม่กินข้าวเช้าที่บ้านเหรอ?”

“ไม่ล่ะ”

ชายหนุ่มค่อยๆ จับมือของเธอเอาไว้ “ทางบริษัทค่อนข้างยุ่งหน่อย”

“ผมไม่ได้มาทางนี้ห้าปีแล้ว มีเรื่องที่จำเป็นต้องเข้าไปจัดการอีกมาก”

พูดจบ มือของเขาที่กุมมือเธอเอาไว้ค่อยๆ จับแน่น “คุณกับลูกๆ ก็อยู่ที่บ้านดีๆ นะ”

“เรื่องบริษัทของผมอาจจะต้องยุ่งจนถึงเวลาดึกมาก คงกลับมากินข้าวเที่ยงไม่ทัน ส่วนกลางคืนอาจจะไม่กลับมา”

กลางฝ่ามือของชายหนุ่มร้อนผ่าว ร้อนรุ่มจนใบหน้าของซูสือเยว่แดงแจ๋

ชั่วครู่ เขาก็ปล่อยมือของเธอออก พลันก้าวเท้าเดินไปถึงตรงทางเดินตรงนั้น จากนั้นก็หยิบเสื้อโค้ตขึ้นมาให้ และเริ่มเปลี่ยนรองเท้า

ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นการกระทำอันสง่างามของเขา หัวใจผุดความรู้สึกต่างๆ เข้ามา

จนในวินาที่สุดท้าย ตอนที่เขากำลังผลักประตูเพื่อออกไปนั้น หญิงสาวก็รีบพุ่งตัวเข้าหา จากนั้นก็จับมือของฉินโม่หานเอาไว้อีกครั้ง

“ทำไมเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าเธอคว้าจับตนเองอีกครั้ง ฉินโม่หานค่อยๆ ยิ้มให้ พลางยื่นมือลูบคลำศีรษะของเธอ “ขาดผมไม่ได้เหรอ?”

คำถามของชายหนุ่มนี้ ทำให้ใบหน้าของซูสือเยว่แดงหนักขึ้นกว่าเก่า

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันเงยหน้าจ้องมองดวงตาอันไร้ความรู้สึกของเขาคู่นั้นเอาไว้ “มี…มีเรื่องยังไม่ได้ทำ”

ฉินโม่หานขมวดคิ้วมองเธอ “อะไรล่ะ?”

“นี่ไง”

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พลันเขย่งปลายเท้าขึ้น จากนั้นก็จุมพิตลงบนริมฝีปากของฉินโม่หานอย่างแผ่วเบา

หลังจากจูบเขาแล้ว เธอรู้สึกเหมือนว่าถูกไฟช็อต สัญชาตญาณถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ยิ้มและเอนศีรษะมองเขา “Good morning Kissค่ะ”

พูดจบ เธอก็โบกมือให้เขา “เดินทางปลอดภัยนะ!”

หญิงสาวหันตัวออก และเดินถือไข่ไก่ เดินจ้ำอ้าวแทรกตัวเข้าไปในห้องครัวทันที

ส่วนฉินโม่หานได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นแผ่นหลังอันเรียวบางของเธอแล้ว จิตใต้สำนึกพลันเอื้อมมือขึ้นมา เพื่อลูบคลำริมฝีปากของตนเองทันที

ในที่สุด ชายหนุ่มได้แต่ฉีกยิ้มออกเล็กน้อย

ตั้งแต่ออกมาจากวิลล่า ตลอดทาง อารมณ์ของเขาไม่เลวเลยทีเดียว

เขาเริ่มรู้สึกว่า หลังจากที่ซูสือเยว่สูญเสียความทรงจำไปนั้น อ่อนโยนมากกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ

“นี่ต้องเป็นความรู้สึกคิดผิดของท่านแน่ๆ”

ไป๋ลั่วก็ขับรถไป พร้อมทั้งสรุปอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้หมอหานหยุนพูดออกมาว่า จนเขาเกือบถูกคุณนายฆ่ารัดคอตาย”

“ผู้ดูแลบ้านเสิ่นเองก็ยังเคยถูกคุณนายทำร้าย”

“ก่อนหน้าที่คุณนายจะเจอกับคุณนั้น ตอนที่ถูกพวกเราจับมัดไว้ก็ต่อสู้อย่างหนักหน่วง แถมด่าคนจนเสียๆ หายๆ อีก!”

“แต่คุณกลับมาพูดว่าเธอช่างอ่อนโยน!”

“ต้องเป็นเพราะว่าในสายตาของคนรักอะไรก็สวยงามไปหมด คงเป็นเพราะว่าความรู้สึกของตัวคุณเองรู้สึกผิดพลาดไป!”

ฉินโม่หานหัวเราะอยู่เบาๆ จากนั้นก็ชูมือขึ้นมาลูบคลำบริเวณใต้คางของตนเอง “งั้นคุณพูดมา อาจจะเป็นไปได้ไหมว่า…”

“เธอแค่อ่อนโยนกับผมเท่านั้น?”

ไป๋ลั่วตกใจทันที

“อาจ…อาจจะเป็นไปได้”

“งั้นก็ดีมาก”

ฉินโม่หานฉีกยิ้ม พร้อมทั้งหวนรำลึกถึงการจูบเมื่อเช้านี้ “ถ้าเธออ่อนโยนกับผมเพียงคนเดียว…”

“เช่นนั้นจี้หนานเฟิงยังจะมีสิทธิ์อะไรที่เป็นศัตรูหัวใจของผมอีกเล่า?”

ไป๋ลั่ว “…”

ราวกับตรรกะนี้มันไม่สามารถตอบโต้ได้เลย

“ช่วงนี้อย่าเพิ่งไปเร่งรัดหานหยุนเลย”

ชายหนุ่มเงียบขรึมไปชั่วครู่ พร้อมทั้งออกคำสั่งด้วยเสียงปกติ

“ครับ…”

เมื่อพูดเรื่องซูสือเยว่จบแล้ว ฉินโม่หานก็หยิบเอกสารขึ้นมา พร้อมทั้งเริ่มศึกษามาตรการรับมือที่อยู่ด้านใน

“พวกเราจำเป็นต้องเตรียมการสักระยะ”

นัยน์ตาหลุบต่ำของฉินโม่หาน จ้องมองเอกสารที่อยู่ในมือด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้หลายปี ชวงซิงกรุ๊ปปล่อยให้LYกรุ๊ปนั้นพัฒนาจนทิ้งช่วงห่างไปมาก”

“ตอนนี้ต้องการจะให้ช่องว่างในการเจริญเติบโตนั้นหดตัวลง ไม่ใช่ว่าระยะอันสั้นก็สามารถทำได้”

“ถ้าวู่วามเข้าไปแหวกหญ้าให้งูตื่น ได้ไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป ช้าเกินไปตระกูลเจี่ยนก็รอไม่ไหวอีก”

พูดจบ เขาก็พลิกเปิดเอกสารเหล่านั้นต่อ พลันสรุปอย่างเฉยเมย “หนึ่งสัปดาห์”

“หลังจากหนึ่งสัปดาห์ไปแล้ว ผมต้องการให้ LYกรุ๊ปหายวับไปจากโลกใบนี้”

ไป๋ลั่วเริ่มต่อสู้ในสงครามเย็น

คนอื่นพูดว่าจะให้บริษัทระดับยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างLYกรุ๊ปหายวับไปจากโลกใบนี้ ไป๋ลั่วรู้สึกว่าก็อีกฝ่ายพูดโม้ไปเรื่อยเปื่อย

แต่ถ้ามันหลุดออกมาจากปากของฉินโม่หานแล้ว…

เขาได้แต่เป็นห่วงจนต้องปาดเหงื่อแทนให้กับLYกรุ๊ป

หลังจากเงียบไปนานพอควร ไป๋ลั่วก็กระแอมออกมา “คุณท่าน อยากจะลงมือถอนรากถอนโคนให้สิ้นซากขนาดนี้จริงๆ เหรอ?”

“ฉินหลิงยี่…เขาเป็นพี่รองของคุณ คุณทำแบบนี้ … มันไม่ค่อยดีหรือเปล่า?”

ฉินโม่หานกวาดตามองไป๋ลั่วอย่างเย็นชา “ตอนที่เขาร่วมมือกับเย่เชียนจิ่วทำร้ายผู้หญิงของผมนั้น ทำไมไม่รู้สึกว่าไม่ค่อยดีบ้างล่ะ?”

“ตอนที่เขาด่าผมว่าเป็นไอ้สารเลวต่อหน้าฉินหนานเซิง น่าจะคิดได้ว่าจะต้องตั้งรับกับผลลัพธ์ที่มายั่วโมโหของผมได้อย่างไร”

คำพูดของเขานั้นพูดอย่างเย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

บรรยากาศในรถยนต์พลันลดระดับลงจนแตะไปถึงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง

ไป๋ลั่วรีบหุบปากทันที “คุณท่าน ผมพูดผิดไปแล้ว”

ฉินโม่หานเหลือบตามองเขา “ครั้งหน้าอย่าให้มีอีกนะ”

ไป๋ลั่วพลางถอนหายใจโล่งอกกับภาะแบบความรับผิดชอบยาวพรวด

สักครู่ เขาพลันฉุกคิดเรื่องอะไรได้

“คุณท่าน คุณพูดว่า…”

“ฉินหลิงยี่อยู่ที่เมืองหรง ตระกูลเจี่ยน อยู่ในเมืองสตัฟฟ์ ของยุโรป และไม่เคยไปเหยียบเท้าใครเลย”

“ทำไมเขาต้อง…ทำกับตระกูลเจี่ยนแบบนี้ด้วย?”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท