สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 249 เหมือนกับมาถึงบ้านพ่อแม่

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

ซูสือเยว่ไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกมาจากสถานที่จัดงานแถลงข่าวแห่งนั้นได้ยังไง

บนฟ้าได้มีฝนตกลงมาห่าใหญ่

เธอเดินอยู่ท่ามกลางสายฝนไปอย่างไร้จุดหมาย ข้างหูมันเต็มไปด้วยคำพูดที่ฉินโม่หานออกมาในห้องแถลงข่าวเมื่อสักครู่เหล่านั้นทั้งนั้นเลย

“พวกเรามีฐานะที่เหมาะสมกัน แล้วก็ยังหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก”

“ในเมื่อคุณมาแล้ว ผมก็ขอแจ้งให้คุณรู้เอาไว้เลย”

“พวกเราจบกันแล้ว”

“สิบวันหลังจากนี้ ผมจะใช้งานแต่งงานที่หรูหราที่สุดในโลกแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ที่แท้จริงของตระกูลเจี่ยน”

ที่แท้ คำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ล้วนแล้วแต่จะเป็นคำพูดหลอกลวงเธอทั้งนั้น

ที่แท้หยางชิงโยวก็เป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริงของตระกูลเจี่ยนจริงๆ ส่วนเธอ ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น

เหมือนกับในชั่วพริบตาเดียว เธอก็ได้สูญสิ้นสถานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน สูญเสียหลิวหรูเยียนแม่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยคนนั้น แล้วก็ยังสูญเสีย…

ฉินโม่หาน

เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยทำให้เขาเสียใจไปเท่าไหร่ ทำให้เขารู้สึกว่าการทุ่มเทออกไปของตัวเขานั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้อะไรกลับคืนมา

แต่เธอจำได้ว่าหลังจากที่เธอสูญเสียความทรงจำไป เธอก็ชอบเขา

ตั้งแต่ตอนแรกที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นสามีของเธอ เธอก็ชอบเขาแล้ว

คงจะเป็นรักแรกพบล่ะมั้ง

ในตอนหลังมาเธอได้ยินคนอื่นเขาพูดว่าเขาเป็นสามีของเธอ เป็นหนึ่งเดียวในตอนที่เธอยังไม่ได้สูญเสียความทรงจำไป

ในตอนนั้นในใจของเธอมันเกิดความรู้สึกมีความสุขขึ้นมา เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกไปก็เท่านั้น

เธอมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าตนจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็ยังมีสามีที่รักเธอ แล้วก็ยังมีลูกทั้งสามคนที่รักเธอ

เธอเกือบจะนึกว่าตัวเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ ความเป็นจริงได้ตีเธอมาอย่างแรง

เธอเห็นมันอย่างชัดเจน โลกของเธอกำลังแยกห่างออกไปทีละนิดๆ

ครึ่งหนึ่งเป็นความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง

อีกครึ่งเป็นความเสียใจและความหมองเศร้า

ในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันกับฉินโม่หานในช่วงนี้ เป็นความทรงจำที่มีความสุขที่มีเพียงน้อยนิดของเธอ

ไม่รู้ว่าเดินอยู่ท่ามกลางสายฝนมานานแค่ไหน

สุดท้ายก็มีร่มสีดำคันหนึ่งปรากฏอยู่บนหัวของเธอ

ชายหนุ่มที่หล่อเหลาดูมีชาติตระกูลกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วใช้ร่มมากันฝนบนหัวเอาไว้

เขามองเธอในดวงตาได้ประดับไปด้วยความไม่ให้อภัยออกมาเล็กน้อย “ซูสือเยว่”

“ถึงแม้ว่าเธอจะถูกทอดทิ้งไปจริงๆ ชีวิตมันก็ยังต้องดำเนินต่อไป อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้เลย”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มตรงหน้า

เขาดูคุ้นตาอยู่บ้าง

แต่เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองไปเคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่

เหมือนกับได้มองทะลุถึงข้อสงสัยในแววตาเธอ ชายหนุ่มกระแอมออกมาเบาๆ ยกมือขึ้นมาดึงหน้าของตัวเอง “ฉันคือหลิงซือยู่ เธอจำได้หรือเปล่า?”

“เมื่อตอนม.ต้น ฉันเคยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะเดียวกันกับเธอมาก่อน เมื่อตอนนั้นฉันเป็นเด็กอ้วนคนนึง”

ซูสือเยว่ชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้าออกมา “ฉันจำได้”

คำพูดของหญิงสาวทำให้หลิงซือยู่มีความสุขขึ้นมาทันที “เธอจำได้จริงๆเหรอ?”

“อืม”

ซูสือเยว่พยักหน้าออกมา “คนที่ตอนสอบมักจะโกงข้อสอบแล้วถูกจับได้อยู่เป็นประจำคนนั้น”

หลิงซือยู่ “…”

ทำไมเธอก็เสียใจขนาดนี้แล้ว คำพูดที่พูดออกมา มันยังสามารถทิ่มแทงโดนจุดเจ็บของเขามาอย่างจังได้อีก?

ชายหนุ่มกระแอมออกมา “ฉันพาเธอไปที่ที่ฉันพักอยู่เอามั้ย?”

“เธออยู่อย่างนี้ต่อไปอีกจะป่วยเอาได้นะ”

ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา พร้อมกับส่ายหน้าออกมาทันที “ฉันไม่อยากไป”

เธอไม่อยากไปที่ไหนทั้งนั้น คิดเพียงแค่อยากจะสงบจิตสงบใจของตัวเองให้ใจเย็นลงสักหน่อยท่ามกลางฝนตกหนักนี้

“แต่ว่า…”

หลิงซือยู่มองไปทางด้านหลังเธอไปแวบนึง “ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง เพื่อเด็กคนนี้ เธอก็ไม่อาจจะมาเดินตากฝนต่อไปได้อีกเหมือนกัน”

ซูสือเยว่ชะงักไป จากนั้นก็หันหน้าไปทันที

ด้านหลังของเธอ ซิงหยุนกำลังกอดกระเป๋าหนังสือใบเล็กยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง

ร่างของเด็กน้อยเปียกฝน แนบเข้ากับลำตัวแน่น ทำให้เขาดูเปราะบางและผอมเล็กกว่าปกติ

สภาพที่เขาตากฝน ทำให้หัวใจของซูสือเยว่มันรู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

เด็กคนนี้คงจะตามมาตั้งแต่หลังจากงานแถลงข่าวแล้วล่ะมั้ง?

ปกติจะฉลาดทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ ทำไมตอนนี้ถึงได้ยังตามเธอมาอย่างโง่งมกัน?

เธอไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนอีกแล้ว ทั้งยังสูญสิ้นสถานะภรรยาของฉินโม่หานไปแล้ว…

เขาควรจะอยู่กับฉินโม่หานมันถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ผลสุดท้ายเขาไม่เพียงแต่จะไม่อยู่ทางนั้น แต่ยังเดินตากฝนมาตลอดทาง เดินตามด้านหลังเธออยู่เงียบๆ…

หญิงสาวถอนหายใจออกมา ย่อตัวนั่งลง กอดร่างของซิงหยุนเข้าเข้ามาในอ้อมแขนแน่น “ทำไมถึงตามหม่ามี๊มา?”

“ตากฝนแล้วจะป่วยเอานะ!”

ซิงหยุนเงยหน้าขึ้นมา ผมที่เปียกฝนแนบเข้ากับหน้าผากของเขาเป็นกระจุกๆ

ซิงหยุนที่ปกติแล้วจะมีจิตใจที่หนักแน่นมั่นคงมีความเป็นผู้ใหญ่ ได้แสดงท่าทีที่เปราะบางออกมาเป็นครั้งแรก “เพราะว่าคุณเป็นหม่ามี๊ของผม”

“ไม่ว่าแด๊ดดี้จะเป็นยังไง ผมก็เป็นลูกของคุณ”

“สำหรับเรื่องตากฝน…”

เด็กน้อยยิ้มออกมา “หม่ามี๊ไม่กลัว ผมก็ไม่กลัวเหมือนกัน”

“ถึงแม้ว่าจะป่วย ผมก็จะป่วยเป็นเพื่อนหม่ามี๊ด้วยเหมือนกัน!”

ท่ามกลางฝนที่เทลงมาอย่างหนักหน่วง คำพูดของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด ทำให้หัวใจของซูสือเยว่เริ่มรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

เขา…

เป็นลูกชายของเธอ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ล้วนแล้วแต่จะสนับสนุนเธอทั้งนั้น

เธอเองก็ไม่ควรที่จะหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตต่อไปอีกเพื่อซิงหยุนด้วยเหมือนกัน

สูดหายใจเข้าไปลึกๆ เธอกอดร่างของเด็กน้อยในอ้อมแขนแน่น หันหน้าไปมองหลิงซือยู่ “นายบอกไม่ใช่เหรอว่าจะพาพวกเราไปที่บ้านของนาย?”

หลิงซือยู่เลิกคิ้วออกมา จากนั้นก็ได้ย่อตัวนั่งลงยองๆ อุ้มซิงหยุนที่เปียกโชกเข้ามาในอ้อมแขน “ไปกันเถอะ”

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา เดินตามหลังเขาขึ้นรถไปเงียบๆ

“อายุยังน้อยๆ ก็มีความสามารถเยอะจังเลยนะ”

หลิงซือยู่กดเสียงเบา กระซิบไปข้างๆใบหูของซิงหยุน

ซิงหยุนที่ทั้งร่างถูกแช่แข็งจนหนาวสะท้านไปหมด เขาลอบเอาหัวเข้าไปประชิดหูของหลิงซือยู่ “ถ้าไม่มีผมล่ะก็ หม่ามี๊ไม่มีทางตามคุณกลับบ้านไปหรอก”

“ชายหนุ่มย่นคิ้วออกมา

“กลยุทธ์เจ็บกาย?”

“อืม”

เขายิ้มเจื่อนๆออกมา “สมกับที่เป็นลูกชายของฉินโม่หาน”

เหมือนกับฉินโม่หาน มักจะคิดวิธีที่ทำให้คนอื่นคาดเดาไม่ถึงอยู่เสมอ

อย่างเช่นการยอมรับความสัมพันธ์ทางเครือญาติและการหมั้นหมายในครั้งนี้

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา วางซิงหยุนลงบนรถ จากนั้นก็เข้าไปเปิดประตูรถให้กับซูสือเยว่อย่างเป็นสุภาพบุรุษเอามากๆ

สุดท้ายแล้วรถก็ได้แล่นออกไปท่ามกลางสายฝน

สถานที่ที่หลิงซือยู่พักอยู่เป็นวิลล่าหลังใหญ่หรูหราหลังหนึ่ง

เขานำซูสือเยว่กับซิงหยุนที่เปียกโชกเข้าประตูไป หลิงหรานที่รออยู่ตรงหน้าประตูอยู่ก่อนแล้วได้ย่นคิ้วออกมา แล้วก็ลากซูสือเยว่เข้ามา “เธอดูเธอสิ เพื่อผู้ชายเพียงคนเดียวมันคุ้มเหรอ?”

“ไป พี่สาวพาเธอไปอาบน้ำ!”

ซูสือเยว่มองเธอไปอย่างงงงวยเล็กน้อย “คุณคือ…”

“ฉันคือหลิงหราน”

หญิงสาวยิ้มออกมา “ฉันเป็นพี่สาวของหลิงซือยู่ ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆหรอก”

“เขามักจะเอ่ยถึงเธอให้ฉันฟังอยู่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเจอกันครั้งแรก แต่ฉันก็คุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดีเลยล่ะ!”

พูดจบ เธอก็ลากซูสือเยว่ขึ้นไปชั้นบนทันที

ซูสือเยว่หันหน้าไปมองหลิงซือยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงงงวย

ชายหนุ่มพยักหน้าให้เธอ “ไปเถอะ พี่หรานเป็นคนดีมาก”

ซูสือเยว่ “…”

เธอมองออกว่า พี่หรานคนนี้เป็นคนดีจริงๆ

แต่…

นี่เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่เจอเธอ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ให้ความรู้สึกที่รู้จักกันมานาน?

ตอนที่ผู้หญิงทั้งสองคนขึ้นไปชั้นบน เธอเหลือบเห็นชายวัยกลางคนกำลังยืนอยู่ตรงบริเวณราวบันไดชั้นสอง

สายตากระปรี้กระเปร่าและหน้าตาที่หล่อเหลาของชายคนนั้น ถึงแม้ว่าอยู่ในวัยกลางคนไปแล้ว แต่ให้ความรู้สึกหยิ่งและเข้าถึงยากออกมาจากร่าง แต่ทำให้ต้องเหลือบมองไปอย่างเสียไม่ได้

ชายคนนั้นกวาดสายตามองซูสือเยว่ไปพร้อมกับคำพูดที่พูดออกมาเหมือนกับที่หลิงหรานพูดออกมาไม่มีผิดเพี้ยน “ทำให้ตัวเองต้องมีสภาพอย่างนี้เพียงเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว!”

“รีบไปอาบน้ำ!”

ซูสือเยว่ “…”

เดินจากหลิงหรานไปยังผู้ชายคนนั้น…

บนใบหน้าของทุกคนได้ประดับไปด้วยความสงสารและความเจ็บใจที่คนที่คาดหวังเอาไว้ทำไม่ได้อย่างที่หวังมาให้เธอ

ทำไมจู่ๆเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองมาที่บ้านของหลิงซือยู่แล้วเหมือนกับว่ามาถึงบ้านพ่อแม่เลยไม่มีผิด?  

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท