สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 281 พวกเธอหัวเราะเยาะว่าเธอหน้าตาน่าเกลียด

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

ภายในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง

ลั่วเยียนเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายโคร่งสบาย มองซูสือเยว่ไปอย่างจนใจ “อันที่จริงแล้วเขาบอกว่าอยากอยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่ตลอดทั้งวัน…ก็ใช่ว่าจะไม่ได้นี่ ทำไมต้องไล่เขาออกไปกัน”

ภาพเมื่อสักครู่ มันทำให้ลั่วเยียนไม่มีวันลืมได้เลยจริงๆ

เธอเพิ่งเห็นท่านชายฉินที่หยิ่งเย็นชาอยากจะอยู่ที่สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง อย่างหน้าด้านๆ แต่กลับถูกคนเขาไล่ออกไปอย่างแข็งกร้าวอย่างนี้เป็นครั้งแรก

มันทำให้ลั่วเยียนช็อกไปเลย

เขานึกว่าถึงแม้ว่าฉินโม่หานต้องการจะจีบซูสือเยว่ ก็ควรจะมีการวางตัวแบบท่านประธาน อย่างน้อยๆก็จะคำนึงถึงภาพลักษณ์ ดูสง่างามน่าสนใจสักหน่อย

แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่มียางอายขนาดนี้ ไม่ว่าซูสือเยว่จะพูดอะไร เขาก็ยังจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน

สุดท้ายก็ถูกซูสือเยว่กำลังผลักออกไปอย่างจัง

…แทบจะทำลายภาพลักษณ์ที่ดูเย็นชาเผด็จการของท่านชายฉินที่อยู่ในใจของลั่วเยียนไปหมด

แต่ว่า เธอเองก็เข้าใจเหมือนกันว่าในใจของฉินโม่หานซูสือเยว่มีความสำคัญมากแค่ไหน

ผู้ชายที่สูงศักดิ์หยิ่งเย็นชาเสมอมา หยิ่งเย็นชาเสียจนดูหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวก็ได้เปลี่ยนกลายมามีท่าทีที่คนอื่นไม่อาจนึกถึงได้เลย…

ก็คงจะรักเสียจนลึกซึ้งมาก ถึงได้สามารถทำการเปลี่ยนอะไรจำพวกนี้ออกมาได้แหละมั้ง?

“สถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ของผู้หญิง เขาผู้ชายตัวโตคนนึงมาอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร?”

ซูสือเยว่กลอกตาออกมา อบอุ่นร่างกายอยู่บนเสื้อโยคะไปพลาง ส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมาพลาง “ฉันจะดูแลเธอให้ดีอยู่แล้ว เขาเป็นห่วงเธอ มันก็เกินความจำเป็นไปมากแล้ว”

“อีกอย่าง เขากับเธอก็เป็นแค่เพื่อนกัน ทำไมเขาถึงเป็นห่วงเธอได้ถึงขนาดนี้?”

“ถ้าเกิดเปลือกนอกเขาแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะชอบนักเรียนผู้หญิงคนอื่นในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง ของฉันอยู่จะทำยังไง?”

ลั่วเยียน “…”

เขาก็คงจะไม่มีทางจะชอบนักเรียนหญิงคนอื่นในสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง หรอก

คนที่เขาชอบก็เป็นเธอคนที่เป็นเจ้าของนี่ไง

“เจ้าของสวี่!”

“เจ้าของสวี่!”

  ……

เพียงไม่นาน เหล่านักเรียนก็ได้ทยอยเข้าห้องเรียนไปอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากว่าลั่วเยียนเป็นนักเรียนออดิดคนพิเศษที่เข้ามาฟังการเรียนการสอน ก็เลยได้นั่งอยู่ตรงด้านหลังสุดตลอด

“สวัสดีนักเรียนทุกท่าน”

“เจตนามณ์ที่แท้จริงที่ฉันได้สร้างสถานฝึกศิลปะป้องกันตัวหรง หญิงนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะสามารถใช้ศิลปะการต่อสู้นี้ของฉันช่วยเหลือเหล่าเด็กผู้หญิงได้มากขึ้น”

“ดังนั้นแล้ววันนี้สิ่งที่พวกเราจะต้องเรียนก็คือตอนที่คุณถูกคนร้ายลอบเข้ามาโจมตีเข้ามา แล้วจะต้องตอบโต้กลับไปยังไง…”

ซูสือเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าสุด สอนไปอย่างตั้งอกตั้งใจไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ก่อนหน้าที่มาลั่วเยียนนึกไม่ถึงเลยว่าซูสือเยว่ทำการสอนขึ้นมาแล้วจะมีพลังที่ทำให้คนอื่นเกิดความคิดเดียวกันได้ถึงขนาดนี้

เธอนั่งอยู่ตรงแถวหลังสุด ฟังการสอนที่มีความร่าเริงตลกขบขันที่ปะปนอยู่ในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถือซูสือเยว่ขึ้นมาจากใจ

อย่างที่ซูสือเยว่บอกมา ความฝันของเธอแท้จริงแล้วมันไม่ใช่การประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง

สาเหตุที่อยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีขนาดนี้ ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่จะเป็นเพราะว่าเมื่อตอนอายุยังน้อยได้รับผลมาจากผู้ชายเหี้ยๆกับเพื่อนสนิท

แต่ตอนนี้…

ลั่วเยียนมองซูสือเยว่ที่กำลังยืนพูดอยู่บนเวทีไปด้วยท่าทีที่มีความสุขก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขแทนเธอขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

มองดูแล้วซูสือเยว่ได้ทำสิ่งที่เธอชอบที่สุดแล้ว

ในบางมุม ลั่วเยียนก็รู้สึกอิจฉาซูสือเยว่ขึ้นมา

ฉินโม่หานที่รักเธอเป็นที่สุด แอบปกป้องเธออยู่ข้างๆอย่างเงียบๆอยู่ตลอด

เธอเองก็สามารถทำสิ่งที่เธอชอบได้ด้วยเหมือนกัน

แต่พอย้อนมามองตัวเองแล้ว…

ถึงแม้ว่าฉินหนานเซิงจะอยู่ข้างๆเธอโดยตลอด แต่ลั่วเยียนก็รู้ดีว่าชั่วชีวิตนี้เธอไม่อาจแทนที่ตำแหน่งลู่จื่อเหยาที่อยู่ภายในใจของฉินหนานเซิงได้เลย

อีกอย่างเธอก็ชอบการแสดงละคร

เธอกับซูสือเยว่ไม่เหมือนกัน ซูสือเยว่คิดว่าคิดว่าสำหรับเธอแล้ววงการบันเทิงมันเป็นเครื่องพันธนาการและโซ่ตรวนอย่างหนึ่ง แต่ลั่วเยียนนั้นกลับคิดว่าตัวเองที่อยู่ในวงการบันเทิงมันถึงนับว่าเป็นตัวเธอเองโดยแท้จริง

สามารถแสดงบทบาทต่างๆที่ไม่เหมือนกันได้ เพลิดเพลินกับชีวิตที่แตกต่างกันออกไป

ชีวิตของเธอมันน่าเบื่อเอามากๆ ดังนั้นแล้วเมื่อมีประสบการณ์อย่างนั้น แท้จริงแล้วมันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

แต่ว่า…

สุขภาพของเธอในตอนนี้มันไม่พอที่จะใช้สนับสนุนเธอกับงานในวงการบันเทิงไปเสียแล้ว

อีกอย่างถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะฟื้นตัวกลับมาแล้ว แต่เพราะว่าสถานะภรรยาของฉินหนานเซิงในตอนนี้เธอกลัวว่าเพื่อรักษาหน้าตาของฉินหนานเซิงแล้ว จะไม่อาจจะทำหน้าที่เป็นนักแสดงหญิงดีเด่นของเธอในวงการบันเทิงได้อีกต่อไปแล้ว…

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ลั่วเยียนก็เหมือนกับลูกบอลหนังที่ลมรั่วออกมาจนหมด ไม่มีเรี่ยวแรงในการดำรงชีวิตเลย

เธอนั่งอยู่ตรงแถวสุดท้ายไปเงียบๆ ทำตามการเคลื่อนไหวของซูสือเยว่ ขยับร่างกายไปอย่างง่ายๆ

ถึงแม้ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ แต่มันก็สามารถทำให้เธอเหงื่อแตกเต็มหน้าได้เลย

ลั่วเยียนนั้นร่างกายกับใจมันไม่ไปด้วยกัน

แต่ว่านักเรียนที่อยู่ตรงแถวหน้าของลั่วเยียน กลับกำลังแอบอู้ออกมาอย่างชัดเจน

“ไม่รู้เลยจริงๆว่าทำไมพ่อแม่ฉันถึงต้องให้ฉันมาเข้าคลาสแบบนี้ น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว”

“ใช่ ให้คนน่าเกลียดอย่างนี้มาสอนพวกเราว่าเมื่อเจอกับคนร้ายจะป้องกันตัวยังไง…”

“เธอว่าคนน่าเกลียดอย่างนี้จะมีผู้ชายสนใจหล่อนแล้วลงมือกับหล่อนหรือเปล่า?”

“จะเป็นไปได้ยังไง? เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนตาบอดที่กินไม่เลือกใช่มั้ยล่ะ? ใบหน้านั้นก็ดูน่าขยะแขยงเสียขนาดนั้น ฉันเป็นผู้ชายก็จะหนีห่างจากหล่อนไปให้ไกลๆ ส่วนเรื่องลงมือน่ะเหรอ…เกรงว่าหล่อนจะลงมือกับฉันเสียมากกว่าอีก”

“ก็คือ…ฉันคิดว่า สิ่งที่หล่อนสอน ทั้งหมดมันล้วนแล้วแต่จะเป็นการต่อสู้ที่ดูดีแต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงเลยแม้น้อย จะไปรู้จริงว่าเมื่อถูกทำตัวไม่ดีใส่แล้วจะต้องทำยังไงได้ยังไง?

“อย่าพูดอย่างนี้สิ…ถ้าเกิดคนตาบอดที่กินไม่เลือกอยากจะลงมือกับหลอนจริงๆขึ้นมาล่ะ?”

“ฮ่าๆๆ——!”

“เธอพูดถูก บนโลกใหญ่นี้มันมีเรื่องที่พิสดารคาดไม่ถึงมากมาย แม้แต่ผู้หญิงที่มีหน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ จะไปรู้ได้ยังไงว่าจะไม่มีผู้ชายที่จะมาชอบผู้หญิงที่หน้าตาน่าเกลียดอย่างนี้กัน?”

“ฮ่าๆๆ…”

คำพูดของเหล่าเด็กผู้หญิงพวกนี้ แต่ละคำ มันได้ตกอยู่ในหูของลั่วเยียนมาเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า

ลั่วเยียนย่นคิ้วออกมาสุดท้ายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “ถึงแม้ว่าเจ้าของสวี่จะหน้าตาไม่ดี แต่เธอเปิดคลาสนี้ขึ้นมาก็เพราะปรารถนาดี ทำไมพวกเธอถึงเยาะเย้ยคนอื่นเขากันอย่างนี้?”

“คนคนหนึ่งเขาหน้าตาเป็นยังไง มันเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำอยู่หรือไง? ทำไมพวกเธอถึงได้ตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกกัน?”

คำพูดของลั่วเยียนพูดออกมาจบ เด็กหลายคนพวกนั้นก็ได้หันหน้ากันมาพร้อมกัน

เห็นคนที่พูดกับพวกเธอเป็นลั่วเยียนที่เมื่อก่อนหน้านี้ได้ออกจากวงการบันเทิงไปเพราะแต่งงาน เหล่าเด็กผู้หญิงก็ได้หัวเราะกันขึ้นมา

“แม่นักแสดงหญิงดีเด่น เธอยืนอยู่ในจุดไหนอยู่ในตำแหน่งอะไรถึงได้มาสอนพวกเรากันห๊ะ?”

“ตัวเธอเองก็ไม่ใช่ว่าอาศัยหน้าตา ถึงได้แต่งเข้าบ้านเศรษฐีได้หรือไง? ตอนนี้มาแสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์เป็นดอกบัวขาวอะไร? อย่าไปตัดสินคนจากภายนอก?”

“เธอลองถามคุณชายบ้านตระกูลฉินที่แต่งงานกับเธอดูสิว่าถ้าไม่เพราะว่าเธอหน้าตาดี ถ้าเขาไม่ได้ตัดสินคนจากภายนอก เขาจะคบอยู่กับเธอหรือเปล่า?”

“ใช่ๆ ไม่ใช่ตัวเองก็พูดได้สิ อาศัยที่ตัวเองหน้าตาดี แล้วมาสั่งสอนคนอื่นเขาซี้ซั้ว ยัยผู้หญิงไร้ยางอาย!”

ลั่วเยียนถูกตอกกลับมาจนใบหน้าเล็กมีอาการเลือดขึ้นหน้าขึ้นมา “พวกเธอ…”

ตอนที่ซูสือเยว่เข้าสอนอยู่นั้น เดิมทีจะคอยสังเกตสถานการณ์ทางลั่วเยียนมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว

ตอนนี้เห็นลั่วเยียนเหมือนกับว่าจะกำลังทะเลาะอยู่กับคนอื่นขึ้นมาเสียแล้ว เธอจึงอดไม่ได้ที่ย่นคิ้วออกมา จากนั้นก็ก้าวขาเดินเข้าไป “มีอะไรกัน?”

เห็นซูสือเยว่มาแล้ว เด็กผู้หญิงพวกนั้นที่กำลังทะเลาะอยู่กับลั่วเยียนก็ได้เงียบเสียงลง ไม่พูดจากันออกมาทันที

ลั่วเยียนย่นคิ้วออกมา “ไม่มีอะไร…”

“ทำไมถึงไม่มีอะไรขึ้นมาแล้ว?”

นักเรียนหญิงที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งทนดูไม่ไหว

“เจ้าของสวี่ เมื่อกี้นี้คนพวกนี้กำลังวิจารณ์คุณอยู่ บอกว่าคุณหน้าตาน่าเกลียด ไม่มีทางจะถูกคนอื่นเขาคุกคามหรอก สิ่งที่คุณสอนไปมันไม่ได้มาจากประสบการณ์การต่อสู้จริงเลย”

“คุณลั่วเยียนเขาทนฟังไม่ไหว ก็เลยแย้งกลับไปอยู่หลายคำ”

ซูสือเยว่หรี่ตาออกมา หันหน้าไปมองเด็กผู้หญิงพวกนั้น “จริงเหรอ?”  

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท