สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 390 คุณควรไปเกลี้ยกล่อมเขาด้วยตนเอง

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

“อดีตนักแสดงลั่วเยียน อยู่เป็นเพื่อนชายแก่เร่ร่อนอายุราวหกสิบ!”

“ก่อนหน้านี้ก้าวออกจากวงการบันเทิง หลังจากนั้นก็ก้าวไปปรากฏตัวอยู่บ้านคฤหาสน์ของมหาเศรษฐี ลั่วเยียนลาออกจากวงการบันเทิง และเหตุผลของเธอเป็นปริศนา!”

“อะไรทำให้อดีตราชินีแห่งภาพยนตร์มาเร่ร่อนอยู่ที่นี่! นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาคบหากับชายหนุ่มอายุราวหกสิบ!”

ไม่กี่วันต่อมา ข่าวโคมลอยต่างๆ ที่เกี่ยวกับลั่วเยียนก็ขึ้นพาดหัวข่าวในช่องของเมืองหรง

ข่าวเหล่านี้มีการรายงานที่แนบภาพประกอบเป็นจำนวนมาก

มีบางรูป ที่เป็นภาพถ่ายลั่วเยียนกับชายหนุ่มชรานั่งหัวเราะด้วยกันอยู่บนรถ

นอกจากนี้ยังมีการปรากฏตัวของลั่วเยียนเข้าไปในบ้านคฤหาสน์ของชายชราและออกมาตอนเช้าตรู่

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนพูดคุยกันพลางหัวเราะเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ในวันถัดมาชายหนุ่มชราออกมาส่งลั่วเยียนที่อยู่ในสภาพชุดนอน

ในช่วงหนึ่ง ที่ลั่วเยียนกำลังเสื่อมทรามในข่าวลือที่อยู่อาศัยกับชายชรา เมืองหรงก็วุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง

เช้าวันหนึ่ง ณ โรงพยาบาล

ซูสือเยว่กำลังช่วยฉินโม่หานฟื้นฟูร่างกายอยู่ ก็ได้รับสายจากฉินหนานเซิง

“สือเยว่”

เสียงจากปลายสายโทรศัพท์ของฉินหนานเซิง กำลังสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันรู้ คุณลุงเพิ่งจะรู้สึกตัวได้แค่อาทิตย์เดียว ตอนนี้ยังต้องคอยดูแลเขาอยู่ แม้จะเป็นแค่เวลาอันสั้นก็อยู่ห่างจากเขาไม่ได้”

“แต่ว่า…”

ชายหนุ่มลดเสียงของเขาลง:

“เกี่ยวกับข่าวของลั่วเยียน…คุณเห็นหรือยัง?”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว เธอหยิบโทรศัพท์มาเช็กดู

“เกิดอะไรขึ้นกับลั่วเยียน?”

ในช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับการดูแลฉินโม่หานมาโดยตลอด ไม่ได้ดูข่าวแม้แต่นิด ยิ่งข่าวของลั่วเยียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง”

“ลั่วเยียนเขา…”

ฉินหนานเซิงถอนหายใจ “พอฉันเห็นข่าว ฉันก็ติดต่อหาลั่วชิงเจ๋อในทันที ถึงจะรู้เรื่องสถานการณ์ที่บ้านของลั่วเยียน”

ชายหนุ่มในสายโทรศัพท์พูดด้วยความกังวล:

“สือเยว่ คุณบอกว่า ลั่วเยียนมีคุณเป็นเพื่อน มีฉันเป็น…อดีตสามี”

“ถ้าหากว่าเธอขาดแคลนเงินกว่าล้านหยวน แค่เธอเปิดปากบอกพวกเราก็ได้นี่ ทำไมเธอต้องขายตัวด้วยล่ะ?”

“ตอนนี้คนทั้งเมืองกำลังเทศน์เกี่ยวกับเธอ น่าเกลียดเกินไปแล้ว…”

“เธอกลายเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไร…”

ชายหนุ่มถอนหายใจ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความเศร้า:

“สรุปแล้วเธอรู้หรือไม่รู้กันแน่!”

“ฉันทำงานอย่างหนักมาตลอดหลายปี เพื่อไม่ให้เธอถูกผู้ชายมาทำให้เธอต้องเปรอะเปื้อน!”

“ผู้หญิงโสดในวงการบันเทิงจะรักษาร่างกายของตัวเองได้ยากขนาดไหน! ถ้าไม่ได้เป็นเพราะฉัน…ป่านนี้เธอก็คงจะ…”

“ช่างมันเถอะ ฉันกับลั่วเยียนทั้งๆที่เราก็เคยแต่งงานกันมาก่อน แต่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันก็ตัดใจไม่ลง…”

“ผลที่ได้ก็คือ หลังจากที่เธอหย่ากับฉันไป ก็เป็นเพราะขาดเงินเพียงเพราะเงินมากกว่าล้านหยวน เพียงเพราะผู้ชายประเภทนั้น…”

คำพูดของฉินหนานเซิง ยิ่งพูดยิ่งไม่สบายใจ ยิ่งพูดยิ่งเป็นการละเมิด

ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“คุณพูดซี้ซั้วอะไรของคุณ?”

ลั่วเยียนเป็นคนอย่างไร ซูสือเยว่รู้ดี!

เมื่อก่อนตอนที่ลั่วเยียนต้องการที่จะปกป้องซูสือเยว่ ก็เลยถูกคนเหล่านั้นลักพาตัวไป ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะฉวยโอกาสตอนลั่วเยียนเมา ก็ไม่ได้ทำอะไรลั่วเยียน

แต่ว่าลั่วเยียนก็หมดสติและโคม่าไปเป็นเวลานานมาก เพราะเธอไม่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคความคิดในใจของเธอเองได้!

เป็นผลให้ในตอนนี้ นึกไม่ถึงเลยว่า ฉินหนานเซิงจะพูดถึงลั่วเยียนแบบนี้

ปลายสายโทรศัพท์ถอนหายใจ “สือเยว่ ไม่ใช่ว่าฉันพูดไม่เข้าหูนะ”

“มันคือ…”

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ “ในข่าวเขียนไว้อย่างชัดเจนและมีรูปถ่ายประกอบ”

“คุณไปดูเอาเองเถอะ”

“ฉันหวังว่าในฐานะที่คุณเป็นเพื่อน จะสามารถช่วยฉันเกลี้ยกล่อมลั่วเยียนได้”

“ต่อให้…ฉันจะต้องให้เงินเพื่อที่เธอจะออกมาจากตรงนั้นก็ตาม”

“คุณต้องทำให้เธอออกมาจากชายแก่นั่นให้ไวที่สุด!”

พูดเสร็จ เขาก็วางสาย

ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว เลื่อนนิ้วเพื่อหาข่าวอ่าน

การรายงานข่าวเหล่านั้น รวมถึงภาพถ่าย ทำให้ซูสือเยว่ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน

เมื่อดูภาพเหล่านี้ ความสัมพันธ์ของลั่วเยียนกับชายชรา…

ที่จริงมันก็พูดได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก

แต่ จากภาพเหล่านี้ ลั่วเยียนกับชายชราคนนั้น ดูไม่เหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกัน

แต่ถ้าหากว่าเป็นความสัมพันธ์แบบนั้นจริงๆ…

ชายชราอายุกว่าหกสิบปี คบหากับสาวสวยรุ่นลูก จะสุภาพและให้เกียรติกันขนาดนี้ได้อย่างไร?

“เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นซูสือเยว่จ้องมองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง ฉินโม่หานที่กำลังค่อยๆฟื้นฟูร่างกายก็พยุงตัวเองขึ้นมาด้วยไม้เท้า เดินไปดูเนื้อหาบนโทรศัพท์อย่างเฉยเมย

ซูสือเยว่เม้มปากแน่น และเงยหน้าขึ้นมองหน้าฉินโม่หาน “คุณคิดว่าลั่วเยียนเป็นคนประเภทนั้นไหม?”

ฉินโม่หานยกมือขึ้นมาบีบจมูกซูสือเยว่เบาๆ “คุณคิดว่าลั่วเยียนเป็นแบบนั้นเหรอ?”

ซูสือเยว่ส่ายหน้า “ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”

“แต่ว่า…”

“คนที่เพิ่งโทรมาคือหนานเซิง ใช่ไหม?”

ฉินโม่หานนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ และถามคำถามด้วยสายตาที่สว่างไสว

ซูสือเยว่รีบพยักหน้า “เขาของให้ฉัน…เกลี้ยกล่อมลั่วเยียน”

“คุณไม่ต้องเกลี้ยกล่อมหรอก”

ฉินโม่หานยิ้มขึ้นมาพลางมองไปที่เมฆสีขาวและท้องฟ้าสีฟ้า:

“คุณก็บอกฉินหนานเซิงไป ว่าคุณทำไม่ได้ ให้เขาทำเองเถอะ”

“ชื่อเสียงของลั่วเยียน เป็นการเลือกของเขาเอง เธอไม่เกี่ยว”

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว

เธอหมุนตัวไปทางที่เขานั่ง และเปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้เขาพลางกัดริมฝีปากของเธอ “ทำไมคุณถึงสงบได้ขนาดนี้?”

ตามหลักแล้ว ฉินโม่หานก็รู้จักลั่วเยียนมานานกว่าตัวเธอเอง

อีกทั้งลั่วเยียนเองก็เคยเป็นอดีตภรรยาของฉินหนานเซิง…

นี่เป็นเรื่องที่ที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงบ้านตระกูลฉิน ทำไมเขาถึง…ทำเหมือนมันไม่มีส่วนทำให้กระทบสถานภาพความเป็นอยู่อันสูงส่งของเขาเลย?

ฉินโม่หานหยิบขวดน้ำขึ้นและจิบด้วยรอยยิ้มบางๆ:

“เพราะชายชราอายุราวหกสิบคนนี้ ฉันรู้จัก”

ชายหนุ่มมองไปยังที่ไกลๆ “ชายชราคนนี้ชื่อ เหวิ่นซือหยวน ตอนที่อายุราวห้าสิบกว่าปี เป็นเพราะโรค โรคหนึ่ง ก็จะต้องผ่าตัดเอาอวัยวะบางอย่างออก”

พูดเสร็จ เขาก็หันไปมองซูสือเยว่ “ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะมีคู่รักเป็นผู้หญิงวัยสาว เราก็ทำได้แค่มอง”

“นอกจากนี้ ชายชราคนนี้น่ะเขามีจิตใจที่บริสุทธิ์เสมอมา และปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธมาเนิ่นนานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องพรรคนั้น”

“แต่ว่า เขาเองก็มีอาการปวดหัวที่ไม่ปกติอย่างหนึ่ง”

ซูสือเยว่ลังเลอยู่ครูหนึ่งจึงถามออกไป “เกิดอะไรขึ้น?”

“ชายชราคนนี้มีลูกสาวคนหนึ่ง”

“ลูกสาวน่ะ ชอบที่จะตามล่าดารา และดาราที่ชื่นชอบก็คือลั่วเยียน”

“ในตอนนี้ เพื่อที่จะติดตามลั่วเยียน เธอได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยการแสดง แต่เนื่องจากลั่วเยียนลาออกจากวงการบันเทิงแล้ว ดังนั้นเธอจึงหดหู่ใจและอยู่แต่ที่บ้านไม่ไปเรียนหนังสือ

“เพื่อที่จะทำให้ลูกสาวมีความสุข เหวิ่นซือหยวน ชายชราคนนั้น ได้ทำให้เธอได้เป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ แต่ก็เป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวของเธอ ทุกสิ่งอย่างก็เลยเกยตื้นอยู่”

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่มึนงง

เธอพลิกดูรูปพวกนั้นอีกครั้ง……

“เพราะอย่างนั้น……”

ฉินโม่หานกระตุกมุมปาก “ฉันเดาว่าที่ลั่วเยียนไปหาเด็กผู้หญิงคนนี้ทุกๆเย็น……อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กคนนี้คุ้นชินกับการอดหลับอดนอน”

ซูสือเยว่โล่งใจในทันที

เธอรีบหยิบมือถือออกมาอย่างไม่รอช้า แล้วโทรหาฉินหนานเซิง :

“ขอโทษนะ ลั่วเยียนไม่ฟังคำพูดโน้มน้าวของฉัน”

“คุณไปพูดโน้มนาวด้วยตัวเองดูเถอะ”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท