สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 393 เริ่มใหม่อีกครั้งเถอะ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

คำพูดของท่านเวิน ทำให้ลั่วเยียนนั้นตกตะลึงขึ้นมาทันที

เธอจับจ้องเขม็งไปที่คราบเลือดบนมือของท่าน และร่างกายที่ไม่ได้มีบาดแผลใดๆเลย “ท่าน…… ”

“ไม่ได้รับบาดเจ็บ?”

“ฉันจะบาดเจ็บได้ยังไงกัน?”

ท่านเวินหัวเราะออกมา “ถึงจะถือว่าฉันอายุมากแล้ว แต่ว่าร่างกายของฉันนั้นยังดีอยู่ จะสู้คนป่วยกระเสาะกระแสะคนหนึ่งไม่ไหวได้อย่างไรกัน?”

“แต่ว่า……”

ชายชราขมวดคิ้ว “บนร่างกายของเขาเหมือนว่ามีบาดแผลเก่าที่ถูกฉันไม่ระวังทำแผลปริออกแล้ว เลือดไหลออกมาเยอะทีเดียว”

พูดจบ เขามองลั่วเยียนด้วยสายตาเย็นชา “คุณไม่เห็น?”

ลั่วเยียนนั่งอยู่ด้านข้างของท่านปู่ รู้สึกแค่ว่าในสมองนั้นมีเสียงก้องอึกทึกครึกโครมอยู่

ท่านปู่ไม่ได้บาดเจ็บ คนที่เจ็บเป็นฉินหนานเซิง?

แต่ว่าท่าทางของฉินหนานเซิงเมื่อกี้ เธอนั้นดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าเขานั้นบาดเจ็บอยู่?

มองไปที่ใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความกังวล ท่านเวินก็ยื่นมือออกไปเปิดประตูรถยนต์ “ท่าทางว่าคุณลั่วยังมีเยื่อใยกับอดีตสามีอยู่ไม่น้อย”

“ลงไปดูเขาเถอะ”

ลั่วเยียนเม้มริมฝีปาก พอคิดถึงท่าทางฉินหนานเซิง ในที่สุดก็ยังคงอดกลั้นเอาไว้ได้

เธอร้อง “ชิ”ออกมาแล้วปิดประตูรถ “ไม่ไป”

ฉินหนานเซิงนั้นหย่ากับเธอมาตั้งนานแล้ว เขาจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ!

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกี้นี้ฉินหนานเซิงยังดูถูกเธอขนาดนั้น……

“มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี สมแล้วที่เป็นผู้หญิงที่ลูกสาวของฉันชอบ”

หลังจากที่ท่านเวินยกนิ้วโป้งให้กับเธอแล้ว ก็ยัดบัตรหนึ่งใบเข้าไปในมือของลั่วเยียน “นี่เป็นรางวัลของคุณสำหรับเวลาที่ผ่านมานี้ เอากลับไปรักษาพ่อแม่ของคุณเถอะ”

“ขอบคุณค่ะ”

ท่านเวินยิ้มพร้อมสั่งให้คนขับรถไปส่งลั่วเยียนที่บ้าน พร้อมกับมองออกไปด้านหน้านอกหน้าต้างรถยนต์อย่างเมินเฉย เอ่ยปาก:

“ที่จริงแล้วคุณนอกจากเป็นนักแสดงแล้ว คุณยังมีทางออกอย่างอื่นอยู่”

“อย่างเช่น ครั้งนี้คุณสั่งสอนลูกสาวสุดแสนจะดื้อรั้นสุดจะทนได้ของฉันจนว่านอนสอนง่ายได้ เช้าวันนี้ก็เข้าไปถ่ายทำอย่างเชื่อฟัง” “ยังบอกอีกว่ารอจนกว่าเธอจัดการถ่ายกี่ฉากนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก็จะออกจากวงการบันเทิง ไปตามหาสิ่งที่เธอสนใจและอยากทำมันจริงๆ”

พูดจบ ท่านปู่จ้องมองลั่วเยียน:

“ด้านการศึกษา ฉันคิดว่าคุณเองก็น่าจะลองดูสักครั้ง”

เขาหยิบนามบัตรหนึ่งใบออกมาจากในกระเป๋าเสื้อส่งให้ลั่วเยียน:

“นี่คือลูกชายของเพื่อนฉันคนหนึ่งเป็นคนที่เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษา คุณสามารถติดต่อเขาได้ ดูว่าจะมีงานที่เหมาะสมหรือเปล่า”

“หนุ่มน้อยคนนี้เป็นบุคคลที่มีความสามารถ ถ้าหากว่าไม่มีงานที่เหมาะสม ก็ไปเป็นแฟนของเขาได้ เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน”ลั่วเยียนรับนามบัตรไป อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้ท่านปู่:

“ขอบคุณค่ะ”

“ฉันจะกลับไปลองคิดดูค่ะ”

ที่จริงแล้วเธอกับการสอนนั้น……ก็ไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย

ได้รับเงินมาหนึ่งล้านสองแสนหยวนในตั้งนี้ เธออยากจะกลับบ้านเดิมไปดูแลมารดาสักพัก รอจนกว่าการผ่าตัดของมารดาจะเสร็จเรียบร้อย สถานการณ์คงที่แล้ว ค่อยตัดสินใจกันอีกที

ทันใดนั้น ท่านเวินก็มาส่งเธอถึงหน้าประตูบ้าน

ลงจากรถ ลั่วเยียนจ้างมองรถของท่านปู่จากไป คิ้วขมวดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ไม่รู้ว่าฉินหนานเซิงสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

จากปากของท่านเวินเปิดบาดแผลจนปริออกนั้น ที่จริงแล้วเธอรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น……

เป็นเรื่องไม่นานมานี้มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เธอและฉินหนานเซิงออกไปข้างนอก เจอกับแอนตี้แฟนที่ถ่ายรูปเธอ ฉินหนานเซิงเพื่อที่จะคุ้มกันเธอ สุดท้ายก็ถูกแอนตี้แฟนใช้มีดทำร้ายจนบาดเจ็บ

ในตอนนั้นบาดแผลก็ไม่เล็กเลย แต่ว่าฉินหนานเซิงกลับหัวเราะแล้วพูดว่า เมื่อเทียบกับเขาที่ขาทั้งคู่ใกล้จะพิการแล้ว บาดแผลจากมีดนั้นถือว่าเล็กน้อยไม่มีผลอะไรเลย

วันนั้นลั่วเยียนทุกข์ใจอย่างมากเป็นเวลานาน ตรวจสอบหาสูตรอาหารทุกที่ตุ๋นน้ำแกงให้เขา และยังสาบานกับเขาว่า ต่อจากนี้ไปจะออกจากบ้านกับเขา จะต้องติดอาวุธให้เพียบพร้อม ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป

วันเวลาพวกนี้นั้นเกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย ถ้าหากว่าวันนี้ไม่ใช่เพราะท่านเวิน ลั่วเยียนก็เกือบจะลืมไปแล้ว……

ตัวเองและฉินหนานเซิงนั้น ที่จริงแล้วครั้งหนึ่งก็เคยมีความทรงจำที่มีคุณค่าผ่านมาเหมือนกัน

แต่ตอนนี้พอมาถึงดู……

ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว

ผู้หญิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พยายามแยกความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่จริงออกไปจากสมอง

ฉินหนานเซิงตอนนี้จะมาต้องการให้เธอช่วยและดูแลได้อย่างไรกัน?

เขาคือคุณชายใหญ่ตระกูลฉิน รอบกายก็มีคนคอยติดตามดูแลมากมายทุกครั้ง……

ไม่เหมือนกับคนอย่างเธอ คนหาเช้ากินค่ำคนหนึ่ง ถึงจะตายอยู่ในห้องเช่า ก็คงจะไม่มีคนรับรู้

พอคิดแบบนี้แล้ว ลั่วเยียนก็กลับบ้านอย่างสบายใจไม่กังวล ถึงขั้นที่หลังจากกลับมาบ้านแล้ว ยังเริ่มที่จะหาตั๋วรถไฟราคาถูกทางอินเทอร์เน็ต ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะกลับบ้านเดิมไปรักษาอาการป่วยของมารดา

……

คฤหาสน์ตระกูลฉิน

ฉินหนานเซิงนอนอยู่บนโซฟา หน้าตาบิดเบี้ยวที่ถูกหมอตรวจไปมา

“นอกจากส่วนขาที่มีบาดแผลภายนอกแล้ว รอยบาดแผลเก่าตรงช่วงท้องของเขาก็ถูกเปิดออกแล้ว”

หมอก้มหน้าจัดการกับปากบาดแผลไปก็ขมวดคิ้วไป “คุณชายฉิน ไม่ใช่ว่าเคยพูดกับคุณไปแล้วเหรอ แม้ว่าจะสามารถยืนขึ้นมาได้แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่เดินเบาๆเท่านั้น”

“คุณจะสามารถไปต่อยตีกับคนอื่นได้อย่างไรกัน?”

“ตอนนี้กระดูกได้รับความเสียหายอีกครั้ง คุณจะต้องนั่งอยู่บนรถเข็นไปอีกสองเดือนเลย”

สีหน้าของฉินหนานเซิงมืดครึ้มลง เหลือบมองไปที่ซูสือเยว่และฉินโม่หานที่นั่งอยู่ไกลๆ ไม่ได้พูดอะไร

ยังคงต้องโทษซูสือเยว่ไม่ใช่เหรอ?

รู้ทั้งรู้ว่าลั่วเยียนกับท่านเวินคนนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างว่ากัน ยังจะไม่ยอมพูดกับเขาให้ชัดเจน ให้เขาเข้าใจผิดลั่วเยียน จนไปอวดเก่งไปทะเลาะกับท่านเวิน

และก็ยังรู้ด้วยว่า ท่านเวินคนนั้น เป็นทหารที่ปลดประจำการ!

ฉินหนานเซิงเดิมทีก็ไม่มีศิลปะการต่อสู้ติดตัวเลย และยังเป็นคนที่เพิ่งหายจากการป่วยหนัก……

ผู้อาวุโสไม่ได้ตีจนขาแข้งของเขาจนหักไปอีกรอบ ก็ถือว่าไว้หน้าเป็นอย่างมากแล้ว!

พอคิดถึงตรงนี้ ฉินหนานเซิงก็ไม่อดทนจะจ้องมองซูสือเยว่อย่างเอาเรื่อง

ฉินโม่หานหรี่ตาจ้องเขม็ง ปกป้องซูสือเยว่ไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน มองไปที่ฉินหนานเซิง น้ำเสียงเย็นชา:

“ท่านเวินกับคุณปู่ของคุณนั้นเป็นคนรู้จักกันมาหลายชั่วอายุคน ถ้าหากว่าคุณใช่สมองตรวจสอบสักหน่อย ก็คงไม่ผิดพลาดขนาดนี้ออกมาหรอก”

“นี่มันเป็นความผิดของตัวคุณเอง อย่ามาโทษสือเยว่ของพวกเรา”

ฉินหนานเซิงเบะปาก “แต่เธอหลอกให้ฉันเข้าใจผิด”

ซูสือเยว่ยักไหล่:

“ฉันยอมรับ ฉันหลอกให้คุณเข้าใจผิดจริงๆ”

“แต่ว่าฉินหนานเซิง คุณเคยคิดมาก่อนหรือเปล่าว่า จุดสำคัญของเรื่องนี้นั่นคือปัญหาของคุณ?”

“ถ้าหากว่าคุณนั้นไว้ใจลั่วเยียนด้วยใจจริง คุณจะยังสงสัยว่าลั่วเยียนจะทำเรื่องพวกนั้นได้อย่างนั้นเหรอ?”

“เหมือนฉันกับฉินโม่หาน……”

เธอพูดไป ก็หันศีรษะไปมองฉินโม่หาน “ถ้าหากว่ามีคนบอกกับคุณมา ฉันไปเรื่องแบบนั้น คุณจะเชื่อหรือเปล่า?”

ฉินโม่หานหยิบสตรอว์เบอร์รี่ด้วยท่าทางสง่างามใส่ปากของซูสือเยว่:

“ฉันจะต่อยปากคนนั้นให้ฟันร่วง”

ฉินหนานเซิง: “……”

นี่เขาไปทำบาปทำกรรมอะไรเอาไว้ ทั้งบาดเจ็บแถมยังต้องเสียภรรยาไป และยังต้องมาอยู่ที่นี่มองซูสือเยว่กับฉินโม่หานพลอดรักหวานดูดดื่มอีก?

“ที่จริงแล้วนะฉินหนานเซิง”

เห็นฉินหนานเซิงไม่พูดไม่จา ซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สุดท้ายก็มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อย่างตรงไปตรงมา:

“ฉันคิดว่าคุณควรจะต้องคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณลั่วเยียนใหม่อีกครั้งหรือเปล่า?”

“คุณไม่เชื่อใจเธอขนาดนั้น พวกคุณอยู่ด้วยกันไปก็คงไม่มีความสุข”

“ไม่อย่างนั้นคุณปล่อยเธอไป หาผู้หญิงคนอื่น แล้วเริ่มต้นใหม่เถอะ”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท