สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 433 สารภาพรัก

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

พอเห็นฉินหนานเซิงปรากฏขึ้น เป้าหมายของพวกนักข่าวก็เปลี่ยนตามกันไป และวิ่งมาถ่ายฉินหนานเซิงอย่างบ้าคลั่ง

ใบหน้าของเฉิงลู่แสดงความตกใจ และรีบปิดบังอย่างรวดเร็ว แกล้งทำเป็นท่าทางดีใจวิ่งไปหาฉินหนานเซิง

“ลูกจ๋า ในที่สุดแม่ก็เจอลูกเสียที!”

“ช่วงที่ผ่านมาลูกคงลำบากแย่เลยซินะ รีบกลับบ้านกับแม่ดีไหม?”

ขณะพูด ก็ลากมือของฉินหนานเซิงไปด้วย อยากจะบังคับพาคนกลับบ้าน

สามีของเธอรับปากแล้ว เพียงแค่ไม่ให้ลูกชายเข้ารับการผ่าตัด ก็จะซื้อบ้านพักตากอากาศริมทะเลให้เธอหลังหนึ่ง มูลค่าแปดสิบล้านหยวนเลยเชียวนะ!

บ้านพักตากอากาศถึงจะไม่อยู่ก็ยังสามารถให้คนอื่นเช่าถ่ายละครได้ ต่อไปราคาก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่ยังไงก็จะต้องได้เงินมากมาย!

พอคิดถึงตรงนี้แล้ว เฉิงลู่ก็หยุดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น

ถึงเธอนั้นจะใช้กำลังไปมากมายขนาดนั้น แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบนั้นกลับลากให้ฉินหนานเซิงขยับเขยื้อนไม่ได้เลย

ฉินหนานเซิงยังคงเอนนั่งอยู่บนรถเข็นด้วยท่าทางที่ไม่สนใจไยดี อารมณ์กลับไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะไปเลยสักนิด

เฉิงลู่เห็นถึงความผิดปกติ สีหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยนไป

“หนานเซิง ลูกได้ยินที่แม่พูดหรือเปล่า?”

ในที่สุดฉินหนานเซิงก็เลิกเปลือกตาเหลือบมองเฉิงลู่

แต่สายตาที่เย็นชาชวนขนลุกขนาดนั้น ทำให้เฉิงลู่ตกใจจนถอยหลังไปสองก้าว

ฉินหนานเซิงไม่ได้สนใจเธอเลย และเปิดปากพูดอย่างช้าๆกับกล้องของฝูงชน

“ไม่มีใครบังคับให้ผมบริจาคไต และยิ่งไม่เกี่ยวกับการอยากได้สมบัติของอาเล็กของผมจนต้องทำร้ายร่างกาย ทั้งหมดนั้นเป็นความสมัครใจของผมเอง”

“เมื่อก่อนเป็นผมเองที่ไม่รู้จักรักและทะนุถนอม ถึงได้ทำให้ลั่วเยียนผิดหวังในตัวผม และออกจากวงการเพื่อผม”

“เป็นผมที่หน้าหนามาขอให้ลั่วเยียนยกโทษให้ เพียงแค่เธอไม่หย่ากับผม จะให้ผมทำอะไรผมก็ยินดี”

เสียงชัตเตอร์ดังไม่หยุด สายตาของฝูงชนที่เต็มไปด้วยความตกใจและสงสัยเคลื่อนมาตกอยู่ที่ตัวของฉินหนานเซิงและลั่วเยียน

ฉินหนานเซิงให้สัญญาณกับไป๋เฉิงให้พาเขาไปตรงหน้าลั่วเยียน

สีหน้าของเฉิงลู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ชี้ไปที่จมูกของฉินหนานเซิงพูดด่า: “ฉินหนานเซิง คุณมันบ้าไปแล้วใช่หรือเปล่า?”

ฉินโม่หานส่งเสียง “จุ๊”ออกไป ให้คนกดเฉิงลู่เอาไว้ไม่ให้ขยับ

“คุณช่วยเงียบให้ผมหน่อย”เสียงของฉินโม่หานนั้นเมินเฉยและเย็นชา

ส่งสายตาเยือกเย็นที่ไร้ซึ่งอุณหภูมิความร้อนใดๆ

ฉิงลู่ตกใจสั่นไปทั้งตัว ถูกสายพิฆาตที่เต็มไปด้วยไอสังหารทำให้ตกใจจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้

ไป๋เฉิงผลักฉินหนานเซิงไปด้านข้างของลั่วเยียน สีหน้าของลั่วเยียนเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ตั้งแต่จนจบไม่ยอมมองฉินหนานเซิง

ฉินหนานเซิงถอนหายใจ ทันใดนั้นก็ลุกจากรถเข็น จากนั้นก็ใช้ขาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของเขา คุกเข่าลงไป

ในสถานที่มีเสียงสูดลมหายใจดังขึ้น

ลั่วเยียนเองก็ตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวเช่นเดียวกัน

ฉินหนานเซิงหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากในกระเป๋า เปิดออกและหยิบแหวนเพชรออกมา

“นี่คือต้องการขอแต่งงานหรือเปล่า?”

“แหวนวงนั้นสวยมากเหลือเกิน!”

“จะไม่สวยได้ยังไงกัน? แหวนวงนั้นพูดไปแล้วคงจะมีถึงยี่สิบเอ็ดกะรัตเลยนะ!”

“แพงมากหรือเปล่า?”

“แพงหรือเปล่า? ก็บ้านพักตากอากาศริมทะเลหลังหนึ่งได้”

ประเด็นร้อนในวงสนทนาของพวกนักข่าวโดนเบี่ยงเบนไปในทันที

ฉินหนานเซิงเงยหน้ามามองลั่วเยียน เห็นน้ำใสเป็นประกายในดวงตาของเธอ บนใบหน้าแสดงว่าทำอะไรไม่ถูก

เขาเลยหัวเราะเสียงเบาออกมา ยิ้มพร้อมกับดวงตาที่ค่อยๆแดงขึ้น

“เมื่อก่อนที่พวกเราแต่งงานกันนั้นเป็นเพราะว่าอุบัติเหตุบางอย่าง การแต่งงานพวกเรานั้น ไม่เหมือนกับคนอื่น ไม่มีการขอแต่งงานไม่มีแหวนแต่งงาน แม้กระทั่งงานแต่งงานก็ยังไม่ได้จัด เพียงแค่ทั้งสองครอบครัวกินข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง”

“แต่ก็เพราะว่าเวลานั้นคุณยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นขนาดอาหารมื้อนั้นก็ยังไม่ได้มีความสุขมากเท่าไหร่”

“หลังจากแต่งงาน พวกเราก็ยังทำเลวทรามขนาดนั้น เอาแต่ก่อเรื่องทำร้ายจิตใจของคุณ หลังจากนั้นคุณตื่นขึ้นมา ก็ดูแลเอาใจใส่ผมอย่างทั่วถึงไม่มีขาดตกบกพร่อง เพราะว่าคุณตามใจผมเสมอ จนผมเสียนิสัย ทำให้ผมไม่รู้สึกตัวว่าคุณนั้นให้ความสำคัญกับผมขนาดไหน”

“ท้ายที่สุด ผมที่ยังทำตัวเหมือนเด็กก็ยังจะทำให้คุณผิดหวัง คุณตัดสินใจที่จะหย่ากับผม ผมคิดอย่างไร้เดียงสาว่าถึงจะไม่มีคุณก็ไม่เป็นไร”

“แต่ความจริงแล้วผมนั้นคิดผิด”

บรรยากาศในสถานที่เงียบสงัด ตั้งใจฟังคำพูดเหล่านั้นของฉินหนานเซิงอย่างเงียบๆ เดากันไปว่านี่มันหมายความว่าอะไร

“ความจริงแล้วผมหลงรักคุณมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าผมไม่กล้าที่จะยอมรับมัน แม้ว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองผิดพลาดไปแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไป เพราะว่าผมกลัวว่าคุณจะหัวเราะเยาะ เป็นถึงฉินหนานเซิงผู้สูงส่ง ก็ยังมีวันที่ต่ำต้อยแบบนี้ได้

“ผมยิ่งกลัวว่าคุณจะปฏิเสธผม กลัวว่าคุณจะไม่เหลือเยื่อใยกับผมอีกแม้แต่น้อย กลัวว่าถึงผมจะแก้สถานการณ์กลับมาได้อย่างยากลำบากแค่ไหน ก็อาจจะไม่พอให้คุณหันกลับมา”

น้ำตาของลั่วเยียนนั้นควบคุมไม่ได้จนร่วงหล่นลงมา เธอเกิดความสงสัยว่าตัวเองโกรธจนเกิดภาพหลอนหรือเปล่า

ฉินหนานเซิงจะมาพูดจาน่าฟังแบบนี้กับเธอได้ยังไง กลัวว่าขนาดในความฝันเอง เธอก็ไม่เคยกล้าที่ร้องขอ

แต่ฉินหนานเซิงก็ยังพูดต่อ ถึงเส้นทางพัฒนาของความรู้สึกในจิตใจของเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แยกวิเคราะห์ทั้งหมดอย่างชัดเจน

ที่แท้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แต่เขาชินกับการถูกลั่วเยียนประจบประแจง ถูกเธอวิ่งไล่ตาม ดังนั้นตอนนี้บทบาทสลับกัน ทำให้เขาปรับตัวไม่ได้ในทันที จึงทำเรื่องโง่ๆออกไปมากมาย

“เป็นผมเองที่โง่เง่าเกินไป”

ฉินหนานเซิงเองก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลเช่นเดียวกัน ดวงตาที่มองลั่วเยียนนั้นเต็มไปด้วยความสงสารและทุกข์ใจ

“ผมรู้ถึงความผิดแล้วจริงๆ ลั่วเยียน คุณช่วยยกโทษให้ผมได้หรือเปล่า? พวกเราอย่าหย่ากันเลยนะ ผมจะจัดงานแต่งงานให้คุณอีกครั้งดีหรือเปล่า?”

“ผมจะทำให้คุณมีความสุข และจะปกป้องคุณเอาไว้จนวันตาย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำร้ายคุณได้”

สายตาที่ส่องสว่างของฉินหนานเซิงนั้นจับจ้องไปที่ลั่วเยียน หายใจถี่

กลัวว่าจะได้ยินคำตอบปฏิเสธจากปากของเธอ

ซูสือเยว่ซาบซึ้งใจเช็ดคราบน้ำตา คล้องแขนของฉินโม่หาน

“ฉินหนานเซิงนี่พูดได้ดีจริงๆ พูดได้จริงใจขนาดนี้ ขนาดฉันเองยังซาบซึ้งเลย”

ฉินโม่หานหันศีรษะมามอง ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้: “ชอบแบบนี้?”

“หือ?”ซูสือเยว่ไม่เข้าใจความหมาย

“อยู่ดีๆผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าผมเองก็ไม่เคยขอคุณแต่งงานมากก่อนเลย อยากจะทำให้สมบูรณ์ด้วยกันหรือเปล่า?”

ซูสือเยว่: “……”

อย่าตามคนอื่นได้หรือเปล่า เป็นตัวเองไม่ดีหรือไง?

ฉินโม่หานไม่ได้พูดอะไรอีก ร่วมกับซูสือเยว่มองไปที่ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนด้วยกัน

พวกนักข่าวทั้งหลายถูกคำพูดของฉินหนานเซิงจนรู้สึกตื้นตันใจกันไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นใครที่อยู่ดีๆพูดประโยคออกมา: “ตอบตกลงเขาเถอะ!”

คนอื่นเหมือนตื่นจากฝัน เกลี้ยกล่อมตามกันไปด้วย

“ตอบตกลงกับเขา! แต่งงานกับเขา!”

พวกนักข่าวที่เมื่อสักครู่ดุร้ายคุกคามกลับกบฏกันถ้วนหน้า เฉิงลู่เห็นแบบก็โมโหสุดขีด โมโหจนถลึงตาใส่พวกนักข่าวที่ไม่มีหลักการพวกนี้ อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับพบว่าปากของตัวเองนั้นถูกคนปิดปากเอาไว้อย่างรวดเร็ว

บอดี้การ์ดที่ปิดปากของเธออยู่นั้นยิ้มเย็นชามืดมน

ฉากที่น่าประทับใจขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลาย!

ลั่วเยียนไม่ให้คำตอบมาโดยตลอด สายตาของฉินหนานเซิงที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและเปล่งประกายสว่างไสว ค่อยๆเปลี่ยนเป็นมืดมน

นี่ยังไม่ได้เหรอ? ลั่วเยียนไม่ยอมให้อภัยเขาจนถึงที่สุดเหรอ?

ฉินหนานเซิงเองก็ไม่อยากที่จะบังคับให้เธอตอบตกลง ถ้าหากว่าไม่ใช่สิ่งที่เธอยินดีด้วยตัวเอง ถึงจะตอบตกลงเธอเองก็คงจะไม่มีความสุขเช่นเดียวกัน

ฉินหนานเซิงสูดลมหายใจ ตัดสินใจที่จะยืนขึ้นด้วยตัวเอง

คิดไม่ถึงว่าคุกเข่าข้างเดียวเป็นเวลานาน ขาอีกข้างก็ไม่มีเรี่ยวแรง เวลาที่จะลุกขึ้นเลยยืนทรงตัวมั่นคงไม่ได้

ร่างกายโซเซ ล้มลงอย่างไร้ทางขัดขืนในทันที ลั่วเยียนกลับตาไวมือไวพยุงเขาไว้อย่างทันท่วงที

“ไม่รู้หรือไงว่าขาของตัวเองบาดเจ็บอยู่? ยังจะมาคุกเข่านานขนาดนี้อยู่อีก!”ลั่วเยียนไม่สนเรื่องอื่น โวยวายใส่ฉินหนานเซิงทันที

ฉินหนานเซิงมีความเศร้าใจ “ไม่มีคุณ ขาหายดีไปก็ไม่มีความหมายอะไร”

ลั่วเยียนขมวดคิ้ว: “ฉินหนานเซิง นี่คุณขู่ฉันหรือเปล่า?”

ฉินหนานเซิงตะลึง

ตอบอย่างรีบเร่ง: “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ”

สีหน้าของลั่วเยียนไม่ค่อยดี แต่ก็ยังยื่นมือไปที่ฉินหนานเซิ

เสียงสูดลมหายใจดังขึ้นทั่วทั้งสถานที่

ฉินหนานเซิงมองไปที่ลั่วเยียนแข็งค้าง เป็นเวลานานก็ยังไม่ขยับเขยื้อน

ลั่วเยียนขมวดคิ้ว ทั้งยังยกมือที่อยู่ตรงหน้าของฉินหนานเซิง

“อึ้งอะไรอยู่อีก?”

หัวใจของฉินหนานเซิงเต้นรัวเร็ว รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วจนจะกระโดดออกมาจากข้างในลำคอ เพราะว่าตื่นเต้นเกินไป เขานึกไม่ถึงเลยว่าขนาดคำพูดยังไม่รู้เลยว่าจะพูดยังไงดี

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท