ด้วยผมที่มันเงาและนัยตาสีแดง แม้ว่าเขาไม่อยากที่จะยอมรับ แต่สิ่งที่เขาพบนั้นคือใบหน้าของฮาโรลด์ที่มันไม่ใกล้เคียงกับคนญี่ปุ่นเลยสักนิด,ห่างไกลจากคำว่าชาวเอเซียยิ่งนัก ด้วยส่วนสูงราวๆ 140 เซนต์ และอายุประมาณ 10 ขวบเห็นจะได้
ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในชุดเสื้อเชิตสีขาวผูกด้วยคอร์สไทด์และกางเกงขาสั้น ภาพที่แสดงให้เขาเห็น ณ ตอนนี้มันช่างดูราวกับภาพวาดของเด็กชายผู้ดูโดดเด่นและมาจากตระกูลผู้สูงศักดิ์
ฮิราซาวะ คาซูกิ ที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็น ฮาโรลด์ สโตร์ก แม้มันยากที่จะยอมรับ แต่เพราะภาพเหล่านี้ ทำให้เขาแทบที่จะยอมรับแล้วว่านี้มันคือความจริง
เพราะถ้าพูดกันด้วยหลักเหตุผล สิ่งเหล่านี้มันคงยากที่จะเข้าใจได้ ก็นะ คงจะดีกว่าถ้าหากจะมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝันบ้าๆ ไม่ใช่ ฮิราซาวะ คาซูกิ อาจจะสลับร่างกับ ฮาโรลด์สโตร์ก หรือไม่ก็ จู่ๆความทรงจำของ ฮิราซาวะ คาซูกิ ผุดขึ้นมายึดเข้าของร่างนี้
อาจเพราะหมดแรงจูงใจที่จะหาคำตอบให้กับตัวเอง เขารู้สึกหมดพลังที่จะก้าวยืนต่อไปไหว ในขณะที่เขากำลังวางมือไปค้ำที่หัวเข่านั้น จู่ๆความรู้สึกแห่งความเกลียดชังก็เอ่อล้นออกมาภายในใจเขา มันทำให้เขานั้นหายใจอย่างลำบาก ภาพที่เขามองเห็นนั้นเริ่มที่จะขาวโพลนเพราะความวิงเวียน ท้องไส้ของเขาเริ่มปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง
รึว่า ? เรื่องบ้าๆพวกนี้มันจะจบลงได้ เพียงแค่ผมทิ้งตัวลงนอนกันนะ- ด้วยความรู้สึกที่เขาไม่ต้องการจะแบกรับสิ่งใดอีก คาซูกิได้ทิ้งร่างของเขาลงสู่เตียง หลังจากนี้ในตอนที่เขาตื่นขึ้น เขาคงทำเพียงแค่เช็ดเหงื่อ และพึมพัมออกมา [ ผมเอะอะไปเองสินะ ทั้งหมดนี้มันเป็นเพียงความฝัน ] – นั้นคือสิ่งที่คาซูกิหวังเอาไว้ และในขณะที่สติของเขากำลังจะเลื่อนลอยออกไป กลับมีเสียงเคาะที่ประตู มันได้เรียกสติของเขากลับมา
[ . . . . เข้ามา ]
แม้ว่าเขาจะมีความคิดที่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนั้นผุดขึ้นในใจ แต่ก่อนที่เขากำลังจะทำแบบนั้น เขากลับยอมแพ้และตอบกลับไป
อีกอย่าง. . .
มันจะยังไม่แน่ชัดว่าคนที่ตอบกลับไปแบบนั้นเป็นจิตของฮาโรล์ดหรือคาซูกิกันแน่. . .
( อ่าา , แต่ผมไม่ได้คิดที่จะพูดว่า [ เข้ามา ] ทันทีสักหน่อย )
คาซูกินั้นไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักมารยาท แต่กลับเรียกคนๆนั้นเข้ามาอย่างห้วนๆ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนอยู่หลังประตูนั้นคือใคร เอ๊ะรึว่า ? ร่างของเขาตอบสนองไปด้วยตัวของมันเอง ?
และเมื่อหลังจากเขาตอบกลับไป มันจึงไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงนำร่างที่หมดพลังของเขาลุกขึ้นพร้อมกับคิดถึงสิ่งที่ร่างของเขานั้นตอบกลับไปเอง และนั้นมันยิ่งทำให้เขาจิตตก
แทบจะไม่ต้องรอ ผู้มาเยือนได้เข้ามาในห้องโดยทันที เป็นชายที่มีผมสีเทาเปิดประตูเข้ามา เขาก้มหัวทำความเคารพและเดินเข้ามาภายในห้อง เมื่อได้มองหน้าของเขาชัดๆ คาซูกิจำคนผู้นี้ได้ทันที
นอร์แมน เขาเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของคฤหาสน์แห่งนี้ ที่ชื่อว่า – 『Conscience of the Stokes house ] และเหล่าผู้เล่นเกม ต่างเรียกตัวละครที่พวกเขาชื่นชอบคนนี้ว่า [ นอร์แมนซัง ]
เพราะเขานั้นเป็นเพียงแค่หัวหน้าพ่อบ้านและไม่ใช่คนในสายเลือด เขาจึงไม่ได้เป็นคนในตระกูลสโตร์ก
ไงก็ตาม เขานั้นกลายมาเป็นหัวใจหลักในหลายๆอีเว้นท์ระดับสูงและเป็นตัวละครสำคัญในตละกูลสโตร์ก
และตอนนี้เขาได้ก้าวเข้ามาภายในห้องของคาซูกิ(ฮาโรลด์)
[ ขอภัยที่กระผมมารบกวนขอรับ ]
[ แกมีธุระอะไร ? ]
[ คือว่า กระผมต้องการจะปรึกษากับท่านฮาโรลด์เกี่ยวกับ . . . ]
คำพูดของนอร์แมนขาดช่วงออกไป . .
อาจเพราะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ คาซูกิจึงจ้องไปยังใบหน้าของนอร์แมน และเมื่อเขาทำแบบนั้น นอร์แมนจึงกล่าวต่อ . .
[ บางที ท่านอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบาย ?ดังนั้น . . ]
[ ไม่เป็นไร ]
[ แต่ว่าใบหน้าของท่าน— ]
[ ข้าบอกแกไปแล้วว่า ไม่เป็นไร ]
เขาพูดตัดบทอย่างไม่ใยดีราวกับไม่สนใจถึงความเป็นห่วงของนอร์แมนเลยซักนิด ถึงแม้ว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมาย แต่เขาก็ไม่คิดที่จะสารภาพออกไปตรงๆว่า — [ ที่จริงแล้ว ดูเหมือนว่าผมนั้นจะกลายมาเป็นฮาโรลด์คุงอ่าครับ ] — แล้วอีกอย่าง ในตอนที่เขาจะปฎิเสธนอร์แมนอย่างอ่อนโยนนั้น มันกลับกลายเป็นว่าปากของเขาแปลคำพูดของเขาออกมาในแบบของฮาโรลด์ด้วยตัวของมันเอง ทั้งคำก่อนหน้า [ เข้ามา ] ด้วย นั้นก็คือฝีมือของพลังปากหมาของฮาโรลด์ ช่างเป็นความสามารถที่น่ารำคาญสุดๆ
เพราะท่าทางที่ฮาโรลด์แสดงออกมานั้น มันทำให้นอร์แมนรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ นั้นเพราะเด็กชายฮาโรลด์ ผู้ซึ่งนอร์แมนนั้นทราบดีว่าทั้งอารมณ์รุนแรง ขาดความยับยั้งชั่งใจ และเป็นลูกคุณหนูมาทั้งชีวิต เขามักจะวิ่งหนีสิ่งที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด และทำลายทุกๆสิ่งที่เขานั้นไม่ชอบ
พ่อแม่ของเขาเองก็ดันถือหางปล่อยตามใจเขาจนเคยตัว ถ้าจะให้ยกตัวอย่างละก็ ถ้าหากฮาโรลด์กำลังรู้สึกว่าตัวเองป่วย เขาก็จะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดเสียง แทนที่เขาจะอดทนเอาไว้แบบที่กำลังทำ ณ ตอนนี้ อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่วันนี้ ที่เขาไม่ได้ทำแบบที่ทำตามปกติ เขากลับบอกให้พูดออกมาต่อ แม้ว่าใบหน้าของเขาตอนนี้นั้นมันดูแย่เอามากๆก็ตาม
นอร์แมนคิดว่าเขาควรที่จะมาสนทนาด้วยใหม่หลังจากนี้ แต่ทว่าเมื่อเขามองไปยังดวงตาขอฮาโรลด์ มันราวกับพยายามบอกว่า – [ เร็ว พูดออกมาได้แล้ว ] นอร์แมนจึงตัดสินใจที่จะกล่าวต่อ
[ . . . ถ้างั้น กระผมขอรวบรัดเลยนะขอรับ คือว่ากระผมอยากจะขอร้องให้ลดการลงโทษลงให้กับคลาร่าขอรับ ]
เมื่อเขาได้ยินอย่างงั้น มันทำให้คาซูกินึกขึ้นได้กับความจริงที่ว่าตอนนี้ชีวิตของคนๆหนึ่งอยู่กำลังในกำมือของเขา อาจเพราะความช๊อคกับความจริงที่ว่าเขานั้นได้กลายมาเป็นฮาโรลด์นั้นใหญ่เกินไป ทำให้เขาลืมเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ซะสนิท
ปากของเขานั้นพูดประโยคในเหตุการณ์นั้นออกไปเอง มันประมาณว่าเขานั้นต้องการที่จะใช้หญิงรับใช้คนนี้เพื่อมาเป็นหนูทดลองเวทย์มนตร์ชนิดใหม่ของเขา ทั้งๆที่คาซูกิไม่มีความตั้งใจที่จะทำแบบนั้นเลยซักนิด และในกรณีนี้ เขาเองก็คงต้องการที่จะตอบตกลงกับคำขอร้องของนอร์แมนโดยทันที แต่ทว่า . เขานั้นกลับไม่สามารถพูดมันออกไปได้
มันไม่ใช่เพราะฮาโรลด์ขัดขวางความตั้งใจของเขา แต่เป็นเพราะคาซูกิเอง ที่กลืนคำพูดตอบตกลงนั้นลงไป
—–นั้นเพราะเขานั้นได้มีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเกมส์นี้ และถ้าจะเคลียเกมนี้แล้วละก็ จำเป็นต้องให้เนื้อเรื่องดำเนินไปตามแบบที่เขารู้มานั้นเอง—–
ถ้าหากทำตามเนื้อเรื่องภายในเกมส์แล้วล่ะก็ หญิงรับใช้คนนั้น คลาร่า เธอจะต้องถูกเผาจนตายโดยเวทย์มนตร์ของฮาโรลด์ และผลที่ได้ ลูกสาวของเธอ “คลอเล็ต” จะถูกขับไล่ออกจากดินแดนของสโตร์ก ทั้งๆที่เธอไม่มีญาติพี่น้อง และไม่นานนัก คลอเล็ต ในตอนที่เธอกำลังจะตายเพราะความอ่อนล้าทั้งกายและใจ เธอก็จะถูกช่วยเหลือไว้ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ภายใต้การดูแลของครอบครัวตัวเอกในเกมส์นี้
สรุปคือ คลอเล็ตคือตัวละครหลักของเกมส์นี้และถ้าหากคลาร่าถูกช่วยไว้แล้วละก็ , คลอเล็ตก็จะไม่ได้พบกับตัวเอกของเรื่อง และนั้นมันจะทำให้เหตุการณ์แตกต่างจากเนื้อเรื่องหลักจนเกินไป
คาซูกินึกขึ้นได้และนั้นทำให้เขาจึงไม่ตอบตกลงนอร์แมน
ในท้ายที่สุด แม้ว่ามันก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่
แม้ว่าคลาร่าจะถูกช่วยไว้หรือถูกฆ่า มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่คลอเล็ตจะพบกับตัวเอกของเรื่องและกลายมาเป็นเพื่อนของตัวเอก ปรากฎการณ์นี้มักจะถูกเรียกว่า “ประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจถูกเปลี่ยนแปลง”
และถ้าหากปรากฎการณ์นี้มันมีจริงแล้วละก็ คาซูกิคงจะยินดีเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าผลมันจะออกมาดีหรือร้าย มันก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องกังวลอะไรนัก
( หากเป็นความจริง ที่เนื้อเรื่องภายในเกมส์ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ และอนาคตของผมคงมีจุดจบไม่สวยนัก คิดซะว่าไอ้พลังแบบนี้มันไม่มียังดีกว่า )
แต่ถ้าเขาไม่ช่วยคลาร่าแล้วละก็ จิตใจของคาซูกิคงแหลกอย่างไม่มีชิ้นดีแน่นอน โดยทางตรงกันข้าม ถ้าหากไอ้สิ่งที่เรียกว่าพลัง”ประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจถูกเปลี่ยนแปลง”มันไม่ทำงาน โดยใช้เพียงแค่ความรู้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องของเขา คาซูกิก็สามารถหลบเลี่ยงเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นโดยฝีมือฮาโรลด์ได้ และมันคงไม่ยากจนเกินไปที่เขาจะสามารถแสดงตัวตนในแบบที่ไม่ต่ำไปกว่าที่เขาตั้งใจเอาไว้ และแล้วแสงแห่งความหวังเริ่มส่องประกายในใจของคาซูกิอีกครั้ง
( สำหรับเป้าหมายนั้น หากผมแสดงตัวตนเปลี่ยนแปลงจากเนื้อเรื่องจริงๆมากจนเกินไป แบบนี้ผมคงเสียความได้เปรียบ แม้ว่ามันจะเป็นแผนที่ขี้โกงไปหน่อย แต่ถ้าผมสามารถดำเนินเรื่องไปในจนถึงบทสรุปของเรื่องในทิศทางที่เหมาะสม โดยไม่เปลี่ยนแปลงลำดับเหตุการณ์สำคัญๆในเรื่องแล้วล่ะก็ … ! )
ก็นะ ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรเลยและปล่อยให้มันดำเนินเรื่องตามเนื้อเรื่องจริงๆ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า คาซูกิคงจะตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้รอดจากเดธแฟ็กอันนั้น อย่างไรก็ตาม มันยังมีปัจจัยหลายๆสิ่งที่เป็นเดธแฟ็กในเนื้อเรื่องเดิมที่เขานั้นยังไม่รู้ แต่อย่างน้อย ในโลก RPG แห่งนี้ โลกที่ความตายอยู่รายล้อมตัวเรา ไอ้โลกแบบนี้ การที่เรารู้อนาคตอย่างคร่าวๆนั้นถือว่าได้เปรียบเป็นอย่างมาก แต่ถ้ารู้แล้วยังเพิกเฉยต่อมันอีก เส้นทางข้างหน้าก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น
ด้วยเดธแฟ็กที่มากมายจนถูกเรียกว่าโลกของผู้ที่เหมาะสมเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ดังนั้นเพื่อที่จะหากำลังสนับสนุนและเอาชีวิตรอด เขาจึงปล่อยให้เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นตามเนื้อเรื่องเดิม เพราะมันคงจะไม่เป็นอะไรถ้าหากเขามุ่งไปตามเนื้อเรื่องเดิมโดยที่หักธงไปเรื่อยๆ
อย่าหาว่าโม้เลย ถึงกระนั้นคาซูกิยังคงทำได้เพียงให้กำลังใจตัวเองอยู่เงียบๆว่าเขานั้นสามารถแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ก็เขายังไม่อยากที่จะตายนินา
นอร์แมนถึงกับผงะเมื่อได้เห็นสายตาของคาซูกิ มันเป็นสายตาที่เก็บซ่อนความแน่วแน่ในเรื่องอะไรบางอยู่อยู่ภายใน นั้นเพราะ เขาไม่เคยพบที่เด็กชายคนนี้จะมีสายตาแบบนี้มาก่อนเลยซักครั้ง
[ คลาร่า ? แม่คนรับใช้นั้นรึ ? โอหัง แกกำลังจะบอกให้ข้าลดตัวลงไปช่วยเหลือแม่นั้นงั้นเรอะ ! ]
คาซูกิรู้สึกเสียใจแทบจะในทันทีที่เขาเปิดปากพูด สำหรับคาซูกิแล้ว เขาตั้งใจจะพูดว่า –[ คุณคลาร่าคือหญิงรับใช้เมื่อซักครู่สินะครับ คือผมก็ต้องการที่จะช่วยเธอเหมือนกันครับแต่ว่า ผมช่วยเหลือเธอแบบโจ่งแจ้งไม่ได้อ่าครับ ] — ไอ้ปากของผมมันก็แปลเป็นภาษาปากหมาแล้วพูดออกไปแบบนั้นเอง
ในขณะที่คาซูกิกำลังท้อแท้กับตัวเองอยู่
นอร์แมนถึงกับจมอยู่ในอารมณ์จิตตกถึงขีดสุดเลยทีเดียว
( นี้มันแย่แล้ว )
คาซูกิรู้สึกผ่านทางร่างกายของเขาได้เลยว่าบรรยากาศที่นอร์แมนซังปล่อยออกมาตอนนี้มันแย่สุดๆ และเส้นทางต่อจากนั้น ค่าความถูกเกลียดของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกมากแน่ๆ แค่ตอนนี้ก็ถูกเกลียดเอามากๆอยู่แล้ว และก่อนที่มันแย่ไปกว่านี้ คาซูกิจึงเร่งรีบพูดประโยคต่อมา
[ ถ้าแกอยากจะช่วยนัก ไสหัวแกออกไปซะ แล้วไปคิดวิธีมาบอกข้า แล้วข้าจะรับฟังมันเอง ]
[ มะ , หมายความว่า !! ]
[ อย่าต้องให้พูดซ้ำ ไสหัวออกไปซะ ]
ดูเหมือนว่าสกิลปากหมาของคาซูกิ จะพ่นคำพูดหยาบคายออกมาได้ดีเกินที่เขาหวังไว้มากนัก แต่นั้นมันก็ทำให้นอร์แมนออกจากห้องนี้ไปได้ตั้งแต่ครึ่งประโยคแรก เมื่อมองดูเขาออกจากห้องไปพร้อมกับแสดงความขอบคุณ คาซูกิถึงกับโล่งใจที่ยังมีคนเข้าใจความหมายของเขาที่พยายามจะสื่อออกมาได้
หลังจากทิ้งตัวลงที่เตียง และได้คิดๆดูแล้ว คาซูกิเริ่มได้คิดดีๆอย่างถี่ถ้วน เขานั้นไม่สามารถจะหลีกหนีความจริงก่อนหน้านี้ได้ ตามเท่าที่ปากของเขายังเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นปันหาอย่างมาก เพราะกว่าจะแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นให้เข้าที่เข้าทาง ภาพลักษญ์ของเขาคงติดลบลงเรื่อยๆเป็นแน่
– ” ไม่ใช่ว่าผมควรจะยอมแพ้งั้นรึ ” – มันอาจจะจริงที่ว่าเขาควรจะยอมแพ้ให้กับเรื่องนี้ แต่ทว่า ถ้าหากลองจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นแล้ว เหตุการณ์นั้นก็คือการตายในโลกนี้ และไม่ต้องสงสัยเลย คาซูกิคงจะตายไปจริงๆ ถึงแม้ว่ามันยังมีโอกาสที่เขาจะสามารถกลับไปโลกเดิมของเขาได้โดยตายซักครั้งที่โลกนี้ แต่ว่า . . มันคงเสี่ยงเกินไปที่เขาจะกล้าลอง
แล้วก็ จนกว่าเขาจะหาเงื่อนงำในการที่จะหลีกหนีกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ได้นั้น ทางที่ดีที่สุดก็คงเป็นเอาชีวิตรอดในการเป็น ฮาโรลด์ สโตร์ก และดำเดินเรื่องราวให้เหมือนกับเนื้อเรื่องเดิมโดยที่หลีกเหลี่ยงเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆไม่ให้เกิดขึ้น และในท้ายที่สุดในการดำเดินเรื่องราวให้ใกล้เคียงกับเนื้อเรื่องเดิม ฉากจบของเรื่องนี้ก็คงเหมือนกับในโลกของเกมส์ [ Brave Hearts ]
แล้ว ? อะไรคือสิ่งที่คาซูกิควรทำตอนนี้น่ะรึ ? แน่นอน คือการรวบรวมข้อมูลอยู่แล้ว มันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ . .
คาซูกิ ผู้ที่ตอนนี้กลับมามีความหวังและพลังที่จะสู้ต่ออีกครั้ง เขาได้ลุกออกจากเตียงนอนและเริ่มรื้อค้นทั้งในลิ้นชักและหนังสือต่างๆไปทั่ว และผลจากการกระทำนั้น นอกจากสิ่งของทั่วๆไปที่เขาพบ เขายังพบพวกไอเทมต่างๆที่ปรากฎอยู่ในเกมอีกด้วย
เกือบทุกอย่างที่ถูกเก็บไว้บนชั้นวางหนังสือมันเกี่ยวกับศาสตร์เวทย์มนตร์หรือไม่ก็ชีวประวัติ และส่วนใหญ่นั้นมีภาพประกอบเกือบทั้งหมด , ช่างโชคดีที่คาซูกินั้นสามารถอ่านมันได้ เพราะหนังสือเหล่านี้ถูกเขียนขึ้นโดยใช้ภาษาญี่ปุ่น
ก็คาดเอาไว้อยู่แล้วละ เพราะโลกนี้น่ะมัน Made in japan . .
หลังจากเสร็จจากการค้นรอบๆอย่างคร่าวๆ เขาได้ตรงออกจากห้องและตะโกนเรียกทหารในเกราะเหล็กที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อนำเขาไปพบกับคลาร่า
[ เฮ้ย ไอ้โง่ ]
[ ครั– ครับผม ! ]
พลทหารพลันรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมก้มหัว
เห้อ . . เขาทำได้เพียงแค่เลิกคิดมากเกี่ยวกับภาษาที่เขาใช้พูดกับคนอื่นๆ ณ ตอนนี้
[ นำทางข้าไปยังคุกใต้ดินที่ซึ่งนังคนใช้ที่ชื่อคลาร่าถูกขังอยู่เดียวนี้ ]
[ ไปยังคุกใต้ดิน ? ]
[ หา ? แกมีปัญหา ? พูดออกมาซิ ]
[ ไม่!ครับไม่ กระผมไม่ขัดข้องขอรับ! ได้โปรด เชิญทางนี้ขอรับ ]
คุณทหารนำทางอย่างกระฉับกระเฉง เสียงของเกราะเหล็กกระทบกันอึกทึกไปทั่ว จนดูเหมือนจะเป็นการรบกวนคฤหาสน์ท่ามกลางราตรีที่เงียบสงบ ณ เวลานี้
เขาตามหลังทหารนายนั้นไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่แยกตัวอย่างสันโดด มันสูงราวๆ 3เมตรเห็นจะได้, ถูกสร้างมาจากหิน และมันตั้งอยู่ที่ด้านหลังของคฤหาสน์
[ ที่นี่คือคุกใต้ดินขอรับ ]
[ ในนี้มีคนถูกขังอยู่กี่คน ? ]
[ สำหรับตอนนี้ มีเพียงคนเดียวขอรับ แต่ว่า . . .]
ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่าแล้วล่ะก็ ก็คงมีแค่คลาร่าคนเดียวนั้นแหละที่อยู่ด้านใน สำหรับคาซูกิแล้ว มันช่างประจวบเหมาะเสียจริง
[ แกรออยู่ตรงนี้แหละคอยดูไว้ห้ามใครเข้ามาข้างในเด็ดขาด ]
[ ครั– ครับผม ! ]
สั่งให้ทหารคนนั้นยืนอยู่ที่ด้านนอก มีเพียงคาซูกิเพียงคนเดียวที่เข้าไปภายในหลังจากที่ประตูไม้ถูกเปิด
[ ทะ, ท่านฮาโรลด์ !? อุก! ]
ภายในห้องที่คับแคบ ที่นั้นปรากาฎร่างของยาม ที่กำลังอู้งานนอนขี้เกียจแผ่หลาอยู่บนเก้าอี้
ทหารคนนั้น พยายามลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็สะดุดจนล่วงลงจากเก้าอี้ คาซูกิไม่สนใจและยื่นมือไปยังลูกกรงที่อยู่ ณ มุมห้องทางซ้ายของห้องพัก มันคือทางที่จะลงไปยังคุก และเมื่อเขาออกแรงดึงมัน เขาก็พบว่ามันถูกล๊อคไว้อย่างแน่นหนา
[ เอากุญแจมาซะ ]
[ ครั- ครับผม ! ]
ทหารส่งกุญแจที่แขวนอยู่บนกำแพงให้กับฮาโรลด์ , เขาแทรกกุญแจเข้าไปยังรูกุญแจที่ประตูและเมื่อเขาเข้าไปยังอีกฝั่งของประตู มีเพียงเสียงลงกลอนดัง “แคล้ง” ได้ยินมาจากอีกฝั่ง
[ ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับนักโทษในคุกเพียงลำพัง , อย่าคิดแม้แต่จะเข้ามาในห้องนี้เด็ดขาด ! ]
เมื่อประตูถูกลงกลอน เขาคล่อยๆเดินลงบันไดที่นำเค้าไปยังคุกใต้ดินพร้อมกุญแจที่อยู่ในมือ แม้ว่าเขาเองไม่คิดที่จะใช้มันปลดล๊อคอะไรก็เถอะ แต่ว่ามีไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ณ ทางลงนั้นค่อนข้างอับชื้นและมืดจนมองทางไม่ค่อยชัด แต่ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงสถานที่ขังนักโทษแม้ว่าเขาจะยืนห่างจากลูกกรงซัก 10 ก้าวก็ตาม
สำหรับคุกแห่งนี้นั้นมีเพียง 4ห้องขัง ภายในห้องขังนั้นมีสิ่งของเพียงไม่กี่อย่างที่ดูคล้ายกับเตียงที่ถูกทำขึ้นจากฟางข้าวและอุปกรณ์สำหรับขับถ่ายที่อยู่อย่างโจ่งแจ้ง สำหรับที่กำแพงที่อยู่อีกด้านของคุกมีหน้าต่างเล็กๆอยู่บานหนึ่ง มันสูงเพียง 20 เซนติเมตร และกว้างเพียง 30 เซนติเมตร ซึ่งมันทำได้เพียงแค่ให้แสงเพียงเล็กน้อยลอดผ่านเข้ามาให้ความสว่างแก่คุกแห่งนี้
คาซูกิหยุดเท้าของเขาลงหน้าห้องขังที่คลาร่าถูกคุมขังอยู่
[ เพื่อไม่ให้ผิดตัว แกน่ะ , คลาร่า อีเมอร์เรล ใช่มั้ย ? ]
[ ทะ , ท่านฮาโรลด์ . . . ? ]
คาซูกิมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากรงขังของคลาร่า ซึ่งในจุดๆนี้คลาร่าไม่สามารถที่จะมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจนนัก ที่เธอจำได้นั้นเพราะน้ำเสียงและขนาดความสูงคร่าวๆของเงาคนๆนั้น
อย่างไรก็ตาม ความสังสัยได้เกิดขึ้นภายในใจของเธอ ทำไม ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
[ รึว่า . . . เวลานั้นมาถึงแล้วหรือคะ ? ]
น้ำเสียงของเธอดูช๊อค ก็นะ เพราะเจ้าเด็กผู้ชายคนที่พูดเรื่องที่จะใช้เธอเป็นหนูทดลองเวทย์มนตร์บทใหม่ของเขาได้ยืนอยู่หน้าเธอตอนนี้ เธอคงจะคิดว่า “คงถึงเวลาแล้วสินะ” มันจึงทำให้ใบหน้าของคลาร่านั้นซีดจนไม่มีแม้สีเลือดสักหยด
แต่ทว่า สิ่งที่ฮาโรลด์ตอบกลับมานั้นมันช่างต่างจากที่เธอคิดเอาไว้เป็นอย่างมาก
[ ถ้านั้นคือสิ่งที่แกต้องการ ข้าก็จะสนองให้ , แต่สำหรับตอนนี้ มันคือเรื่องอื่น ]
ฮาโรลด์ที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอกและหลังพิงกับลูกกรงอีกด้านหนึงของห้องขัง เธอมัวแต่คิดถึงเรื่องที่เด็กชายพูดว่า “มันคือเรื่องอื่น” ก็เธอน่ะ ทำงานในคฤหาสน์แห่งนี้มาได้ 2 ปีกว่าๆ และตลอดเวลามานี้เธอนั้นเคยได้พูดคุยกับฮาโรลด์มาอย่างนับไม่ถ้วน แต่ทว่าตอนนี้ สิ่งที่เด็กชายพูดอีกออกมามันทำให้เธอถึงกับเอียงคอด้วยความสงสัย
[ ระ,เรื่องอื่นหรือคะ ? ]
[ แค่ยืนยันอะไรบางอย่าง แกแค่ตอบคำถามข้าโดยไม่โกหกก็พอ ]
[ . . . ค่ะ ดิฉันจะตอบทุกคำถามที่ท่านถามค่ะ ]
คลาร่านั้นทำได้เพียงพยักยอมตกลงอย่างโดยดี นั้นเ
พราะความประพฤติของเด็กชายคนนั้นมันช่างต่างจากปกตินัก เพราะโดยทั่วไปแล้วเด็กคนนี้มักเป็นพวกเอาแต่ใจอย่างสุดโต่ง แต่ ณ ตอนนี้ เธอกลับถูกกลืนกินโดยบรรยากาศรอบๆตัวของฮาโรลด์ ที่ทั้งดูสงบและและใจเย็นซึ่งดูไม่เหมาะสมกับอายุของเขาเลยซักนิด
[ ครอบครัวแกยังมีใครอีกบ้าง ? ]
[ ดิฉันยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคนค่ะ ]
[ แม่นั้นชื่อ ? ]
[ เธอมีชื่อว่า คลอเล็ต ค่ะ ]
[ ญาติพี่น้องอื่นๆ หรือ คนที่ใกล้ชิดกับคนภายในครอบครัวนอกจากลูกแกละ ? ]
[ ดิฉันเดินทางออกจากเมืองบ้านเกิดกับสามี มันคล้ายๆกับหนีตามกันมาค่ะ และนั้นทำให้พวกเราถูกตัดขาดจากทางตระกูล , หลังจากนั้น 3 ปี เพราะ, เพราะว่าโรคร้ายนั้น , สามีดิฉันก็ . . . . ]
( นี้สินะเหตุผลที่ว่าทำไมคลอเล็ตไม่มีญาติพี่น้องคนไหนอีกนอกจากแม่ของเธอ )
วัตถุประสงค์จริงๆของคำถามพวกนี้คือเขาต้องการที่จะเปรียบเทียบกับความรู้ในเกมส์ที่ติดตัวเขามา คลาร่านั้นได้แต่งงงวยให้กับคำถามของเด็กชาย เพราะคำถามพวกนี้มันถามเกี่ยวกับสถานภาพโดยทั่วไปของเธอ ไม่แม้จะมีการลงโทษอย่างที่เธอคิดเอาไว้
[ ลูกแกอายุเท่าไร ? ]
[ เธอจะอายุย่างจะเข้า 9 ขวบ ปีนี้ค่ะ ]
[ แกมีประสบการณ์ในการใช้วิชาต่อสู้หรือใช้พวกเวทย์มนตร์ได้รึปล่าว ? ]
[ ไม่ค่ะ สิ่งพวกนั้นมันเฉพาะ . . . ]
แม้ว่าเวลาพึ่งจะผ่านไปไม่ถึง2-3 นาที แต่คาซูกิก็ได้ยิงคำถามรัวๆอย่างไม่หยุดพัก ซึ่งผลของมันก็ออกมาค่อนข้างดี เพราะข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมาจากคลาร่านั้นมันเหมือนกับความรู้ที่คาซูกิมี ด้วยข้อมูลพวกนี้มันทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรกับเธอต่อจากนี้
[ งั้นรึ แค่นี้ล่ะ ]
[ เดี่ยวค่ะ!!! ได้โปรดขอเวลาสักครู่ ]
คลาร่าได้อ้อนวอนต่อคาซูกิ ผู้ซึ่งตอนนี้กำลังเดินจากไป
[ . . . . อะไร ? ]
[ ถ้าหากดิฉันตาย , ลูกสาวดิฉัน . . . คลอเล็ตจะต้องอยู่เพียงลำพัง , ด้วยอายุเพียงแค่นี้ เธอไม่มีทางที่จะเอาตัวรอดได้ . . . ]
คลาร่ากล่าวออกพร้อมกับหยาดน้ำตา
[ ได้โปรด หลังจากที่ดิฉันตาย ช่วยดูแลลูกสาวดิฉันด้วยเถอะค่ะ ! เด็กนั้นไม่มีความผิด ได้โปรดเถอะค่ะ , ดิฉันขอร้องท่าน ได้โปรด . . . ! ]
แทนที่จะห่วงชีวิตของตัวเอง เธอกับร้อนรนเกี่ยวกับอนาคตของลูกสาวของเธอ เธอก้มขอร้องจนหัวติดพื้นดิน ก้มหัวให้กับเด็กชายผู้ซึ่งที่เธอควรจะเกลียดสุดขั้วหัวใจ เด็กชายที่เหมือนกับชายที่สั่งขังเธอ ถ้าหากเป็นฮาโรลด์ตัวจริงแล้วละก็ เขาคงหัวเราะและถากถางออกมาเป็นแน่
แต่สำหรับคาซูกินั้นแตกต่าง เขานั้นสัมผัสได้ถึงความรักของคลาร่า มันเป็นความรักของแม่คนหนึ่งที่มีแต่ลูกสาวของเธอ คาซูกิไม่มีทางที่จะหัวเราะให้กับแม่ผู้ซึ่งกำลังขอร้องเพื่อความสุขของลูกสาวของเธอ ไม่สนแม้กระทั้งชีวิตของตัวเอง และสำหรับเขา เขานั้นเชื่อว่าการคงอยู่ของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคลอเล็ต ไอ้เรื่องการฆ่าคนๆหนึ่งนี้เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา
[ รกหูรกตาจังวะ. . .ไอ้ภาพของคนโง่ที่กำลังทำเรื่องไร้ค่าและร้อนรนอย่างไร้ความหมายนี้ ]
สำหรับฮาโรลด์แล้ว นี้คือคำพูดปลอบใจในแบบของเขา ไม่มีทางที่เขาจะละทิ้งท่าท่างหยิงผยองนี้ได้
[ นะ , นี้มัน ท่านหมายความว่า . . ]
โดยที่ไม่ตอบคำถามของคลาร่า คาซูกิเริ่มที่จะเดินจากไป เพราะถ้าหากเขายังคงอยู่ต่อหน้าเธอมากกว่านี้ เขาคงจะต้องร้องให้ให้กับความเห็นอกเห็นใจเธอเป็นแน่
และเมื่อหันหลังให้กับเธอ คาซูกิได้กล่าวกับเธอออกมาสั้นๆ . .
[ ถ้าแกรักนางนัก ก็อย่าทิ้งนางไว้คนเดียวสิวะ ]
ผ่านไปเนิ่นนาน จนกระทั้งเสียงฝีเท้าได้เงียบหายไป และเสียงของลูกกรงเหล็กที่ประตูใหญ่ได้ถูกปิดลงดังก้องเข้ามาภายในคุกใต้ดิน คลาร่าได้แต่เหม่อลอยในความมืดมิด แม้ว่าฮาโรลด์จะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่คำพูดของเด็กชายยังคงดังก้องอยู่ภายใน
[ ความรู้สึกสิ้นหวังนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรเลยงั้นรึคะ . . ? ดิฉันยังสามารถกอดคลอเล็ตอีกครั้งด้วย2มือนี้อีกรึคะ . . . ? ]
ไม่มีคำตอบสำหรับคำพูดที่คลาร่าพึมพำมันออกมา มีเพียงแค่ความเงียบที่กลืนกินคำพูดเหล่านั้นเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้สึกคือ ความเงียบนี้ ช่างอ่อนโยน . .