My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 12

My Death Flags Show No Sign of Ending

[ การเพาะปลูกเป็นอย่างไรบ้าง ? ]

[ กระผมได้ยืนยันแล้วว่าการเพาะปลูก ใน 6 พื้นที่นั้นเป็นไปได้อย่างราบลื่น ส่วนเรื่องจำนวนผลผลิตนั้นยังคงได้แต่ประมาณอย่างคร่าวๆเท่านั้นขอรับ ]

[ อืม ข้าอยากที่จะขยายการเพาะปลูกออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่า . .  .]

[ ช่างน่าเสียดาย แม้พวกเราอยากจะเพิ่มกำลังผลิตให้มากกว่านี้ แต่ว่าพวกเรานั้นไม่มีจำนวนแรงงานมากพอขอรับ ]

[ และถ้าหากไม่ตรวจตราให้เข้างวด เหล่าฟาร์มที่เริ่มเพาะปลูกด้วยตนเองคงถูกผลกำไรได้นั้นบดบังจนหน้ามืดตามัวเป็นแน่ ]

 

     มันก็ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ตั้งแต่เริ่มการทดลองการปลูกผัก LP  และคาซูกิที่ตอนนี้กำลังยืนยันผลที่ได้กับนอร์แมนและเจค มันเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายที่ทำการทดลอง

     สถานที่ที่สนทนากันอยู่นั้นคือภายในห้องของฮาโรลด์ ที่จริงช่วงนี้ เขาแทบจะไม่ค่อยได้อยู่คนเดียวในห้องหรอก เพราะ นอร์แมน เจค และ เซ็น ต่างมาที่นี่บ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน

 

[ ข้าไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องการขาดแคลนแรงงานหรอกนะ ไม่มีใครในคฤหาสน์แห่งนี้ที่พวกเราจะเอามาใช้งานได้อีกรึ ? ]

[ กรณีนี้มันยังคงเป็นไปได้ยากอยู่ขอรับ ถ้าหากพวกเขาลองขอ อีเรียส หรือ ซาซัน มาช่วยงานได้อยู่ขอรับ แต่นั้นมันคงเป็นไปได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นขอรับ ]

 

     ชื่อ 2 คนที่นอร์แมนเอ่ยออกมานั้น คือเหล่าทหารที่ได้ช่วยในแผนการช่วยเหลือคลาร่า แต่การที่จะให้พวกเขามาทำงานเกี่ยวกับการเกษตรทั้งๆที่เขายังต้องทำงานเดิมของพวกเขาไปด้วยนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ ตามที่นอร์แมนกล่าว มันคงเป็นได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น. . .

 

[ ชิ แล้วถ้าข้าจ้างคนภายนอกมาทำงานล่ะ . . . ? ]

[ คนภายนอกงั้นรึขอรับ  ? ]

[ ก็เช่น ถ้าข้าถามท่านพ่อว่าข้าอยากได้ผู้ช่วยส่วนตัวแล้ว . . . ไม่สิ นั้นมันไม่ดีแน่ ถ้าหากไอ้หมอนั้นถูกแนะนำมาโดยท่านพ่อแล้วล่ะก็. .  การเคลื่อนไหวของพวกเราจะยิ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม ]

 

เจคได้หยุดคาซูกิ(ฮาโรลด์) ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะคิดอะไรอยู่และเริ่มที่จะพึมพัมบางอย่างอยู่คนเดียว . . .

 

[ ท่านฮาโรลด์ขอรับ ให้กระผมอ่านรายงานต่อนะขอรับ ]

[ หึ? อ่า เกี่ยวกับดินเป็นอย่างไรบ้าง ]

[ ขอรับ เกี่ยวกับดินที่ใช้ในพื้นที่ทดสอบนั้น จากที่สังเกตมันยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากขอรับ ]

 

     ในระยะสั้น พื้นที่ทดสอบที่ถูกใช้นั้นเป็นพื้นที่บ้านของเจค เขาไม่ปลูกอะไรเลยนอกจากพืช 3 ชนิดนี้

สิ่งที่เขาต้องการจะยืนยันด้วยตนเองนั้นคือปัญหาที่เกิดขี้นเกี่ยวข้องกับดิน ในเมื่อเหล่าชาวสวนจะต้องปลูกผักแบบ LP เป็นระยะยาว ด้วยเหตุนี้ ถ้าผืนดินแห้งเหี่ยวลงจนไม่สามารถที่จะใช้ปลูกอะไรได้ต่อไปอีก พวกเขาก็จะหยุดแผนการปลูกผัก LP ไว้ก่อนโดยทันที

 

[ จนถึงตอนนี้ มีการเก็บเกี่ยวไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง ? ]

[ เรดกรู๊ด 7 ครั้ง เบลทูบเบอร์ 6 ครั้ง และ บูลน่า 11 ครั้ง กระผมนำพวกมันมาลองทำอาหารดูอยู่ตลอด และมันก็ไม่ได้มีรสชาติที่เปลี่ยนแปลงไปขอรับ ]

[ เรื่องที่แจ้งมาถือว่าไม่เลวนัก แต่ว่าจำนวนการทดลองยังคงน้อยเกินไป ดำเนินการทดลองเพาะปลูกต่อและเฝ้าดูกระบวนการเอาไว้ให้ดี และ . . . ]

 

     สิ่งเหล่านี้ กลายมาเป็นเรื่องปกติของคาซูกิที่จะต้องมาดูแลบริหารจัดการสิ่งพวกนี้ 2-3 วันครั้ง เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่ตลอด ถึงแม้สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้นั้นมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำเลยซักครั้งในสมัยเรียน แต่เขาก็รู้สึกว่าสิ่งนี้มันต้องประสบผลสำเร็จเป็นแน่ ถึงแม้ว่าในอนาคตยังมีปัญหามากมายรออยู่ก็ตาม และในเมื่อเขาใช้สมองของเขาในทางที่แตกต่างจากที่เขาเคยใช้อยู่เป็นประจำสมัยเรียนโรงเรียนหรือมหาลัย อาจเป็นเพราะเขาใช้งานมันหนักไปหน่อย ร่างกายของเขาเริ่มที่จะประท้วงออกมาแล้ว

     และหลังจากที่เสร็จสิ้นการประชุม. . . ด้วย 2 มือที่กำลังถือดาบ คาซูกิลากขาของเขามุ่งตรงไปยังลานกว้างในป่าหลังคฤหาสน์ ที่ซึ่งเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะมันคือสถานที่ซึ่งถูกใช้ในแผนช่วยเหลือคลาร่าเมื่อตอนนั้น

และมันคือที่ๆเดียวที่เขาจะสามารถเหวี่ยงดาบอย่างสุดพลังได้อย่างสบายใจ

แม้ว่าเขาเพิ่งจะมาถึง เขาก็เริ่มต้นที่จะคลายกล้ามเนื้อของเขาทันทีอย่างที่เคยทำเป็นปกติ

การฟัน 3 ครั้งซ้อน ฟันลง , ฟันขึ้น , หมุนตัวฟัน

     แต่ว่าความเฉียบคมของการเหวี่ยงและความเร็วของดาบตอนนี้นั้นมันมาถึงระดับที่ไม่สามารถจะเอาไปเทียบกับตอนที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกได้เลย ใครก็ตามที่ได้มาเห็นทักษะดาบ ณ ตอนนี้ คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดูราวกับสามารถฟันอากาศจนแยกออกจากกันได้

แต่ว่า เทคนิคดาบของคาซูกิ(ฮาโรลด์) ไม่ได้หมดเพียงแค่นี้

     เขาได้ปิดตา ผ่อนคลายลมหายใจและประสาทสัมผัสลง

ความเงียบได้กลับมาปกคลุมเพียงชั่วขณะ ทันใดนั้น คาซูกิก็เริ่มเคลื่อนใหวอีกครั้ง

     ในวินาทีต่อมา เขาได้ใช้ท่าโจมตี 3 ครั้งซ้อน ซึ่งเหมือนกับเมื่อซักครู่ 

และสิ่งที่แตกต่างจากเมื่อสักครู่อยู่ในส่วนถัดไปนี้

ในจังหวังที่เขากำลังหมุนตัวฟัน ตัวดาบนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยสายฟ้า

 

[ [ ไรจิน(เทพสายฟ้า) ] ]

 

     เป็นดั่งคำกล่าว ในจังหวะที่ดาบถูกเสียบลงที่พื้นดิน ประจุไฟฟ้าได้ถูกปลดปล่อยออกมา

โดยที่คาซูกิเป็นศูนย์กลาง ประจุไฟฟ้า 8 สายได้พุ่งโจมตีสิ่งต่างๆอยู่โดยรอบ พื้นดินเกิดระเบิดขึ้น ก้อนหินที่ถูกเผาจนเป็นไหม้เกรียม และต้นไม้ที่หักโค่นลง

     ความยาวของมันนั้นประมาณ 3 เมตรได้ มันคือระยะโจมตีที่คาซูกิปลดปล่อยออกไป มันพุ่งเข้าปะทะทุกๆอย่างรอบตัวของเขา มันเป็นการโจมตีที่ต่อให้ศัตรูเยอะเพียงใดมันก็ไม่สนใจในเรื่องของจำนวน 

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังบ่นออกมาราวกับไม่เป็นที่พอใจนัก

 

[ ชิ ระดับแค่นี้มันยังใช้ไม่ได้ ]

 

     การโจมตีที่คาซูกิได้ใช้ไปเมื่อซักครู่นั้นมีชื่อว่า [ ไรจิน ] 1 ในท่าโจมตีขั้นต้นของเกมส์ [ Brave Hearts ]  ในตอนที่คาซูกิใช้มันสำเร็จในครั้งแรกนั้น ตัวของเขาเองก็ถึงกับผวา เพราะมันดูเหมือนสายฟ้าจริงๆเลยทีเดียว 

     แต่จริงๆแล้ว  สำหรับในเกมส์นั้นมันเป็นเพียงแค่สกิลกากๆที่ใช้ 5 mp เท่านั้นเอง 

ลองคิดดูสิขนาดเหล่าตัวเอกในเกมส์ยังสามารถเรียนรู้มันได้ตั้งแต่เลเวล 1 สกิลนี้ในเกมส์มันจะห่วยขนาดไหน

     และเหตุผลที่ทำไมเขาถึงไม่พอใจนั้นก็เพราะความรู้สึกลึกลับบางอย่าง มันเดือดพล่านอยู่ภายในใจเขามันบอกกับเขาว่าเขานั้นต้อง”ทำได้ดีกว่านี้”  

     แต่ตามปกติ จริงๆแล้วสายฟ้าควรจะออกมาเพียงแค่ 4 สายเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกผิดอะไรเลยเพราะของคาซูกิออกมาตั้ง 8 สาย 

     ตามเนื้อเรื่องในเกมส์นั้น ฮาโรลด์สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ทุกคุณลักษณะ แต่เวทย์สายฟ้านั้นคือว่าเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวของเขาได้เลย  และในเมื่อร่างกายของฮาโรลด์ได้ตะโกนออกมาภายในว่า “นี้ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของข้า” และเพื่อตอบรับกับคำเรียกร้องนั้น ในขณะที่กำลังเหวี่ยงดาบ คาซูกิได้ใช้การโจมตีผสานเวทย์ไรจินที่แว๊บเข้ามาในหัวของเขา

     ระดับของคาซูกิในตอนนี้นั้น มันเกินกว่าระดับที่เด็ก 10 ขวบทั่วๆไปจะเอื้อมถึงไปแล้ว

สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้มันเกินกว่าจะเรียกว่า ปกติ แล้วด้วยซ้ำ

ซึ่งเขาไม่ได้นึกถึงเลย ว่าถ้าคนอื่นมาเห็นเขาในตอนนี้นั้นจะรู้สึกอย่างไร . . .

 

(นะ , นี้มัน  .. ดูเหมือนดิชั้นจะได้มาเห็นบางสิ่งที่ร้ายแรงเข้าให้แล้ว)

 

     ราวกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จูโนะยังคงระงับอารมณ์ตัวเองอยู่ แต่ว่า ก็ปฎิเสธไม่ได้ที่จะมีเม็ดเหงื่อไหลลงมาที่แก้มของเธอ

     หลังจากดำเดินการตรวจสอบตระกูลสโตร์กมาได้ถึงจุดๆหนึ่ง เธอจึงหันมาตรวจสอบฮาโรลด์อย่างจริงจัง และเพียงแค่วันแรก เธอก็ได้มาพบฉากที่ทำให้เธอถึงกับลืมไม่ลง

     แม้ตอนที่เธอได้พบกับเขาในครั้งแรกนั้น ถึงเธอจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากการยิ้มแห้งๆ แต่จริงๆแล้ว ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเธอต่างกรี๊ดร้องออกมา

     และตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่เธอจะยิ้มออก ไม่ว่าเธอจะคิดถึงเรื่องนี้เพียงใด สิ่งที่ประจักษ์ นั้นคือ ฮาโรลด์นั้นไม่ธรรมดา

     เขานั้นเหวี่ยงดาบเหล็กนี้ได้โดยง่าย ทั้งๆที่ความยาวของมันเกือบจะเท่ากับความสูงของเขาเลยด้วยซ้ำ และความเร็วของดาบนั้นมันเทียบเท่ากับนักดาบที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน และยิ่งกว่านั้น ฮาโรลด์นั้นเขาสามารถใช้ได้ทักษะดาบพร้อมกับเวทย์มนตร์ได้ด้วย

     ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน แต่สำหรับจูโนะ เธอเชื่ออย่างสนิทใจว่าฮาโรลด์นั้นจะต้องมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่เป็นแน่

และนี่แหละคือปัญหา เพราะเธอไม่รู้ว่าความลับนั้นมันจะเป็นภัยต่อตระกูลซูเมะรากิและเอริกะหรือไม่

     ตามแผนการที่วางเอาไว้ล่วงหน้านั้น เธอคิดที่จะเข้ามาติดต่อสื่อสารกับฮาโรลด์ แต่สำหรับตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากเธอจะเปลี่ยนแผนกลับไปเตรียมตัวมาใหม่ ซึ่งดีกว่าจะมาด่อมๆมองๆอยู่แบบนี้ เมื่อคิดขึ้นได้ ในจังหวะที่เธอกำลังจะถอยออกจากตรงนี้โดยไม่ให้เกิดเสียง . . . 

ที่ด้านหลังของจูโนะ ที่ซึ่งเป็นจุดที่ฮาโรลด์อยู่ 

 

 “ฉึก” 

 

เสียงบางอย่างผ่านอากาศมาปักลงฉึก

 

(-!?)

 

     เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จูโนะได้แอบร่างของเธออย่างรวดเร็ว

เสียงนั้นมันฟังดูเหมือนกับเสียงดาบของฮาโรลด์ ที่ตอนนี้ มันได้หลุดออกจากมือของเจ้าของและปักอยู่กับต้นไม้ต้นที่จูโนะซ่อนร่างของเธออยู่

     มันเป็นการโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัวโดยโดยเล็งช่องว่างที่เกิดช่วงที่เธอกำลังใช้ความคิด ถ้าหากไม่มีต้นไม้อยู่ตรงนี้ล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลย มันจะเสียบทะลุร่างของเธออย่างแน่นอน

     สำหรับความจริงข้อนี้ จูโนะถึงกับหน้าซีด ถึงกระนั้น เธอก็ยังไม่เผลอส่งเสียงออกมา นั้นเพราะเธอนั้นได้ผ่านการฝึกฝนเรื่องแบบนี้มาแล้ว

     แต่ว่านี้มันเหนือกว่าสิ่งที่คิดไว้นัก เพราะเธอนั้นได้ซ่อนตัวอย่างแนบเนียนปลอดภัยในพุ่มไม้ ซึ่งตอนนี้จุดที่เธอคิดว่าปลอดภัยนั้นมันกลับกลายเป็นจุดเสี่ยงไปแล้ว

 

[ นั้นใคร ? อย่ามัวแต่มุดหัว โผล่หน้าออกมาได้แล้ว ! ]

 

ฮาโรลด์กล่าวคำพูดที่เย็นเฉียบออกมาอย่างเสียงดัง

     จูโนะได้แต่พยายามคิดแผนที่จะทำให้เธอรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ แต่ว่าไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็ไม่มีทางที่เธอคิดว่าจะสามารถตบตาเขาได้ ผู้ที่เห็นเธอได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเธอจะหลบอยู่ในที่กำบังมิดชิด นั้นจึงทำให้เธอยอมแพ้และปรากฎตัวต่อหน้าฮาโรลด์

ดวงตาของฮาโรลด์ถึงกับเปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่กระนั้น เขาก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว

 

( สำหรับท่าทีนี้ถือว่าปลอดภัยได้มั้นน๊า~? )

 

     การมองเห็นสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงขณะ มันคือความสามารถเฉพาะตัวของจูโนะ

แต่กระนั้น เธอก็ไม่รู้ถึงความหมายของมัน

แต่จริงๆแล้ว  คาซูกินั้นได้แต่มัวตกอึ้งอยู่

     ตอนแรกนั้น เขามัวแต่จดจ่อกับการฝึกซ้อมผสานเวทย์ไรจิน และดาบของเขาได้ลื่นหลุดจากมือขวาของเขา มันพุ่งตรงไปในทิศทางไม่คาดฝัน และหยุดอยู่โดยเสียบปักคากับต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตร

มันทำเขาได้ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเขารู้สึกว่าเหมือนจะมีอะไรบางอย่างตรงนั้นด้วย

     ในขณะที่คิดว่ามันอาจจะไปโดนใครสักคนและทำให้ใครบาดเจ็บรึปล่าว ซึ่งมันทำให้เขาเริ่มหน้าซีด เขาจึงส่งเสียงเรียกถามออกไปก่อน และในตอนที่เขากำลังจะออกวิ่งไปทางพุ่มไม้นั้น จูโนะก็ปรากฎออกมาจากหลังเงาของต้นไม้

     หากมองจากตรงนี้่แล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร คาซูกิถึงกับโล่งอก ที่เขาไม่ได้กลายเป็นฆาตกร

 

[ ดิชั้นไม่ได้เจตนาค่ะท่านฮาโรลด์~ ขอประทานโทษด้วยค่ะ ~ ]

 

     ในขณะที่คาซูกิกำลังกังวลเกี่ยวกับว่าจะทำอย่างไรดีให้ปากของฮาโรลด์ยอมกล่าวคำขอโทษออกมาได้นั้น ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ จูโนะก็ก้มหัวของเธอลง

     มันดูเหมือนว่าเธอกำลังขอโทษที่แอบดูการฝึกซ้อมของคาซูกิ(ฮาโรลด์) ซึ่งสำหรับคาซูกิแล้ว นั้นมันไม่เป็นอะไรเลย

 

[ หึ แอบซ่อนตัวอยู่ตามเงาต้นไม้ อวดดีนิ ถ้าหากแกไม่เรียนรู้จุดยืนของตัวเองซะบ้าง ซักวันแกคงได้เจ็บหนักแน่ ]

 

     “ถ้าหากคุณกำลังดูอยู่ละก็ ก็ออกมาดูในที่ๆผมสามารถมองเห็นคุณด้วยสิครับ เพราะถ้าหากผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ตรงไหน เดียวเผลอๆผมจะหลงพลาดทำคุณบาดเจ็บเอานะ” ไม่เลยซักนิด ที่ความกังวลใจของคาซูกิจะส่งผ่านออกมาจากคำพูดแบบนี้ได้เลย

ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าจูโนะเธอจะเข้าใจนะ

 

(เขากำลังบอกเตือนเรางั้นรึ ~ . . . )

 

     รับรู้ตัวตนของเธออย่างง่ายดาย,ไม่ทำอะไรทั้งสิ้นหรือแม้จะพยายามหยุดยั้งเธอซักนิด แต่ว่า. . มันก็ไม่มีช่องว่างที่เธอจะขัดขืนได้ เธอหมดท่าอย่างสมบูรณ์

สำหรับเธอแล้ว ฮาโรลด์นั้นไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถต่อกรได้ . .  

ถ้าเอริกะอยู่ตรงนี้ เธอจะปกป้องเอริกะได้อย่างไรกัน

 

“อย่าคิดที่จะทำแบบนี้อีกถ้าหากเธอยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป . . ”

 

นี้สินะ คือสิ่งที่เขาพยายามจะเตือนกับเธอ . . 

 

     มันไม่ใช่ว่าเธอจะประมาทเพราะมองว่าฮาโรลด์เป็นแค่เด็กนะ และเธอไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น

แต่ถึงกระนั้น เขากลับตรวจพบเธอได้โดยง่าย มันราวกับว่าเขานั้นรู้ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มอยู่แล้ว

มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปสำหรับเธอ 

คิดจริงๆหรอที่ว่าเธอจะสามารถสู้กับฮาโรลด์ได้? 

กับฮาโรลด์ที่พึ่งโชว์ความสามารถมากมายจนเธอรู้สึกว่ามันเป็นปริศนา

เขานั้นไม่ได้มีเพียงแค่พลังกาย แต่ว่าเขานั้นมีพร้อมในทุกๆด้าน . . 

 

[ หึ , เอาเถอะ แล้วยัยไข่ในหินนั้นทำอะไรอยู่ล่ะ ? ]

 

     จู่ๆฮาโรลด์ก็ถามคำถามนั้นกับจูโนะ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบกลับในทันที

นั้นเพราะอยู่ๆเขาก็เปลี่ยนหัวข้อ ทำให้เธองงอยู่ซักพักกว่าจะตอบคำถามนั้นออกมาได้ 

 

[ ร่างกายของท่านเอริกะยังไม่ค่อยจะดีเท่าไรค่ะช่วงนี้~ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยค่ะ ~ ]

( ถึงร่ายกายของยัยนั้นจะไม่ค่อยแข็งแรงก็เถอะ แต่นั้นมันก็ตั้ง 2 อาทิตย์แล้วนะ ไม่ใช่ว่ายัยนั้นกำลังป่วยหรอกรึ? . . . )

 

     ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวชมในตัวเมือง เอริกะบอกว่าเธอนั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร และหลังจากนั้นเธอก็ขังตัวเองอยู่ในห้องเกือบจะตลอดเวลา แทบจะไม่ออกมาเลยซักครั้ง แต่ก็ต้องขอบใจสำหรับสิ่งนี้ มันทำให้เขาอุทิศเวลาทั้งหมดไปกับการทดลองเริ่มต้นปลูกผัก LP 

     แต่ว่านี้มันก็นานแล้วนะ มันทำให้เขาเริ่มที่จะกังวล

“บางที่นี้อาจจะเป็นธงอะไรบางอย่าง” ระฆังเตือนภัยในการรับรู้วิกฤติภายในตัวเขาได้ดังขึ้น แต่มันคงสายเกินไปที่จะทำอะไรแล้ว

 

[ บางที ยัยนั้นอาจจะเป็นโรคคิดถึงบ้าน ทำไมแกไม่พากลับไปซะเดียวนี้เลยล่ะ? ]

[ ท่านจะไม่เย็นชาไปหน่อยรึค่ะ~? ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราว(TL:ส่วนนี้หมายถึงการมาพักที่คฤหาสน์) แต่ว่าเธอเป็นคู่หมั้นท่านนะคะ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งคะถ้าท่านจะอ่อนโยนกับเธอสักนิดก็ยังดี~? ]

 

ถ้าหากเขาทำแบบนั้นได้ ทุกวันนี้คงไมต้องมานั่งปวดหัวหรอก 

นั้นเป็นเพราะปากของฮาโรลด์ที่ราวกับอุปกรณ์สวมใส่ต้องสาปนี้ไง

 

[ ไร้สาระ อย่างที่เธอกล่าวนั้นแหละ ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับยัยนั้นเป็นเพียงชั่วคราว ข้าก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปสานสัมพันธ์อยู่แล้ว ]

[ ท่านหมายความว่าอะไรคะ~? ]

(อะ ซวยแล้ว ผมเผลอพูดมากเกินไปซะได้)

 

     เขานั้นไม่ควรที่จะทำแบบนั้นเลย นั้นเพราะมันอาจทำให้คนอื่นรู้ว่าเขานั้นวางแผนที่จะยกเลิกการหมั้นนี้ในอนาคต และคนเดียวที่รู้เกี่ยวกับสิ่งนี้คือ ทาซูคุ ผู้ที่ได้อ่านจดหมาย 

     แม้ว่าจดหมายนั้นจะถูกเขียนโดยคาซูกิ แต่ตอนนี้เขานั้นไม่ได้คิดว่าทาซูคุนั้นจะเชื่อทุกสิ่งอย่างในจดหมายนั้น

     นั้นคือเหตุผล ถ้าหากใครสักคนมารู้ว่าตัวของ ฮาโรลด์ สโตร์ก เองนั้นมีความตั้งใจที่จะยกเลิกการหมั้นนี้ ความเสี่ยงต่อแผนการณ์ยกเลิกการหมั้นนี้ก็จะยิ่งสูงขึ้น

 

[ มันไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องอธิบายมันแก่เธอ ]

 

     ไร้ซึ่งกับคำว่ามารยาท ใช้คำพูดเลี่ยงเลี่ยงที่จะตอบราวกับผู้พ่ายแพ้ คาซูกิถอยกลับไปยังคฤหาสน์ราวกับว่ากำลังวิ่งหนีจากจูโนะ แม้ว่าเขาจะรู้ถึงสายตาของจูโนะที่จ้องมองมาที่แผ่นหลังของเขาอยู่โดยตลอด แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจอะไรเธอ . . 

 

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท