ในคืนวันนั้นหลังจากที่ฮาโรลด์และทาสุคุตกลงร่วมมือกัน ม่านหมอกแห่งความมืดเริ่มแพร่ขยายไปทั่วท้องฟ้า เมฆหมอกที่หนาถึบแม้แต่แสงจันทร์ก็ไม่อาจเอื้อมถึงพื้นดิน มีเพียงห้องห้องหนึ่งที่มีไฟจากตะเกียงถูกจุดและเล็ดลอดออกมาสู่ความมืดยามราตรี
ภายในห้องนั้น เริ่มจาก ทาสุคุผู้นำตระกูล ภรรยาของเขาโคโยมิ และลูกสาวเอริกะ หัวหน้าพ่อบ้านคิริว และผู้ที่อยู่ในชุดทำครัวที่สะอาดเอี่ยมไม่มีแม้รอยเปื้อนราวกับเป็นเครื่องหมายทางการค้าของเธอ จูโนะ พวกเขาทั้งหมดต่างกำลังนั่งกันอย่างเงียบๆ
เพื่อไม่ให้บรรยากาศตรึงเครียดไปกว่านี้ ผู้นำตระกูล หรือก็คือทาสุคุเริ่มต้นกล่าวอะไรบางอย่าง
[ เอาล่ะ ดูเหมือนว่าเธออยากจะรายงานอะไรบางอย่างสินะ จูโนะ ? ]
[ ค่ะ มีบางสิ่งที่ดิฉันจะต้องแจ้งนายท่านและท่านเอริกะให้ทราบค่ะ ]
มันเป็นคำพูดที่กล่าวออกมาอย่างเงียบสงบ ต่างจากปกติที่เธอมาจะพูดด้วยน้ำเสียงยืดยาวเหนือยๆเหมือนทุกที
[ รายงานต่อเอริกะ ? ]
[ ค่ะ ดิฉันได้รับคำสั่งโดยตรงจากท่านเอริกะเช่นกัน ]
ด้วยคำพูดเหล่านั้น สายตาทั้งหมดที่กำลังจ้องไปทางจูโนะก็หันเหไปทางเอริกะทั้งหมด ราวกับรับรู้ความรู้สึกนั้น เธอจึงก้มหัวของเธอเองอย่างช้าๆ
[ หนูขออภัยค่ะท่านพ่อที่สั่งการไปโดยพลกาลเพื่อความต้องการของลูกเอง แต่ว่ามันมีบางสิ่งที่หนูจำเป็นต้องยืนยันเรื่องนี้ให้ได้ ดังนั้นหนูจึงขอยืมพลังของจูโนะเพื่อทำมันให้สำเร็จค่ะ ]
[ บางอย่างที่ลูกจำเป็นจะต้องรู้ให้ได้? หมายความว่าสิ่งนี้เกี่ยวกับฮาโรลด์คุงใช่ไหม ? ]
[ ถูกต้องค่ะท่านพ่อ ท่านพ่อทราบถึงข่าวลือที่ท่านฮาโรลด์สังหารคนรับใช้และลูกสาวของเธอไหมคะ ? ]
[ อืม ในรายงานของจูโนะบอกไว้อยู่เกี่ยวกับข่าวลือนั้น ดูเหมือนว่าข่าวลือนี้จะแพร่สะพลัดไปทั่วดินแดนสโตร์กเลย ]
กระทั้งสายลับที่ถูกส่งเข้าไปตรวจสอบ แม้ว่าพวกเขาจะปลอมตัวเป็นพ่อค้าหรือนักท่องเที่ยวเข้าไปแทรกซึมในดินแดนของตระกูลสโตร์ก ก็ยังเคยได้ยินเรื่องที่สาวรับใช้และลูกของเธอถูกสังหาร อาจเพราะความเกลียดชังของประชาชนต่อตระกูลสโตร์กสูงอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ข่าวลือนี้หนาหูขึ้นเรื่อยๆ
[ ….. ค่ะ ดูเหมือนว่ามีความเป็นได้ที่ข่าวลือนั้นจะไม่เป็นความจริงค่ะ ]
[ ไม่เป็นความจริง ? หรือที่ลูกอยากจะบอกคือ 2 คนนั้นที่ถูกสังหารในข่าวลือยังมีชีวิตอยู่ ? ]
[ เพื่อที่จะสืบหาความจริง หนูจึงขอร้องให้จูโนะสืบค้นให้ค่ะ ]
ดังนั้น การที่จูโนะมาที่นี่ตอนนี้ก็เพื่อจะรายงานผลการตรวจสอบของเธอ ในเวลานี้ทุกๆสายตาต่างจับจ้องมายังจูโนะ พวกเขาทุกคนต่างรอคำพูดประโยคต่อไปของเธอ และเพื่อตอบรับสิ่งเหล่านั้น จูโนะเองก็ไม่ปล่อยให้เดธแอร์นานเกินไป
[ เกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้ ข่าวลือที่แพร่สะพัดอยู่นั้นเป็นการเข้าใจผิดค่ะ คนรับใช้ คลาล่า และลูกสาวของเธอ คลอเล็ต ทั้ง 2 ผู้ที่ควรจะถูกสังหารไปแล้วทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ ]
สำหรับรายงานที่กล่าวออกมานั้น ทาสุคุได้หลี่ตาของเขาลง และเอริกะที่ได้แต่นั่งก้มหน้า มือทั้ง2ที่วางอยู่บนหัวเข่าได้แต่กำแน่นด้วยความรู้สึกผิด ขณะมองดูเอริกะด้วยความเป็นห่วง จูโนะก็เริ่มกล่าวรายงานต่อ
[ จริงๆแล้ว ทั้ง 2 ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อว่า หมู่บ้านบร๊อช ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลบัลแลค ถึงแม้ว่ามันตอนแรกมันจะค่อนข้างยากสักหน่อย แต่ดิฉันได้รับการยืนยันเรื่องนี้จากตัวของพวกเธอเอง ]
[ อะไรที่เธอหมายความว่ายากรึ ? ]
[ แม้ว่าพวกเธอทั้ง 2 จะยังใช้ชื่อเดิม มันจึงค่อนข้างง่ายในการหาตัวพวกเธอจากการสอบถามผู้คนในหมู่บ้าน แต่ว่าเธอกับค้านหัวชนฝาที่จะพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ในครั้งนั้นค่ะ ]
จูโนะเองก็ได้รับรายงานจากลูกน้องของเธอที่มาตรวจสอบเรื่องนี้ให้เธอก่อนหน้านี้ว่าพวกเธอไม่ได้ให้ความร่วมมือใดๆเลย ดังนั้นจูโนะจึงมุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านนี้ด้วยตัวของเธอเอง และเมื่อเธอพยายามที่จะพูดคุยกับคลาร่า แม้ว่ามันจะไม่ถึงกับโดนปิดประตูใส่ แต่ดูเหมือนว่าคลาล่าไม่มีทีท่าจะยอมพูดความจริงเลยสักนิด
แต่ใช่ว่าจูโนะจะยอมกลับไปโดยมือปล่าว “ช่วยมั้ยด้ายสิน้าา~” และพยายามพูดคุยกับคลาร่าต่อ จนรู้สึกถึงความจริงบางสิ่ง
ดูเหมือนว่าคลาร่าจะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อฮาโรลด์เป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยืนยันด้วยตนเองว่าเป็นคนลงมือสังหาร 2 แม่ลูกจริง แต่เขากับปกปิดเพื่อช่วยเหลือ 2 แม่ลูกให้รอดชีวิต แม้ว่าข่าวลือเรื่องการสังหารโหดจะแพร่สะพัดออกไป เขาเองก็ไม่ส่งสัญญาณใดๆที่จะพยายามหยุดข่าวลือเหล่านี้ เมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ทำไมคนที่ควรจะถูกฆ่าตายไปแล้วกับรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อฮาโรลด์
เมื่อจูโนะตระหนักถึงข้อนี้ เธอจึงตั้งสมมุติฐานขึ้นมา หากสมมุติฐานของเธอเป็นจริง เธออาจใช้ข้อได้เปรียบนี้ทำให้คลาร่ายอมเปิดปาก
แน่นอนสิ่งเหล่านี้ มันเป็นอะไรคล้ายๆกับการเหยียบย้ำความรู้สึกของฮาโรลด์และคลาร่า
แม้จะไม่มีทางเลือก เธอได้แต่ยับยั้งความรู้สึกข่มขื่นและเริ่มต้นแผนการณ์ของเธอ
[[ ท่านฮาโรลด์กำลังแบกรับความอับอายของข่าวลือที่ถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นฆาตกรและเขาเองก็ยอมรับเรื่องนี้ด้วยตนเองด้วย ด้วยเหตุนั้น ประชาชนต่างพากันแห่ต่อต้านเขา แม้ว่าจะดูเหมือนท่านฮาโรลด์จะไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่จริงๆแล้วท่านฮาโรลด์ตอนนี้ดูไม่ค่อยดีเป็นอย่างมากค่ะ ดิฉันไม่ได้มีเจตนาที่ต้องการเปิดเผยความจริงใดๆสู่สาธารณะชน แต่ว่าถ้าหากคุณคลาล่าช่วยเล่าความจริงให้ดิฉันฟัง พวกเราจะคอยช่วยสนับสนุนท่านฮาโรลด์จากเบื้องหลังค่ะ ได้โปรดช่วยเล่าความจริงคิดซะว่าสิ่งนี้คือการช่วยท่านฮาโรลด์ค่ะ ]]
ดูเหมือนคำพูดอ้อนวอนที่ฟังดูเกินจริงของจูโนะจะเห็นผลพอสมควร เพราะทันทีที่จูโนะกล่าวออกมา ใบหน้าของคลาร่ากลายเป็นซีดเผือกและปิดปากของเธอด้วย 2 มือ น้ำตาได้ไหลลินออกมาจากดวงตาทั้ง 2
หลังจากช่วงเวลาที่เจ็บปวดดำเนินไป 2-3 นาที คลาล่าก็เริ่มต้นเล่าทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นให้จูโนะฟัง และจูโนะเองก็รู้สึกเสียใจ ที่จำเป็นต้องบีบบังคับให้คลาร่าต้องเล่าทุกอย่างออกมา
[ . . . . . เธอเล่าว่าอย่างไรบ้าง ? ]
[ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะเริ่มต้นเมื่อ 2 เดือนก่อนค่ะ เหมือนว่าตอนนั้นคลาร่าเกือบจะทำท่านฮาโรลด์บาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ ]
ตอนนี้ จูโนะกำลังถ่ายทอดทุกๆอย่างที่เธอได้ยินมาจากคลาร่าทุกๆคำไม่ขาดไม่เกินแต่อย่างใดกับทุกๆคนภายในห้อง
ด้วยเหตุการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นเป็นดั่งแรงกระตุ้นให้พ่อแม่ของฮาโรลด์เดือดดานและเกือบจะสังหารเธอ ฮาโรลด์ได้โกหกพ่อแม่ของตนโดยบอกพวกเขาว่าอยากจะทดสอบเวทมนตร์ที่พึ่งจะเรียนรู้มาใหม่กับหญิงรับใช้คนนี้และจับเธอขังไว้ในคุก เหตุที่พาเธอไปขังคุกก็เพราะต้องการที่จะซื้อเวลาให้เขาเตรียมแผนการเพื่อช่วยเหลือคลาร่า แน่นอนว่าลูกสาวเธอไม่อาจจะถูกทิ้งไว้เพียงลำพังได้ เขาจึงให้ลูกสาวของเธอเข้ามาอยู่ในแผนการณ์ช่วยเหลือด้วย
เขาได้เตรียมเงินจำนวนมาก รถม้า สิ่งของต่างๆ และมอบให้พวกเธอโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ และเขายังแบกรับข้อกล่าวหาไว้แต่เพียงผู้เดียวจนถึงตอนนี้เพื่อให้แน่ใจได้ว่าพวกเธอทั้ง 2 จะยังคงปลอดภัย
[ . . . . เธอกล่าวทั้งหมดนี้ออกมาทั้งน้ำตาค่ะ ]
หลังจากได้ฟังรายงานจากจูโนะ ไม่มีคำพูดใดๆออกมาอีกจากทุกๆคนในภายในห้อง ด้วยท่าทีที่เย้อหยิ่ง แต่เบื้องหลังฮาโรลด์กับเป็นคนที่เข้มแข็งและจิตใจดี และในเวลาเดียวกันเขาก็คงรู้ดีว่าจะต้องเจ็บปวดเพียงใดกับสิ่งที่ต้องแบกรับเอาไว้
คลาร่าเองก็รู้ในข้อนี้ดี แม้เธอจะเจ็บปวดใจเพียงใด แต่ว่าถ้าหากสิ่งนี้จะสามารถช่วยฮาโรลด์ได้จริงล่ะก็ เธอจึงยอมเล่าความจริงๆทุกๆอย่างแม้มันจะขัดต่อความรู้สึกของฮาโรลด์ก็ตาม
เอริกะได้ลุกขึ้นยืนและในทันทีที่เธอจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเลื่อนบานนั้น ทาสุคุก็หยุดเธอด้วยคำพูดว่า
[ เอริกะ ลูกมีแผนจะทำอะไรงั้นรึ ? ]
[ . . . . . ไม่มีแผนอะไรค่ะ หนูแค่ต้องการที่จะขอโทษท่านฮาโรลด์ ทั้งๆที่หนูไม่ทราบเรื่องอะไรเลยแท้ๆ ไม่แม้แต่จะพยายามสืบค้นหาความจริง หนูกับต่อว่าเขาด้วยอารมณ์ส่วนตัว ยิ่งกว่านั้น หนูถึงขั้นลงมือกับเขา ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้มันจะไม่สามารถอภัยได้ก็ตาม แต่ว่า อย่างน้อย . . . ]
มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เธอต้องการที่จะขอโทษฮาโรลด์กับเรื่องทั้งหมดด้วยความจริงใจ แต่ว่า ความคิดเหล่านั้นกับถูกขัดขวางโดยทาสุคุ
[ เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ยอบรับไม่ได้หรอกนะ ]
[ ทำไมล่ะคะ ? ]
[ สิ่งที่ฮาโรลด์ทำ และกำลังทำอยู่ มันมากมายก็จริง แต่ว่าเราต้องปล่อยให้เรื่องมันดำเนินไปต่อแบบนี้เพื่อเป็นการปกป้องตัวเขาเอง ในตอนนี้ การที่พวกเราทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว สิ่งที่พวกเราควรทำคือการเก็บความลับเหล่านี้ต่อไปโดยไม่ให้ใครก็ตามรับรู้ เพราะถ้าหากเขารู้ว่าความลับที่เขาพยายามปิดบังนั้นรั่วไหลออกไป ตอนนั้นฮาโรลด์คุงคงจะไม่สามารถเชื่อใจใครได้อีก เขาจะยิ่งระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น โดดเดี่ยวยิ่งขึ้นไปกว่านี้ ]
ถ้าเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น มันยิ่งเป็นอันตรายสำหรับฮาโรลด์ผู้ซึ่งพยายามสู้ด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอด มันเหมือนกับการผลักให้เขาเข้าสู้เส้นทางแห่งความโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าตัวฮาโรลด์เองจะสามารถจัดการมันด้วยตัวคนเดียวได้ก็เถอะ แต่ทว่าเส้นทางนั้นมันก็เต็มไปด้วยขวากหนาม
ภายใต้หน้ากากที่แสนเย้อหยิ่ง มันต้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากมายนับไม่ถ้วน และเมื่อถึงเวลานั้นจิตใจเค้าอาจแตกสลาย
[ มันก็จริงอยู่ที่ ลูกต้องการอยากจะขอโทษเขา แต่ว่าความรู้สึกผิดนั้นเกิดจากที่ลูกทำผิดต่อเขาจริงๆ ? หรือแค่ลูกให้อภัยตนเองไม่ได้กับสิ่งที่ทำเรื่องโหดร้ายลงไปกันแน่ ? ]
[ ! ]
นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมทาสุคุถึงหยุดเธอ แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันออกจะรุนแรงเกินไปสำหรับลูกของตัวเอง ในหัวของเธอ เอริกะเองก็เข้าใจดีในสิ่งที่ทาสุคุพยายามจะสื่อ แต่ว่าภายในใจของเธอไม่อาจสามารถยอมรับได้
[ . . . . . ถ้าเช่นนั้นลูกควรจะทำอย่างไรดีคะ ? อะไรคือสิ่งที่ท่านพ่ออยากจะให้หนูทำกันแน่!! ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองได้ ไม่แม้กระทั้งขอโทษออกไปได้ !? ]
ร่างของเอริกะได้ร้องไห้ออกมาเหมือนอย่างเด็กๆ ถึงแม้เอริกะจะทำตัวดูเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอด แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นเพียงแค่เด็ก การที่เธอแสดงออกมาเช่นนี้ แม้ว่าบางทีมันอาจจะดูไม่เหมาะสม แต่ทาสุคุก็เข้าใจดี และได้ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขาค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ และเดินตรงไปที่เอริกะ ค่อยๆลูบหัวของเธออย่างแผ่วเบา ที่ตอนนี้เธอสูงเพียงระดับเอวของเขาเท่านั้น
[ กลายเป็นคนที่คอยช่วยเหลือฮาโรลด์คุง เค้าเป็นคนพิเศษ และยังยอดเยี่ยมมาก เพราะเช่นนั้นมันเลยทำให้เค้าโดดเดี่ยว ]
จากที่ได้พูดคุยกับฮาโรลด์ ทาสุคุรับรู้บางสิ่งโดยสัญชาตญาณ บางที ตัวของฮาโรลด์เองจะมองโลกใบนี้ต่างจากพวกเรา ต่างจากคนทั่วๆไป เพราะไม่เช่นนั้น ประโยคที่ว่า “มันไม่มีใครเข้าใจได้หรอกนอกเสียจากข้าคนนี้” คงไม่ถูกเอ่ยออกมา
ในตอนนั้นเขากล่าวออกมาอย่างเศร้าสร้อย เด็กคนนี้คงรู้ตัวของเขาดีในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขาต่อไปในอนาคต นั้นคือสิ่งที่ทาสุคุรับรู้ได้ แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายกันแน่ ตัวของฮาโรลด์เองกับมีพลังที่สามารถต่อสู้กับความโดดเดี่ยวนั้นได้
ถ้าหากเป็นเด็กคนนี้ ไม่ว่าเส้นจะลำบากเพียงใด เขาก็จะไม่หยุดเดิน ทาสุคุรู้สึกได้ถึงความตั้งใจจริงของฮาโรลด์
[ ลูกต้องแก้ไขในสิ่งที่ลูกทำพลาดไป โปรดอย่าได้ขอโทษ ลูกต้องคอยดูเค้า ใกล้ชิดเค้าให้มากขึ้น ซับพอร์ตเค้า ช่วยเหลือเค้าในสิ่งที่เค้าพยายามจะทำให้สำเร็จ และพยายามเข้าใจในตัวของเค้าอย่างแท้จริง ]
[ ขยับเข้าใกล้ท่านฮาโรลด์ให้มากขึ้น… กลายเป็นคนที่เข้าใจในตัวของเขา . . . ]
[ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งยากที่จะทำให้สำเร็จได้ เพราะฮาโรลด์คุงเป็นคนพิเศษ แม้ว่าเค้าจะต้องการเพื่อนร่วมงาน แต่ใช่ว่าเค้าจะไม่ต้องการพวกพ้อง เอริกะพร้อมที่จะติดตามฮาโรลด์คุงรึปล่าว ผู้ที่พยายามทำทุกๆสิ่งด้วยตัวคนเดียว และเชื่อในการตัดสินใจของเค้า ? ]
นอกเหนือจากนั้น มันดูแน่ชัดว่าตัวฮาโรลด์เองพยายามจะผลักไสตัวของเอริกะออกไป ทาสุคุไม่คิดว่าการกระทำนั้นของฮาโรลด์จะไม่ใช่การกระทำที่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ
ที่ฮาโรลด์ทำแบบนั้นก็เพื่อตัวเอริกะเอง
นั้นเพราะ ไม่ว่าเอริกะจะอุทิศตนเพื่อฮาโรลด์เพียงใด บางทีมันอาจจะไม่ได้อะตอบแทนกลับมาเลยก็ได้ และอีกครั้งที่เป็นตัวเธอเองที่จะต้องเดินบนเส้นทางที่เจ็บปวด
[ .. . . ]
และเอริกะเองไม่ใช่เด็กๆที่ตอบรับ [ ได้ค่ะ! ] อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังให้ถี่ถ้วน นั้นก็เพราะ ไม่ว่าเธอจะคิดเข้าข้างตัวเองเพียงใด บางทีมันอาจไม่เป็นอย่างที่ทาสุคุกล่าวออกมา เธอเข้าใจดีว่ามันมีแต่ความเจ็บปวดที่รออยู่
หลังจากก้มลงมาสบตากับเอริกะ ที่ต้องนี้กำลังกัดลิมฝีปากของเธอแน่นด้วยความเสียใจ ทาสุคุก็กล่าวออกมาอย่างออกโยน
[ ไม่จำเป็นที่ลูกจะต้องให้คำตอบนี้ออกมาในทันทีหรอกนะ มันคงจะดีกว่าถ้าลูกได้ตัดสินใจหลังจากได้เรียนรู้หลายๆสิ่งจากตัวของเด็กคนนั้น แต่ก็ พ่อก็คิดว่าลูกก็ควรไปขอโทษในเรื่องที่ลูกโกรธจนลงไม้ลงมือกับเขาสักหน่อยก็ได้นะ ]
หลังจากเอริกะตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา [ ค่ะ … ] เขาก็ส่งเธอกลับห้องพัก เขาคิดว่าถ้าหากพูดอะไรกับเธอไปมากกว่านี้ เธอคงไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้
หลังจากเอริกะกลับห้องพักไปพร้อมกับจูโนะ ทาสุคุก็เผยรอยยิ้มออกมา
[ ในตอนที่การหมั้นหมายถูกตัดสินใจออกไป ลูกดูโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ตอนนี้ก็เช่นกัน ลูกดูเศร้าๆเหมือนกันตอนนั้นเลย ]
[ แต่เหตุผลที่ทำให้ลูกสาวของเรารู้สึกเศร้านั้นมันตรงกันข้ามเลยนะคะ ]
โคโยมิตอบกลับเขาออกมาพร้อมกับหัวเราะเล็กๆ
เมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะด้วยความตั้งใจของตัวเอริกะเอง เธอได้หมั้นกับบุคคลที่เธอไม่ได้เลือก มันทำให้ภายในจิตใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด
แต่สำหรับตอนนี้กลับต่างออกไป กับสิ่งที่เคยได้ทำร้ายคนๆนั้น และอยากจะได้รับความยอมรับจากเขา ถึงแม้ในข้อนี้ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะยังไม่ตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองก็เถอะ
[ ดีจังเลยนะ การได้เฝ้ามองเด็กๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ …. ]
[ คุณพูดอะไรออกมาคะ ? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่คุณได้เฝ้าดูลูกๆของพวกเราเติบโต ]
[ ถ้าพูดถึงความรู้สึกของลูกสาวพวกเราแล้วทำไมจะไม่รู้ล่ะพวกลูกๆของพวกเราเติบโตขึ้นแค่ไหน ช่างเถอะ คิริว อิสุกิตอบกลับมารึปล่าว ? ]
[ ขอรับ ดูเหมือนว่าท่านอิสุกิจะกลับมาถึงพรุ่งนี้ตอนเช้าขอรับ ]
ด้วยคำพูดของ คิริว ที่ได้แต่นิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ทาสุคุก็ได้ฉีกยิ้มออกมา
[ อืมสมกับเป็นเจ้านั้น ]
[ คุณก็รู้ว่าเด็กคนนั้นรักเอริกะแค่ไหน ถึงจะแค่การฝึกซ้อมก็เถอะ แต่ว่ามันจะไม่เกินไปหน่อยหรือคะที่จะให้ฮาโรลด์คุงมาต่อสู้กับเขา? ]
[ ไม่เป็นไรหรอก จากรายงานของจูโนะ ดูว่าฮาโรลด์คุงเองก็มีฝีมืออยู่พอควร มันคงไม่เป็นการยำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ]
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทาสุคุเองจะไม่คิดเลยว่าอิสุกิจะสามารถแพ้ได้ แต่ว่าหาก 2 คนนี้ได้สู้กัน มันเหมือนเป็นยากระตุ้นความเป็นเด็กในตัวของทาสุคุเองเช่นกัน จนเผลอแสดงมันออกมาทางใบหน้า
[ คุณทำหน้าไม่ดีเลยนะคะ ที่รัก ]
[ ก็มันหยุดคิดไม่ได้นี่นา หัวใจของข้ามันเต้นรัวๆเวลาที่ได้เฝ้ามองเหล่าเด็กๆที่จะมีอนาคตที่สดใสเหล่านี้ ]
[ นายท่านเองก็ยังคงเป็นเด็กอยู่สินะขอรับ ? ]
[ ฮ่าๆ ไม่ผิดหรอกนะ ]
[ เห้อ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เด็กผู้ชายก็คือเด็กผู้ชายสินะคะ ]
โคโยมิได้แต่โกรธหน่อยๆที่ได้เห็นภาพของทาสุคุและคิริวหัวเราะคิกคักกัน
ฮาโรลด์ ถึงแม้จะมีเหตุการณ์หลายๆอย่างไม่คาดฝันเกิดขึ้นแต่เขาก็ผ่านมันมาด้วยดี ตอนนี้เขาจึงกำลังนอนหลับอย่างมีความสุขบนฟูกที่ไม่เคยได้นอนแบบนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่า ไอ้พวกผู้ใหญ่พวกนี้กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่
.
และแล้ว เช้าวันต่อมา
ด้วยสีหน้าที่เย็นชา ฮาโรลด์ ผู้ที่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลากำลังนั่งทานอาหารเช้ากับ ทาสุคุ โคโยมิ และเอริกะ
และทันทีที่พวกเขาทานอาหารจนเสร็จ
[ ใช่แล้ว ฮาโรลด์คุง เกี่ยวกับเรื่องที่เราได้คุยกับเมื่อวาน ข้าได้เตรียมคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อไว้ให้แล้วนะ ]
ในขณะที่กำลังดื่มชาหลังมื้ออาหาร ทาสุคุก็กล่าวออกมา ด้วยคำพูดเหล่านั้นฮาโรลด์ถึงกับขมวดคิ้ว
[ นายดูจะรีบร้อนเสียจริงนะ ทั้งๆที่ข้าพึ่งจะพูดถึงมันเมื่อวานนี้เอง ]
[ ช่างโชคดีที่คนที่แข็งแกร่งบังเอิญอยู่ไกล้ๆแถวนี้พอดีน่ะ พอข้าลองถามเรื่องการประลองไป ดูเหมือนว่าเค้าจะตอบตกลงทันที ]
[ ไอ้หมอนั้นมันเป็นใคร ? ]
[ มันไม่น่าสนุกกว่าหรอถ้าหากเธอรอจนพบกับเขาด้วยตัวเอง ? เขาจะกลับมาถึงเช้าวันนี้แหละ แต่ว่า เธอพร้อมใช่ไหมนะ ? ]
[ สบายๆ นายเตรียมสถานที่ไว้แล้วใช่ไหม ? ]
โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะเบรกความใจร้อนของทาสุคุ ฮาโรลด์ได้แต่จ้องมองทาสุคุที่เผยรอยยิ้มออกมา
[ ถ้าเช่นนั้น พวกเราไปนั่งรถเล่นกันเถอะ เธอจะได้เตรียมตัวด้วย ? ]
ไม่ต้องรอให้นานหลังทาสุคุพูดเสร็จ ฮาโรลด์ก็ลูกจากที่นั่งเพื่อไปยังห้องของเขาเพื่อไปเปลี่ยนชุด เพราะชุดที่เค้าใส่อยู่มันยากเกินไปที่จะต่อสู้ในชุดที่คล้ายๆกับชุดยูกะตะที่ใส่ในโรงแรมในญี่ปุ่น
[ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฮาโรลด์คุงดูไม่เป็นอะไรเลยกับการนั่งทับส้น ]
[ ไม่แม้จะต้องขอคำอธิบายกับเหล่าคนรับใช้ เขาสวมชุดเหล่านั้นด้วยตัวของเขาเอง ทั้งวิธีการใช้ตะเกียบและสวมเสื้อผ้า ดูเหมือนว่าเขาจะมีความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมชาวสุเมรากิมากเลยทีเดียว ]
[ . . . . . มาคิดๆดูแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับดอกซากุระด้วยค่ะ ]
ครอบครัวสุเมรากิได้กล่าวสนทนากันพลางจ้องมองไปยังเบาะนั่งของฮาโรลด์ที่ตอนนี้ว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่นานนัก ร่างของฮาโรลด์ก็ปรากฎขึ้นในชุดที่เข้ามักจะสวมอยู่เป็นประจำ และในขณะที่นั่งอยู่ในรถม้า ผู้ที่นั่งไปกับเขาด้วย มีทาสุคุ คิริว แล้วด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เอริกะก็มาด้วย
เอริกะที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างกับฮาโรลด์ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ซึ่งฮาโรลด์เองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี
ไม่ผิดที่เธอจะเกลียดการที่ต้องมาด้วยแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่า ทาสุคุคงจะมีแผนบางอย่าง
ถึงจะให้เหตุผลไปเช่นนั้น แต่ฮาโรลด์ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาทำเพียงนั่งโยกเยกต่อไปเรื่อยๆบนรถม้าเท่านั้น
หลังจากผ่านมาสักพัก สถานที่ที่พวกเขามาถึงมันเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ สิ่งแรกที่เข้ามากระทบสายตาหลังจากลงจากรถม้าคือประตูทางเข้าถูกสูงเกือบ 10 เมตร ที่เปิดให้ลมผลัดเข้าออกตามสะดวก หลังจากก้าวเท้าผ่านประตูนั้นไปก็พบกับ พื้นที่กว้างขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และจากตรงนี้ถึงตรงนู่นนน เขาสามารถได้ยินเสียงดัง ‘don’ ของอะไรบางอย่างกระทบพื้นก้องอยู่ในหูของเขา
หลังจากเดินมาสักพัก ฮาโรลด์ได้ถูกพามาที่โรงฝึกที่มีบรรยากาศโอ่อ่าและมี 2 ชั้น
เหมือนดั่งโดโจที่เขารู้จัก หากเข้ามาจากประตูด้านหน้าจะสามารถทะลุเข้ามายังในสนามประลองได้ แต่ถ้าหากต้องการจะขึ้นไปยัง ชั้น 2 ต้องขึ้นบันไดที่ทำจากไม้ที่ตั้งอยู่ด้านนอกโรงฝึกเท่านั้น
ด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เกิดลวดลาย ทำให้ที่ชั้นนี้ดูไม่รู้สึกมืดหม่นและดูเหมือนจุดพักผ่อนเท่าไหร่นัก ในอีกมุมหนึ่งของโดโจ มีผู้ใหญ่หลายคนช่วยกันปูเสื่อทาทามิเป็นแนวนอนล้อมรอบพื้นที่แห่งนี้
ทันทีที่ทาสุคุและเอริกะเข้ามาจุดพักรับรอง ด้วยเสียงที่กู่ร้องและเต็มไปด้วยพละกำลังทั้งหมด พลันเงียบลงทันที ทุกๆคนต่างก้มหัวของเขาอยู่ในท่าทำความเคารพกันหมด
[ ต้องขอโทษด้วยที่มาเยือนอย่างกระทันหัน ข้าคงต้องขอยืมลานฝึกชั้นล่างซักหน่อยนะ ว่าแต่ อิสุกิมาถึงรึยัง ? ]
[ ถึงแล้วขอรับ ข้าน้อยเห็นเค้าเมื่อเช้านี้ ]
ทาสุคุพูดคุยกับกลุ่มคนที่อยู่ในโรงฝึกซึ่งเขาดูเหมือนกับจะเป็นผู้ดูแลที่นี่ และพวกเขาที่ถูกกล่าวถึงก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและความรู้สึกที่เถิดทูน มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน
พลางขณะมองดูฉากเหล่านั้น ด้วยการนำของคิริว ฮาโรลด์และคนอื่นๆก็ตามมาถึงที่ชั้น 1 ของโดโจ
ที่นี่มันคือสนามไว้สำหรับแข่งขันเคนโด ถูกแบ่งเป็น 2 สนาม และหลังคาเปิดโล่ง
มันมีที่นั่งสำหรับรับชมการแข่งขันอยูที่ด้านบนชั้น 2 และอาจเพราะทาสุคุเดินทางมาหรืออะไรบางอย่าง จำนวนของคนที่มามุงดูรอบชั้น1 จึงเพิ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แต่สำหรับฮาโรลด์ การที่มีผู้ชมมันไม่ได้ทำให้เขาใส่ใจ เพราะดวงตาทั้งคู่ของเขานั้นกำลังจับจ้องไปยังที่กลางโรงฝึก
ที่นั้นมีเพียงเด็กผู้ชายคนนึ่งกำลังเหวี่ยงดาบไม้อยู่กลางโรงฝึก เขาดูแก่กว่าฮาโรลด์เล็กน้อย อาจจะราวๆ 12 13 ปีล่ะมั้ง
เขาทำเพียงเหวียงดาบไม้นั้นอยู่เงียบๆซ้ำไปซ้ำมา ช่างเป็นภาพที่มีพลังดึงดูดสายตาเสียจริง
[ อิสุกิ ]
ทันทีที่ทาสุคุเรียกชื่อของเขาออกไป เด็กชายคนนั้นก็หยุดเหวี่ยงดาบและหันมาทางพวกเขา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ผมสีดำและดวงตาราวกับเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ ดูเหมือนเขาจะสูงกว่าฮาโรลด์ราวๆ 10 cm
ไอ้เด็กสุดหล่อคุง อิสุกิ แทบจะทันทีที่เขาเปิดปากของเขา
[ โอว้าา เอริก้าาาา !! ไม่เจอกันนานเลยน้าา ! เธอดูสวยขึ้นมากกกเลยน้าา !! ]
ไม่สนใจที่ทาสุคุเรียก เขารีบวิ่งตรงดิ่งมาที่เอริกะ และกุมทั้ง 2 มือของเธอไว้ และเริ่มที่จะชมเธอต่างๆนาๆ เอริกะเองก้ได้แต่หันหน้าหนีอิสุกิด้วยความรู้สึกเขินอาย
[ . . . . เห้ย เห้ย อย่าบอกนะว่า ไอ้หมอนี่คือคู่ต่อสู้ของข้า ? ]
[ เอาน่า ข้าเข้าใจนะว่าเธอจะสื่ออะไร แต่ว่าความแข็งแกร่งของอิสุกิน่ะของจริงนะ สบายใจได้เถอะ ]
[ ข้าจำได้ว่าข้าบอกแกชัดแล้วนะ ว่า “หาคนที่ดูเก่งๆหน่อย” ไม่ว่าจะมองยังไง หมอนี่มันก็แค่เด็ก ]
[ แต่นายเองก็เป็นเด็กไม่ใช่หรอ ? ]
ถึงแม้อิสุกิจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตาของเขานอกเสียจากเอริกะ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะมุ่งความสนใจมายังตัวของฮาโรลด์เช่นกัน แต่ความสนใจนั้นมันแตกต่างจากความสนใจที่มีให้ต่อเอริกะ เขายิ้มให้กับฮาโรลด์ ด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย
[ อันดับแรก ให้ชั้นแนะนำตัวเองก่อน ชั้นคือ อิสุกิ สุเมรากิ เป็นพี่ชายของเอริกะ ]
[ ……. ฮาโรลด์ สโตร์ก ]
[ แค่นั้น ? มันต้องไม่แค่นั้นดิ ? ใช่มะ ? นี่นายลืมส่วนสำคัญอะไรไปบ้างรึปล่าวเนี้ย ? ]
“หมับ” อิสุกิวางมือของตนลงบนไหล่ซ้ายของฮาโรลด์
[ นายคือคู่หมั้นของเอริกะสินะ ? น้องสาว!!หัวแก้ว!!หัวแหวน!!ที่น่ารัก!!ของชั้น!!!]
ขณะที่ไหล่ของเขาถูกบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ฮาโรลด์ก็ตระหนักถึงบางสิ่ง
ไอ้หมอนี่ มันเป็นซิสค่อนตัวพ่อนี่หว่า