My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 25

My Death Flags Show No Sign of Ending

[ ฟุว้าา – , ทำไมพวกเราถึงต้องมาทำอะไรอย่างการลาดตระเวนในเวลาแบบนี้ด้วยน้าา ? ]

 

ขณะสวมอยู่ในชุดเกราะเหล็กที่แกะสลักในลวดลายที่แสดงถึงกองอัศวิน ลวดลายของปีกสีดำคล้ายออบซิเดียนและดาบสีเงิน ชายหนุ่มอายุ20กว่าๆบ่นออกมาขณะหาวคำใหญ่

ลูกน้องของเขาที่เดินตามหลังมาได้แต่ตำหนีเขาเพราะเห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่มีความกระตืนหรือล้นในการทำงานเลย

 

[ แม้ว่าผมเองก็ไม่อยากจะออกมาลาดตระเวณในตอนเช้าตรู่แบบนี้เหมือนกัน แต่เพราะว่ามันเป็นงาน ดังนั้นช่วยกรุณาหยุดบ่นซักทีครับหัวหน้า ]

 

ถึงตอนนี้เข็มนาฬิกาจะเลยผ่านช่วงเวลาตี 5 มาเล็กน้อย แต่ทว่าการลาดตระเวณนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตี 4 พร้อมกับพระอาทิตย์ที่เริ่มขึ้น ณ ขอบฟ้า

สาเหตุที่ต้องมาลาดตระเวณตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ก็เพราะร้านค้าที่เปิดกันคึกคักยันรุ่งสาง โดยเฉพาะร้านที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ณ ช่วงเวลานี้ใน 1 ปี , ตลอด 3 วันเมื่องานแข่งขันการประลองถูกจัดขึ้น เหล่าชาวประมงเกือบทั้งหมดจะหยุดงาน และดื่มฉลองกันอย่างครึกครื้นตลอดงานแข่งขันการต่อสู้

เพราะงั้น ณ เวลานี้ในเมืองจะเต็มไปด้วยเหล่าคนเมา มันจึงมีการทะเลาะเบาะแว้งอยู่เป็นประจำ และในเมื่อความสงบเรียบร้อยของชาวเมืองถูกรบกวน มันจึงเป็นหน้าที่ของกองอัศวินที่จะต้องจัดการเรื่องพวกนี้

 

[ ข้าคิดว่านายไม่ควรที่จะตื่นเต้นเกินไปนะเพียงเพราะตอนนี้มันมีงานเทศกาล ]

[ ถึงแม้หัวหน้าจะพูดมาเช่นนั้น ทำไมหัวหน้าถึงพยายามจะดื่มเหล้าตั้งแต่เช้าเลยล่ะ ? ]

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาได้จับไปที่ไหล่ของหัวหน้าหน่วย หรือก็คือ โคดี้ ผู้ที่ซึ่งตอนนี้พยายามจะแอบเนียนเดินเข้าไปในบาร์ราวกับเป็นเรื่องปกติ ถึงคำพูดคำจาจะฟังดูไม่สุภาพกับหัวหน้าตัวเองซักเท่าไหร่ เป็นเพราะเป็นนิสัยส่วนตัวของโคดี้เอง แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นไม่เคารพโคดี้

 

[ เบียร์มันกำลังเรียกข้าต่างหาก ]

[ เฮ้อ หยุดกล่าวเรื่องปัญญาอ่อนเช่นนั้นด้วยใบหน้าจริงจังด้วยครับ ]

 

ลูกน้องของโคดิ้ลากเขากลับมาลาดตระเวณต่อ 

โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ โคดี้ได้แต่เฝ้ามองบาร์ที่เริ่มห่างไกลออกไปเรื่อยๆจากระยะสายตา

 

[ เฮ้อ . . . แบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากมองคนพวกนี้เมากันตลอด 3 วันเลยสินะ ]

[ ท่านหัวหน้า คุณจะไม่ติดเหล้าเกินไปหน่อยหรอ ? ]

 

“ ยิ่งกว่านั้น มันหน้าหงุดหงิดที่จะต้องเข้าไปพัวพันกับการทะเลาะวิวาทหลังจากที่คุณดื่ม “ นั้นคือสิ่งที่ลูกน้องของเขาบ่นออกมา

และโคดี้จึงตอบกลับไป

 

[ มันไม่ใช่เพราะข้าชอบดื่มแอลกอฮอล์ ข้าแค่ชอบความรู้สึกตอนเมา ]

 

สำหรับโคดี้ การดื่มเบียร์นั้นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเขา เขามักประกาศว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยถึงแม้ว่าเขาจะเมา และในตอนที่พวกเขาทั้ง 2 ไปดื่มเหล้าโง่ๆกัน 2 คน ท้ายที่สุดก็บวกกันเละเทะ สำหรับตัวลูกน้อง มันเหลือจะทนแล้วจริงๆ

ขณะที่ทั้ง 2 กำลังสนทนากันเรื่อยเปื่อย จากตรอกด้านหน้าของพวกเขา ก็เกิดเสียงอะไรบางอย่างแตก และมีเสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น พวกเขาจึงสบตากัน แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

[ ดูเหมือนจะถึงเวลาทำงานแล้วสิ ]

[ ช่างน่าเศร้า … ทำไมพวกนี้มันดื่มอย่างมีความสุขกันไม่เป็นหรอ ? ]

[ ควรบอกกับตัวเองนะหัวหน้า ]

[ หุบปากน่า โรบินคุง ไปควบคุมสถานการณ์ด้วยใบหน้าสุดโหดของนายซะ ทำให้ทุกคนที่นั้นตกอยู่ในความหวาดกลัวให้หมด ]

 

ขณะพูดออกมาเช่นนั้น พวกเขาก็วิ่งไปยังทิศทางที่เกิดเสียงเอะอะ เลี้ยวที่หัวมุมข้างหน้า พวกเขาก็พบกันฝูงชนกำลังมุงอยู่ ขณะแทรกตัวผ่านกลุ่มคนเหล่านั้นเพื่อยืนยันว่าเกิดอะไรขึ้นโดยที่ไม่สนใจในสิ่งที่โรบินกำลังบ่นออกมาว่า “ช่วยหยุดพูดอะไรแบบนั้นซักทีจะได้ไหม . . .” ด้านหลังของเขา

 

[ เอาล่ะๆ ขอทางหน่อย ]

[ หาาา ? อย่าผลักสิวะ เอ๊ะ- !? ]

 

ชายหนุ่มร่างกำยำผู้ที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลหันไปอารมณ์เสียใส่โคดี้ซึ่งเขาถูกผลักเพราะขวางทาง และทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของโรบินสัน เสียงของเขาก็ขาดห้วงไป 

ด้วยร่างที่สูงถึง 190 และกล้ามเนื้อดูดุดัน ผิวที่ทำเข้มกว่าผิวสีแทนของเหล่าชาวประมง ดวงตาสีเทาเข้ม ใบหน้าที่ดูโหดของเขาหากใครได้สบตาคงต้องตัวสั่นราวกับว่าถูกคุกคาม

เขาน่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาดแถวๆนี้มากนัก

จริงๆแล้ว โรบินสันเป็นคนที่สุภาพมาก เขาเป็นคนประเภทที่ถูกเรียกว่าตรงข้ามกับรูปร่างหน้าตาของเขา แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันสามารถใช้เป็นประโยชน์ได้ในการทำงานในฐานะอัศวิน มีอยู่บ่อยครั้งที่อีกฝ่ายใจไม่สู้นัก พวกเขาจะหัวหดทันทีที่ถูกโรบินสันจ้อง และสถานการณ์ต่างๆก็จะถูกคลี่คลาย

แม้แต่ครั้งนี้ มันส่งผลทันทีอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่เขาสังเกตเห็นการปรากฎตัวของโรบินสัน ผู้คนต่างแยกย้ายกันออกไป

 

[ บอกแล้ว ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยหากโรบินคุงลงมือด้วยตัวเอง ]

[ ผมจะถือว่านั้นเป็นคำชมนะครับ . . . ]

 

และด้วยเหตุนี้ โคดี้และโรบินสัน ก็สามารถผ่าฝูงชนเข้ามาถึงใจกลางของฝูงชนได้ พวกเขาได้พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งกับชายหนุ่ม และอีกคนที่ขาชี้ฟ้าเพราะตัวถูกผลักไปติดในถังน้ำที่อยู่บริเวณหน้าร้าน

แม้ว่าโคดี้และโรบินสันยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เด็กชายคนนั้นก็ดึงชายคนที่ติดอยู่ในถังน้ำออกมา ขณะที่มองดูชายที่ตัวเปียกโชกและกำลังนั่งสี่ขาสำลักน้ำอยู่นั้น เด็กผู้ชายก็กล่าวออกมาอย่างประชดประชัน

 

[ เป็นไง ? สร่างเมาขึ้นบ้างรึยัง ? ]

 

ชายที่เกือบจะจมน้ำยังสูดอากาศอย่างเอาเป็นเอาตายจึงไม่มีท่าทีจะตอบได้ และในทันที ชายอีกคนก็ตะหวาดขึ้นใส่เด็กผู้ชาย

 

[ ไอ้เด็กเวร แกทำเหี้ยอะไรของแกวะ ! ]

[ นี่แกดูด้วยตาของตัวเองไม่ออกหรอ ? ดูเหมือนว่าแกจะจำอะไรไม่ได้เลยสินะว่าทำอะไรลงไป งั้นก็เอาน้ำเย็นราดหัวเหมือนไอ้เวรนี่ซักหน่อยมั้ย หากไม่มีสมอง มันก็ไม่มีความหมายอะไรที่จะต้องพูดคุย ]

[ เห่าไปเถอะไอ้เวร …… ข้าไม่ปราณีหรอกนะถึงแม้แกจะเป็นแค่เด็ก ! ]

 

อาจเพราะหมอนี่เมาจนขาดสติ เขาวิ่งเขาหาเด็กชายและง้างมือขวาทำท่าจะชกเด็กชายคนนั้น

ถึงรู้ว่าสายเกินไปแล้ว แต่โคดี้ก็ออกวิ่งเพื่อที่จะพยายามหยุดชายคนนั้น และเขาได้เห็นมันด้วยตาทั้ง 2 ของเขา

 

ดวงตาสีแดงเข้มที่เย็นเฉียบของเด็กชายคนนั้น

 

แม้ว่าชายคนนั้นอยากจะทำร้ายเขาอยู่ต่อหน้าต่อตา แสดงความเป็นศัตรูชัดเจนขนาดนี้ แต่เด็กชายกับทำท่าทางราวกับไม่แยแส และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขากลับจับจ้องมาที่โคดี้ ผู้ที่กำลังพุ่งเข้ามาหยุดชายคนนี้จากทางด้านหลัง

ในสถานการณ์เช่นนี้ เขามีความสุขุมเยือกเย็นและการรับรู้เกินขอบเขตของเด็กไปไกลนัก

ทันทีที่ทั้งคู่สบตากัน ดวงตาไร้อารมณ์ของเด็กชายกลับถูกย้อมด้วยความประหลาดใจ และแปรเปลี่ยนไปเป็นความระแวดระวัง

แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เด็กชายหลบการโจมตีของชายร่างยักอย่างง่ายๆและกระทุ้งศอกไปยังท้องของชายคนนั้น

มันเพียงพอที่ทำให้ชายคนนั้นเข่าทรุดลงในทันที ทำให้เห็นร่างของเด็กชายที่โผล่เข้ามาในสายตาหลังจากชายคนนั้นทรุดลง เขายังจับจ้องมายังโคดี้ จ้องเขม่งมาอย่างรุนแรง แม้ว่าตอนนี้จะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชนที่กำลังตบมืออยู่ก็ตาม

ขณะอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์ในครั้งนี้ โคดี้ก็ตระหนักถึงบางสิ่ง

 

(เห้ยๆ อย่าบอกนะว่า เด็กนี้รู้ถึงความแข็งแกร่งของฉัน ? ทั้งๆที่สายตาของพวกเราสบกันเพียงเสี้ยววิอะนะ? )

 

เพราะไม่มีแรงจูงใจใดๆ บวกกับนิสัยไม่ชอบการถูกผูกมัดและพยายามหลบซ้อนควมสามารถที่แท้จริงของโคดี้ทำให้เขาพอใจที่จะอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเพียงเท่านี้ จริงๆแล้วทักษะการต่อสู้ของเขาเป็นที่โดดเด่นในหมู่ของอัศวิน หากให้ไล่ลำดับความเก่งกาจกว่าจะถึงเขา คงต้องนับมาจากด้านบนดีกว่าเพราะมันคงจะไวกว่ามาก ความแข็งแกร่งของเขาแทบจะต่อสู้ทัดเทียมกับบุคคลที่จะได้กลายเป็นหัวหน้าอัศวินของราชา วินเซนต์ แวน เวสเทอร์ฟอร์ด

คงเพราะเด็กชายรับรู้ถึงความสามารถของเขา จึงทำให้เด็กชายรู้สึกประหลาดใจและระวังการแทรกแซงของเขาอยู่เสมอ นั้นคือสิ่งที่โคดี้คิด

 

( ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งของเด็กนี่สามารถเอาชนะผู้ชายตัวใหญ่ด้วยเพียงศอกเดียว แต่เรื่องเซอไพร์ยิ่งกว่าคือสายตานั้น )

 

เพื่อที่จะสามารถมองทะลุได้อย่างแม่นยำว่าความสามารถของคู่ต่อสู้นั้นสูงหรือต่ำกว่าตน คนๆนั้นควรจะต้องมีความสามารถในระดับนึงเช่นกัน และดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะแข็งแกร่งมากทีเดียว

เพื่อที่จะทำให้เด็กชายผู้ที่คอยเหลือบมองอยู่ตลอดราวกับระวังตัวคลายความตึงเครียด โคดี้ยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นและยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

 

[ ว้าวๆ นั้นเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะ พี่ชายคนนี้ค่อนข้างตกใจเลยทีเดียว ]

 

ร่างของเขาเริ่มหัวเราะออกมา “555+” มันดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ว่าอาจเพราะเด็กชายคนนี้ตัดสินใจว่าไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับโคดี้ไปมากกว่านี้ เขาจึงลดความระแวงลง เมื่อเห็นเช่นนั้น โคดี้คิดว่านี่คงเป็นจังหวะดีที่จะถามถึงสถานการ์ในปัจจุบัน ดังนั้น โคดี้จึงเริ่มพูดต่อ

 

[ ชั้นขอโทษนะ แต่ว่านายช่วยบอกชั้นหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ? แม้ว่าพวกเราจะวิ่งมาถึงที่นี้ได้ซักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่ ]

[……….. แค่พวกขี้เมาทะเลาะกัน และในตอนนั้น 1 ในพวกมันถูกผลักมาทางข้า ข้าเลยจัดการอย่างที่เห็น ]

[ อ้อๆ มันช่างเป็นวิธีการจัดการปัญญหาที่งดงามเลยเนอะ อะล้อเล่นๆ ]

 

เมื่อนึกถึงขาชี้ฟ้าที่โผล่ขึ้นมาจากถังน้ำ โคดี้ก็หัวเราะดังขึ้น เขาคิดว่าหลังจากนี้ถ้าหากเขาไปดื่มคงเอาเรื่องนี้ไปเล่าเป็นเรื่องตลกในวงเหล้าได้ แต่ว่าเหมือนเด็กชายจะไม่สนใจและเริ่มที่จะเดินออกจากที่นี่โดยไม่พูดอะไรอีก 

 

[ อ้า เดี่ยวสิ รอก่อนน้องชาย! นายไม่บาดเจ็บตรงไหนนะ ? แม้ว่าอาจะเป็นเพียงแค่รอยขีดข่วนเล็กๆ แต่ถ้าหากติดเชื้อคงแย่แน่ๆเลย ]

[ จัดการเจ้าพวกนี้ไม่สามารถทำให้ข้าเหงื่อออกได้เลยด้วยซ้ำ ไม่มีปัญหาอะไร ]

[ จริงหรอ ? อย่าเพิ่งขยับเยอะจะดีกว่าน้า ? ถ้าหากนายขยับร่างกายตอนนี้ บางทีความเจ็บปวดคง—- ]

[ รำคาญ ถ้าหากนายอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไปถามพวกคนมุงพวกนั้นนู่น หรือนายพยายามจะยื้อข้าไว้โดยคำถามพวกนั้น ? ]

[ อ้า โดนจับได้ซะแล้ว? ]

 

ความรู้สึกจริงๆของเขาคือ เขาอยากทราบถึงสถานการณ์จริงๆแต่ 20% เท่านั้น อีก 80% ที่เหลือเขาอยากรู้จักตัวตนของเด็กคนนี้ให้มากขึ้น เขาพยายามจะยื้อบทสนทนาให้นานที่สุดแต่มันกลับถูกตัดจบโดยเปล่าประโยชน์

เมื่อมองไปยังโคดี้ที่สารภาพออกมาอย่างง่ายดาย เด็กชายคนนั้นก็เดินจากไป

 

[ หัวหน้าครับ จะทำอย่างไรก็คนพวกนี้ดี ? ]

[ อ่า ใช่ ไหนดูซิ สำหรับตอนนี้ พวกเราคงต้องรอซักพักให้วกเขาฟื้นตัวอีกซัก นิด เพราะงั้น……… ]

 

ขณะที่กำลังออกคำสั่งแก่โรบินสัน โคดี้ก็คิดถึงเรื่องของเด็กชายผมดำคนนั้น ความเฉลี่ยวฉลาดและวิธีการรับมือของเด็กชาย และไม่สั่นไหวใดๆแม้จะเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งเฉกเช่นโคดี้ ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้ถ้าหากไม่เคยได้รับประสบการณ์การต่อสู้จริงมาก่อน จากที่ดูเด็กคนนั้นคงอายุแค่ 12 – 13 ปี แต่ทว่าเขาไปเรียนรู้ประสบการณ์เหล่านั้นมาจากที่ไหนกันนะ ?

 

( อืมมีหลายอย่างที่ยังคงน่าสงสัย เอาเป็นว่า ไปดูที่งานประลองดีกว่า บางทีอาจจะให้เห็นในสิ่งที่น่าสนใจก็เป็นได้ )

 

จากที่เด็กคนนั้นพูดมาว่า เจ้าพวกนี้ไม่สามารถทำให้ข้าเหงื่อออกได้ บางทีเด็กคนนั้นอาจจะลงแข่งงานประลองเหมือนกันก็เป็นได้ เมื่อเขาคิดออกมาเช่นนั้นเขาก็นึกได้ว่าการประลองรุ่นอายุต่ำกว่า 13 ปีจะเริ่มขึ้นในวันแรกของงาน ซึ่งอายุของเด็กคนนั้นก็ลงล็อคพอดี

เนื่องจากงานลาดตระเวนน่าเบื่อ ขณะที่เศษเสี้ยวความตื่นเต้นได้ก่อขึ้นภายในจิตใจของเขา พลางนึกถึงชื่อของเด็กชายคนนั้น โคดี้ก็ตระหนักได้ว่าเขาลืมถามชื่อเด็กชายคนนั้นไปซะสนิท

 

 

( ชิบหาย โครตชิบหาย! ทำไมโคดี้มาอยู่ที่นี่เนี้ย !? )

 

ราวกับว่ากำลังวิ่งหนีออกจากฝูงชน เอ่อ..  จริงก็วิ่งหนีจากฝูงชนจริงๆ ฮาโรลด์ได้หนีเข้าไปในตรอกๆหนึ่งไร้ผู้คนและเอามือกุมหัว

เหตุเพราะมีคนๆหนี่งที่เขาเพิ่งจะพบเจอกันเมื่อตะกี้ โคดี้ แน่นอนว่าฮาโรลด์รู้จึกชื่อนี้เป็นอย่างดี นั้นเพราะเขาเป็นอีก 1 ตัวละครที่ปรากฎขึ้นภายในเกมส์

เขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างที่ชื่อว่า [[ฟูเรียล]] ที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนเร่ร่อน ….. แต่ว่าบางครั้งบางคราวเขาจะมาปรากฎตัวกับกลุ่มของตัวเอกในฐานะสมาชิกกลุ่ม บางครั้งมันก็ดูเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าเขาเองก็เป็นตัวละครที่เข้าใจได้ยากเช่นกัน ก็นะ ถึงยังไงเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งที่จะโผล่ออกมาในบางจุดและช่วยเหลือกลุ่มของตัวเอก

ฮาโรลด์รู้อยู่แล้วว่าโคดี้เคยเป็น 1 ในอัศวินขององค์ราชา เขาจึงไม่ได้ตกใจอะไรที่เห็นโคดี้อยู่ในชุดเกราะ แค่เขานึกไม่ถึงว่าเขาจะมาเจอกับโคดี้ในสถานที่เช่นนี้

เรื่องของเรื่องคือทันทีที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้น เมืองก็เริ่มวุ่นวาย ฮาโรลด์ผู้ซึ่งลืมตาตื่นตั้งแต่ ตี 4 ขณะมองดูบรรยากาศที่อึกทึกและดูวุ่นวายเช่นนี้ ทำให้เขานึกถึงงานมหาลัยสมัยที่เขายังเรียนอยู่ ภาพที่อยู่ตรงหน้าราวกับเชิญชวนขาของเขาให้เริ่มต้นเดินเข้าสู่ภายในเมือง

30 นาทีผ่านไปเขาคิดว่าจะมาวอร์มร่างกายโดยการเดินสำรวจเมืองเดลฟิต ทันใดนั้นในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ในตลาดก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นเข้ามาที่หูของเขา เมื่อเขาหันเหสายตาไปยังจุดกำเนิดเสียงนั้น เขาก็พบกับผู้ชาย 2 คนกำลังกระชากคอเสื้อของกันและกัน เนื่องจากพวกเขากำลังสู้กัน เสียงของโต๊ะที่ถูกคว้ำ แก้วน้ำและจานที่อยู่บนโต๊ะที่เทตกแตกจนเกิดเสียงแตกบาดแก้วหู

ขณะที่กำลังคิดว่าเจ้าพวกนี้พลังงานเหลือล้นกันจริงทั้งๆที่เพิ่งจะเช้าตรู่ และเดินผ่านคนทั้งคู่ไป ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น

ผู้ชายคนนึงถูกผลักล้มมายังทิศทางของฮาโรลด์ ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เขาสามารถหลบมันได้อย่างง่ายๆและเดินหนีไป แต่เมื่อเขากำลังจะทำเช่นนั้น เขาก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ข้างหลังเขา ถ้าหากเขาหลบ เด็กคนนั้นจะต้องถูกกระแทกแน่ๆ

หลังจากนั้น ร่างของเขาก็ขยับก่อนที่จะทันได้คิด ฮาโรลด์กวาดขาของชายคนนั้นที่กำลังล้มเซมาทางเขา และในเวลาเดียวกันเขาก็จับไปยังเอวด้านขวาของชายคนนั้นและทุ่มลอยไปในอากาศอย่างขัดขืนไม่ได้และตกลงในถังน้ำ

หลังจากนั้น ก็กลายเป็นฮาโรลด์ได้สู้กับชายอีกคนที่เหลือและตอบแทนคนๆนั้นที่ถากถางเขาด้วยคำพูดประชดประชัน 

ในจุดๆนี้ ฮาโรลด์ผู้ที่มีสภาพจิตใจดั่ง “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์อะไรอีกแล้ว” เขาได้ยอมแพ้ให้แก่ปากเวรนี่ของเขา เพราะทันทีที่ปากหมานี้เปิดขึ้น มันมักจะหาเรื่องให้เขาต้องเหนื่อยอยู่เสมอ

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดจะจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุด เขาก็ตระหนักถึงโคดี้ที่จู่ๆโผล่มา และทำให้ความคิดของเขาปั่นป่วน เพราะเหตุนี้ มันจึงทำให้เขาสูญเสียความเยือกเย็นและเผลอใช้ศอกออกไปโดยไม่ตั้งใจ

 

( ขอโทษด้วยครับ ผมเผลอทำเกินไปหน่อย คุณลุงขี้เมาที่ไม่รู้ชื่อ )

 

เมื่อนึกถึงลุงที่ถูกเขาอัดจนสลบ ฮาโรลด์ได้แต่ขอโทษเขาภายในใจ และหลังจากที่เขาเริ่มใจเย็นลง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรที่จะหนีจากโคดี้เลย 

ในจุดแรก ความสัมพันธ์ของฮาโรลด์และโคดี้ภายในเกมส์นั้นไม่ได้มีการอธิบายอะไรไว้ ถึงแม้ว่าในตอนที่เกมส์เริ่มขึ้น ฮาโรลด์จะเป็น 1 ในหน่วยอัศวิน แต่ตอนนั้นโคดี้ก็ออกไปสร้างกลุ่มฟูเรียลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่ามันอาจเป็นไปได้ที่พวกเขาทั้ง 2 จะรู้จักกันในกองอัศวิน แต่มันคงเป็นช่วงที่สั้นมากๆ

 

( เอ่อ .. มันจะไม่ดีกว่าหรอหลังจากนี้ถ้าหากเขาจำหน้าของผมได้ ? )

 

ในเมื่อมีหลายๆครั้งที่โคดี้ไปจอยกับกลุ่มของตัวเอก ถ้าหากฮาโรลด์มีคอนเน็คชั่นกับเขาไว้ บางที โคดี้อาจจะเป็นแหล่งข้อมูลให้ฮาโรลด์ในการสืบข้อมูลภายในของกลุ่มตัวเอก และเมื่อเขาคิดมาเช่นนั้น เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้เขารีบร้อนเกินไป

ขณะคิดถึงแผนการณ์ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับโคดี้ในการพบกันครั้งถัดไป ฮาโรลด์ก็กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม

และเมื่อเขาเดินทางมาถึงหน้าทางเข้า เขาก็พบกับอิสุกิที่พึ่งจะเดินออกมาพอดี

 

[ อรุณสวัสดิ์ ฮาโรลด์คุง นายไปไหนมาหรอ ? ]

[ ไปยืนยันสถานที่ ]

 

ก็จริงอยู่ว่าเขาแค่ออกไปเดินเล่น แต่เขาก็บังเอิญไปเห็นสถานที่จัดงานประลอง ด้วยความยิ่งใหญ่อย่างคาดไม่ถึง มันทำให้เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย

 

[ เหหห , ดูเหมือนว่านายจะมีแรงจูงใจที่ดีนะ งั้น ชั้นมีอะไรบางอย่างอยากจะมอบให้นาย ]

[…… อะไร ? ]

 

อิสุกิยื่นอะไรบางอย่างที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยกระดาษกับเขา ขณะที่รู้สึกแปลกใจ เขาก็ลองแกะดู สิ่งที่อยู่ด้านในนั้นก็คือหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าตั้งแต่ส่วนของจมูกขึ้นไป 

 

[ เพราะว่านายจะลงแข่งขันโดยการใช้ชื่อปลอม ชั้นเลยคิดว่าน่าจะซ่อนหน้าตาที่แท้จริงด้วยเป็นไง ]

[ ข้าจะเอามันไปทำซากอะไรฟร่ะ ! ]

 

มันเป็นคำตอบที่ตรงมาจากภายใจจิตใจของเขา มันเป็นคำพูดที่ตรงกับสิ่งที่เขาอยากจะพูดมากที่สุดตั้งแต่เขาได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ ดูว่าตัวละครอย่าง อิสุกิ จะเริ่มเดาทางยากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนแรกที่พวกเขาพบกันนั้น ฮาโรลด์คิดว่าหมอนี่เป็นเพียงแค่ซิสค่อนบ้าๆบอๆแค่นั้น แต่ว่าจริงๆแล้ว เขามีนิสัยขี้แกล้งแปลกๆซึ่งดูคล้ายๆกับเอริกะภายในเกมส์

 แต่ว่าทันทีที่เขาเตรียมหน้ากากเวรนี้ให้เขาด้วยสีหน้าจริงจัง ฮาโรลด์ก็อดคิดไม่ได้ว่าหมอนี่มันขี้แกล้งเฉยๆหรือมันสมองลมจริงๆ หมอนี่เป็นคนเดียวที่ชิงไหวชิงพริบกับเขาและเอริกะเมื่อคืนจริงๆหรอ ?

ถึงกระนั้น ฮาโรลด์ที่ปฎิเสธหน้ากากไปในคราวนั้น ก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งทันทีที่เขารู้ว่าไอ้ชื่อปลอมที่ใช้ลงสมัครแข่งขันนั้นชื่อว่า [[คุณลอร์ด]] และคิดว่าจะวางมวยกับอิสุกิซักยกก่อนเริ่มการประลอง

ในขณะที่กำลังเหนื่อยหนายกับชีวิตเขาก็มายืนอยู่ที่กลางเวทีประลอง

ที่สนามถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชมจำนวนมาก ด้วยสายตาที่จับจ้องและเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม มันทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามากระทบกับผิวหนัง หากใครก็ตามที่เดินออกจากห้องพักผู้เข้าแข่งขันไปยังสนามของรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี พวกเขาจะต้องถูกแรงกดดันเหล่านั้นบดขยี้เป็นแน่

 

[ และคู่ต่อสู้ที่จะประลองด้วย ชื่อจริงๆของเขาไม่มีใครทราบ เขาคือ คุณลอร์ดคุง ! ]

 

ทันทีที่ผู้ประกาศขานชื่อนั้นออกมา ฮาโรลด์ก็มายังสนามแข่งขันด้วยก้าวย่างที่หนักแน่น ถึงมันอาจจะฟังดูนอกเรื่องไปหน่อย แต่ว่าคนๆเดียวในหมู่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีเพียงเขาคนเดียวที่ใช้ชื่อปลอม แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้ใครก็ตามรู้ถึงภูมิหลังของเขา แต่ว่าสิ่งนี้มันกลับทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจ แต่เอาเถอะมันก็ไม่ถือว่าเป็นผลเสียอะไรนัก

ขณะที่คิดถึงสิ่งเหล่านี้ ฮาโรลด์ก็ทิ้งความรู้สึกเขิลอายต่างๆออกหมด ราวกับความรู้สึกต่างๆที่นำออกจากใบหน้าของเขา และในที่สุดมันก็ดูราวกับไร้อารมณ์ แม้ว่าดูเผินๆเขาจะดูเหมือนจดจ่อกับการแข่งขันนี้ แต่ถ้าหากใครก็ตามได้มาเห็นหน้าเด็กชายคนนี้ใกล้ๆ พวกเขาจะรู้สึกได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังมองอยู่นี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

และในตอนที่การประลองเริ่มต้นขึ้น ฮาโรลด์ก็ได้เห็นเธอ ผมสีบลอนด์ที่เปล่งประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์นั้นยาวขึ้นกว่าภาพในความทรงจำของเขา ซึ่งตอนนี้ถูกมัดไว้ในทรงโพนี่เทล เด็กผู้หญิงที่เขาได้เคยช่วยไว้เมื่อ 3 ปีก่อน ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็ก แต่มันก็มีลักษณะเด่นที่สามารถทำให้รู้ได้ว่าเธอจะกลายเป็นเฉกเช่นใดอีก 5 ปีเหมือนดั่งในเกมส์ที่มีเพียงฮาโรลด์คนเดียวเท่านั้นที่รู้ คลอเล็ค เอลเมอร์เรล เธออยู่ที่โซนผู้ชม 

คลอเล็ตเองก็กำลังมองมาที่ฮาโรลด์ด้วยดวงตาสีเกาลัดเช่นกัน ราวกับกำลังหนีสายตานั้น ฮาโรลด์ได้หันเหสายตาออกไปทันที

เธอรู้แน่ๆว่าเขาคือใคร เพราะในทันทีที่ดวงตาของทั้งสองพบกัน นัยตาของเธอเบิกกว้างราวกับเซอร์ไพร์ ฮาโรลด์มั่นใจ มันคือช่วงเวลาที่แย่ที่สุดที่จะมาพบกันอีกครั้งและเอริกะเองก็อยู่ที่นี่ ถ้าหากพระเจ้ามีจริง เขาก็อยากจะสาปพระองค์จากก้นบึ้งในหัวใจ

 

( เห้อ ถ้าผมรู้ว่ามันจะกลายมาเป็นเช่นนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าหายอมใส่หน้ากากที่อิสุกิให้ …… ไอ้หน้ากากเวรนั้น มันคือไอเทมลับที่ไม่มีใครรู้ สุดยอดไอเทมที่สามารถซ่อนตัวตนที่แท้จริงและหัวเราะเยาะแก่โชคชะตาได้ในเวลาเดียวกัน ? )

 

ฮาโรลด์ ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤตได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจราวกับจะหลีกหนีความจริง

 

——————————

 

TL : ติดงานยาวถึงต้นเดือนหน้า เพราะงั้นอาจจะหายไปนานซักหน่อย T T

 

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท