My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 51 ปีศาจ

My Death Flags Show No Sign of Ending

จากเรื่องไร้สาระที่เขาคิดอยู่ในหัว ทำให้โคดี้ตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นแก่แค่ไหน แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามัวคิดถึงเรื่องเหล่านี้

หลังจากเห็นเอริกะเดินจากไป โคดี้เขาเองก็ต้องลงมือบ้าง

ขั้นแรก คือการหาทางติดต่อกับผู้บัญชาการผู้เป็นหัวหน้ากองกำลังหน่วยสำรวจเสียก่อน ปัญหาคือ เขาเองก็ไม่ค่อยรู้จักผู้บัญชาการคนนี้เท่าไหร่นัก

ดังนั้นโคดี้จึงเบนเป้าหมายไปยังเพื่อนของเขาที่มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้บัญชาการคนนี้แทน ซึ่งทำให้เขานึกถึง วอลช์ เป็นคนรู้จักของผู้บัญชาการ ฟินนีแกนด์ และมีตำแหน่งผู้บัญชาการกองร้อยเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจาก วอลช์

เขาไม่ได้หวังอะไรเป็นพิเศษจากตัวของวอลช์ ขอแค่คืนนี้วอลช์เอ่ยปากชวนฟินนีแกนด์ออกไปที่บาร์ที่โคดี้มักไปเป็นประจำก็พอแล้ว

แม้ว่า วอลช์จะแปลกใจอยู่นิดหน่อยกับคำขอร้องนี้ แต่เขาก็ตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรมาก เนื่องจากโคดี้เอ่ยปากว่าจะเลี้ยงค่าเหล้าทั้งหมด บางที นี่อาจเป็นเพราะความเชื่อใจในตัวของโคดี้

ในเวลาเดียวกัน โคดี้ที่ผู้ที่เป็นคนนัดหมาย ขณะตัดสินใจว่าจะออกไปรอก่อนถึงเวลานัด แต่เขากลับถูกขัดจังหวะเสียก่อน

 

[ หะ- หัวหน้าโคดี้ … ] – โรบินสัน

 

3 คนที่หยุดเขาไว้คือ โรบินสัน ซิด และ ไอรีน ใบหน้าของพวกเขาดูตรึงเครียด ผิดไปจากปกติที่มีความร่าเริงกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วเกี่ยวกับจุดประสงค์ของพวกเขา แต่คงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกไปซักหน่อยละกัน

 

[ ฮืมม ? มีอะไรรึ? ] – โคดี้

[ … มะ- มันจริงหรือปล่าวครับ ที่ว่าฮาโรลด์กำลังจะถูกประหารชีวิต ? ] – ซิด

 

ซิดกล่าวออกมาอย่างกังวล และโคดี้เองก็เป็นคนยืนยันความกังวลของซิดให้

 

[ อืม.. ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละ ] – โคดี้

[ …. -! ] – ซิด

 

ทั้ง 3 ได้แต่อ้าปากค้าง

แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ที่พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันกับฮาโรลด์ หากไม่ได้พบกับสถานการณ์ในตอนนั้นมาก่อน แม้ฮาโรลด์ถูกตัดสินประหารชีวิต พวกเขาทั้ง 3 คงคัดค้านหัวชนฝาไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาทั้ง 3 ยังลังเล

นั้นเพราะ ในตอนที่พวกเขาพบฮาโรลด์ ภาพของฮาโรลด์ที่ได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย แต่เลือดส่วนใหญ่ที่อาบอยู่บนตัวของเขากลับเป็นเลือดของนายพลของทหารจักรวรรดิ ที่นอนกองอยู่ตรงนั้น และ ดวงตาที่โหดเหี้ยมที่จับจ้องไปยังผู้ที่เป็นศัตรู

ดวงตาคู่นั้นเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างแท้จริง แม้แต่โคดี้ก็แทบไม่เคยเห็นใครที่มีดวงตาแบบนี้มาก่อน การที่พวกเขาได้รับผลกระทบจากการเห็นภาพเหล่านี้ มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ความกลัวจะผุดขึ้นมาจากภายในจิตใจของพวกเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรบินสัน และ อีก 2 คน ที่ประสบการณ์ต่อสู้ของพวกเขายังน้อยอยู่

 

[ … ผมไม่อยากให้ฮาโรลด์ต้องตาย ตะ-แต่ว่า ผมก็ไม่สามารถลืมภาพในวันนั้นได้เลย … ] – โรบินสัน

[ คนๆนั้นที่พวกเราเห็นไม่ใช่ฮาโรลด์ที่พวกเรารู้จัก .. ] – ซิด

[ บอกพวกเราทีหัวหน้า ใครคือฮาโรลด์ตัวจริงกันแน่ ? ] – ไอรีน

 

พวกเขาทั้ง 3 ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับฮาโรลด์ได้ยังไง

ฮาโรลด์ที่พวกเขาทั้ง 3 พบกันวันปกติกับฮาโรลด์ในป่าเบลติส ใครคือฮาโรลด์จริงๆ  มันช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกสับสัน

 

[ ข้าเองก็ไม่รู้ ? ] – โคดี้

 

แต่นั้นก็คือคำตอบจริงๆของโคดี้

มันเป็นเพียงคำตอบที่เรียบง่ายที่ทำให้พวกเขาทั้ง 3 สติหลุดลอยออกไป พวกเขาทำได้เพียงเบิกตากลมโตค้าง และพูดไม่ออก

โคดี้จึงกล่าวต่อราวกับพยายามโน้มน้าวพวกเขา

 

[  ทั้งๆที่เพิ่งจะรู้จักกันกับฮาโรลด์ได้ไม่กี่เดือน แต่พวกนายก็สามารถเดาได้ว่าฮาโรลด์เป็นคนอย่างไรแล้ว? พวกนายคิดว่าฮาโรลด์เป็นคนที่ตื้นเขินขนาดนั้นเชียว ? ] – โคดี้

 

มันเป็นคำโต้แย้งแบบเอาสีข้างเข้าถู มีแต่น้ำล้วนๆไม่เนื้อหาใดๆ

แต่ดวงตาของโคดี้กลับจริงจังมาก

 

[ แล้ว พวกนายสามารถตัดสินเขาเพียงแค่ความรู้สึกส่วนตัวหลังจากที่ได้พบกันได้รึปล่าว? หากข้าบอกว่าให้พวกนายยอมแพ้แล้วปล่อยให้ฮาโรลด์รับชะตากรรมไป พวกนายก็จะปล่อยให้เขาโดนประหารงั้นเรอะ ? แล้วถ้าหากข้าขอให้พวกนายช่วยชีวิตของฮาโรลด์ พวกนายจะยังคงเชื่อในความถูกต้องจนท้ายที่สุดได้หรือไม่ ? ] – โคดี้

 

ไม่ว่าคุณจะยอมรับคำตัดสิน หรือ ต่อต้าน ถ้าคุณยังตัดสินใจโดยอาศัยอิทธิพลของคำพูดคนอื่น เมื่อถึงเวลานั้นคุณจะเป็นคนที่ต้องเสียใจ

โรบินสันและคนอื่นๆต่างเป็นอัศวิน เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาจำเป็นต้องมีความถูกต้องในแบบของตัวเอง

 

[ แล้ว ? พวกนายจะทำอะไรต่อ ? แต่จำไว้ สิ่งที่พวกนายจะตัดสินใจต่อไปไม่ใช่เพราะว่าพวกนายเชื่อมั่นในตัวของฮาโรลด์แค่ไหน แต่เป็นพวกนายเชื่อในการตัดสินใจของตัวเองหรือไม่ จงจำเอาไว้ให้ดี ] – โคดี้

 

และโคดี้ก็เดินออกจากตรงนี้ไปก่อนที่ทั้ง 3 จะรู้สึกตัวและได้พูดอะไรออกมาอีก 

ไม่มีคำโกหกใดๆในคำพูดของเขา การกันคนที่ไม่ได้เตรียมใจมาอย่างเต็มที่ออกไปนี่ถือเป็นวิธีแสดงความมีน้ำใจ(ที่แปลกประหลาด)ของเขารูปแบบหนึ่ง

ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจก็เถอะแต่ก็หวังว่าคำพูดเหล่านั้นจะสื่อถึงพวกเขาทั้ง 3 จริงๆ

ไม่เป็นไร มันคือสิ่งที่โคดี้บอกกับตัวเองเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างจำเป็นต้องทำในตอนนี้ หลังจากบอกลาโรบินสันและเพื่อนๆ โคดี้ก็มุ่งตรงไปยังบาร์ที่เขาไปเป็นประจำ ที่ซึ่ง วอลช์และฟินนีแกนด์จะมาเยี่ยมเยือน และพูดคุยกับเจ้าของร้านเพื่อให้เขาช่วยเหลืออะไรบางอย่าง

มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร เขาแค่อยากให้คู่สนทนาของเขาได้ดื่มเครื่องดื่มที่เขาแอบผสมยาอะไรบางอย่างเอาไว้ แน่นอนว่าเครื่องดื่มที่ถูกผสมยาอะไรบางอย่างนั้นไม่ใช่ยาพิษหรือก็ให้เกิดอันตรายใดๆ มันไม่มีผลเสียต่อร่างกายใดๆแค่ทำให้มึนๆงงๆเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณผสมลงในเครื่องดื่ม มันช่วยทำให้คุณเมาเร็วขึ้นและเริ่มเปิดปากพูดข้อมูลต่างๆออกมา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เจ้าของร้านจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อโคดี้ แต่เรื่องนี้ใช่ว่าเขาจะยอมทำตามแต่โดยง่าย เพราะเรื่องที่โคดี้ขอร้องนี้มันฟังดูน่าสงสัยเกินไป แต่โคดี้ก็บอกกับเจ้าของร้านว่านี่คือการสืบสวนภายในกองอัศวินซึ่งเป็นความลับสุดยอดจึงต้องใช้วิธีการบังคับเพื่อให้ได้ข้อมูล บลาๆ และในท้ายที่สุด ด้วยคารมของโคดี้ก็สามารถเกลี้ยกล่อมเจ้าของร้านจนได้

หลังจากนั้น เขาก็แสร้งทำเป็นเดินลาดตระเวณภายในเมือง เยี่ยมพบผู้คนตามร้านต่างๆเพื่อสืบข่าวลือในท้องถิ่นเพื่อหาแหล่งที่มาของมัน และใช้เคลือข่ายข่าวสารของผู้คนภายในเมืองหลวงนี้เพื่อสืบหาผู้บงการ โดยเขาแสร้งๆถามไปแนวๆว่า มีสิ่งผิดปกติอะไรเกิดขึ้นบ้างรึปล่าว ? พวกคนที่อยู่ในคณะผู้ตัดสินความผิดให้กับฮาโรลด์มีใครท่าทางแปลกๆไปบ้างหรือไม่ ? เขาเคยพบกับคนนู่นคนนี้ หรือใครบ้างรึปล่าวก่อนการพิจารณาคดีจะเริ่มต้นขึ้น ?

จนกระทั้งพระอาทิตย์ตกดิน

เมื่อกลับมายังค่ายอัศวิน โคดี้ถอดชุดเกราะที่มักใส่เป็นปกติออก และเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายที่ดูเข้ากับคนทั่วๆไปภายในเมือง และกลับไปที่บาร์อีกครั้ง เขานั่งลงที่จุดที่เหมาะสมและรอวอลช์กับฟินนีแกนด์มาถึง

หลังจากนั้นราวๆ 30 นาที คนที่เขากำลังรอคอยก็ปรากฎขึ้น และเมื่อเขากับวอลช์สบตากัน ราวกับเข้าใจในสิ่งที่โคดี้จะสื่อ วอลช์พาฟินเนแกนด์ไปนั่งลงที่จุดที่หลังชนกับโคดี้ ตอนนี้โคดี้สามารถแอบฟังบทสนทนาได้แล้ว

อืม แม้ว่าเขาจะพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจก็เถอะ แต่ช่วงแรกของบทสนทนากลับเป็นไปอย่างเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่เรื่องที่พวกเขามาดื่มด้วยกันครั้งล่าสุดบ้าง เมียไม่ยอมให้ทำการบ้านบ้าง เมื่อไรลูกนายจะคลอดบ้าง? เมื่อไรนายจะแต่งงานบ้าง? บลาๆ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศอันเงียบสงบที่ควรจะผ่อนคลาย แต่ฟินนีแกนด์กลับยกหมดแก้วรัวๆราวกับมีเรื่องกังวลอยู่ในใจ 

หลังผ่านไป 1 ชม. ฟินเนแกนด์ก็เริ่มเมาได้ที่

โคดี้คิดว่ามันถึงเวลาเหมาะแล้ว เขาส่งสัญญาณมือไปยังวอลช์ เพื่อเรียกเขามานัดแนะแผนการที่เค้าเตอร์ของร้านที่ซึ่งเจ้าของร้านเองก็อยู่ด้วย

 

[ เอาล่ะ หมอนั้นเมาได้ที่แล้ว มาเริ่มต้นแผนกันเถอะ ] – โคดี้

[ เดี่ยวก่อน แผนอะไรฟร่ะ ? ] – วอลช์

 

วอลช์ ผู้ที่ถูกขอให้ชวนฟินนีแกนด์ออกมาเมากล่าวแทรกขึ้นมาโดยทันที คงเพราะอยากจะได้คำอธิบายจากโคดี้อย่างจริงจัง

 

[ อืมก็ ไม่มีอะไรยากหรอกวอลช์ แค่ฉันอยากให้นายถามคำถามกับเขา — หลังจากที่เขาดื่มสิ่งนี้ ] – โคดี้

 

โคดี้เปิดซองกระดาษห่อที่เขาหยิบออกมาจากระเป๋าแล้วผสมผงนั้นลงในเบียร์ที่เจ้าของร้านเตรียมไว้บนเค้าเตอร์

ผงสีขาวนั้นละลายลงอย่างเงียบเชียบ

เมื่อวอลช์ได้เห็นเช่นนั้นจึงเข้าใจได้ทันที

 

[ เห้อ .. นั้นสินะ .. ] – วอลช์

[ นายช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับทีนะวอลช์และเอาแก้วนี้ให้หมอนั้นดื่มที โอ้ใช่ คุณเจ้าของร้านช่วยเคลียร์แขกคนอื่นๆออกจากห้องให้ด้วย ] – โคดี้

[ ด้วยความยินดี ] – เจ้าของร้าน

 

ขณะถอนหายใจออกมาเบาๆ เจ้าของร้านค่อยๆเดินไปยังโต๊ะที่มีลูกค้าคนอื่นๆนั่งอยู่และแจ้งว่าวันนี้ทางร้านจะปิดเร็วกว่าปกติ แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อยอดขายของวันนี้แน่นอน แต่เจ้าของร้านคิดว่าเดี่ยวค่อยส่งบิลค่าเสียหายไปยังหัวหน้าของเจ้าพวกนี้ทีหลังก็แล้วกัน

 

[ แล้ว นายอยากจะรู้เรื่องอะไรล่ะ ? ] – วอลช์

 

[ ตอนนี้ 1 ในลูกน้องของข้ากำลังจะถูดตัดหัวเพราะคำตัดสินที่ไม่เป็นธรรม ข้าเลยต้องการให้คนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารนาคดีในครั้งนี้บอกความจริงออกมา ] -โคดี้

[ เห้อ ถึงนายจะทำแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะล้มล้างคำตัดสินของสภาได้หรอกนะ ] – วอลช์

[ ข้าเข้าใจดี ว่านี่มันเป็นการดิ้นรนอันไร้ค่าของตัวข้าเอง ] – โคดี้

 

ถ้าหากแผนนี้ไม่เวิค มีหวังเขาคงต้องไปใช่แผน 2 (พาฮาโรลด์แหกคุก) แล้วย้ายสังกัดไปอยู่กับตระกูลสุเมรากิ หวังว่าเรื่องที่เขาพูดเล่นกับเอริกะในตอนนั้นจะไม่ต้องกลายเป็นความจริงนะ 

เขาต้องการที่จะช่วยฮาโรลด์ให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม มันเป็นความมุ่งมั้นอันแรงกล้าแม้แต่ตัวของวอลช์ก็ยังสัมผัสได้ ดังนั้นเขาจึงไม่พยายามที่จะหยุดโคดี้

 

[ แต่ว่ามีโอกาสที่สถานการณ์มันจะกลายเป็นยุ่งเหยิงไปกว่านี้ ถ้าหากนายรู้สึกว่ามันอันตรายกับตัวนายเอง นายไม่ต้องทำก็ได้ ข้าเองไม่ว่าอะไรหรอกนะ ] – โคดี้

[ เห้อ .. หุบปากซักที นั้นไม่ใช่ธุระอะไรของนายที่ต้องเป็นคนตัดสินว่าอะไรชั้นควรทำไม่ควรทำ ชั้นจะถามหมอนั้นให้เองเรื่องการพิจารนาคดีนั้น แค่นี้ใช่มั้ย ] – วอลช์

[ โอ้วว สมแล้วที่เป็นเพื่อนแท้ …แต่ว่าข้าเองก็กำลังขัดสนเพราะงั้น งั้นช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายหน่อยนะ ? ] – โคดี้

[ หรือบางทีชั้นควรจะกลับบ้านดีกว่า ] – วอลช์

[ เดี่ยวๆ ข้าล้อเล่น! ] – โคดี้

 

สำหรับโคดี้ มันคงจะดีกว่าหากร่วมมือกับวอลช์เพื่อล้วงข้อมูลจากฟินนีแกนด์

ดังนั้น ขณะที่โคดี้กำลังบอกกับวอลช์เกี่ยวกับคำถามที่เขาต้องการจะถาม ภายในร้านตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่พวกเขา 4 คนเท่านั้น และอาจเพราะกำลังเมา ฟินนีแกนด์เลยไม่รู้สึกตัวถึงสภาพภายในร้านที่เปลี่ยนแปลงไป เขาทำเพียงแค่นั่งจ้องมองแก้วและเอียงมันเล่นไปมา

การเตรียมการเพื่อมล้วงข้อมูลเสร็จสิ้น วอลช์จึงนำแก้วเบียร์ที่ผสมด้วยยาอะไรบางอย่างไปวางที่ด้านหน้าของฟินนีแกนด์

 

[ นี่ของนาย ] – วอลช์

[ .. ขอบใจ ] – ฟินนีแกนด์

 

ฟินเนแกนด์หันไปมองแก้วเบียร์อย่างช้าๆแล้วค่อยๆลิ้มรสของมันโดยไม่สงสัยอะไร หลักจากเขาดื่มมันไปราวๆ 1 ใน 3 ของแก้ว วอลช์เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาจึงรอสักพักเพื่อให้ยาเริ่มออกฤทธิ์ และเริ่มต้นถามคำถาม

 

[ นี่ วันนั้นมันหนักใช่เล่นเลยไม่ใช่หรอ ? ] – วอลช์

[ … หนัก ? ] – ฟินนีแกนด์

[ นายเป็นผู้บัญชาการกองกำลังสำรวจในตอนนั้นใช่มั้ยล่ะ ? ใครจะไปคิดว่าจะมีเรื่องร้ายๆแบบนั้นเกิดขึ้น ] – วอลช์

[ เรื่องร้ายๆ .. ] – ฟินนีแกนด์

 

เขาพึมพัมออกมา น้ำเสียงของเขาดูหดหู่เป็นอย่างยิ่ง คงเพราะเขาไม่ต้องการที่จะนึกถึงเหตุการณ์ในปาเบลติสที่ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แม้ฟินนีแกนด์เริ่มที่จะพูดไม่รู้เรื่อง วอลช์เองก็คิดว่านี่คือโอกาส จะตีเหล็กก็ต้องตีตอนที่มันร้อน และตอนนี้ยาออกฤทธิ์แล้ว ไม่มีโอกาสไหนดีไปกว่านี้แล้วที่จะเริ่มถามคำถาม 

 

[ ดูเหมือนว่าจะมีอัศวินหน้าใหม่คนหนึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตนี่ หมอนั้นทำอะไรลงไปหรอ ? ] – วอลช์

[ ข้าเองก็ไม่ได้เห็นกับตา แต่จากรายงานดูเหมือนว่าหมอนั้นเพิกเฉยต่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและหนีทัพ และเขายังถูกสงสัยว่าเป็นสายลับ เพราะตอนที่ถูกจับกุมเขาสวมอยู่ในชุดของจักรวรรดิ ] – ฟินนีแกนด์

[ ฮืมม การฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและวิ่งหนีจากศัตรูไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเหล่าอัศวินหน้าใหม่ ดังนั้นที่เขาถูกประหารคงเพราะเรื่องที่เขาเป็นสายลับสินะ ] – วอลช์

[ นั้นก็ไม่ใช่ … ] – ฟินนีแกนดื

 

ตอนนี้ฟินเนแกนด์ไม่รับรู้อะไรแล้วว่าตนตอบอะไรไป ดวงตาของเขาค่อยๆว่างเปล่าขึ้นเรื่อยๆคงเพราะฤทธิ์ของยา

 

[ ไม่ พวกเราไม่ได้ตัดสินโทษประหารเพราะเรื่องนั้น … แต่ว่า .. คนๆนั้นบอกว่าฮาโรลด์อันตรายเกินไป เพราะเช่นนั้น ข้าจึงต้องทำให้เขาตายให้ได้ ไม่เช่นนั้น คนๆนั้นจะฆ่าภรรยาของข้า เพื่อชีวิตของซินเทีย .. ] – ฟินนีแกนด์

 

มันไม่ใช่น้ำเสียงที่เกิดจากความเมาอีกแล้ว

น้ำเสียงของฟินเนแกนด์กลายเป็นน้ำเสียงที่ดูไม่แน่ใจราวกับไม่กล้าที่จะพูดออกมา

 

[ ใครเป็นคนบอกว่าฮาโรลด์อันตรายเกินไป ? อันตราย? หมายความว่ายังไง? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภรรยาของนายใช่มั้ย ? ] – วอลช์

[ .. อืมใช่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอหรอก .. แต่นี่มันไม่ดี..ไม่ดีเลย.. ฮาโรลด์ยังมีชีวิตอยู่..มันไม่ดีมากๆ … ไม่มีทางที่ข้าจะคัดค้านอะไรคนๆนั้นได้ .. ภรรยาของข้าเองก็ใกล้จะคลอด .. ข้าเองก็ทำได้แค่ .. ] – ฟินนีแกนด์

 

พฤติกรรมของฟินนีแกนด์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป คำพูดของเขาเริ่มจับใจความไม่ได้ และบรรยารอบๆตัวของเขาเริ่มแปลกๆขึ้น

หรือเพราะยาส่งผลดีเกินไป? นั้นคือสิ่งที่วอลช์คิด จู่ๆฟินนีแกนด์ก็พลันลุกขึ้น เก้าอี้ที่เขาพึ่งจะนั่งถูกดีดจนหงายล้มลง และ–

 

[ .. อ๊าก , อ๊าาาาาาาากกกกกกกกกก ! ] – ฟินนีแกนด์

 

แปลกประหลาด นั้นคือสิ่งที่อธิบายได้หลังจากเขาส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ฟินนีแกนด์เริ่มออกวิ่ง เขาวิ่งไปรอบๆแล้วไปหยุดที่เสาต้นหนึ่งภายร้าน หลังจากจับมันด้วยมือทั้ง 2 ข้างเขาก็เอาหัวของตัวเองโขกเข้าไปที่เสา

ขณะที่เขาร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด ที่หัวของเขาก็กระหน่ำโขกลงไปอย่างไม่หยุดจนกระทั้งเลือดเริ่มไหลออกมาที่หน้าผากของเขา

ในที่สุดโคดี้และวอลช์ก็ได้สติ จึงรีบพุ่งไปเข้าหยุดการกระทำอันไร้สติเหล่านั้น

 

[ เห้อ หยุดนะ  .. ! ] – โคดี้

[ นายทำอะไรเนี้ย ฟินนีแกนด์ ?! ] – วอลช์

 

พวกเขาทั้งคู่หิ้วปีกของฟินเนแกนด์ทั้ง 2 ด้านเพื่อหยุดการทำร้ายตัวเองของเขา ถึงกระนั้น ฟินเนแกนด์ก็ยังไม่หยุดร้องและหันหน้าส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากถูกกดตัวลงเอาไว้ด้วยโคดี้และวอลช์เกือบ 5 นาที ฟินเนแกนด์ก็สงบลง และทันทีที่ฟินเนแกนด์หยุดต่อต้าน เขาก็หมดสติไป

โคดี้พลิกร่างที่หมดสตินั้นนอนหงายขึ้นและตรวจชีพจรและการหายใจของเขาในทันที

 

[ … เขายังมีชีวิตอยู่ ] – โคดี้

 

ทั้ง 3 ต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา 

เพื่อที่จะรักษาบาดแผลของชายคนนี้ โคดี้จึงสั่งให้เจ้าของร้านไปนำผ้าพันแผลมา เพราะทุกคนในร้านตอนนี้ไม่มีใครใช้เวทมนตร์รักษาได้ซักคน

หรือก็คือ โคดี้ไม่สามารถที่จะรีดข้อมูลใดๆจากชายคนนี้ได้อีกในวันนี้ ถึงแม้อาการบาดเจ็บที่หัวของเขาจะดูไม่ค่อยรุนแรง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อสมองของฟินนีแกนด์รึปล่าว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล

ขณะที่เจ้าของร้านหายออกไปจากร้านเพื่อไปหาผ้าผันแผล อาจเพราะทนความเงียบภายในห้องไม่ได้ วอลช์ก็ระเบิดเสียงออกมา

 

[ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันโคดี้ ! ] – วอลช์

[ … ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ที่ข้าแน่ใจว่านั้นไม่ได้เป็นผลมาจากยาแน่นอน ] – โคดี้

 

ไม่มีปัจจัยใดๆที่ทำให้เกิดภาพหลอนหรือความสับสนในตัวยาที่ให้ฟินนีแกนด์กินเข้าไป ถึงมันจะผสมอยู่ในเบียร์ก็ไม่ส่งผลให้เกิดอาการเช่นนี้

 

[ ภาพเมื่อซักครู่ ดูยังไง … นั้นก็ไม่ใช่ฟินเนแกนด์เลยซักนิด .. ] – วอลช์

[ ข้ารู้ มันดูราวกับเขาถูก “ปีศาจครอบงำ” ] – โคดี้

 

ปีศาจ ความคิดเพียงอย่างเดียวของโคดี้ที่ผุดขึ้นมาเมื่อเห็นการกระทำของฟินนีแกนด์ อย่างไรก็ตาม คำพูดที่โคดี้เผลอพูดออกมา มันทำให้เขารู้สึกขนลุกอย่างน่าประหลาด

 

—————

ปล.ตอนหน้ากลับไปฝั่ง ฮาโรลด์ และ 2 สาว? แล้วว

สนับสนุนขนมแมวเลียผู้แปลได้ที่

ธนาคาร กสิกร / 0708329649 / กิตติพิชญ์ นิธิพิพัฒพงค์

 

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท