My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 63 ภาพที่ถูกสลักลงในจิตใจ

My Death Flags Show No Sign of Ending

เหตุการณ์หลายๆอย่างไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทำให้ฮาโรลด์และเอริกะมีเหตุต้องต้องมาเกี่ยวพันกันอีกแล้ว แต่อย่าลืม ฮาโรลด์คิดว่าเขาและเอริกะคือศัตรูโดยธรรมชาติซึ่งกันและกัน นั้นก็เพราะฮาโรลด์กลัวว่า หากค่าความชอบของเอริกะที่มีต่อเขาไม่ต่ำถึงขีดสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื้อเรื่องอาจเบี่ยงเบนไปจากเกมส์มากเกินไปและนั้นอาจทำไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ปาร์ตี้ของผู้กล้าล่มสลาย หากเป็นเช่นนั้นจริง มันก็เกือบที่จะเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขวางแผนการของยูสทัสได้อีก

ยิ่งกว่านั้น อิสุกิ ผู้เป็นพี่ชายคนโตของเอริกะ ก็เป็นตัวปัญหาที่น่าปวดหัวไม่แพ้กัน แม้ว่าฮาโรลด์จะไม่ได้เจอกับอิสุกิมาซักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ดูเหมือนว่าค่าความชอบของอิสุกิที่มีต่อฮาโรลด์จะสูงขึ้นสุดๆเท่าที่จะเป็นไปได้เฉยเลย ฮาโรลด์ได้แต่สงสัยว่าค่าความชอบมันพุ่งถึงขนาดนี้ได้ยังไงกันฟร่ะ ถ้าหากมีคนมาเฉลยว่าอิสุกิแค่แกล้งทำ เขาก็คงเชื่อในทันที

หรือในอีกความหมายคือ สำหรับฮาโรลด์ สองพี่น้องตระกูลสุเมรากิคือคู่ต่อสู้ตัวฉกาจ บางทีอาจจะอันตรายเทียบเท่ากับบอสตัวสุดท้ายอย่างยูสทัสเลยก็ได้

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดสิ่งเหล่านี้อยู่ เขาก็ค่อยๆยกร่างของตนขึ้น ราวกับเขาเพิ่งจะตื่นจากฝันร้าย แต่เมื่อนึกถึงมัน ฝันร้ายที่แท้จริงก็กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

ฮาโรลด์คิดว่าเขาไม่อยากที่จะตื่นเลย แต่เมื่อมองไปยังนาฬิกาที่ผนัง เขาก็พบว่ามันใกล้เวลาเที่ยงแล้ว อาจเพราะเมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับจึงทำให้วันนี้เขาตื่นสาย ขณะที่เขากำลังเตรียมตัวอย่างเอื่อยๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเป็นดั่งสัญญาณของผู้มาเยือน ณ ห้องแห่งนี้

และนั้นคือสัญญาณว่าฝันร้ายของฮาโรลด์ได้มาถึงแล้ว

 

[ อรุณสวัสดิ์ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีมั้ย ? ] – อิสุกิ

[ ….. ]  – ฮาโรลด์

 

อย่างที่คาด ทันทีที่ฮาโรลด์เปิดประตู ร่างที่ยืนรออยู่ก็คืออิสุกิ ถึงแม้อิสุกิจะทักทายเขาอย่างปกติ แต่ฮาโรลด์ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะตอบคำพูดใดๆกลับไป

เขาหนีไม่ได้อีกแล้ว หรือก็คือ เขาทำได้เพียงทำจิตใจให้ว่างๆไม่คิดฟุ่งซ่าน เพื่อที่จะผ่านเรื่องนี้ให้มันจบๆ

 

[ เอ๋ ดูเหมือนว่านายจะนอนไม่พอแฮะ เข้าใจล่ะ นายตื่นเต้นที่จะได้พบกับเอริกะนี่เองเลยทำให้นายนอนไม่หลับ ] – อิสุกิ

[ ชั้นเข้าใจแล้วว่าดวงตาของนายมันไร้ประโยชน์จริงๆ ] – ฮาโรลด์

 

อิสุกิยังคงยอดเยี่ยมเหมือนดั่งเคยในการปั่นประสาทผู้คนตั้งแต่พบหน้ากันทันที หากคนภายนอกมาเห็นอาจเข้าใจผิดคิดว่ามันอาจจะกลายเป็นการต่อสู้จริงได้

แต่ว่า การที่มัวแต่คิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ มันก็เป็นเพียงการหนีความจริงเท่านั้น

 

[ เร็ว รีบพาไปซักที ] – ฮาโรลด์

[ เอ๋ นายดูต่อต้านน้อยกว่าที่ชั้นคิดไว้แฮะ ] – อิสุกิ

[ มันเป็นหลักการของชั้นที่จะต้องจัดการเรื่องยุ่งยากให้เร็วที่สุด ถ้าหากชั้นซัดทุกคนในงานปาร์ตี้จนหมอบได้ เรื่องพวกนี้ยิ่งจบได้เร็วยิ่งขึ้น ] – ฮาโรลด์

[ ชั้นเข้าใจแล้วว่านายฟิตเต็ม 100 ดีวันนี้ ] – อิสุกิ

 

พวกเขาทั้งคู่เช็คเอ๊าออกจากโรงแรมและออกไปที่เมืองคาบลาน ซึ่งในตอนที่ฮาโรลด์มาถึงเมื่อวานมันก็ค่ำแล้ว ทำให้เขาไม่ได้เห็นทิวทัศน์รอบๆเมืองเท่าไหร่นัก แต่ว่าตอนนี้สิ่งแรกที่สะดุดเข้ามาในสายตาของเขาคือเส้นทางน้ำ ที่ไหลผ่านไปทั่วเมืองและมีเรือเล็กหลายลำแล่นผ่านกันไปมา

 

[ ดูเหมือนนายจะดูสนใจเส้นทางน้ำนี้นะ เมืองคาบลานถูกเรียกในชื่อ เมืองแห่งทะเลสาบ เพราะจริงแล้ว น้ำทั้งหมดมาจากภูเขาที่—- ] – อิสุกิ

 

จู่ๆ อิสุกิก็เริ่มสาธยายบทเรียนสั้นๆเกี่ยวกับเมืองคาบลานออกมา สรุปคือ เมืองคาบลาน คือเมืองแห่งน้ำ ที่นี่มีเส้นทางน้ำกระจายไปทั่วเมือง และที่เมืองแห่งนี้เรือเป็นภาหนะหลักที่ใช้กันทั่วไปมากกว่าม้าเสียอีก จนมีคำกล่าวที่ว่า “เด็กๆในเมืองคาบลานหัดพายเรือก่อนที่จะหัดเดินเสียอีก”

และแน่นอนว่ามีเรือมากกว่ารถม้าบนท้องถนนอย่างแน่นอน 

อิสุกิโอ้อวดความงดงามของเมืองแห่งนี้ออกมาด้วยความภาคภูมิใจ บางทีเขาคงอยากให้ฮาโรลด์รู้สึกดีเกี่ยวกับเมืองบ้านเกิดของคู่หมั้นเขาล่ะมั้ง

หลังจากนั้น ขณะที่ฮาโรลด์และอิสุกิกำลังเดินไปคุยไปในเมืองคาบลานเพื่อไปยังจุดหมาย จู่ๆ อิสุกิก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา พร้อมกับพูดออกมาว่า “เดี่ยวก่อนนะ นี่ไม่ใช่ว่าชั้นได้เดทกับนายก่อนเอริกะรึปล่าว?” หลังจากได้ยินประโยคนั้น ฮาโรลด์เกือบเผลอถีบอิสุกิตกน้ำโดยไม่รู้ตัว

เขาได้แต่ขอบคุณสติของตัวเองที่เข้ามาควบคุมร่างกายได้ทันในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ร่างกายนี้จะถีบออกไปจริงๆ

จนสุดท้ายหลังจากเดินมากว่า 20 นาที ก็มาถึงที่คฤหาสน์ที่คู่หมั้นของอิสุกิอาศัยอยู่ ฮาโรลด์ก็นึกอะไรบางอย่างที่สำคัญออก 

 

[ เฮ้ ผู้หญิงที่นายกำลังจะแต่งงานด้วยชื่ออะไร ? ] – ฮาโรลด์

[ มาคิดๆดู ชั้นยังไม่ได้บอกกับนายนินา เธอชื่อว่า ซิลวี่ เบอร์ลิออส ลูกสาวคนที่ 2 ของตระกูลเบอร์ลิออส ] – อิสุกิ

 

ฮาโรลด์ทยอยเซฟข้อมูลของบุคคลต่างๆที่ได้ฟังจากอิสุกิลงสมอง คงจะไม่ดีเท่าไหร่นักหากเขาไม่รู้จักแม้กระทั้งชื่อของแขกผู้มีเกียรติในงานปาร์ตี้ครั้งนี้ แม้ว่าความจริงสิ่งที่เขาต้องควรกังวลที่สุดคือฝีปากที่ควบคุมไม่ได้ของเขาต่างหาก

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่เปิดปากให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยหลักการแล้ว เขาคงทำแค่แนะนำตัวกับคนของตระกูลเบอร์ลิออสแล้วไม่เปิดปากอีกเลยน่าจะดีที่สุด บางที เขาอาจจะถูกมองว่าเป็นคนเงียบๆ ไม่เข้าสังคม แต่อย่างน้อยก็ยังถือว่าเป็นคนสุภาพได้

เหลือเวลาอีก 3 วันกว่างานปาร์ตี้จะเริ่มขึ้น ในระหว่างนี้ ฮาโรลด์ตัดสินใจจะสลักภาพลักษณ์คนเงียบขรึมให้กับผู้หมั้นของอิสุกิให้จงได้

 

[ งั้น เข้าไปข้างในกันเถอะ คุณลอร์ด ] – อิสุกิ

[ ชิ ] – ฮาโรลด์

 

อิสุกิยิ้มออกมาอย่างขี้เล่น ขณะแกล้งเน้นไปยังคำว่า “ลอร์ด” เห็นได้ชัดว่าหมอนี่กำลังสนุก ซึ่งฮาโรลด์ทำได้เพียงส่งเสียงตอบกลับด้วยความหงุดหงิดเท่านั้น

อาจเพราะไม่เคยมีการตั้งรางวัลประกาศจับหรือค่าหัวของฮาโรลด์มาก่อน จึงทำให้รายละเอียดลักษณะของฮาโรลด์ไม่เคยถูกเผยแพร่สุ่สาธารณะชน มีเพียงชื่อและชื่อเสียงแย่ๆที่คนทั่วๆไปต่างรู้กันดี ถึงกระนั้นก็มีเพียงคนจำนวนน้อยนิดที่รู้จักใบหน้าของเขา แม้ในงานอาจจะมีใครจำใบหน้าของฮาโรลด์ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่อาชญากรที่ถูกทางการต้องการตัว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกังวลว่าจะถูกจับกุม

อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่เดินผ่านประตูคฤหาสน์ นั้นเป็นผลเสียที่เกิดมาจากการถูกมองด้วยสายตาที่ไม่มิตรอยู่ทุกๆวัน

แม้ว่าเขาจะพยายามทำตัวเข้มแข็ง แต่นั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นเพียงคนขี้อายคนหนึ่ง สัญชาตญาณของเขาบอกกับฮาโรลด์ให้เขาเปิดสวิตช์ แต่เขาคิดว่ามันอาจก่อให้เกิดอันตรายหากเปิดสวิตช์ในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงบังคับให้หยุดตัวเอง

แม้ว่าฮาโรลด์จะยังคงวิตกอยู่คนเดียว แต่ทว่าตอนนี้ เขาอยู่กับแขกคนสำคัญของงาน หรือก็คือ อิสุกิ ดังนั้นจะไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนอื่นๆในคฤหาสน์แห่งนี้จะมีจุดประสงค์มุ่งร้ายกับเขาได้

อิสุกิได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้ดูแลในคฤหาสน์ทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน พวกเขาทุกคนต่างยิ้มแย้มและดูยินดีเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าฮาโรลด์จะทำเป็นไม่เห็น แต่เขาก็รู้ได้ว่าอิสุกินั้นได้รับความรักและความยินดีที่ผู้คนต่างมอบให้กับเขา ราวกับออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ

แม้ว่าผู้ดูแลต่างๆจะดูสนอกสนใจฮาโรลด์ที่มากับอิสุกิอยู่บ้าง และเมื่อคนเหล่านั้นถามเกี่ยวกับฮาโรลด์ อิสุกิก็ตอบกลับไปทันทีว่า “นี่คือเพื่อนของฉัน ลอร์ด สเตราส์ หมอนี่อาจดูน่ากลัวและไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะครับ ” ซึ่งฮาโรลด์ก็ทักทายคนเหล่านั้นอย่างเงียบๆราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งค่าเอาไว้และเดินต่อไป

ขณะที่ทั้ง 2กำลังเดินเข้าไปยังภายในคฤหาสน์ พวกเขาทำแบบนี้ซ้ำไปอยู่อีกหลายครั้ง และในที่สุด อิสุกิก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง

เดาได้ไม่ยากว่าเอริกะอยู่ในนั้น เมื่อรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องรับมือกับเธอ ความเครียดของฮาโรลด์ก็พุ่งสูงขึ้น ซึ่งมันก็เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาได้พบเธอเป็นครั้งสุดท้าย

และโดยไม่สนใจความกังวลของฮาโรลด์ อิสุกิเคาะประตูทันที

 

[ เอริกะ น้องอยู่รึปล่าว ? นี่พี่เอง อิสุกิ ] – อิสุกิ

[ ท่านพี่ ? กรุณารอสักเดี่ยวค่ะ ดิฉันกำลั—— ] – เอริกะ

[ อยู่สินะ งั้น พี่เข้าไปล่ะน้า ] – อิสุกิ

 

เอาจริงๆ อิสุกิเพียงแค่ต้องการให้แน่ใจว่าเอริกะอยู่รึปล่าว และไม่สนใจเนื้อหาการตอบกลับของน้องสาวอะไรเลย ดังนั้น เขาจึงเปิดประตูทันที

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ประตูกำลังถูกเปิด เขาก็เดินเข้าไปทันทีโดยเฉียงออกด้านข้างเพื่อให้ฮาโรลด์ตามเข้ามาได้

เมื่อประตูเปิดจนสุดโดยไม่ติดขัดอะไร วัสัยทัศน์ของฮาโรลด์ก็เห็นกว้างขึ้น ในที่สุดเขาก็พบกับร่างๆหนึ่งยืนหันหลังอยู่

ชุดกิโมโนสีชมพูอ่อนของเธอทำให้เขานึกถึงกลีบดอกซากุระ ผมที่เงางามของเธอก็ยาวสลวยกว่าที่เขานั้นเคยจำได้ รู้สึกว่าเธอจะเติบโตขึ้นเล็กน้อย รูปร่างของเธอเปลี่ยนเแปลงไปจากเด็กผู้หญิงกลายเป็นหญิงสาวแล้วตอนนี้

เมื่อประตูถูกเปิดออก อากาศก็พัดเข้ามาภายในห้องจากทางหน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้ มีลมกันโชกพัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นผมสีดำเงางามของเธอปลิวไสวอย่างเบาๆ 

สิ่งที่เปิดเผยอยู่คือผิวอันขาวบริสุทธิ์ของหญิงสาว มันเป็นผิวที่เรียบเนียนอย่างสมบูรณ์ปราศจากรอยหมองคล้ำใดๆ ดูราวกับเซรามิก ไม่ว่าจะเป็นต้นคอ ไหล่ หรือแผ่นหลังส่วนบน ทุกๆส่วนล้วนได้รับพรจากความขาวที่เปล่งประกาย มันช่างดูน่าหลงใหล ร่างกายของเธอน่าหลงใหลมากจนอาจทำให้ชายใดที่ได้เห็นภาพนี้เกิดความสับสนกับนางฟ้าได้

แน่นอนว่าภาพนี้ถูกสลักเข้าไปยังจิตใจของฮาโรลด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในที่สุดฮาโรลด์ก็รู้สึกตัวว่าชุดกิโมโนสีชมพูอ่อนของเอริกะนั้นยังถูกใส่ไม่เรียบร้อยดี

สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายเกินกว่าฮาโรลด์จะตอบสนองได้ทัน และเมื่อประตูถูกเปิดออก เอริกะจึงค่อยๆหันหลังกลับมา

 

[ ท่านพี่คะ น้องบอกแล้วว่าให้รอ—— ] – เอริกะ

 

 

คำพูดของเอริกะถูกขัดจังหวะอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากมีคนอื่นมาขัดจังหวะการพูดของเธอ

แต่มันเป็นเพราะสายตาของเธอประสานกับสายตาของฮาโรลด์

ร่างของเธอและฮาโรลด์ต่างแข็งทื่อราวกับรูปปั้นที่มีชีวิต แต่เพียงชั่วครู่เดียวราวกับเริ่มเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอตั้งแต่ต้นคอขึ้นไปก็กลายเป็นสีแดง

และคนแรกที่ขยับตัวจากการตึกตะลึงในครั้งนี้ไม่ใช่ 1 ใน 2 คนนั้น แต่เป็นยูโนะ

 

[ ต- ต้องขออภัยด้วยค่ะ ] – ยูโนะ

 

มันเป็นท่าทีที่แตกต่างจากยูโนะตอนปกติ เธอพูดออกมาเพียงไม่กี่คำ เห็นได้ชัดว่ายูโนะก็กำลังตื่นตนกเช่นกัน อาจเพราะฮาโรลด์มัวแต่จดจ่อยู่กับเอริกะ เขาจึงไม่ทันสังเกตการคงอยู่ของยูโนะว่าเธอนั้นกำลังช่วยเอริกะแต่งตัวอยู่

ยูโนะลุกขึ้นเพื่อบดบังเรือนร่างอันบอบบางของเอริกะเอาไว้เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้ แต่ว่าเธอกลับรีบเกินไป ขณะที่เธอพยายามจัดแจงชุดกิโมโนของเอริกะให้เข้าที่เข้าทาง เท้าของเธอกลับพันกันและทำให้ร่างของเธอล้มลงที่เตียงพร้อมกับเอริกะ

 

[ คิย๊าาาาาา ] – เอริกะ

[ ดะ- ดิฉันต้องขอภัยอย่างสุดซึ้งค่ะ ท่านเอริกะ….. ] – ยูโนะ

 

ภาพที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือ ร่างของยูโนะที่กำลังขึ้นคล่อมเอริกะที่ชุดกิโมโนของเธอยังคงสวมไม่เรียบร้อยดีนัก แน่นอนว่าทั้งเนื้อหนังและบริเวณเนินอกต่างถูกเปิดเผยจนล่อแหลม เพราะจู่ๆถูกโยนลงที่เตียงทำให้ใบหน้าของเอริกะแดงขึ้นไปอีกด้วยความอับอาย 

และเพราะพวกเธอทั้งคู่ต่างเป็นคนที่สวยมาก ทำให้ภาพที่เห็นตอนนี้ดูราวกับออกมาจากมังงะหรือไลท์โนเวลยูริยังไงยังงั้น

 

[ …. ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าพวกเธอทั้ง 2 จะชอบเล่นบทลิลลี่ผลิบานเป็นงานอดิเรกหรือเป็นความชอบส่วนตัวอะไร แต่ว่า ช่วยอย่าโชว์ให้แขกเห็นภาพเหล่านี้จะได้มั้ย ? ยัยยูริ ] – ฮาโรลด์

 

นั้นคือสิ่งที่ออกมาจากปากของฮาโรลด์ในตอนที่เขาต้องการจะพูดว่า “ผมไม่ว่าอะไรหรอกนะหากผู้หญิงทั้ง 2 คนจะลงเอยด้วยกันแบบนี้ หากพวกเธอทั้งคู่โอเคกับมัน ” แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดที่จะเรียกผู้หญิงว่ายัยยูริเลย(TN:จริงๆฮาโรลด์พูดว่ายัยร่าน) แน่นอนว่าเขาทนเห็นภาพเหล่านั้นไม่ไหว จะปิดประตูลง

และอิสุกิที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ตามฮาโรลด์ออกไปและต่อว่าเขาว่า นายมันใจร้ายเกินไป

ซึ่งฮาโรลด์ไม่สามารถยอมรับคำต่อว่านี้ได้เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นความผิดของอิสุกิคนเดียวแท้ๆ

 

———————

 

 

[ พี่ขอโทษ …. ] – อิสุกิ

 

ตอนนี้ อิสุกิกำลังอยู่ในท่าหมอบกราบต่อหน้าฮาโรลด์ ซึ่งเขากำลังทำการขอโทษฮาโรลด์และเอริกะ ซึ่งมันยากจะเชื่อว่าชายที่อยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้กำลังจะแต่งงานจริงๆ

ฮาโรลด์ที่เห็นภาพนั้นถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก แต่เอริกะยังคงเงียบอยู่เพราะความโกรธของเธอ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่อิสุกิจะหมอบกราบ เอริกะที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เข้าโจมตีพี่ชายของเธอ เธอเข้าหาพี่ชายโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ มันเป็นฝ่ามือที่โจมตีไปที่แผนหลังของอิสุกิจนเกิดเสียงดังน่ากลัวมาก

เหตุผลที่เอริกะเลือกโจมตีไปที่แผ่นหลังแทนที่จะเป็นที่แก้มของพี่ชายนั้น อาจเพราะงานปาร์ตี้ที่กำลังจะมาถึง มันคงไม่ดีเท่าไหร่นักหากมีรอยฝ่ามือแดงสดอยู่บนแก้วของเจ้าบ่าว ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นการสร้างเสียงหัวเราะได้ดีหากมีรอยแบบนั้นจริง แต่สำหรับฮาโรลด์ เขาได้แต่กลืนน้ำลายเพราะเขาทราบดีถึงพลังทำลายของฝ่ามือของเอริกะจากเนื้อเรื่องของเกมส์ ไม่อยากจะคิดภาพหากมันโจมตีมาที่ใบหน้า แค่คิดเขาก็สยองแล้ว

 

[ พี่ชายรู้ซึ้งในความผิดแล้วค้าบ ดังนั้น ช่วยใช้เวทย์เยียวยาบนหลังของพี่— ] – อิสุกิ

[ พี่พูดอะไรรึปล่าว? ] – เอริกะ

 

น้ำเสียงของเอริกะเย็นชาเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น ดวงตาของเธอที่กำลังมองลงมาที่อิสุกิกับเย็นเฉียบยิ่งกว่า

มันดูราวกับกำลังจ้องมองขยะ แทบไม่เชื่อสายตาว่าเอริกะ ผู้ที่โอบอ้อมอารีกว่าใครๆในเรื่อง กับสามารถมีสายตาเช่นนี้ได้ แม้ฮาโรลด์เองก็อยากจะสุมไฟอิสุกิให้มากขึ้นโดยการพูดว่า “แกมันต่ำซะยิ่งกว่าสัตว์ร้าย ไอ้หนอนแมลงเอ๊ย” แต่พอคิดดีๆแล้ว ไม่ดีกว่า มันอาจทำให้ความโกรธของเอริกะพุ่งตรงมาที่ตัวของเขาแทน

 

[ เลิกไร้สาระกันซักที พวกเธอทำให้ชั้นเสียเวลาเปล่า ] – ฮาโรลด์ 

[ จะ- จริงด้วย พี่ต้องไปแนะนำฮาโรล– เอ่อ คุณลอร์ด กับ ซิลวี่ ต่อนี่นา ] – อิสุกิ

 

ภาพของพี่ชายคนโตกำลังขอร้องต่อน้องสาว ช่างน่าสังเวชมาก

บางทีเธอเริ่มที่จะสงสารความน่าเวทนาของพี่ชาย ในที่สุดความโกรธของเอริกะก็เริ่มสงบลง

 

[ กรุณาอย่าทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกด้วยค่ะ ] – เอริกะ

[ ได้ๆๆ พี่สาบานต่อพระเจ้าเลย ] – อิสุกิ

[ ชิ จริงจังกันสักที ลุกขึ้นซะ เสื้อผ้าของแกเปื้อนหมดแล้ว ] – ฮาโรลด์

[ บ้าชิบ โครตเจ็บเลย … ฮาโรลด์ นายก็โหดร้ายกับชั้นมากเกินไป ] – อิสุกิ

[ ไม่เคยได้ยินคำพูดว่าที่ “กรรมตามสนอง” งั้นเหรอ ? ] – ฮาโรลด์

[ ไม่เห็นจะเคยได้ยิน บางที นายอาจจะหมายถึง พระเจ้าอภัยให้เสมอ รึปล่าว ? ] – อิสุกิ

[ พวกเขากล่าวกันว่า พระผู้เป็นเจ้าจะยอมให้อภัยในความผิดของผู้ศรัทธาได้ 3 ครั้ง ดิฉันสงสัยหากเป็นคนธรรมดา จะอภัยให้ได้ซักกี่ครั้งกันนะ พี่ชาย ? ] – เอริกะ

 

แม้ว่าเอริกะจะกำลังยิ้ม แต่ดวงตาและน้ำเสียงของเธอกลับไม่ยิ้มด้วย เมื่อเห็นภาพนั้น ใบหน้าของอิสุกิกลายเป็นขาวซีด ซึ่งฮาโรลด์ก็สงสัยว่ามันจะกลายเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองต่อไป

.

.

.

 

 

หลังจากความวุ่นวายจบลง ในที่สุดก็ถึงเวลาพบกับเจ้าของคฤหาสน์ ตระกูลเบอร์สิออส

แม้ว่าอาการปวดหลังจะทำให้อิสุกิจะต้องเดินช้าๆ แต่เขาก็เดินนำทุกๆคนไปยังห้องจัดงานในอาคารเสริมที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับคฤหาสน์หลัก มันเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองและดูเหมือนว่าคนของตระกูลเบอร์ลิออสจะอยู่ที่นั้น

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฮาโรลด์ได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าจะเงียบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ทว่า ความตั้งใจของเขากับถูกบดขยี้ทันทีที่เขาเข้ามาในห้องโถง

 

[ มีช่องว่าง !!!!! ] – ???

 

มันเป็นการโจมตีที่มาพร้อมกับเสียงตะโกน ใครบางคนกระโจนเข้ามาจากจุดอับสายตาทันทีที่ประตูห้องโถงถูกเปิดออก ในมือของคนๆนั้นถืออาวุธบางอย่างดูคล้ายกับดาบ บุคคลนี้เข้าโจมตีฮาโรลด์ที่ไม่ได้ถืออาวุธใดๆ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนนี้ฮาโรลด์อยู่ในระยะโจมตีแล้ว

ดาบมรณะเล่มนั้นหมายตามาที่ฮาโรลด์ ! 

 

—————————-

ปล.1 อิสุกิ good job อีกครั้ง 

ปล.2 ตอนเอริกะตบ นึกถึงมีมผู้หญิงต่อยเครื่องเล่นวัดน้ำหนักหมัด แล้วผู้ชายรีบไปทำงานบ้านเลย ฮาโรลด์อนาคตกลัวเมียแน่นอน

————————–

สนับสนุนแมวเลียได้ที่

กสิกร 0708329649 กิตติพิชญ์

 

 

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท