My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 72 ความหมายของรอยยิ้ม

My Death Flags Show No Sign of Ending

เมื่อเอริกะได้ยินอิสุกิบอกว่าเขากำลังจะออกไปเที่ยวชมเมืองคาบุลันกับเพื่อนๆ หรือ ก็คือ ฟรานซิส และ ฮาโรลด์ มันก็ช่วยไม่ได้ที่เอริกะจะอดสงสัยไม่ได้ว่าพี่ชายของเธอกำลังวางแผนอะไรแผลงๆอีกอยู่รึปล่าว 

เอาจริงๆแล้ว สำหรับเอริกะ อิสุกินั้นเป็นพี่ชายที่มีน้ำใจและเป็นที่ภาคภูมิใจของเธอ แต่ ถ้าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับฮาโรลด์ พี่ชายคนนี้ค่อนข้างหมกมุ่นเป็นพิเศษ แต่สำหรับเอริกะ เธอก็ดีใจนะที่พี่ชายของเธอนั้นชอบฮาโรลด์เช่นกัน

บางทีที่อิสุกิทำเช่นนี้อาจเพราะเขาสังเกตุเห็นว่าเธอนั้นแอบชอบฮาโรลด์อยู่ลึกๆภายในใจ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาจริงๆนั้นมาจากฝั่งของตัวฮาโรลด์ นั้นก็เพราะเขาไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ และเขาก็ไม่ชอบใจเอามากๆที่ถูกอิสุกิกดดันในเรื่องนี้ ซึ่งเอริกะก็รู้ดีว่าทำไมฮาโรลด์ถึงพยายามหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับเธอ ถ้าจะให้อธิบายสั้นๆ นั้นเพราะเธอนั้นดีไม่พอสำหรับเขา

ในวันนั้นเมื่อ 8 ปีก่อน วันที่ฮาโรลด์ตำหนิเธออย่างรุนแรง กล่าวว่าเธอนั้นใจดีเกินไป และความเมตตาของเธอเป็นเพียงเปลือกนอกที่ไว้เพื่อความพึงพอใจของตนเอง และนั้นเป็นโอกาสที่ทำให้เธอมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเติบโตเป็นคนที่สามารถสนับสนุนแผ่นหลังของฮาโรลด์ได้

ตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็อุทิศตนเพื่อพัฒนาหัวใจ ทักษะ และร่างกายเพื่อที่เธอจะได้เป็นคนที่เหมาะสมกับฮาโรลด์ แต่กระนั้น แผ่นหลังของเขาที่เธอพยายามไขว่ขว้ายังช่างดูห่างไกล

เพราะแม้ว่าเธอจะก้าวไปข้างหน้า ฮาโรลด์เองก็ก้าวไปด้วยเช่นกัน

เขาไม่เคยหยุด และจะไม่หยุด และนั้น บางครั้งเอริกะก็สงสัยกับตัวเองว่าแบบนี้”จะมีวันที่เธอสามารถตามเขาทันได้จริงๆเหรอ ?” แต่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ความอ่อนแอที่ถูกเก็บซ่อนภายในจิตใจของเธอผุดขึ้นออกมา เธอจะนึกถึงน้ำตาของฮาโรลด์ที่ไหลรินในวันนั้น ฮาโรลด์ยังคงต่อสู้อยู่เสมอ กับความกลัว กับความกังวล พยายามต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างสิ้นหวัง เมื่อคิดเช่นนั้น เอริกะก็สามารถฟื้นฟูหัวใจที่อ่อนแอของเธอให้กลับมาเข้มแข็งได้

เธอบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่งความพยายามของเธอมันจะสัมฤทธิ์ผล

 

[ ท่านเอริกะ มีอะไรรึปล่าวครับ ? ]

[ คุณเหนื่อยรึปล่าว ? ให้กระผมไปหาเครื่องดื่มมาให้ไหม ? ]

[ หรือว่าพวกเราออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกดีครับ ? ]

 

ในขณะที่เอริกะ กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ผู้คนที่อยู่รอบๆเธอรู้สึกว่าเธอมีบางอย่างผิดปกติจึงพยายามร้องเรียกเธอเพื่อทำคะแนนในการแสดงความกังวลของพวกเขาที่มีต่อเธอออกมา นี่เป็นวันที่ 2 แล้วของงานปาร์ตี้เฉลิมฉลอง ตอนนี้เธออยู่ในล็อบบี้ของงาน และแขกที่มาร่วมงานในวันนี้ก็ไม่ใช่แขกชุดเดียวกับเมื่อวันก่อน ซึ่งผู้ที่เดินทางมาเข้าร่วมงานนั้นยังคงรอกันอยู่บริเวณล็อบบี้เพราะบริเวณห้องจัดงานนั้นยังเตรียมการไม่เสร็จ

ยังมีเวลาอีกพอสมควรกว่างานจะเริ่มต้นขึ้น และเอริกะก็เดินทางมาที่นี่เร็วเกินไป และด้วยเหตุนั้น เธอจึงถูกพวกผู้ชายเข้ามารายล้อยในพริบตา ตอนแรกเธอคิดว่าคนเหล่านี้คงไม่กล้าเข้าหาเธอกันเท่าไหร่นักเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน แต่ว่าเมื่อพวกเขาสังเกตว่าฮาโรลด์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาก็กรูกันเข้ามาหาเธอในทันที

เมื่อเธอลองมองดูรอบๆตัว กว่าครึ่งคือพวกที่ถูกฮาโรลด์เล่นงานไปเมื่อวันก่อน คนเหล่านี้ถือว่ามีความกล้าพอสมควรเลย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการที่พวกผู้ชายส่วนใหญ่กรูกันเข้ามาสนใจเอริกะจนเกินหน้าเกินตา จะทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆภายในงานไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก นั้นเพราะเอริกะรู้สึกถึงสายตาอันริษยามุ่งตรงมาที่เธอเป็นจำนวนมาก

จริงๆเธอสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยการออกจากงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ไป แต่ว่าในฐานะของญาติฝ่ายเจ้าภาพผู้จัดงาน การออกจากที่นี่ไปอาจจะดูไม่ควรเท่าไหร่นัก

และในขณะที่เอริกะกำลังกังวัลว่าจะจัดการกับปัญหานี้ด้วยวิธีนุ่มนวลอย่างไรดี …

 

[ ไปให้พ้นหน้าข้าซะ ไอ้พวกแมลง ] – ฮาโรลด์

 

เสียงที่เฉียบคนขจัดความวุ่นวายให้กลับมานิ่งสงบในทันที พวกผู้ชายที่อยู่รอบๆเอริกะต่างนิ่งสนิทไม่ไหวติง เพราะตอนนี้ ฮาโรลด์ก็ยืนอยู่ในฝูงชนนั้นด้วย พร้อมกับใบหน้าที่ไม่ปิดบังอารมณ์บูดของเขาอย่างชัดเจน

 

[ ข้าจะให้เวลาพวกแก 3 วินาที ไปซะ แต่ถ้าอยากโดนแบบเมื่อวานอีกรอบ ก็ยืนอยู่ตรงนี้แหละ ] – ฮาโรลด์

 

แน่นอนว่าไม่ต้องรอให้ถึง 3 วิ กลุ่มชายหนุ่มต่างแตกกระเจิงไปกันคนละทิศละทาง อย่างที่คาด ดูเหมือนพวกเขาจะยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อวันก่อน แต่ว่าเหตุการณ์นั้นกลับช่วยเอริกะเอาไว้เป็นอย่างมาก

 

[ ขอบพระคุณค่ะ ท่านลอร์ด ] – เอริกะ

[ นี่มันงานของชั้น แล้วก็หยุดโค้งคำนับซะ ] – ฮาโรลด์

 

เอริกะคิดว่านี่คงเป็นวิธีการพูดของเขามักจะใช้ประโยค “คำสั่ง” แทนการ ขอร้อง 

โดยที่ไม่ได้แยกจากเอริกะ ฮาโรลด์ เอนหลังพิงกำแพงพร้อมกับยืนกอดอกข้างๆเธอ เมื่อแสดงจุดยืนชัดเจนว่านี่คืองานของเขา เขาจึงแสดงบทบาทเป็นผู้คุ้มกันของเอริกะได้ดีอย่างหน้าเหลือเชื่อ โดยบุคคลิกที่ขันแข็งกับงานของเขาตรงกันข้ามกับวาจาที่กล่าวออกมาอย่างสิ้นเชิง

 

[ ท่านไปที่ไหนมาคะ ? ] – เอริกะ

[ อิสุกิให้ชั้นออกไปข้างนอกกับเขา ] – ฮาโรลด์

[ อีกครั้งแล้วสินะคะ ดิฉันต้องของอภัยแทนท่านพี่ที่ก่อปัญหาให้กับท่านด้วยค่ะ ] – เอริกะ

[ อย่างที่ชั้นเคยบอกเธอไปก่อนหน้านี้ แทนที่จะขอโทษ เอาเวลาไปคอยควบคุมหมอนั้นให้ดีดีกว่า ] – ฮาโรลด์

[ ดิฉันบอกกับท่านพี่แล้วว่าอย่ากวนใจท่านฮาโรลด์แต่ว่า … ] – เอริกะ

 

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หยุดอิสุกิที่ชื่นชอบในตัวของฮาโรลด์เป็นอย่างมากและพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายที่จะจับฮาโรลด์คู่กับเธอให้จงได้ เธอได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจออกมาเล็กๆ

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮาโรลด์จึงเข้าใจความรู้สึกของเอริกะได้ จึงไม่ได้กดดันอะไรเธอต่ออีก

 

[ เอ๋ ดิฉันพึ่งนึกขึ้นได้ ท่านพี่และท่านฟรานซิสไม่ได้มาพร้อมกับท่านฮาโรลด์หรอคะ ? ] – เอริกะ

[ ชั้นทิ้งเจ้าพวกนั้นไว้ด้านหลัง ช่างเรื่องนั้นเถอะ …. เอริกะ ] – ฮาโรลด์

[ คะ ? ] – เอริกะ

 

การถูกเรียกด้วยชื่อมันทำให้เธอถึงกับใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เอริกะได้แต่พยายามเก็บซ่อนอาการเหล่านี้และแสดงภาพลักษณ์ที่สงบเท่าที่จะทำได้

 

[  เมื่อตะกี้ เธอพึ่งเรียกฟราสซิสด้วยชื่อต้นเหรอ ? ] – ฮาโรลด์

[ ค่ะ เขาบอกกับดิฉันว่าให้ดิฉันเรียกเขาด้วยชื่อนั้น ] – เอริกะ 

[ หรือก็คือ เธอไม่ได้รู้สึกแย่กับเขาใช่มั้ย ? ] – ฮาโรลด์

[ ดิฉันค่อนข้างประหลาดใจกับเหตุการณ์เมื่อวานนี้เพราะจู่ๆเขาก็โผล่เข้ามา แต่ดิฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรในตัวของเขาค่ะ เพราะดิฉันยังไม่ได้รู้จักหรือรู้ถึงนิสัยจริงๆของเขาเลยด้วยซ้ำ ]  – เอริกะ

 

เธอไม่ได้เกลียดหรือชอบเขา ความประทับใจที่เธอมีต่อฟรานซิสคือเขาเป็นคนที่ดูน่าหลงใหลไม่น้อยและเป็นเพื่อนของท่านพี่ อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดอะไรอยู่สักพัก ฮาโรลด์ก็ถามอะไรบางอย่างกับเอริกะ

 

[ หากเธอถูกขอให้แต่งงานกับฟรานซิส เธอจะตกลงรึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

[ เอ๊ะ- ] – เอริกะ

 

เอริกะได้แต่ระงับเสียงที่เผลอหลุดออกมาอย่างสิ้นหวังเพื่อไม่ให้อารมณ์ของเธอแสดงออกมา เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมเขาถึงถามออกมาเช่นนั้น แต่คำถามนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอสั่นไหว เมื่อพิจารณาถึงความรู้สึกของเธอแล้ว คงเป็นเรื่องที่ยากมากที่เธอจะยอมรับการแต่งงานกับฟรานซิส เพราะนั้นหมายถึงว่าเธอนั้นยอมแพ้ต่อฮาโรลด์นั้นเอง

จริงๆแล้วเป้าหมายของเธอคือคนที่คอยสนับสนุนแผ่นหลังของฮาโรลด์ แต่การสนับสนุนนั้นไม่จำเป็นจะต้องผูกมัดเขาไว้กับตัวเธอเสมอ เธอตระหนักถึงเรื่องนั้นดี และเธอก็คิดว่า หากฮาโรลด์ต้องตกไปอยู่กับผู้หญิงอื่น เธอก็พร้อมที่จะอวยพรให้แก่ทั้งคู่

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่เธอจะแต่งงานกับคนอื่น ในเมื่อฮาโรลด์เองก็ยังไม่ได้แต่งงานกับใครเช่นกัน ตราบใดก็ตาม ต่อให้เล็กน้อยขนาดไหน หากเธอยังมีโอกาสที่จะถูก ”เลือก” โดยฮาโรลด์ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ

ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถยอมรับการแต่งงานกับคนอื่นได้ นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะตอบ หากเธอให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองมากกว่านี้จริงๆ

 

[ …. ค่ะ ดิฉันทราบดีว่าท่านฮาโรลด์ไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับดิฉัน แต่ว่าการแต่งงานนั้นมันอาจจะเป็นไปยากเกินไปหน่อย แต่ว่า หากท่านพี่และท่านพ่อตัดสินใจแล้ว และหากสิ่งนี้เพื่อตระกูลสุเมรากิดิฉันก็—- ] – เอริกะ

 

“ดิฉันก็คิดว่าดิฉันพร้อมที่จะแต่งงานค่ะ” นั้นคือคำพูดที่เอริกะกำลังจะกล่าวออกไป แต่ทว่า เธอกับถูกขัดโดยฮาโรลด์เสียก่อน

 

[ เธองี่เง่ารึไง ? มันไม่เกี่ยวกับพ่อแม่พี่น้องหรือตระกูลของเธอ ชั้นกำลังถามเธอ เอริกะ สุเมรากิ แค่เธอ เธอจะตอบตกลงรึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

 

ในฐานะของเอริกะ สุเมรากิ เธอต้องการอะไรกันแน่ ? จะเป็นอย่างไรถ้าหากเธอสามารถขจัดปัจจัยสถานะทางสังคมของเธอออกจากสมการและสามารถตัดสินใจด้วยความรู้สึกของตนเองได้ ?

แน่นอนว่าคำตอบถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ความรู้สึกที่เธอเก็บเอาไว้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

 

[ … หากดิฉันสามารถตัดสินใจได้ ดิฉันจะไม่ตกลงรับการแต่งงานกับท่านฟรานซิสค่ะ หากเป็นไปได้ ดิ- ดิฉันอยากจะแต่งงานกับคนที่ดิฉันรักจริงๆ ] – เอริกะ

 

เธอตอบคำถามเหล่านั้นขณะมองตรงเข้าไปในดวงตาของฮาโรลด์ ฮาโรลด์ประสานสายตานั้นอยู่ครู่นึง เขาก็ก้มลงราวกับต้องการที่จะตัดการเชื่อมต่อทางสายตาของเขากับเอริกะ

 

[ … เข้าใจแล้ว ] – ฮาโรลด์

 

บางที เอริกะอาจจะเข้าใจผิดไปเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะว่า แม้ฮาโรลด์จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเหมือนเช่นเคย แต่เธอก็รู้สึกถึงความพึงพอใจที่แสดงออกมาทางใบหน้าของเขา

 

( เอ๊ะ เขายิ้ม… ?) – เอริกะ

 

มันไม่เหมือนกับรอยยิ้มที่มักใช้ถากถางตามปกติของเขา มันเป็นรอยยิ้มที่ความรู้สึกอ่อนโยน แต่นั้นเป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้นและไม่มีทางที่จะยืนยันได้ แม้ว่าเอริกะจะคาดคั้นจากเขา เขาก็คงปฎิเสธเท่านั้น

 

[ หึ เจ้าพวกนั้นมาสักที ] – ฮาโรลด์

 

หากมองตามสายตาของฮาโรลด์ไป จะพบกับอิสุกิและฟรานซิสกำลังเดินมาทางนี้ข้างๆกัน และเมื่อเห็นพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว ฮาโรลด์จึงขยับหลังออกจากำแพงที่เขาพิงอยู่

 

[ หากเธออยู่กับเจ้าพวกนี้ เจ้าแมลงพวกนั้นคงไม่มากวนใจเธอได้อีก ดังนั้น ชั้นจะกลับไปพักที่ห้องจนกว่างานปาร์ตี้จะเริ่มขึ้นละกัน ] – ฮาโรลด์

 

หลังจากกล่าวออกมาเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็จากไป และอิสุกิกับฟรานซิสก็เข้ามาแทนที่เขา

 

[ อ้าว ลอร์ดไปไหนแล้วล่ะ ? ] – อิสุกิ

[ เขาบอกว่าเขาจะไปพักที่ห้องของเขาสักหน่อยจนกว่างานปาร์ตี้จะเริ่มค่ะ ] – เอริกะ

[ ก็นะ ขั้นเดาว่าพวกเราคงทำหมอนั้นจนหมดแรง ] – อิสุกิ

[ ถ้าหากลอร์ดบอกว่าเหนื่อย แล้วฉันคนนี้ล่ะ ? ] – ฟรานซิส

[ งั้น นายก็กลับไปพักที่ห้องด้วยมั้ย? ฟราน ] – อิสุกิ

[ ฉันก็อยากอยู่นะ แต่ก่อนหน้านั้น คุณมีเวลาให้กระผมสักประเดี๋ยวไหมครับ เอริกะ ? ] – ฟรานซิส

[ ดิฉันไม่ติดอะไรค่ะ แต่ว่า… ] – เอริกะ

 

เอริกะเธอมองไปยังพี่ชายของเธอ เพราะเธอรู้ว่าพี่ชายของเธอไม่ชอบที่ฟรานซิสเข้าหาเธอ แต่ว่าคราวนี้พี่ชายของเธอกลับไม่พูดอะไร หรือก็คือ เขาได้อนุญาตฟรานซิสในเรื่องนี้แล้วนี้เอง

มีอะไรเกิดขึ้นจึงทำให้พี่ชายคนนี้เปลี่ยนความคิดงั้นเหรอ ?

 

[ เรื่องนี้มันค่อนข้างยากที่จะพูดสักหน่อย พวกเราไปคุยกันที่สวนเถอะ ] – ฟรานซิส

 

หลังจากตามฟรานซิสออกไป เขาก็พาเดินเอริกะไปยังลานหน้าคฤหาสน์ ซึ่งที่ตรงนั้นมีทางเดินระเบียงและสวนด้านนอก แต่ทว่าในสวนนั้นกลับมีผู้คนจำนวนหนึ่งยืนคุยกันอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้น ฟรานซิสจึงพาเธอไปพูดคุยแถวๆนั้นที่ห่างจากผู้คนสักหน่อย และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆแล้วเท้าของเขาก็หยุดลง

เมื่อพิจารณาสิ่งที่ฟรานซิสจะกระทำต่อไป เอริกะเธอได้เตรียมใจไว้เล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำถามจากฮาโรลด์เมื่อก่อนหน้านี้

 

[ แล้วท่านฟรานซิสมีอะไรจะพูดกับดิฉันคะ ? ] – เอริกะ

[ ผมคิดว่าผมอยากจะขอโทษคุณในเรื่องเมื่อวันก่อน ต้องขออภัยในความหยาบคายของผมด้วยครับ ] – ฟรานซิส

[ ได้โปรดยกศีรษะขึ้นเถอะค่ะ ดิฉันยอมรับว่าตอนนั้นดิฉันค่อนข้างตกใจ แต่ว่าดิฉันไม่ได้โกรธเคืองอะไร เพราะงั้นท่านฟรานซิสไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ ] – เอริกะ

[ ขอบพระคุณมาก อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพียงคำขอโทษต่อคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ] – ฟรานซิส

[ ท่านฟรานซิสหมายความว่าอย่างไรคะ ? หรือบางที ท่านฟรานซิสจะหมายถึงท่านพี่ของดิฉัน ? ] – เอริกะ

[ ปล่าวครับ คำขอโทษนี่สำหรับลอร์ดด้วย … ไม่สิ ฮาโรลด์ โอ๊ะ ผมไม่ได้บอกคนอื่นเกี่ยวกับเขาเลยนะ เพราะงั้นไม่ต้องกังวล ] – ฟรานซิส

[ … ท่านฟรานซิสรู้เรื่องของเขาได้ยังไงกันคะ ? ] – เอริกะ

[ จริงๆตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจ ก็เลยไปถามอิสุกิ เขาก็สารภาพความจริงออกมาอย่างง่ายๆเลยล่ะ ] – ฟรานซิส

[ ท่านพี่เอาอีกแล้ว … ] – เอริกะ

 

เอริกะรู้สึกว่าหัวของเธอกำลังปวดตุบๆ ดูเหมือนว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอคงต้องแวะไปลงโทษท่านพี่ในภายหลังเสียหน่อย ไม่สิ ต้องรวมเรื่องที่ท่านพี่พยายามอย่างเอาเป็นเอาตายกดดันฮาโรลด์ให้แต่งงานด้วย เพราะงั้นแทนที่จะไปตักเตือนเฉยๆเอาเป็นเพิ่มโทษเข้าไปอีกหน่อยดีกว่า

แต่ว่า กลับมาเรื่องเมื่อครู่ คำขอโทษต่อเอริกะเกี่ยวข้องอย่างไรกับฮาโรลด์กันแน่

 

[ ก็ ที่ผมจะพูดก็คือ ผมพึ่งโดนฮาโรลด์เทศน์มาสดร้อนๆ ] – ฟรานซิส

[ ท่านฟรานซิสพูดว่า เทศน์หรอคะ ? ] – เอริกะ

[ โดยสรุป เขาพูดประมาณว่า “คนกระจอกอย่างแกไม่คู่ควรกับเอริกะหรอก” หมอนั้นน่ะเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่กว่าตอนอิสุกิกันซีนผมเสียอีก ] – ฟรานซิส

 

ฟรานซิสได้แต่ยิ้มอย่างแห้งๆ จากที่เขาพูดมา ดูเหมือนว่าฮาโรลด์จะไล่ฟรานซิสให้ออกจากเอริกะ อย่างไรก็ตาม นั้นมันเป็นไปไม่ได้ นั้นเพราะฮาโรลด์ไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ ดังนั้น หากเขาสามารถผลักเธอไปหาคนอื่นได้ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา ฟรานซิสน่าจะต้องเข้าใจอะไรผิด มันคงจะเป็นเช่นนั้น

 

[ … ไม่ใช่ว่าท่านฟรานซิสเข้าใจอะไรผิดหรือคะ ? ดิฉันไม่คิดว่าท่านฮาโรลด์จะกล่าวอะไรเช่นนั้นออกมาได้หรอกค่ะ ] – เอริกะ

[ เอ๊ะ- เอริกะ? ฮาโรลด์ไม่บอกอะไรกับเธอเลยหรอเนี้ย หมอนั้นนี่เป็นตัวปัญหาจริงๆแหะ ] – ฟรานซิส

[ ท่านฟรานซิสหมายความว่าอย่างไรคะ ? ] – เอริกะ

[ ดูเหมือนคุณจะเชื่อว่าฮาโรลด์ไม่เคยคิดถึงคุณเลยสินะ แต่มันไม่เป็นแบบนั้นเลยล่ะ ตรงกันข้ามเลย หมอนั้นน่ะพูดกับผมเกี่ยวกับคุณประมาณว่า “ เอริกะไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอและไม่มีปัญญาทำอะไรไม่ได้เลยนอกเสียจากต้องรอการปกป้องจากคนอื่น เธอมีพลังที่จะต่อสู้ และมีจิตใจที่แน่วแน่ที่พร้อมจะต่อสู้ต่อชะตากรรมของตัวเอง อย่าคิดว่าเธอเป็นเพียงแค่ดอกไม้ที่บอบบางจนต้องทะนุถนอมเท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว เอริกะนั้นเป็นดังต้นไม้ใหญ่ ” ] – ฟรานซิส

[ ทะ- ท่านฮาโรลด์พูดเช่นนั้นจริงๆหรอคะ ? ] – เอริกะ

[ หากคุณยังสงสัย ลองถามเรื่องนี้กับอิสุกิได้ พูดตามตรง ตอนนั้นมันเหมือนกับเขาพยายามแสดงให้ผมเห็นว่าความรู้สึกที่ผมที่ต่อคุณและที่เขามีต่อคุณนั้น มันแตกกันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ] – ฟรานซิส

 

ไม่มีทางที่มันจะง่ายๆแบบนั้นใช่มั้ย ? นี่มันห่างไกลจากสิ่งที่เธอคิดเกี่ยวกับความรู้สึกของฮาโรลด์ที่มีต่อเธอมากๆ แน่นอนว่ามีหลายๆสิ่งที่เธอยังคงสงสัยแต่ความปรารถนาในเรื่องนี้ของเธอกับชนะขาดลอย อย่างไรก็ตาม เธอเองก็อดคิดไม่ได้ว่า “หากมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ?” สิ่งที่เธอโหยหามาตลอดมากกว่าสิ่งอื่นใดมันกำลังจะกลายเป็นความจริงแล้วหรือ? สิ่งที่เธอคอยย้ำเตือนกับตัวเองมาโดยตลอดว่าเธอนั้นยังคงมีความหวัง

 

[ … เห้อ การที่คุณแสดงใบหน้าแบบนั้น ผมคงต้องตัดใจอย่างเดียวแล้วล่ะ ] – ฟรานซิส

[ เอ๊ะ ? ] – เอริกะ

[ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะพยายามซ่อนมันเอาไว้ทำไม แต่ว่าความสุขของคุณมันแสดงออกมาทางใบหน้าอย่างชัดเจนเลยล่ะ เห้อ ผมเดาว่า ผมคงไม่มีทางที่จะทำให้คุณแสดงใบหน้าแบบนี้ได้แน่ๆ ] – ฟรานซิส

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เอริกะก็รีบเอามือปิดใบหน้าของเธอทันที เพราะแก้มของเธอกำลังแสดงความยินดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเธอตระหนักถึงสิ่งนั้น เอริกะก็ได้แต่เขินอาย

 

[ ไม่ใช่นะ คือมัน นี่– มันไม่ใช่แบบนั้น … ] – เอริกะ

[ พะ-พรึด– ฮ่าฮ่าฮ่าๆ ] – ฟรานซิส

 

เอริกะที่กำลังสับสนเธอจึงไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดๆได้ทัน เมื่อมองดูเธอที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฟรานซิสจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และนั้นมันยิ่งทำให้เอริกะเขินอายเข้าไปใหญ่

 

[ ดะ-ได้โปรด หยุดหัวเราะเยาะดิฉันเถอะค่ะ …. ] – เอริกะ

[ ขอโทษๆ ความผิดผมเอง แต่เพราะว่าสิ่งนี้ ผมเลยเข้าใจจริงๆเสียที ว่าผมมันโง่แค่ไหนที่เข้าไปเป็น ก ข ค ระหว่างคุณกับฮาโรลด์ ] – ฟรานซิส

[ นั้นมัน – ] – เอริกะ

[ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณทั้ง 2 ที่ทำให้พวกคุณทั้งคู่ไม่ยอมซื่อสัตย์ต่อหัวใจตนเอง แต่ว่าพวกคุณทั้งคู่ก็ต่างกำลังคิดถึงกันและกันอย่างจริงจัง มันจริงจังเสียจนไม่มีช่องว่างใดๆให้ใครอื่นแทรกได้เลย ] – ฟรานซิส

 

ฟรานซิสกล่าวออกมาด้วยสีหน้าร่าเริง 

แน่นอว่าเรื่องนี้มันยากที่จะเชื่อสำหรับเอริกะ เพราะฮาโรลด์ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะกล่าวคำพูดอะไรแนวๆนี้และบ่งบอกความรู้สึกที่มีต่อเธอออกมาเลย แต่ว่า เมื่อเธอนึกถึงรอยยิ้มของฮาโรลด์ที่เผยออกมาสั้นๆก่อนหน้านี้

เมื่อวันก่อน ฟรานซิสพยายามที่จะรุกเอริกะอย่างหนัก หรือว่าเรื่องนี้ทำให้ฮาโรลด์กังวลหรือหึงหวงงั้นเหรอ ? แสดงว่ารอยยิ้มนั้นหมายความว่า …

 

ฮาโรลด์โล่งใจที่เธอปฎิเสธที่จะแต่งงานกับฟรานซิส?

 

 

[ ดิฉันไม่เคยรู้สึกมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย …. ] – เอริกะ

 

ด้วยน้ำเสียงที่เบาจนฟรานซิสไม่สามารถได้ยินได้ เอริกะ เธอกล่าวความรู้สึกของตนเองออกมาอย่างแผ่วเบา

 

———————————-

ปล.: ทำดีมากฟรานซิส รับบทกามเทพได้เยี่ยมมาก เอริกะรู้เสียทีว่าฮาโรลด์ไม่ได้เกลียดเธอ เหลือแค่ฮาโรลด์ที่ยังคิดว่าเอริกะเกลียดอยู่เพราะเรื่องคลอเล็ตและแม่ 

ปล.1 : แอบไปอ่านผ่านๆตอนหน้าจบเล่ม 3 ลีฟากลับมามีบทแล้วนะ กองอวยลีฟาจะได้มีกำลังใจหน่อย

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท