วันรุ่งขึ้น ก่อนที่จะเดินทางไปยังหมู่บ้านบร๊อชในตอนค่ำ ฮาโรลด์พอมีเวลาว่างนิดหน่อย เขาจึงสั่งให้ 2 คู่หูเผ่าสเตลล่ามายังห้องของเขา จากนั้นก็สั่งให้พวกเขานั่งลงที่โต๊ะกลมกลางห้องพร้อมกับกระดาษและปากกาที่วางอยู่ตรงหน้า
แน่นอนว่าเขายืนอยู่ต่อหน้าทั้งสองที่ไม่แสดงออกถึงสีหน้าและอารมณ์ใดๆ
[ ต่อจากนี้ ชั้นจะถามคำถามกับพวกแก ถึงจะตอบด้วยปากไม่ได้ แต่ยังสามารถเขียนได้ใช่มั้ย ? ] – ฮาโรลด์
พวกเขาไม่ได้แสดงปฎิกิริยาใดๆหลังจากได้รับสายตาอันเย็นเฉียบจากฮาโรลด์ และฮาโรลด์ก็เริ่มถามคำถามโดยไม่สนใจใดๆเช่นกัน
[ อันดับแรก เขียนชื่อของพวกแกลงไปซะ ] – ฮาโรลด์
จากที่ฮาโรลด์สั่ง ทั้ง 2 เริ่มเขียนชื่อที่กระดาษโดยง่ายจนน่าประหลาดใจ แม้ว่าไอเดียการสื่อสารด้วยการเขียนนี้จะพึ่งผุดขึ้นมาไม่นาน แต่มันกับได้ผลดีเกินคาด พวกเขาทั้งคู่เขียนชื่อตัวเองเสร็จเกือบจะพร้อมกัน และฮาโรลด์ก็หยิบกระดาษ 2 แผ่นนั้นมาอ่าน
“ลิเลี่ยม”
“เวนโตส”
ดูเหมือนจะเป็นชื่อของหญิงสาวและชายหนุ่มตามลำดับ เมื่อเห็นเช่นนั้นฮาโรลด์จึงให้พวกเขาเขียนอายุของพวกเขาต่อ และดูเหมือนว่า ลิเลี่ยมจะอายุ 16ปี ส่วนเวนโตสอายุ 22 ปี
มันช่างราบรื่นอะไรเช่นนี้ แต่ว่าพอถึงคำถามที่ว่า “ชอบอะไรมากที่สุด” “คิดอะไรอยู่ตอนนี้” “ต้องการจะเป็นอิสระจากฐานะตุ๊กตาแล้วกลับไปใช้ชีวิตเดิมหรือไม่?” มือของทั้งคู่กลับไม่ขยับแต่อย่างใด หลังจากหยุดคิดอยู่ซักพัก ฮาโรลด์จึงเปลี่ยนทิศทางของคำถาม
[ พวกแกสูงเท่าไหร่กัน? ] – ฮาโรลด์
คำตอบที่ได้คือลิเลี่ยมสูง 151 cm และเวนโตสสูง 178 cm
[ แขนข้างที่ถนัดล่ะ ? ] – ฮาโรลด์
ลีเลี่ยมถนัดซ้ายและเวนโตสถนัดขวา
[ พวกแกมีความทรงจำก่อนที่จะถูกยูสทัสจับตัวมารึปล่าว? ] – ฮาโรลด์
ทั้งคู่ไม่ตอบ
[ พวกแกคิดอย่างไรกับยูสทัส ? ] – ฮาโรลด์
และอีกครั้งที่ทั้งคู่ไม่ตอบคำถาม
[ พวกแกเคยมีประสบการณ์การต่อสู้มาก่อนรึไม่ ? ] – ฮาโรลด์
ลีเลี่ยมตอบไม่ ส่วนเวนโตสตอบเคย
[ พวกแกทั้งคู่ใช้เวทมนตร์ได้รึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์
ทั้ง ลีเลี่ยมและเวนโตสตอบว่าได้
[ ครอบครัวของพวกแกมีใครบ้าง ? ] – ฮาโรลด์
ลีเลี่ยมตอบว่า พ่อ แม่ พี่สาว ส่วนเวนโตสตอบว่า พ่อแม่ และยาย
[ พวกแกลำบากใจรึปล่าวที่ต้องมาตอบคำถามเหล่านี้ ? ] – ฮาโรลด์
ทั้งลิเลี่ยมและเวนโตสไม่ตอบ
หลังจากนั้น ฮาโรลด์ก็ถามคำถาม ซ้ำบ้าง คำถามอื่นบ้าง เพื่อมองหารูปแบบเบื้องต้นที่เป็นเกณที่พวกเขาเลือกที่จะตอบหรือไม่ตอบ และสิ่งที่เขาสรุปได้คือ พวกเขาจะตอบคำถามที่เป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ในขณะที่คำถามที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกหรือถามความคิดเห็นจะไม่ได้รับคำตอบ ฮาโรลด์ไม่แน่ใจว่า ยูสทัสได้ลบความรู้สึกหรืออารมณ์ หรือ แค่กดพวกมันไม่ให้แสดงออกมาไว้ แต่ดูเหมือนว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ พวกเขาจะไม่สามารถให้คำตอบใดๆได้ ทั้งๆที่มันเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด
นี่คงเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของยูสทัสที่ใช้กับพวกเขา กล่าวอีกนัยคือ มีโอกาสสูงที่จะมีข้อมูลอยู่ในความทรงจำของ 2 คนนี้ แต่ว่าตอนนี้ฮาโรลด์ไม่มีวิธีที่จะดึงข้อมูลเหล่านั้นออกมา
ดังนั้นเขาจึกพักเรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อน
สำหรับตอนนี้ ฮาโรลด์ได้ทราบชื่อของทั้ง 2 ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์แรกเริ่มของเขาแล้ว ถึงแม้เขาจะยังไม่ค่อยแน่ใจว่าหากปฎิบัติกับพวกเขาทั้ง 2 อย่างมนุษย์ธรรมดาทั่วๆไปจะส่งดีจริงๆหรือปล่าว แต่อย่างน้อยที่สุด การที่ได้รู้ชื่อของทั้ง 2 ทำให้การสื่อสารของพวกเขาง่ายขึ้นเยอะ
และในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เมื่อเขาเปิดออก ก็พบกับพนักงานของทางโรงแรมพร้อมกับซองจดหมายในมือ โดยทางพนักงานแจ้งว่ามีคนต้องการส่งจดหมายถึงมือของแขกที่เป็นชายผมดำดวงตาสีแดงชื่อว่าลอร์ดที่พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ แต่เมื่อเขาพยายามถามเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของคนที่ต้องการส่งจดหมายถึงเขากับทางพนักงานโดยไม่ให้ 2 คนที่มาจากเผ่าสเตลล่าได้ยิน แต่ดูเหมือนว่าคนๆนั้นจะไม่ใช่เอลล์แต่อย่างใด
บางทีเธออาจจะใช้คนอื่นเป็นคนส่ง หรือไม่ก็ปลอมตัว ไม่ก็เวทมนตร์อะไรสักอย่าง แต่ฮาโรลด์มั่นใจว่าคนที่ส่งจดหมายถึงเขานั้นคือเอลล์อย่างแน่นอน แต่ว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าฮาโรลด์อยู่ที่นี่ ? สมแล้วที่มีเคลือข่ายข่าวสารของตระกูลกิฟเฟลต์
ดังนั้น ฮาโรลด์จึงสั่งให้ลิเลี่ยมและเวนโทสออกจากห้องไปและเปิดจดหมายอ่าน เนื้อหาในจดหมายนั้นมีใจความว่าสิ่งต่างๆได้ดำเดินไปได้ด้วยดี และที่เธอกับฮาโรลด์วางแผนกันเอาไว้ล่วงหน้าก็สามารถดำเดินการได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ สิ่งนี้ช่วยยืนยันว่าเอลล์นั้นได้แทรกซึมเข้ามาภายในเมืองนี้เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น เมื่อท้องฟ้าเริ่มย้อมไปด้วยความืดมิด ฮาโรลด์ และ 2 คนจากเผ่าสเตลล่าก็เริ่มออกเคลื่อนไหว มันใช้เวลาประมาณ 5 ชม. ในการเดินทางจากจุดนี้ไปยังหมู่บ้านบร๊อช โดยกะเวลาคร่าวๆ พวกเขาน่าจะไปถึงที่นั้นกลางดึก
แน่นอนว่าพวกเขาคงจะไปถึงได้เร็วกว่านี้หากใช้ม้า จริงๆฮาโรลด์ก็สามารถเตรียมม้าเอาไว้ก่อนล่วงหน้าได้เช่นกัน แต่เขากลัวว่ามันอาจจะทำให้พวกเขาเร็วจนเกินไปจนไลเนอร์ไม่สามารถไล่ตามพวกเขาได้ทันที่หุบเขาแห่งหมอกได้ ดังนั้นฮาโรลด์จึงตัดสินใจใช้วิธีการเดินเท้า เช่นเดียวกับกลุ่มคนชุดดำในเนื้อเรื่องของเกมส์
บังเอิญว่าชื่อของหุบเขาแห่งหมอกนั้นก็ตามชื่อเลย หุบเขานั้นถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งภายในเกมส์ ที่จุดนั้นเป็นจุดที่ไลเนอ์สามารถไล่ตามพวกโจรที่ขโมยดาบไปได้ทัน แม้ว่าเขาจะสามารถชิงดาบคืนมาได้ แต่ว่ามันกลับถูกชิงไปอีกครั้งโดยบุคคลที่ 3 ที่แอบอยู่ ณ ที่นั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีพรรคพวกโจรคนอื่นๆแอบอยู่ ณ ที่หุบเขาแห่งหมอกแห่งนี้ แต่ก็นะ มันก็ถือว่าเข้าใจได้สำหรับเกมส์อยู่แล้ว มันคงไม่มีอะไรที่ดูง่ายจนเกินไปสำหรับตัวเอกของเรื่อง
แต่ว่าในโลกแห่งนี้ ไอ้บุคคลที่ต้องรับบทแอบอยู่ที่หุบเขาแห่งหมอกและชิงดาบไปนั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากชายผู้มีฝีมืออันสุดแสนแข็งแกร่งและมีความรู้จากเนื้อเรื่องของเกมส์ แน่นอนว่า ฮาโรลด์ของพวกเรานั้นเอง
แผนคือ หลังจากที่ขโมยดาบไปแล้ว พวกเขาจะพยายามเดินทางกันให้ช้าลงเล็กน้อย จากนั้น ก็ตัดผ่านเมืองโดยแต่งชุดดำโจ่งแจ้งแต่ปิดบังใบหน้าไว้ให้ผู้คนในเมืองสามามรถสังเกตุเห็นและจำลักษณะของพวกเขาได้ เพื่อเป็นการทิ้งเบาะแสให้ไลเนอร์และคลอเล็ตสามารถสอบถามชาวบ้านว่าเห็นกลุ่มคนชุดดำ 3 คนกำลังมุ่งหน้าไปยังหุบเขาแห่งหมอก
นอกจากนี้ ฮาโรลด์ยังสามารถใช้เหตุผลเรื่องหุบเขาแห่งหมอกในการแกล้งหลงทางจนกระทั้งไลเนอร์และคลอเล็ตปรากฎตัวขึ้น
ในขณะที่เขากำลังจำลองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตภายในหัวของเขา ฮาโรลด์ก็กำลังกวาดล้างพวกสัตว์ประหลาดที่เข้ามาโจมตีเขาระหว่างทางไปด้วยตลอด 5 ชม.เต็ม จนในที่สุด พวกเขาก็เห็นหมู่บ้านบร๊อช ดูเหมือนว่าที่หมู่บ้านนั้นจะถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงและมีประตูไม้อยู่ แต่ว่ามันไม่เหมือนกับที่เมืองหลวง เพราะที่นี่นั้นไม่มีคนเฝ้ายามเลย แม้ว่าประตูจะปิดสนิทแต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาทำเพียงแค่รวบรวมแรงไปที่ขาเล็กน้อย และกระโดดขึ้น ทันใดนั้นในเขาก็สามารถขึ้นมาอยู่บนกำแพงที่สูงเกือบ 4 เมตรได้
ดวงตาของเขาที่เริ่มคุ้นชินกับความมืด เขามองดูเข้าไปภายในตัวเมือง แต่กลับไม่พบเงาของคนใดๆในสายตาเลย เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงกระโดดลงมาที่อีกฝั่งของกำแพงโดยไร้เสียง
อย่างไรก็ตาม ทั้งลิเลี่ยมและเวนโตสไม่ได้กระโดดตามเขาข้ามกำแพงมา อาจเพราะพวกเขาไม่สามารถทำแบบฮาโรลด์ได้ ฮาโรลด์จึงเปิดประตูจากด้านในอย่างเงียบๆ เพื่อให้ทั้ง 2 เข้ามา
ฮาโรลด์ได้ยินมาจากยูสทัสว่า 2คนนี้ค่อนข้างเก่งพอตัว และเมื่อพิจารณาจากมาตรฐานของเกมส์แล้ว ฮาโรลด์เลยเผลอคิดไปว่าแค่นี้พวกเขาน่าจะทำได้
แต่ว่าเขาก็ไม่มีเวลาจะมามัวคิดไร้สาระ ดังนั้นพวกเขาทั้ง 3 จึงเริ่มเคลื่อนไหวกันต่อ
มีเพียงแสงจันทร์อ่อนๆเท่านั้นที่ส่องสว่างท่ามกลางราตรีที่มืดมิด ซึ่งบางคราแสงเหล่านั้นก็ถูกเมฆบดบังเอาไว้ ภายใต้ความมืดเช่นนี้ คงจะเป็นเรื่องยากที่จะมีใครสังเกตุเห็นพวกเขาที่สวมชุดคลุมดำตั้งแต่หัวจรดเท้า จริงๆก็ไม่มีน่าจะมีใครสังเกตุเห็นพวกเขาได้ตั้งแต่แรก เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่น่าจะหลับกันหมด เพราะแม้แต่แสงไฟตามบ้านพวกเขาก็ยังแทบไม่มีให้เห็นเลยซักหลัง
ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับฮาโรลด์
นอกจากแผนที่ของจุดหมายที่เขาได้รับล่วงหน้าแล้ว ฮาโรลด์ยังสามารถใช้ความทรงจำจากเกมส์เพื่อระบุตำแหน่งที่แน่นอนของบ้านของไลเนอร์ได้หลังจากได้เห็นวิวมุมสูงจากบนกำแพง ดังนั้นจึงแทบไม่เสียเวลาเลยในการหาตำแหน่งของเป้าหมาย
ขณะซ่อนตัวอยู่ภายใต้ที่กำบังใกล้ๆกับจุดหมายเมื่อตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบ ซึ่งเวลานั้นแสงไฟบริเวณบ้านอื่นๆรอบๆก็เริ่มดับลง เห็นได้ชัดว่าพวกชาวบ้านเริ่มเข้านอนกันหมดแล้ว ขณะที่สังเกตการณ์สถานที่โดยรอบไปเรื่อยๆ เขาก็มุ่งตรงไปยังโกดังเก็บของที่ตั้งอยู่ข้างๆตัวบ้านของไลเนอร์ซึ่งเป็นเป้าหมายจริงๆของพวกเขา
ที่นี่ควรจะมีดาบ “แกรมแกรนด์” ถูกเก็บเอาไว้อยู่ ฮาโรลด์ฟันเพียงฉับเดียวก็สามารถตัดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนแม่กุญแจจนขาดเป็น 2 ท่อน และเมื่อเขาเข้าไปด้านใน ก็อย่างที่คาดเอาไว้ ภายในโกดังไม่ได้เหมือนดั่งภายในเกมส์ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลากับที่นี่จนมากเกินไป เพราะมันอาจจะยุ่งยากเกิดการต่อสู้ในโกงดังและต้องหลบหนีออกมาจากภายในโกดังที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ดังนั้นฮาโรลด์จึงจุดคบเพลิงเล็กๆขึ้นเพื่อใช้มันในการให้แสงสว่างในการมองหาดาบ
หากจะซ่อนสิ่งล้ำค่าจะไม่มีทางวางไว้ในจุดที่สะดุดตา พื้นฐานง่ายๆ ดังนั้นมันควรจะอยู่ที่รกๆ แออัดๆ ปะปนอยู่กับของทั่วๆไปอื่นๆ เมื่อจำกัดขอบเขตการค้นหาได้แล้วมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ
หลังจากหาอยู่ 15นาที พวกเขาก็พบกับกล่องสี่เหยี่ยมยาวมากกว่า 1 เมตรถูกซ่อนอยู่หลังหม้อและตะกร้าจำนวนมากบนชั้นวางของ ฮาโรลด์ถอดตัวล็อคออกและเปิดกล่องเพื่อตรวจดู ซึ่งเขาก็พบว่านี่คือดาบแกรมแกรนด์ของจริง ซึ่งในกล่องนั้นยังมีสายสะพายที่ทำจากหนังทำให้สามารถพกพาดาบนี่ได้สะดวกขึ้น ซึ่งฮาโรลด์ให้เวนโตสเป็นคนรับหน้าที่ในการพกดาบไว้กับตัว
ฮาโรลด์บอกกับทั้ง 2 ว่าเขาจะออกไปสอดแหนมด้านนอกก่อนและให้ลีเลี่ยมและเวนโตสรออยู่ภายในโกดังจนกว่าเขาจะให้สัญญาณค่อยตามออกมา ในขณะที่กำลังแสร้งทำเป็นตรวจตาพื้นที่โดยรอบ เขาก็ขว้างก้อนหินเล็กๆไปที่หน้าต่างเพื่อทำให้มันแตกจนเกิดเสียงดัง แม้จะรู้สึกผิดเล็กๆ แต่ว่าถ้าการขโมยดาบครั้งนี้ราบลื่นไร้ปัญหาใดๆ เนื้อเรื่องของเกมส์ก็จะไม่มีทางเริ่มต้น
และเมื่อเสียงแหลมของกระจกที่ดังตัดผ่านความมืดมิดยามราตรีดังขึ้น ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวกริฟฟิทรวมถึงไลเนอร์ก็ได้ตื่นขึ้นโดยคิดว่าอาจมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งจังหวะนั้น ฮาโรลด์ได้ล่าถอยกลับเข้าไปในโกดัง แม้เขาจะรู้สึกขายขี้หน้ามากๆที่ต้องแสร้งตีบทละครน้ำเน่ากับ 2 คนนี้ แต่ด้วยนิสัยที่ดูหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ ทั้ง 2 ไม่สังเกตเห็น
[ ชิ เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นจนได้ ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไร แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกพบตัวเข้าแล้ว ] – ฮาโรลด์
แม้ฮาโรลด์จะบอกกับทั้ง 2 เช่นนั้น แต่สีหน้าของทั้ง 2 ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งก็เป็นดั่งที่เขาคาดเอาไว้ เมื่อเห็นเช่นนั้นฮาโรลด์จึงแอบเปิดประตูโกดังเพื่อแอบมองดูบริเวณภายนอก เขาก็พบกับพ่อแม่ของไลเนอร์ หรือก็คือ โอเบลและลีโอน่า ที่ทั้ง 2 ยืนตรวจตราบริเวณโดยรอบพร้อมกับอาวุธในมือ
[ พอชั้นให้สัญญาณ พวกแกทั้งคู่ก็พุ่งออกไปข้างนอกทันทีเข้าใจนะ ? อ้อใช่ ที่ด้านนอกเหมือนจะมีพวกที่มีฝีมือพอสมควรอยู่ด้วย เพราะงั้นหาวิธีรับมือกันเอาเองซะ แต่ว่า ถ้าหากพวกแกฆ่าคนเหล่านั้น พวกเราจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง เพราะงั้น แค่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บจนไม่สามารถไล่ตามพวกแกไปได้ก็พอ อ้ออีกอย่าง ก่อนที่จะหนี หากมีกำลังเสริมเข้ามา ไม่ต้องไปสนใจ หนีอย่างเดียว เข้าใจนะ? ] – ฮาโรลด์
พวกเขาตอบรับด้วยการพยักหน้า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจเป็นอย่างดี เมื่อยืนยันได้แล้ว ฮาโรลด์ก็เพ่งสมาธิไปยังประสาทสัมผัสของเขาเพื่อตรวจสอบสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัว
ฮาโรลด์โบกมือซ้ายเพื่อเป็นสัญญาณว่าโอเบลและลีโอน่าอยู่ทิศทางนั้นห่างออกไปไม่กี่เมตร ทันใดนั้นทั้งเวนโตสและลีเลี่ยมก็พุ่งออกไปเพื่อเข้าโจมตี
อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฮาโรลด์คาดเอาไว้ การลอบโจมตีของพวกเขาไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะทั้งลีโอน่าและโอเบลต่างเป็นอดีตนักผจญภัยฝีมือดี พวกเขาทั้งคู่จึงสามารถตั้งรับได้ทันท่วงทีและพลิกกับมาเป็นฝ่ายบุกบ้าง
[ ….. พวกแกเป็นใคร ? มาทำอะไรในโกดังเก็บของบ้านเรา ? ] – ลีโอน่า
[ …. ] – ลิเลี่ยม
[ จะไม่พูดใช่มั้ย ? ได้ !! พวกเราจะจับพวกแกแล้วบังคับให้สารภาพเอง !!! ] – ลีโอน่า
ลิเลี่ยมที่ต้องเผชิญหน้ากับลีโอน่า เธอรับมือการโจมตีอันดุเดือดด้วยมีดสั้นรูปร่างโค้งๆของเธอได้อย่างช่ำชอง พวกเธอทั้งคู่ดวลกันได้อย่างสูสีโดยการใช้ประโยชน์จากรูปร่างที่เล็กคล่องตัวในการรุกรับการโจมตีของอีกฝ่าย
แต่ทว่าอีกฝั่ง หลังจากเสียความได้เปรียบจากการลอบโจมตี เวนโตสผู้ที่ใช้หอกยาว กำลังถูกโอเบลรุกจนต้องถอยหลังออกไปช้าๆ หากเทียบจากพละกำลังแล้ว เวนโตสสูสีกับโอเบล แต่หากว่ากันเรื่องฝีมือ โอเบลเหนือกว่า 2 เท่าได้
ในตอนนั้นเองที่โอเบลหาจังหวะเจาะผ่านการป้องกันของเวนโตสได้และผลการต่อสู้กำลังจะตัดสิน— มีดโค้งสีเทาแวววาวก็พุ่งเข้าหาโอเบลด้วยความเร็วสูง ซึ่งเขาสามารถหลบมันได้อย่างหวุดหวิด มันพุ่งเฉียดร่างเขาปักลงที่พื้นข้างๆเขา
แน่นอนว่าผู้ที่ขว้างมีดเล่มนั้นมายังโอเบลไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากลิเลี่ยม เธอพุ่งตรงเข้ามาที่โอเบล แน่นอนว่าลีโอน่าที่ไล่ตามมาได้ทุ่มการโจมตีไปที่แผ่นหลังของลิเลี่ยม แต่ว่าเธอกลับกระโดดขึ้นหลบได้ทันอย่างหวุดหวิด ซึ่งราวกับนัดกันเอาไว้แล้ว เวนโตสที่ตั้งหลักได้ หลังจากจัดแจงท่ายืนใหม่เขาก็ขว้างหอกออกไปอย่างสุดกำลัง
มันรุนแรงจนกดสายลมพัดโหมราวกับพายุ เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลบได้ทันโอเบลจึงพยายามที่จะป้องกันด้วยดาบของเขา แต่ว่าหอกของเวนโตสที่ถูกขว้างมาอย่างเต็มแรงนั้นกลับสามารถหักดาบของโอเบลลงได้อย่างง่ายดาย และปักลงที่สีข้างของโอเบลส่งให้ร่างกายที่สูงกว่า 180 ซม.ของเขาปลิวไปหลายเมตร
[ อ๊ากกกกกกกกกก ] – โอเบล
[ โอเบลลลลลลลลล !!!!!! ] – ลีโอน่า
เมื่อเห็นภาพนั้น ภรรยาของเขา หรือก็คือลีโอน่าได้ส่งเสียงร้องเรียกออกมาดังลั่น ซึ่งจังหวะนั้นเองที่สมาธิของเธอหันเหความสนใจไปยังผู้เป็นสามีของเธอ แน่นอนว่าลิเลี่ยมไม่ได้ใจดีมากพอที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
ในจังหวะที่เธอกระโดดหลบการโจมตีของลีโอน่า เธอพุ่งไปหยิบดาบที่ตกข้างตัวของโอเบล โดยไม่รอช้าแต่อย่างใด เธอพุ่งต่ำสวนกลับมาในที่ทางที่หอกเล่มนั้นถูกเขวี้ยงเฉียดหัวของเธอไปเล็กน้อย สีหน้าและแววตาของเธอไม่ฉายแววแห่งความกลัวต่อหอกที่พุ่งเข้ามาแต่อย่างใด โดยมีจุดหมายเดียวคือลีโอน่า
กว่าลีโอน่าจะรู้สึกตัว ลิเลี่ยมก็มาถึงที่ด้านหน้าของเธอแล้ว ซึ่งในจุดนี้ ผลการต่อสู้ได้ถูกตัดสิน
แม้ว่าเธอจะสังเกตุเห็นได้ทันว่าลิเลี่ยมโจมตีเข้ามา แต่ว่าเมื่อเธอพยายามตั้งรับ ดาบของเธอกลับถูกสกัดจนหลุดออกจากมือ และตอนนั้นเองที่ขาซ้ายของเธอถูกฟัน
[ อ๊ากกกก ! ] – ลีโอน่า
ลีโอน่าล้มลงและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด โอเบลเองก็ไม่สามารถขยับตัวได้นอกเสียจากนอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
ไม่มีบาดแผลใดถึงแก่ชีวิต แต่ด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ ทั้งคู่จึงไม่สามารถไล่ตามลีเลี่ยมและเวนโตสได้ ทั้งคู่ได้ปฎิบัติตามคำสั่งของฮาโรลด์อย่างสมบูรณ์ หน้าที่เดียวของฮาโรลด์ที่เหลืออยู่คือเซ็นยอมรับสินค้าและรีวิว 5 ดาวพร้อมคอมเม้นว่าสินค้าของยูสทัสยอดเยี่ยมเท่านั้น
และในที่สุด ก็ถึงเวลาที่พระเอกของเรา ไลเนอร์ได้เข้าสู่ฉาก
[ ย๊ากกกกกกกกกก ! ] – ไลเนอร์
จังหวะในการลอบโจมตีนั้นสมบูรณ์แบบมาก แต่ว่าเพราะที่เขาส่งเสียงร้องออกมาระหว่างโจมตี ทำให้การลอบโจมตีนี้เลยไม่ได้เปรียบนัก
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงความคิดของฮาโรลด์หลังจากเห็นการโจมตีนั้นจากข้างสนาม แต่ดูเหมือนว่าการโจมตีนั้นจะรุนแรงกว่าที่เขาคาดเอาไว้เพราะมันสามารถตัดผ่านเสื้อคลุมของเวนโตสได้บางส่วน และเผยให้เห็นใบหน้าของเขาท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านเมฆได้
และดูเหมือนว่า ไลเนอร์จะจดใบหน้านั้นเข้าสู่ส่วนลึกของสมองเรียบร้อยแล้ว
[ หยุดนะ ไลเนอร์ ! ] – ลีโอน่า
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากจะต้องสู้จริงๆ ไลเนอร์จะต้องแพ้แน่ๆ และอย่างเลวร้ายที่สุด เขาอาจจะตายได้ เพราะหลังจากได้ประมือกับพวกโจรแล้ว ลีโอน่ารู้ซึ่งถึงฝีมือของอีกฝ่ายดี ดังนั้นเธอจึงสั่งให้ไลเนอร์ถอยไป
อย่างไรก็ตาม ไลเนอร์ กริฟฟิท ไม่ใช่ชายที่ขี้ขลาดถึงขนาดต้องยอมถอยหนีแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่จนตรอกถึงขนาดนี้
[ ไม่ ถ้าผมถอย ท่านพ่อ ท่านแม่ จะตกอยู่ในอันตราย ! ] – ไลเนอร์
[ พวกเราไม่เป็นไร นี่แค่รอยขีดข่วน ถอยออกมาซะ ! ] – ลีโอน่า
[ ไม่ครับ !!!!!! ] – ไลเนอร์
ไรเนอร์ ผู้ที่จิตใจเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มันเป็นแรงผลักดันให้ขาของเขาก้าวเดินต่อไป เพื่อทำในสิ่งที่เขาได้ปณิธานเอาไว้ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขายังขาดอยู่—-
นั้นคือความแข็งแกร่ง
เพื่อที่จะแข็งแกร่ง เขาต้องสั่งสมประสบการณ์ และตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปที่เขาต้องเก็บประสบการณ์จนสิ้นสุดการเดินทาง เขาจะไปถึงจุดสูงสุดและกลายเป็นฮีโร่ผู้ที่ช่วยโลกใบนี้เอาไว้
ฮาโรลด์ผู้ที่กำลังเป็นสักขีพยานติดขอบสนามของการเริ่มต้นเรื่องราวการเดินทางอันแสนยิ่งใหญ่ที่แฟนๆของเกมส์ Brave Hearts ทุกๆคนต่างตื่นเต้นกับฉากๆนี้ แม้แต่ฮาโรลด์ เขาถึงกับตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นแม้ว่าจะแอบมองอยู่จากภายในโกดังเก็บของก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถที่จะแอบดูอยู่แบบนี้ได้ตลอดไป
ขณะที่ไลเนอร์และพ่อแม่ของเขามุ่งความสนใจไปยังผู้บุกรุกทั้ง 2 ฮาโรลด์ก็หนีออกมาอย่างเงียบๆ ปะปนไปกับความมืด และสำหรับลิเลี่ยมและเวนโตส เมื่อยืนยันได้แล้วว่าไลเนอร์คือกำลังเสริมที่ว่า พวกเขาก็ถอนตัวออกมาโดยไม่ต่อสู้เช่นกัน
ยิ่งในเวลาแบบนั้นที่เห็นใบหน้าสุดช้อคของไลเนอร์ ยิ่งทำให้ฮาโรลด์รู้สึกว่าเวลาแบบนี้แหละที่เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จ