[ โอ๊ย มันเจ็บนะ … นายมีปัญหาอะไรกับเท้าข้าเนี้ย ฮาโรลด์ ] – โคดี้
[ ชั้นมีปัญหาเพราะนายพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องต่างหาก ] – ฮาโรลด์
การพูดคุยหยอกล้อกันระหว่างฮาโรลด์และโคดี้ทำให้บรรยากาศที่ตรึงเครียดเมื่อซักครู่เริ่มผ่อนคลายลง
แม้พวกเขาทั้งคู่จะอายุต่างกันมาก แต่ในสายตาของซินเทียดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันทีเดียว แต่เธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเธอก็รู้ถึงบุคคลิกของโคดี้ เขานั้นมาเยี่ยมครอบครัวของเธออยู่บ่อยครั้งตั้งแต่สามีของเธอล้มป่วยกะทันหัน ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดีและตรงไปตรงมา ซินเทียจึงมองว่าเขาคงสามารถเป็นเพื่อนได้กับทุกคน
แต่ในทางตรงข้าม ฮาโรลด์กลับไม่เป็นมิตรอย่างน่าเหลือเชื่อดั่งที่โคดี้พูดเอาไว้ ฮาโรลด์ทั้งใช้คำพูดที่รุนแรงและตรงไปตรงมาจนเกินไป ทำให้ซินเทียนึกภาพได้ไม่ยากเลยว่าฮาโรลด์นั้นจะสร้างศัตรูไว้มากมายขนาดไหน
แม้คำพูดของฮาโรลด์จะบาดลึกเข้าไปในจิตใจของเธอถึงเพียงใด แต่ด้วยเหุตผลบางอย่าง คำพูดเหล่านั้นกับทำให้เธอประทับใจและซาบซึ้งมากกว่ากำลังใจใดๆก็ตามที่เธอเคยได้รับมาครั้งอดีต
ลึกๆแล้ว เธออาจจะยอมแพ้ไปแล้ว นั้นเพราะสามีของเธอล้มป่วยอยู่แบบนี้มาแล้วกว่า 5 ปี ไม่เคยเห็นแสงแห่งความหวังใดๆว่าเขาจะอาการดีขึ้น และรายได้ที่น้อยลง+กับเงินเก็บที่แทบไม่เหลือ ทำให้เธอไม่สามารถพาหมอมาดูอาการของฟินเนอร์แกนได้
บางที สักแห่งภายในจิตใจของเธออาจคิดว่าภายใต้วิกฤตที่เธอกำลังเผชิญนั้น เธอยอมรับกับตัวเองว่าหมดสิ้นหนทางแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้ ทั้งที่อายุเพียงเท่านี้ กลับมองออกว่าเธอนั้นถอดใจไปจนหมดสิ้นแล้ว
เพราะเด็กคนนี้เข้าใจในสิ่งที่เธอคิด เด็กคนนี้จึงให้เธอได้เลือก ว่าเธอจะยอมแพ้และหนีจากความจริงอันเจ็บปวดหรือจะลุกขึ้นมาสู้กับมันด้วยพลังของตนเอง
เด็กคนนี้มอบทางเลือกเหล่านั้น ก็เพื่อตัวเธอเอง
เพื่อที่เธอจะลุกขึ้นเข็มแข็ง ทั้งในฐานะภรรยา และแม่คนหนึ่ง
( คำพูดของเขา … ถึงมันจะทั้งรุนแรงและเห็นแก่ตัว … แต่กลับรู้สึกถึงความอ่อนโยนเหลือเกิน ) – ซินเทีย
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์แล้ว ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ขุนนางอย่างฮาโรลด์จะมอบทางเลือกให้กับเธอหรือสนว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เขาจะรักษาสามีของเธอตามที่เขาต้องการเลยก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตจากเธอด้วยซ้ำ และไม่ว่าการรักษาเหล่านั้นจะสำเร็จหรือไม่ คนธรรมดาอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านใดๆทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบใจที่เห็นคนอื่นยอมก้มหัวให้แก่ผู้มีอำนาจไปเสียทั้งหมด แม้ว่าตัวของเขาเองจะมีอำนาจอยู่เหลือล้นก็ตาม
และเมื่อเขาเห็นว่าซินเทียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้ เขาคงยื่นมือเข้ามาหาเธอ
เขาจับมือของเธอ ดึงให้เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และต้องการให้เธอเริ่มต้นเดินอีกครั้งด้วยพลังของตนเอง
นั้นคือสิ่งที่ซินเทียรู้สึกหลังจากได้ยินคำพูดและการกระทำทั้งหมดของฮาโรลด์
เธอรู้สึกประทับใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ฮาโรลด์นั้นเป็นขุนนาง และสิ่งที่เขาทำทุกๆอย่างก็เพื่อช่วยเธอ ให้กำลังใจเธอ ซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ เธอคงเสียสติไปแล้วแน่ๆถ้าไม่รู้สึกถึงความตั้งใจที่แฝงมาเหล่านั้น
และ 1 สิ่งที่เธอตระหนักได้ในที่สุด นั้นคือ เด็กหนุ่มที่ชื่อ ฮาโรลด์ สโตร์กนั้น เขาเป็นขุนนางอย่างแท้จริง
[ เอาล่ะ ไม่เป็นไร งั้น พวกเรากำลังรีบเสียด้วย งั้นเริ่มกันเลยมั้ย ] – โคดี้
[ ตะ-ตอนนี้เลยหรือคะ ? ] – ซินเทีย
[ ข้าเข้าใจดีที่มันดูกะทันหันแต่ว่าจริงๆแล้ว ฮาโรลด์ เขาค่อนข้างยุ่งมาก ] – โคดี้
[ ใช่ และชั้นก็ถูกแกลากมาทีนี่ ] – ฮาโรลด์
เขาบ่นออกมาพร้อมกับยืนขึ้นจากที่นั่ง
ขณะที่ซินเทียกำลังมองดูฮาโรลด์ที่กำลังลุกขึ้น เขาก็หันสายตามาประสานกับเธอและถามคำถามขึ้น
[ ชั้นจะขอยืนยันเป็นครั้งสุดท้าย การรักษาที่ชั้นกำลังจะทำนั้นมันไม่รับประกันว่าจะประสบผลสำเร็จ มันอาจจะทำให้เขาดีขึ้นหรือไม่ส่งผลใดๆเลยก็ได้ และชั้นก็บอกไม่ได้ว่ามันจะมีอาการผิดปกติแทรกซ้อนเพิ่มเติมด้วยรึปล่าว เมื่อเธอเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว เธอยังอยากที่จะให้ชั้นรักษาเขาอยู่อีกรึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์
[ … ค่ะ ดิฉันขอมอบสามีของดิฉันให้คุณดูแลค่ะ ] – ซินเทีย
[ … เข้าใจแล้ว ] – ฮาโรลด์
ราวกับจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เขาก็เริ่มออกเดินทันที บางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าฟินเนอร์แกนอยู่ที่ไหน เพราะทิศทางที่เขามุ่งไปนั้นเป็นห้องนอนของสามีของเธอ
หลังจากเธอเดินไปจุดเทียนเล่มหนึ่งภายในห้อง ก็พบกับฟินเนอร์แกนที่ตอนนี้กำลังหลับตาอยู่ บางทีเขาอาจจะหลับไปแล้ว
ฮาโรลด์มายืนอยู่ที่ข้างเตียงของเขาและวางมือลงบนดาบ
[ … คะ-คุณกำลังจะทำอะไรคะ ? ] – ซินเทีย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฮาโรลด์จะดึงดาบออกมาจากฝัก โคดี้กับเข้ามาจับที่มือของเขาและหยุดเอาไว้ก่อน
[ ถึงคิวของข้าแล้ว ข้าไม่ยอมให้นายต้องลงมือด้วยตัวเองหรอกนะ เข้าใจรึปล่าว ? ] – โคดี้
ชายทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างเงียบๆ ซินเทียไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอรู้เพียงว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น
หลังจากเวลาผ่านไปซักพัก โคดี้ก็เริ่มพูดอีกครั้ง
[ ข้ารู้จักนายดี นายคงคิดมาตลอดว่าที่จะจัดการเรื่องพวกนี้ทั้งหมดด้วยตัวของตนเอง ข้าพูดถูกรึปล่าว ? ] – โคดี้
[ ….. ] – ฮาโรลด์
[ แต่ว่า ข้าไม่สามารถปล่อยให้นายทำแบบนั้นได้หรอกนะ ข้าเป็นคนที่ขอให้นายมาที่นี่ ดังนั้นตรงส่วนนี้มันเป็นความรับผิดชอบของข้า ] – โคดี้
[ … หึ จะทำอะไรก็ทำ ] – ฮาโรลด์
ดูเหมือนว่าฮาโรลด์จะยอมแพ้ เขายื่นดาบเล่มนั้นให้กับโคดี้
และเขาก็รับมันมาพร้อมกับดึงดาบออกจากฝัก
[ ดะดะ-เดี่ยวนะคะ … คุณตั้งใจจะใช้สิ่งนั้นทำอะไรกันแน่ ? ] – ซินเทีย
[ เอ่อ.. มันค่อนข้างอธิบายยากซักหน่อย แต่คร่าวๆคือ ดาบของฮาโรลด์มีพลังวิเศษ และพวกเราตั้งใจจะใช้พลังนั้นในการรักษาฟินเนอร์แกน ] – โคดี้
พลังวิเศษ? พวกเขากำลังจะใช้ดาบรักษา ?
“เขาคงไม่ใช้ดาบนั้นฟันไปที่…. ใช่มั้ย ?” ซินเทียเองก็นึกภาพไม่ออกว่าพวกเขาจะเอาดาบมารักษาได้อย่างไร ราวกับไม่สนใจ โคดี้เริ่มยกดาบขึ้นเองและหลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ 2 – 3 ครั้ง
ทันใดนั้น คริสตัลที่อยู่ในดาบก็เริ่มส่องแสง จากสลัวๆทีละนิด มันค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ
ซินเทียเฝ้ามองภาพเหล่านั้นอย่างเงียบๆ จนในที่สุดโคดี้ก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
[ อั๊กก ! ] – โคดี้
เขาเริ่มดูหายใจลำบากและมีเม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาที่หน้าผากของเขา แสงของคริสตัลเริ่มกระพริบถี่ขึ้น และค่อยๆอ่อนลง จนในที่สุดมันก็หายไป
ทั้งหมดนั้นผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่เมื่อแสงดับลง โคดี้ก็ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับดาบที่ยังอยู่ในมือ
[ แฮกๆ .. มันเหนื่อยแฮะ .. ] – โคดี้
[ คะ- คุณโอเคไหมคะ ? ] – ซินเทีย
[ ไม่เป็นไร ข้าสบายดี ] – โคดี้
[ สบายที่ไหนกันละคะ ? คุณดูแย่เอามากๆ ] – ซินเทีย
[ ไม่— ไม่มีอะ– ] – โคดี้
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” ขณะที่โคดี้จะพูดคำเหล่านั้นออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่ทว่า เขากลับทำไม่ได้ และทันทีที่เขาพยายามจะลุกอีกครั้ง ดาบเล่มนั้นก็หลุดออกจากมือ
เสียงของโลหะตกลงกระทบกับพื้นดังก้องไปทั่วห้อง
[ ยอมแพ้ซะ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับนาย ] – ฮาโรลด์
[ … นายน่าจะบอกกันก่อนซักหน่อย ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะรุนแรนถึงขนาดนี้ ] – โคดี้
โคดี้ยิ้มออกมาราวกับหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง เมื่อเธอเดาจากบทสนทนาระหว่างเขากับฮาโรลด์ก่อนหน้านี้ โคดี้คงรู้สึกแย่เพราะสิ่งนี้เป็นเหมือนภาระหน้าที่ของเขาแต่เขากลับทำมันไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม โคดี้ยังพยายามเอื่อมมือไปหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่า ฮาโรลด์กับชิงหยิบมันขึ้นมาตัดหน้า
เมื่อฮาโรลด์หยิบมันขึ้นมา เขาจ้องมองดาบเล่มนั้นอยู่ซักพักราวกับกำลังใช้ความคิด
[ เข้าใจล่ะ… ] – ฮาโรลด์
หลังจากพึมพัมอะไรบางอย่าง ฮาโรลด์ก็หันมาหาโคดี้และกล่าวออกมาอย่างไร้ความปราณี
[ นายใช้พลังของดาบเล่มนี้ไม่ได้ ] – ฮาโรลด์
[ นายจะบอกว่าดาบเล่มนี้เลือกผู้ใช้งั้นรึไง ? ] – โคดี้
[ ไม่ มันก็เหมือนดาบอื่นๆทั่วๆไป ใครๆก็สามารถครอบครองมันได้ เพียงแค่นายไม่มีพลังเวทย์มากพอที่จะสามารถเปิดใช้งานความสามารถของมัน ] – ฮาโรลด์
[ ถ้ามันต้องการพลังเวทย์ปริมาณขนาดตามที่นายว่าจริง มันก็ฟังดูราวกับว่าคงมีแค่นายเท่านั้นแหละที่ใช้มันได้ ฮาโรลด์ … ] – โคดี้
โคดี้คงรู้สึกผิดหวังจากคำที่ฮาโรลด์กล่าวมา เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
ซินเทียรู้ดีว่าโคดี้นั้นเป็น 1 ในกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดของกองอัศวิน และถ้าหากคนอย่างเขากลับหมดแรงน้ำข้าวต้มหลังจากที่พยายามใช้ดาบเล่มนี้ นั้นหมายความว่าดาบเล่มนี้มอบภาระให้แก่ผู้ใช้มันมากขนาดไหน
แล้วทำไมฮาโรลด์ถึงใช้มันได้อย่างน่าตาเฉย ? ฮาโรลด์เป็นคนที่สุดยอดขนาดไหนกันแน่ ?
[ ตามนั้นแหละ ดังนั้น นายก็นั่งดูเงียบๆไปซะในขณะที่ชั้นจะแสดงให้ดูเองว่ามันทำงานยังไง ] – ฮาโรลด์
[ ก็ได้ๆ เข้าใจ– ข้าเข้าใจแล้ว เฮ้อออ .. นี่มันก็นานมากแล้วนะที่ข้าไม่ได้รู้สึกสมเพชตัวเองขนาดนี้มาก่อน ] – โคดี้
[ นั้นถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพร์นะ นั้นเพราะชั้นคิดมาโดยตลอดว่าชีวิตของนายมันน่าสมเพชตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่ก่อนแล้ว ] – ฮาโรลด์
[ แย่หน่อยนะที่หน้าของข้าหนาเกินไป ข้าเลยไม่ค่อยรู้ว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าน่าสมเพชมันคืออะไรกันแน่ ] – โคดี้
แม้โคดี้จะรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงการล้อเล่น แต่ใบหน้าของเขานั้นรู้สึกขมขื่นจริงๆ
ถึงแม้ว่าตัวของโคดี้จะล้มเหลว แต่ซินเทียก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่รู้ว่าเขานั้นพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยฟินเนอร์แกน เธอดีใจที่รู้ว่ายังมีคนอื่นๆที่ยังไม่ยอมแพ้ที่จะช่วยสามีของเธอ
อย่างไรก็ตาม ซินเทียกลับรู้สึกว่าโคดี้นั้นกะตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะรับหน้าที่รักษาให้ได้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่ามีเหตุผลอะไรบางอย่างรึปล่าวที่ทำให้โคดี้กลับต้องรู้สึกแย่ที่ต้องปล่อยให้ฮาโรลด์จัดการ เธอเริ่มรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับ “ความรับผิดชอบ” ที่โคดี้พูดเอาไว้ในตอนนั้น
ซินเทียเริ่มคิดว่า หรือความพยายามที่จะช่วยฟินเนอร์แกนนั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับพวกเขาทั้งสอง ?
[ ถ้างั้น ก็ปรับเปลี่ยนใบหน้าหนาๆนั้นให้มันกลับมาเป็นใบหน้าปลิ้นปล้อนอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่หมอนี่ฟื้นขึ้นหลังหลับไป 5 ปีมาแล้วต้องมาเห็นใบหน้าเห่ยๆอันขมขื่นของนาย ] – ฮาโรลด์
[ ก็ได้ ก็ได้ ชิ ถ้าเรื่องนี้ ข้าน่ะมั่นใจพอตัวเลยล่ะ ] – โคดี้
[ เธอเช่นกัน ซินเทีย นั้นคือใบหน้าของภรรยาที่กำลังรอคอยสามีของตนฟื้นขึ้นมางั้นรึไง ? ชั้นไม่จำเป็นต้องให้เธอเชื่อชั้น แต่อย่างน้อย เธอก็ควรเชื่อในตัวฟินเนอร์แกน ] – ฮาโรลด์
คำพูดเหล่านั้นสลัดความขมขื่นของโคดี้และความกังวลของซินเทียจนหมดไป
“อ่า.. คนๆนี้ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยนถึงขนาดไหนกันนะ ?” ทั้งคำพูดของเขา แผ่นหลังที่ให้ความรู้สึกที่เชื่อถือได้นั้นเพียงพอที่จะทำให้ทุกๆคนมีความกล้าที่จะเผชิญกับความยากลำบาก ขณะที่เธอกำลังคิดเช่นนั้น ซินเทียก็เผยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติออกมา
[ … ดิฉันจะเชื่อในตัวของฟินเนอร์แกนค่ะ และดิฉันก็เชื่อในตัวของคุณด้วยเช่นกัน ท่านฮาโรลด์ ] – ซินเทีย
อาจเพราะรู้สึกพอใจแล้ว ฮาโรลด์จึงหันกลับไปทางฟินเนอร์แกนโดยไม่พูดอะไรอีก
เขาเริ่มยกดาบขึ้นเหมือนก่อนหน้านี้ คริสตัลเริ่มส่องแสงออกมาเหมือนเช่นเคย อย่างไรก็ตาม แสงเหล่านั้นกลับสว่างกว่าตอนที่โคดี้เป็นคนทำอย่างเห็นได้ชัด นี่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของพลังเวทย์ของพวกเขา
บรรยากาศภายในห้องเริ่มแปรปรวน แม้ว่าตัวของซินเทียจะไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ แต่เธอก็รู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างที่ถูกรวบรวมอยู่บริเวณแสงของดาบ
เมือฮาโรลด์รู้สึกว่าเขาน่าจะรวบรวมพลังเวทย์ได้มากพอแล้ว เขาจึงจับดาบเล่มนั้นด้วยมือทั้ง 2 และแทงด้ามดาบลงที่ท้องของฟินเนอร์แกน ทันใดนั้น ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
[ … อัก- อั๊ก! ] – ฟินเนอร์แกน
ฟินเนอร์แกนลืมตาตื่นขึ้น มีเป็นดวงตาเช่นเดียวกับที่เขาเคยมีก่อนที่จะล้มป่วยลง และเขายังส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา
ทั้งฟินเนอร์แกนและฮาโรลด์ต่างถูกแสงสีเขียวอ่อนอันเจิสจ้าคลุมร่างทั้งคู่จนมิด มันดูราวภาพวาดของพระเจ้าที่กำลังมอบปาฎิหาริย์ ไม่สิ สำหรับซินเทีย แล้ว นี่มันคือปาฎิหาริย์สำหรับเธอย่างแท้จริง
มันคือพรที่ปลุกสามีของเธอจากการหลับใหลอันยาวนาน สิ่งที่เธอพยายามมาตลอด 5 ปี แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
และสิ่งนั้นมันกำลังจะเกิดขึ้น
[ เร็ว ! กลับมาได้แล้ว ! ] – ฮาโรลด์
พร้อมกับคำที่ฮาโรลด์พูดออกมา แสงของคริสตัลก็เจิสจ้าขึ้นมากกว่าครั้งไหนและระเบิดหายไป
ท่ามกลางความเงียบ แม้แต่แสงจากเทียนภายในห้องก็ดับลง เหลือเพียงแสงจันทร์อ่อนๆที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างพอให้ซินเทียได้มอนเห็นร่างของฟินเนอร์แกนท่ามกลางความมืดมิด
ขณะที่กำลังลุ้นว่าสามีของเธอนั้นจะตื่นหรือไม่ มันอดไม่ได้ที่ซินเทียจะรู้สึกกังวลใจ หัวใจของเธอเต้นรัวมากจนเหมือนกับว่ามันดังก้องไปทั่วห้อง
หลังจากอยู่ท่ามกลางความเงียบงันเพียงไม่กี่วิ ช่วงเวลานั้นก็มาถึง
[ อึก . .. กะ- เกิด..อะไร…ขึ้น ? ข- ข้าอยู่…ที่ไหน … ] – ฟินเนอร์แกน
ฟินเนอร์แกนกำลังพูดออกมา แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะแหบแห้งและไร้เรี่ยวแรง แต่เขากำลังพูดอยู่จริงๆ
เพราะน้ำตาของเธอทำให้ภาพทุกๆอย่างเริ่มดูพร่ามัว เธอเริ่มมีเสียงสะอื้น เริ่มที่จะร้องไห้ แต่เธอก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ เพื่อคงความเข้มแข็งที่จะต้อนรับสามีผ่านอารมณ์อันท่วมท้นที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเธอ
[ ที่รักคะ… ] – ซินเทีย
[ … ซิน– เทีย..รึ ? ทำไม … ทำไมเธอถึง..ร้องไห้ … ] – ฟินเนอร์แกน
[ ที่รักกก!!! ] – ซินเทีย
ไม่มีคำพูดใดๆอีกออกมาจากปากของซินเทีย
แม้ว่าฟินเนอร์แกนจะรู้สึกตัวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ไหว และซินเทียก็ได้แต่เข้าไปกอดและร้องไห้ออกมาอย่างเปิดเผย ในที่สุดเธอก็รู้สึกถึงหัวใจของสามีอีกครั้ง ความอบอุ่นของร่างกายสามีอีกครั้ง
ฟินเนอร์แกนที่รู้สึกตัวแล้วก็รู้สึกสับสนไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตาม หากดูจากสภาพของซินเทียในตอนนี้เธอคงไม่สามารถอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจได้ เพราะสิ่งเดียวที่เธอทำมีเพียงเรียกชื่อของเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียงที่อกของเขา หากพิจารณาจากระยะเวลาอันยาวนานที่เขาอยู่แต่บนเตียง มันคงเข้าใจได้ไม่ยากว่าฟินเนอร์แกนจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนถึงจะยกแขนของตนขึ้นได้ไหว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยกแขนขวาที่ซูบผอมข้างนั้นอย่างเงียบๆ และลูบไปที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบา
.
.
.
.
ไม่รู้ว่ากาลเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันอยู่ตามลำพัง ในที่สุดก็มีเสียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอกของห้อง ซินเทียจึงรู้สึกตัว
[ นี่ พวกคุณทั้ง 2 ต้องขอโทษด้วยที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะในตอนที่กำลังซึ้งกันอยู่ แต่ตอนนี้ ข้าต้องขออธิบายสถานการณ์ต่างๆให้ฟินเนอร์แกนฟัง ตกลงนะ ? ] – โคดี้
[ ดะ-ดิฉันต้องขออภัยด้วยค่ะ! ] – ซินเทีย
ซินเทียรีบลุกไปเปิดประตูทันที
เมื่อมองไปที่หน้าต่าง เริ่มเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องบ้างแล้ว ซินเทียจึงรู้สึกตัวว่านี่มันเกือบจะเช้าแล้ว
และหลังจากที่เข้ามาภายในห้อง โคดี้ก็เดินตรงมายังเตียงของฟินเนอร์แกน
[ ไง ฟินเนอร์แกน รู้สึกยังไงบ้าง ? ] – โคดี้
[ โค…ดี้ .. งั้นรึ ? .. นายดู–แก่กว่า…ตอนที่พวกเราเจอ…กันครั้งสุดท้าย.. นะ .. ] – ฟินเนอร์แกน
[ ที่ข้าดูเหมือนตาลุงก็เพราะนายหลับไปตั้ง 5 ปี ] – โคดี้
[ .. อะไร.นะ ? ] – ฟินเนอร์แกน
[ ข้าเองก็อยากจะอธิบายเรื่องทั้งหมดตอนนี้เลย แต่ก่อนอื่น สภาพร่างกายของนายเป็นยังไงบ้าง รู้สึกผิดปกติอะไรรึปล่าว ? ] – โคดี้
[ ก็ .. ข้ารู้สึก.. พูด..ลำบาก .. และ ร่าง..ของข้า ..หนักเหมือน..ตะกั่ว ..แต่ถ้า..เพราะ..ข้าหลับ..ไปหลาย ..ปี ก็..เข้าใจ…ได้- ] – ฟินเนอร์แกน
[ ถ้านายรู้สึกทรมาน ไว้พวกเราค่อยคุยกันวันหลังก็ได้นะ ] – โคดี้
[ ไม่.. ข้าไม่..เป็นไร … บอกข้า.. เกิดอะไร.. ขึ้นกับ..ข้า ? ] – ฟินเนอร์แกน
[ ก็ได้ ถ้างั้น ข้าจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ] – โคดี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โคดี้ก็เริ่มอธิบายให้ฟัง
เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องการต่อสู้เมื่อ 5 ปีก่อนในป่าเบลติส ศึกระหว่างกองอัศวินและชนเผ่าสเตลล่า
เขาเล่าว่าในตอนนั้นฟินเนอร์แกนได้รับเลือกให้เป็น 1 ในขณะลูกขุนที่รับผิดชอบในการตัดสินอัศวินหน้าใหม่คนหนึ่งในความผิดข้อหาเป็นสายลับจากจักรวรรดิ
และตอนนั้น โคดี้ได้ถามกับฟินเนอร์แกนเกี่ยวกับคดีนี้ ฟินเนอร์แกนก็เกิดคลุ้มคลั่งและเริ่มทำร้ายตัวเอง หลังจากถูกขัดขวางไม่ให้ทำร้ายตัวเองต่อไปได้อีก เขาก็หมดสติและหลับไปตลอด 5 ปีมานี้
[ —– และนายก็หลับมาโดยตลอดจนกระทั้งก่อนหน้านี้ ในที่สุดนายก็รู้สึกตัว ] – โคดี้
[ ข้าเข้าใจ..แล้ว…ซินเทีย…ข้า..ขอโทษ..ที่..ทำให้…เธอต้อง..ลำบาก ] – ฟินเนอร์แกน
[ ไม่เป็นไรค่ะที่รัก ตอนนี้ คุณก็รู้สึกตัวแล้ว ทุกๆอย่างกำลังดีขึ้นแล้ว … ] – ซินเทีย
[ และ.. โคดี้..นายคือ…คนที่..ช่วยข้า..เอาไว้..งั้นรึ ? ] – ฟินเนอร์แกน
[ ข้าก็หวังจะเป็นคนนั้นเหมือนกัน มันคงเท่น่าดู แต่ว่า คนที่ช่วยนายจริงๆ คือ ฮาโรลด์ สโตร์ก จำเขาได้รึปล่าว ] – โคดี้
[ .. อ่าา ..ใช่ …คนที่..ต้องโทษ..ประหารในตอน..นั้น …. ข้าจำ..ได้ ..เขาเป็น…คนที่..ช่วยข้า..เอาไว้…นี่เอง ] – ฟินเนอร์แกน
[ อ-อะไรนะคะ! คุณหมายความว่ายังไงคะ ? ] – ซินเทีย
[ เรื่องมันยาวน่ะ แต่ถ้าจะให้สรุปคร่าวคือ ฮาโรลด์ตกหลุมพลางของใครบางคนจากเหตุการณ์ต่อสู้ที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ] – โคดี้
ตามคำพูดของโคดี้ เขาเล่าว่าฮาโรลด์นั้นถูกใส่ร้ายว่าเป็นสายลับจากจักรวรรดิ และมีใครบางคนพยายามกดดันให้คณะลูกขุนตัดสินประหารชีวิตเขา
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฮาโรลด์นั้นไม่ได้เป็นสายลับแต่อย่างใด เขายังเปิดโปงแผนการของจักรวรรดิซาเรี่ยน และเสี่ยงชีวิตเพื่อหยุดความขัดแย้งระหว่างอัศวินและชนเผ่าสเตลล่าอีกด้วย
ถึงกระนั้น เขากลับถูกตัดสินประหารชีวิต แต่สิ่งนั้นกับเป็นแผนหลอกเพื่อนำฮาโรลด์มาใช้ประโยชน์อะไรบางอย่าง กระทั้งตอนนี้ ชีวิตของเขาก็ยังตกอยู่ในอันตราย
[ ฟินเนอร์แกน บอกข้ามาที มีคนข่มขู่ครอบครัวของนายเพื่อให้นายยอมรับในการตัดสินประหารชีวิตฮาโรลด์ใช่หรือไม่ ? ] – โคดี้
[ … ใช่..แล้วล่ะ … ถ้าข้า..ไม่ทำ..ตาม … ครอบครัว…จะตก…ในอันตราย … ] – ฟินเนอร์แกน
[ ถึงกระนั้น…!! แต่ท่านฮาโรลด์ยัง—- ] – ซินเทีย
[ ใช่ เขารู้เรื่องทั้งหมดดี แต่เขาก็ไม่ได้โกรธหรือโทษอะไรในตัวของฟินเนอร์แกนหรอกนะ ] – โคดี้
[ … ฮาโรลด์ … อยู่…ที่นี่..งั้นรึ ? … ถ้าเช่น…นั้น…ข้าเอง..ก็..อยากจะ ..ขอโทษ…และ…ขอบคุณ…กับ…เขา ] – ฟินเนอร์แกน
[ จริงๆแล้ว .. หมอนั้นมีเรื่องด่วนต้องรีบไปจัดการ ดังนั้นพอรักษานายเสร็จ หมอนั้นก็ออกไปจากเมืองทันที และให้ข้าเป็นคนอยู่รอคอยอธิบายสถานการณ์ต่างๆให้นายฟังแทน ] – โคดี้
ซินเทียถึงกับช็อค เพราะเธอนั้นยังไม่ได้กล่าวขอบคุณฮาโรลด์เลยด้วยซ้ำ
เขาได้มอบทั้งความเมตา ความกล้า ความสุข ทำให้จิตใจของเธอลุกขึ้นที่จะก้าวเดินอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง และความหวังให้กับชายผู้เป็นที่รักของเธอ
แต่ถึงกระนั้น ทันทีที่เขาทำการรักษาจนเสร็จ เขาก็จากไปทันที จากที่โคดี้กล่าวมา มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเธอนั้นจะได้พบกับฮาโรลด์อีกครั้งในชั่วชีวิตนี้ แต่เขากลับทิ้งอะไรหลายๆสิ่งไว้มากมายเหลือเกิน
[ แต่หมอนั้นมีข้อความฝากไว้ให้พวกนายทั้งคู่ “จากนี้เป็นต้นไป ขอให้พวกเธอใช้ชีวิตอย่างอิสระตามแต่ใจต้องการเถอะ” นั้นคือทั้งหมดที่หมอนั้นพูด น่าๆ ข้ารู้ หมอนั้นน่าจะพูดอะไรที่มันซึ้งๆกว่านี้หน่อย ] – โคดี้
[ … ไม่ค่ะ เพียงเท่านี้ก็ดีเกินพอแล้วค่ะ … ] – ซินเทีย
[ งั้นรึ? งั้นก็ดีแล้วล่ะ ] – โคดี้
ในที่สุด พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงจนแสงสว่างสาดส่องเข้ามาทั่วห้อง มันช่างเจิดจ้าเหลือเกิน สำหรับตัวของซินเทีย เธอรู้สึกว่าแสงเหล่านั้นคือแสงที่ฮาโรลด์สาดส่องออกมา ที่ต่อหน้าแสงเหล่านั้น ศีรษะของเธอก้มลงโดยธรรมชาติ และน้ำตาที่เธอคิดว่าได้ร้องไห้ออกไปจนหมดแล้วก็เริ่มไหลอาบแก้มเธออีกครั้ง
เธอรู้ดีว่าคำพูดของเธอคงไปไม่ถึงเขา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังพูดออกมาว่า “ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างนะคะ”
[ มาม๊า ทะไมมาม๊าถึงร้องไห้? มาม๊าเจ็บตรงไหนหรอ ? ] – มิไฮ
[ มิไฮ… ] – ซินเทีย
เมื่อเห็นภาพที่แม่ของเขากำลังสะอื้นร้องไห้ มิไฮก็เข้ามาปลอบเธอด้วยการสวมกอด
[ ไม่มีอะไรจ้ะมิไฮ มาม๊าสบายดี มาสิ มาทักทายปาป๊าของลูกเร็ว ] – ซินเทีย
[ คับ มาม๊า …. อรุณสาหวัดคับ ปาป๊า ] – มิไฮ
[ … มิไฮ ..งั้นรึ .. โอ…ลูกดู … เติบโตแล้ว … ] – ฟินเนอร์แกน
[ อ่าาา !! ปาป๊าา!! ปาป๊าาาตื่นแล้ววว!! ] – มิไฮ
มิไฮกกระโดดเข้าไปยังอ้อมกอดของฟินเนอร์แกน ที่ตอนนี้กำลังลุกขึ้นนั่งด้วยความช่วยเหลือของโคดี้
เมื่อซินเทียลองมองย้อนกลับไปดูดีๆ มิไฮนั้นเกิดขึ้นมาหลังจากที่ฟินเนอร์แกนล้มป่วยลงไม่นาน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบหน้าลูกชายของตน
มิไฮที่กำลังพูดคุยกับพ่อของเขาพร้อมกับรอยยิ้มอันไร้เดียงสา และฟินเนอร์แกนที่ฟังเขาอย่างตั้งใจพร้อมกับยิ้มแย้มและน้ำตาไหลรินในเวลาเดียวกัน มันคือภาพแห่งความสุขที่ตัวของเธอรอคอยมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่เช่นนั้น ซินเทียก็สังเกตเห็นโคดี้ว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง
[ โคดี้ มีอะไรรึปล่าวคะ ? ] – ซินเทีย
[ โอ้ ปล่าวๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าแค่สงสัยว่า พวกคุณมีลูกกี่คนกันแน่นะ ? ] – โคดี้
ซินเทียไม่เข้าใจว่าทำไมโคดี้ถึงถามออกมาเช่นนั้น แม้ว่าครั้งสุดท้ายที่โคดี้มาเยี่ยมครอบครัวของเธอมันก็ผ่านมาสักพักแล้ว แต่ถึงกระนั้น ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาโคดี้ก็แวะเวียนมาหลายต่อหลายครั้ง แล้วทำไมเขาถึงมาถามเรื่องสมาชิกครอบครัวของเธอในตอนนี้ ?
ขณะที่กำลังสงสัยว่าทำไมโคดี้ถึงถามออกมาแปลกๆ ซินเทียก็ตอบราวกับว่าเรื่องนี้มันชัดเจนอยู่แล้ว
[ เป็นอะไรไปคะ โคดี้ ? มิไฮคือลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเราไงคะ ] – ซินเทีย