17 คนแปลกหน้า
มันผ่านมาสองวันตั้งแต่เมื่อได้เจอเธอคนนั้น พี่วล็อดซีเมีย พื้นฐานแล้วผมเอ๋อกินไปหนึ่งวันเต็มๆหลังจากนั้น วีกับวิวเป็นห่วงผมแต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมากแต่แค่ตกใจกับการต้องเปลี่ยนความคิด
ตอนนี้เป็นตอนเช้าตรู่ ผมอยู่ในห้องนอนรวม วีกับวิวยังไม่ตื่นและมันยังไม่สว่างเลยด้วยซ้ำ
ผมตื่นเร็วเพราะผมอยากใช้เวลาคิด มีคนเก่งขนาดนั้นอยู่ตอนนี้ ผมต้องฝึกหนักมากกว่าเดิมเพื่อที่จะให้สู้ได้
แต่ฝีมือนั้นต่างกันจนเราทำอะไรไม่ได้เลยเกินไป
ผมลุกจากเตียง หันหน้าเข้าหาหน้าต่างมองออกไปข้างนอก เอาสองมือวางไว้ที่หน้าต่างแล้วทิ้งตัวพาดหน้าต่าง
สิ่งที่เห็นได้จากหน้าต่างก็คือรั้วของบ้านข้างๆที่ออกแดงๆเพราะแสงจากตะวันที่เริ่มขึ้น
ผมไม่มีวิชาดาบ และผมไม่รู้วิชาดาบ นั่นคือปัญหา ผมไม่มีท่าพริ้วๆ หรือการโจมตีไม้ตาย ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ทำได้ดีคืออะไร?
พื้นฐาน
พื้นฐานของการฟันดาบ การเหวี่ยงดาบลงเพื่อให้โดนเป้า ผมต้องดูพื้นฐานของมัน
ยกดาบขึ้นเพื่อเตรียมสร้างแรงส่ง เหวี่ยงแล้วออกแรง ใช้กล้ามเนื้อที่ไหนบ้าง? ถ้าเหวี่ยงจากข้างบนลงล่างใช้กล้ามเนื้อจากกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่สุดของร่างกายส่วนบนจากหลังสองข้าง และกล้ามเนื้อแขนที่ไว้นำดาบไปโดนเป้าหมาย และตัวหมุนนั่นก็คือหัวไหล่ก็ขาดไม่ได้ มันมีหลายส่วนมาก
“ทำอะไรอ่ะ พี่วารี”
“ว่าไงวิว”
วิวตื่นแล้วแล้วเรียกผมจากข้างหลัง หัวผมยังห้อยอยู่ข้างนอกแต่ผมจำเสียงเธอได้ผมจึงไม่ได้หันไป
“พี่กำลังคิด”
เธอเงียบไปสักพัก
“คิดอะไร หรือเกี่ยวกับที่พี่แพ้ พี่เศร้าเหรอ”
“เปล่าพี่ไม่ได้เศร้าเลยสักนิด แต่มันมีหลายอย่างต้องเปลี่ยน เราต้องหาทางเก่งวิชาดาบ แต่พี่ไม่รู้วิชาดาบน่ะสิ”
“อย่างพี่มีไม่รู้ด้วยเหรอเนี่ย?”
วิวถามผม
“มีหลายอย่างเลยล่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่างนั้นเหรอ?”
“หึหึ”
ผมหัวเราะไปกับเธอไม่ได้มากเพราะมันทำให้ความเป็นพี่เจ็บนิดหน่อย
“แล้วคิดติดขัดตรงไหนล่ะ บอกหนูสิ?”
“พี่ว่าเราต้องเรียนพื้นฐานการฟันดาบเพิ่ม”
ผมบอกวิว แต่เราฝึกพื้นฐานกันเยอะแล้ว มันไม่มีเวลาที่ผมเห็นว่าเบียดเข้าไปได้แล้ว
“ก็ฝึกพื้นฐานสิ ไม่เห็นยาก”
วิวเสนอขึ้นมาด้วยเสียงร่าเริงตั้งแต่เช้าตรู่
“ก็นั่นแหละ เราไม่มีเวลาน่ะสิ เพิ่มท่าเข้าไปไม่ได้แล้ว มันค่อนข้างแน่นเกินไปแล้วตอนนี้”
“ถ้าเอาออกล่ะ”
“ไม่ได้หรอก”
การถอนสักท่าหนึ่งออกเหมือนที่วิวพูดนั้นจริงๆแล้วก็ทำได้ แต่ถ้าต้องถอนอย่างหนึ่งเพื่ออีกอย่างหนึ่งมันก็เหมือนการเอารถลากไว้ข้างหน้าคนลาก มันได้อย่างเสียอย่าง เราจะมีจุดที่ขาดไปอยู่ดี
“คิดไปก่อนหนูไปอาบน้ำแป้ป”
“อื้ม”
หลังจากนั้นชั่วครู่ผมก็ได้ยินเสียงประตูหน้าห้อง วิวน่าจะออกไปแล้ว ผมครุ่นคิดต่อ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า
เวลาผ่านไป
“เสร็จละ”
วิวอาบน้ำและกลับมาแล้ว มันไม่ช้าไม่เร็วเกินไป มันใกล้จะเช้าแล้วด้วย ผมควรไปอาบน้ำ
ผมยกตัวจากหน้าต่าง ถอนหายใจ แล้วหันกลับไปยิ้มให้วิว
“จะไปอาบน้ำเหมือนกันเหรอ?”
“อืม”
“พูดถึงนะพี่ มีบางอย่างแปลกๆ”
“มีอะไรเหรอ?”
เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?
“มัน เอิ่ม มันเหมือนกับ ตั้งแต่เราใส่เกราะใช้ชีวิตปรกติกัน แรกๆมันก็หนักมากนะ แต่หลังๆเราก็เริ่มชิน แต่ตรงที่แปลกก็คือ เมื่อถอดเกราะ หนูทำอะไรได้เร็วขึ้น เยอะด้วยถ้าให้พูด มันเหมือนกับร่างกายหนูเร็วขึ้นได้ยังไงก็ไม่รู้”
เพราะเธอแข็งแรงขึ้นจนเห็นได้ เธอเลยรู้สึกว่ามันแปลกอย่างนั้นหรือ?
“เพราะกล้ามเนื้อที่ต้องใช้แบกน้ำหนักเกราะแข็งแรงขึ้น ทุกอย่างมันเลยเร็วขึ้นน่ะ ไม่มีอะไรผิดปรกติ”
“หนูก็ว่าอย่างนั้น”
แล้วปัญหาเธอคืออะไร?
“ถ้าใส่หนักๆแล้วมันเร็วขึ้น แข็งแรงขึ้น เหมือนที่เห็น”
เธอชี้นิ้วขึ้นข้างบนไว้ข้างหน้าแล้วยิ้มกว้าง
“ถ้าอย่างนั้น เราก็ใส่ดาบหนักๆดิ แล้วฝึกกันไปเลย”
“โอ้”
ความคิดเธอมหัศจรรย์ ทางออกมันแค่นั้นเอง แค่ทำมัน
“เยี่ยมไปเลยวิว”
มันเป็นวิธีที่ดีมากๆ เราแค่เปลี่ยนดาบตอนฝึกเป็นดาบหนักๆแล้วฝึกกัน เวลาจะใช้เท่าเดิม แล้วจะได้กล้ามเนื้อมาครบทุกส่วน มันไม่กินเวลา
หืมถ้าอย่างนั้นมันแค่นั้นเอง ถ้าคิดไม่ออก จงทำ อย่างนั้นหรือ?
ผมต้องไปซื้อดาบน้ำหนักกับนกรัก
ผมไปอาบน้ำแต่งตัวไปตลาด
มันผ่านมาหนึ่งเดือนของการใช้ดาบน้ำหนักฝึกกัน ตอนนี้ถ้าเราใช้ดาบธรรมดาความเร็วและน้ำหนักของการฟันเพิ่มขึ้นมาก แต่ น่าเสียดาย น่าจะยังสู้พี่วาโรไม่ได้
เราซื้อดาบน้ำหนักมาหลายขนาด มันมีตั้งแต่หนักกว่าดาบธรรมดานิดหน่อย ผมจะเอาดาบนี้มาเป็นอาวุธไว้พกไปข้างนอกเพราะมันมีคม กระบองเหล็กผู้บุกเบิกเรายังไม่เสร็จ
เราตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัว แล้วพี่อลิสก็มาหาในห้องนอนรวม
“วารี, วี, และวิว ไปตลาดกับพี่หน่อย”
“ได้ครับ”
“ได้ค่ะ”
“งึม”
เหมือนวีจะยังไม่ตื่นเต็มที่
ผมเลือกหยิบดาบไม้ ใส่เกราะ
จากนั้นผม, วี, วิว, และพี่อลิสมารอพี่วาเนสซ่าหน้าบ้าน
“พี่วาเนสซ่าไปเหรอวันนี้ พี่อลิส?”
“ใช่ วันนี้ซื้อหลายอย่างมากเลย”
แต่เธอจะหิ้วของด้วยหรือ?
“เราให้พี่วิวออกค่าส่งก็ได้นี่”
“ไม่ได้หรอกวี พี่เป็นคนดูแลที่นี่ พี่ให้เด็กออกเงินเรื่องใช้จ่ายประจำวันไม่ได้ น้องยังเป็นเด็กของพี่อยู่นะ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
วีถามพี่อลิสเมื่อได้คำตอบแล้วก็ดูสลดใจนิดๆ
“ฮ้าววว ป่ะ ไปกัน”
พี่วาเนสซ่ามา แต่เมื่อเราออกไปหน้าบ้าน
“พี่ๆมาอยู่ข้างหลังผมไว้ วีกับวิวดูข้างหลังแถว
““ได้””
มีคนห้าคนอยู่ข้างนอกบางคนมีบาดแผลที่หน้า ร่างกายดูแข็งแรง มีดาบ และดูเหมือนรออะไรบางอย่างอยู่ ผมตะโกนถามพวกเขา
“มาหาใครครับ!”
“ป่าว! เฮ้ย! ไป!”
จากนั้นพวกเขาพากันเดินไป
ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือเขามาทำอะไรแต่ผมไม่เคยเห็นหน้าเขา
“พวกพี่รู้จักเขามั้ย”
“ไม่รู้จัก! ไม่รู้จัก!”
“เหมือนไม่ใช่คนแถวนี้เลย”
มันเหมือนที่พี่วาเนสซ่าพูด เขาไม่ได้ดูเหมือนเป็นคนแถวนี้ เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีคนพกดาบสักเท่าไหร่
“เดินเป็นแถว ให้วีกับวิวดูข้างหลัง”
“น่ากลัวอ่ะ”
“อะไรของเธอน่ะ ไม่มีอะไรหรอกน่าน้องเอ้ย”
พี่อลิสกลัวแต่พี่วาเนสซ่ายังคงไร้กังวลเธอไม่มีความตื่นตัวต่ออันตรายอยู่เลย
เราพากันเดินออกหน้าบ้านแล้วเลี้ยวจากนั้นเดินต่อเพื่อไปตลาด
เมื่อเราเดินผ่านบ้านที่รั้วมีช่องเปิดแต่ไม่มีประตู คนหนึ่งของกลุ่มคนเมื่อกี้เข้ามาเอื้อมมือหาพี่วาเนสซ่าผมฟันลงไปที่แขน แต่เมื่อวีเห็นผมง้างสูงจะฟันลงเธอง้างจากล่างเพื่อฟันบน ผมใช้ดาบไม้ฟันลงระหว่างวีฟันขึ้นไปข้างบน เราจะฟันลงที่เดียวกันแล้วมือนั้นจะไม่ไปไหน
ผมเลื่อนออกไปให้โดนข้อพับแทน เมื่อการฟันเกิดขึ้นแขนเขาบิดเบี้ยวร้องเสียงดังแล้วล้มไป อีกสี่คนที่ซ่อนอยู่ข้างในเขตบ้านพุ่งกันออกมาเขาชักดาบพร้อม
“บุก!”
ผมสั่งวีและวิว จากนั้นพุ่งสู่ด้านขวามือประชันกันอยู่หน้าบ้าน รั้วนั้นแคบดังนั้นเขายืนพร้อมกันได้แค่ทีละสามคน มีคนหนึ่งทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างหลังสามคนข้างหน้า
ผมฟันแนวนอนจากทางซ้ายใส่คนที่อยู่ข้างหน้าผม วีฟันจากบนลงล่างใส่คนกลาง ส่วนวิว วิวทำไมช้า?
ระหว่างดาบผมโดนผมหันไปหาวิว เธอชักดาบแล้วและตั้งท่าพร้อมแล้วแต่ไม่เข้าต่อสู้ยันทำหน้าทำตาอยู่ข้างหลังผมกับวี หน้าตาเหมือนกล้าๆกลัว นี่ไม่ดีสักเท่าไหร่
คนที่ผมฟันเซล้มอย่างแรงไปทางขวาหายไปหลังรั้วและคนที่วีฟันกุมหัวสองมือแล้วล้มตัวลงพื้นตรงนั้นเลย คนทางซ้ายที่ว่างวิ่งผ่านวีไปแล้วง้างจะฟันพี่วาเนสซ่าที่อยู่คนที่สองในแถว
ผมหันหาเขา พุ่งเข่าก้มตัวและง้างดาบไปทางซ้าย เขาฟันลง ผมวางขาหน้าแล้วผมฟันใส่ดาบเขา ดาบฝังเข้าในดาบไม้แล้วคาอยู่ ณ ดาบผม มือเขาทำท่าฟันแล้วดาบหลุดเลยไปจึงทำใหั้เขาเสียหลัก ผมรีบหันไปดูวี เธอแทงใส่คนที่ออกมาไม่ทันที่ยืนอยู่ข้างหลังทำอะไรไม่ถูกเรียบร้อยแล้ว
ผมเอาโล่ต่อยหน้าคนไร้ดาบแล้วเขาหงายหลัง จากนั้นพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ทำไม่ได้แล้วเขาจับหน้าเขาดิ้นไปมา
ผมตรวจดูพี่วาเนสซ่ากับพี่อลิส มันมีเสียงเอะอะคนเริ่มออกมาจากบ้าน
“ว้าย อะไรกัน วี้ดดดดด”
“เฮ้ย มายืนทำอะไรกันในบ้านฉัน วี้ดดดดด!?”
เจ้าของบ้านนี้ออกมาร้องเสียงดัง แต่ผมได้ยินเสียงมาจากบ้านตรงข้าม
ผมรีบจับมือของพี่วาเนสซ่ากับพี่อลิส จับพร้อมดาบพร้อมโล่เลยมันกุมไม่มิดแต่นั่นไม่ใช่เจตนาผม ผมดึงเหล่าสองพี่เข้ามาแต่ไม่กระชากเมื่อเธอเซมาข้างผม
“ว้าย!?”
“อะไร!?”
พี่อลิสดูเหมือนกลัวมากพี่วาเนสซ่าดูงงมากกว่าแต่ไม่ค่อยกลัว ผมนำดาบที่คาดาบผมออกแล้วไปยืนสลับที่กับเธอพร้อมเอาดาบไม้พาดไหล่ วีมาข้างผม วิวในที่สุดก็เดินมาแต่หน้ายังดูกล้าๆกลัวๆ
มีเสียงคนจะวิ่งออกมาจากเขตรั้วบ้านฝั่งตรงข้ามที่อยู่หลังบ้านที่เราสู่ทางขวา ผมโล่งใจที่เขาไม่ได้ออกมาก่อนหน้านี้ ผมยังฝึกมาไม่พอ
เมื่อหัวของคนแรกโผล่ออกมาวีฟันใส่หัวเขา เขาล้มไปข้างหน้าหน้าตาไถลกับพื้นไปทางซ้าย คนที่สองไม่ออกมา
ผมเปลี่ยนดาบไปไว้ข้างเดียวกับโล่แล้วไปที่ช่องเปิดของรั้ว ผมหันหน้าชิดรั้วแล้วฟันอ้อมรั้วไปข้างหน้าเหมือนฟันใส่ตัวเองแต่มีกำแพงกัน มันโดนอะไรสักอย่าง แล้วเริ่มมีเสียงเอะอะอยู่ข้างหลังแล้วมีคนล้มมาข้างหน้า
“เรียงแถวหน้าช่องเปิดรั้ว ตั้งโล่ วิว! สมาธิ!”
“อ่ะ, อืม, อื้ม”
วิวกลืนน้ำลายแล้วมาตั้งโล่ซ้ายมือผมวีตั้งโล่ต่อจากวิว สามเราเอาดาบพาดบ่า
มันเงียบไปสักพักแล้วมีดาบอ้อมมาจากฝั่งรั้วที่มองไม่เห็น ผมเอาโล่กันมัน มันฟันต่ออีกสองสามที ผมกะจังหวะเขาฟันแล้วฟาดใส่ข้างดาบเขา ดาบเขาหลุด
“อ๊ะ ซวยแล้ว!”
“หลบ!”
ร่างที่ล้มอยู่ข้างหน้าถูกลากไปหลังรั้ว เรายังคงรอสู้พร้อมต่อไป
จากนั้นมีคนวิ่งห่างไปสามก้าว เขาวิ่งไปทางซ้ายแล้วหันมาเอาดาบชี้มาข้างหน้า จากนั้นอีกสองคนวิ่งมาแล้วเรียงแถวชี้ดาบไว้ข้างหน้า อีกคนวิ่งตามมาแต่ไม่มีที่ยืน เขาเลิ่กลั่กอยู่ข้างหลัง เหมือนผมเคยเห็นภาพนี้มาก่อนหน้านี้ไม่นาน
คนซ้ายมือสุดวิ่งเข้ามาจะฟันจากข้างบน วิวฟันสวนขึ้นไปด้วยมือซ้าย เธอเล็งร่างกายเขาก่อนเล็งดาบเขาได้แต่เธอไม่ทำ เธอจงใจฟันกันดาบเขาเพื่อป้องกันวี
ดาบไม้ปะทะดาบเหล็ก จากนั้นอย่างที่คาดก็เกิดขึ้น ดาบเหล็กฝังคาดาบไม้วิว ตอนนี้ดาบเธอใช้ไม่ได้ วิวดึงดาบกลับมา แต่คู่ต่อสู้วิวยังไม่ปล่อยดาบไปและวิ่งตามมา วิวจับตัวดาบไม้แล้วหมุนตัวทุ่มเขาขาชี้ฟ้าไปข้างหลังผมกับวี
จากนั้นวีฟันจากซ้ายเข้าคอคู่ต่อสู้คนกลาง เขาล้มแล้วผมพุ่งเข้าฟันจากซ้ายเหมือนกันเพราะติดรั้วและการฟันเข้าหูคนข้างหน้าผม คนกลางจับคอดิ้นไปมาโหยหาอากาศ คนข้างหน้าที่ดาบผมเข้าหูล้มพับสลบไปทับคนกลาง
“อย่าดิ้นนะ!”
“วิว พวกเขายังไม่หมด!”
“ตะ, แต่”
วิวมัวแต่กดแขนกดขาคนที่เธอจับทุ่มก่อนหน้า ผมจึงเตือนสติเธอ
คนมายืนฝั่งขวาและซ้ายของร่างดิ้นพล่านล่างร่างสลบสองคนทับกันตรงกลางแล้วพุ่งเข้ามาพร้อมกัน ผมยกโล่กันแล้วฟันใส่ขา แต่วีต่อยเสยใส่ดาบเขาตรงๆ ดาบโดนโล่ผม โล่วีโดนดาบคู่ต่อสู้กระเด็นหลุดไปข้างหลังผมฟันเข้าขาคนหน้าจนขางอ วีเข้าไปต่อยหน้าคนข้างหน้าเธอด้วยโล่
คนข้างหน้าผมทิ้งดาบล้มนอนจับขาตัวเองสองมือ คนหน้าวีก้มลงปิดหน้าสองมือร้องเสียงดังวีเตะเข้าคางเขา หน้าสะบัดแล้วเขาพับตัวลงตรงนั้นเลย
“ตั้งแถว!”
ผมกับวีถอยมายืนเรียงหน้ากระดานหน้าช่องเปิดรั้วอีกครั้ง แต่เรารอสักพักแล้วไม่มีคนออกมา
ผมนำนิ้วชี้ไว้หน้าปากแล้วหันไปหาวี
“ไปกันเถอะ หมดแล้ว”
“ได้!”
วีตอบแต่ยังคงพร้อมอยู่จากนั้นครู่เดียวมีคนเดินอย่างไม่เกรงกลัวออกมา เขาเป็นชายตัวสูงผอม แต่ดูว่องไว เขาเห็นเราแต่ไม่ตกใจแล้วควงดาบ เขาดูเก่งแต่เขาพลาด! ได้จังหวะแล้ว!
ผมพุ่งแทงหน้าเขา แต่เขาโยกหลบไปซ้ายมือผม เขาพุ่งไปหาวีแล้วแทงวี วีนำโล่กันแต่แฉลบไปเฉี่ยวไหล่
“โอ๊ย!”
“จึ”
ผมจึปากเพราะเริ่มโมโหที่คนนี้ทำวิวเจ็บ แต่เขาเก่ง
วีย้ายมายืนข้างหลังผมแทนแล้วตอนนี้เราต่อแถวกัน ผมฟันใส่หัวแต่เขาหันมาทางผม-
“ฟันอก!”
การฟันอกที่เร็วพอสมควรออกมา ผมยกโล่กันแล้วเขาก็ผงะตัวไปข้างหลังหลบดาบฟันหัวของผมดาบเขากระทบโล่ผม วีฟันล่างใส่ขาเขาแล้วเขากระโดดหลบ ผมฟันคอเขา แต่เขายกดาบกันกลางอากาศ วีต่อยซ้ายด้วยโล่โดนหน้าเขาเต็มๆตอนลงพื้น และเขาเอนหงายหลังดิ่งจะลงสู่พื้นแต่ยังไม่ปล่อยดาบไปเมื่อเขากำลังลงผมฟันใส่เขาอีกทีลงหัว เขาปล่อยดาบออกนอนนิ่ง วีง้างจะซ้ำตามผม
“พอแล้ว เดี๋ยวเป็นอะไรไป”
“เอ๋?”
“เขาปล่อยดาบแล้ว”
ผมยกโล่กันใส่กำแพงแล้วโผล่หัวไปดูหลังรั้วทางขวา ไม่มีคนแล้ว ผมดูอีกฝั่งก็ไม่มีแล้วเหมือนกัน
“ปลอดภัยแล้วครับ”
“อะ, อืม”
ผมบอกเจ้าของบ้านที่ดูอยู่หน้าประตูถึงความปลอดภัย
“กางเล็บขู่ไว้วี”
วีกางเล็บแล้วเราเดินหาคนยังไม่สลบ
เมื่อเราถามพวกเขาด้วยมารยาทอันดีงามกับเล็บคมๆของวี เราได้คำตอบมาโดยวียังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ผู้สั่งการคือบารอนจาง หรือวิสเคานต์จาง เขาแค้นพี่วาเนสซ่ามากขนาดจะทำร้ายเธอตั้งแต่เช้าตรู่
เราอยู่กันที่อาคารยามเมือง มันเป็นตึกชั้นเดียวที่ข้างในตกแต่งธรรมดาๆ เพดานและผนังเป็นไม้ และไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากมาย มันเอาไว้รับคนที่ถูกกระทำมาร้องทุกข์ และมันแค่พอทำหน้าที่นั้นได้ดี
เรารอยามเรียกเราไปสอบสวน พี่วาเนสซ่ากับพี่อลิสไปตลาดกันเองสองคน เราไม่ได้ไปด้วย เพราะเมื่อยามมา เขามาตอนเรากำลังซักถามคนร้ายอยู่ แล้วยามนึกว่าเราเป็นคนร้าย เราโต้เถียงกันสักพัก แต่คนที่เราถามอยู่ยอมสารภาพ ยามจึงรู้เหตุการณ์ทั้งหมดและให้เรากลับบ้านไปก่อนแต่ต้องมาที่อาคารยามเมืองหลังจากนั้น
และนั่นคือทำไมว่าผมอยู่ที่นี่ตอนนี้พร้อมวีและวิว
“เฮ้อ”
“เซ็ง”
ผมถอนหายใจแล้ววีก็เบื่อตาม แต่วิวอยู่เงียบๆดูสลดตั้งแต่หลังสู้เสร็จ
“เป็นอะไรวิว”
“พี่วี”
“ทำไมน้องไม่สู้ ถ้าพี่หรือพี่วารีได้รับบาดเจ็บล่ะ?”
วีถามวิว แต่เธอไม่พูดอะไร มองลงข้างล่างอย่างเดียว
“อย่างน้อยบอกเหตุผลเรามาได้มั้ย เผื่อเราจะได้ช่วยกันคิดเหมือนที่น้องเคยช่วยพี่คิด?”
“เอิ่ม หนูไม่กล้าทำร้ายคน”
วิวพูดเบาๆ ผมกับวีมองหน้ากัน
“แต่มันเป็นศัตรูนะ! ศัตรู!”
“เอาน่าวี ต้องจำไว้ก่อนว่ามันไม่ผิด”
ผมบอกวีแล้วถามวิวอีกคำถามหนึ่งเพื่อให้แน่ใจ
“ไม่กล้า หรือ ไม่อยากทำ?”
เธอตาเปิดกว้าง
“พี่อยากรู้ในใจของวิว วิวอยากสู้แต่ไม่กล้าทำ หรือวิวไม่อยากสู้ นั่นคือคำถามพี่ อย่าคิดไปผิดๆ!”
“ฮู่ว”
วิวถอนหายใจโล่งใจแล้วคิดอยู่สักพักหนึ่ง
“ไม่กล้า หนูอยากสู้ อยากป้องกันพวกพี่ พวกเขาจะมาทำร้ายเรา หนูรู้เรื่องนั้นดี แต่ แต่ ถ้าหนูทำลงไปแล้วเขาเป็นอะไรถาวรขึ้นมาล่ะ แขนขาเขาไม่ได้งอกใหม่ได้เหมือนหนู”
“พี่เข้าใจ”
ผมเข้าใจเธอ การทำร้ายกันรุนแรงมันเป็นการสร้างภาระให้ใจคนทำด้วยเหมือนกัน แต่เธอเข้าใจผิด
“คนเรามีสิทธิ์”
เธอมองผม ดูงง
“เราทำอะไรก็ได้ อิสระทุกอย่าง”
วิวยังคงสับสนต่อไป
“แต่คนเราก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่อย่างไม่เป็นภัยด้วยเหมือนกัน”
“เอ๋?”
เธอเริ่มคิด
“เมื่อสิทธิ์คนทำอะไรก็ได้ กับคนอยากอยู่เฉยๆเจอกันอะไรจะเกิดขึ้น”
“แต่นั่นผิดนี่ คนแรกไปยุ่งกับเขาทั้งๆที่เขาเฉยๆ”
“ถูก นั่นคือพื้นฐาน เมื่อเราทำร้ายคนอื่น เราทิ้งสิทธิ์ไม่อยากถูกทำร้ายไปแล้ว แต่คนร้ายส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลย และแค่คิดว่าคนหนึ่งทำอะไรก็ได้”
“แต่เขาแค่ไม่คิด”
“เธอสู้เพื่อปกป้องสิ ปกป้องพี่ ปกป้องวี”
“ก็ใช่ แต่ถ้าเราบอกเขาดีๆ เขาจะ-”
“คนร้ายที่มีเป้าหมายทำร้ายจะฟังหรือ วิว?”
เธอกำลังสับสน
“เธอต้องตัดสินใจ เธอจะสนจิตใจของใครก็ไม่รู้ที่จะทำร้ายเธอ หรือจิตใจของพี่กับวีและทุกคนในบ้านกำพร้า ที่ต้องการให้เธอปกป้องเรา”
“หนู”
เธอเริ่มน้ำตาไหล ผมกอดเธอ วีเข้ามากอดเราพร้อมกัน เรากอดกันสักพัก
เธอร้องไห้เบาๆ ไม่ฟูมฟายดันอกผมเบาๆ นั่นคือกอดพอแล้ว
วิวปาดน้ำตา
“ซื้ดดดด ฟู่วววว หนูเข้าใจแล้ว ต่อจากนี้ไปหนูจะสู้ เหมือนที่พี่บอก หนูจะเลิกสนใจคนอื่นผิดๆ”
“อื้มพยายามเข้านะ”
เรายิ้มให้กันแล้วรอยามเมืองเรียกไปสอบสวน เราไม่ได้กังวลอะไรเพราะเราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่มันแค่เริ่มเหนื่อย ชุดเกราะก็เริ่มหนัก แต่ผมมาคิด มันเพื่อให้แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้น ผมก็หายเหนื่อยได้พอสมควร