นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 6 ทหารกล้าข้ามแม่น้ำ

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 6 – ทหารกล้าข้ามแม่น้ำ

 

หลังจากที่ชายกลางคนเงยหน้าขึ้น ชิ่งเฉินแทบจะนึกว่าตนเองหูหนวกไปแล้ว เพราะว่าลานส่วนรวมที่เดิมทีอึกทึกถึงกับเงียบกริบลงไปในพริบตา ไม่มีเสียงดังสักแอะ

ชิ่งเฉินก็โล่งอก เพราะว่าทุกสิ่งนี้ล้วนพิสูจน์ว่าเขาวางเดิมพันถูกแล้ว

ชายกลางคนไม่ได้พูดอะไรกับเขา เพียงขยับหมากทหารตัวหน้าฝ่ายแดงบนกระดานหมากอย่างสงบนิ่ง ขึ้นหนึ่ง

ส่วนฝ่ายดำชายกลางคนเดินเอง เลือกช้างห้าถอยไปเจ็ด ฆ่าทหารที่เพิ่งจะอวดเบ่งตัวนั้นไป

ชิ่งเฉินมองดูกระดานหมากรุกในที่ห่างไกลเงียบ ๆ ท้ายเกมสี่โจรจับราชาเป็นท้ายเกมที่ก็ถือได้ว่ามีชื่อเสียงบนโลกมนุษย์

ท้ายเกมที่เรียกกันนี้มักจะหมายความว่าฝ่ายดำต้องชนะ ฝ่ายแดงแม้แต่จะเสมอก็ยังทำไม่ได้ ถ้าหากเสมอจะถือว่าแก้ท้ายเกมนี้แล้ว

แต่ว่าชิ่งเฉินไม่พอใจกับแค่เสมอหรอก

 “ต่อ” ชายกลางคนเอ่ยอย่างราบเรียบ

ชิ่งเฉินกล่าวว่า “ทหารสองแนวนอนไปสาม”

ชายกลางคนหลับตาลงตรง ๆ แล้วเดินหมากรุกตาบอดกับชิ่งเฉิน “แม่ทัพหกขึ้นหนึ่ง”

ชิ่งเฉินก็หลับตาลง “รถศึกหลังขึ้นสี่”

“ช้างเจ็ดถอยเก้า”

พอถึงรอบที่หก ชิ่งเฉินจู่ ๆ กล่าวขึ้นว่า “รถศึกหนึ่งขึ้นเจ็ด!”

ดวงตาทั้งคู่ที่หลับอยู่ของชายกลางคนนั้นถึงกลับลืมขึ้นมาอีกครั้ง เขามองดูชิ่งเฉินอย่างประหลาดใจ “ช้างห้าถอยเจ็ด”

ในห้าตาแรก การมา ๆ ไป ๆ ของแต่ละฝ่ายราบเรียบไร้รสชาติ แต่หลังจากถึงตาที่หกนี้ ทั้งคู่ถึงกับแลกหมากกันทุกตาแล้ว!

คุณฆ่าผม! ผมฆ่าคุณ! โลหิตหลั่งไหลเป็นแม่น้ำ พลทหารล้มตายทุกหย่อมหญ้า!

ความกล้าหาญและมุ่งมั่นบนกระดานหมากรุกของทั้งสองฝ่ายล้วนโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง

เกมสี่โจรจับราชาถึงกับบังคับให้ทั้งสองคนแสดงความเหี้ยมหาญออกมา แต่ละฝ่ายเพื่อชัยชนะขั้นสุดท้ายล้วนไม่เสียดายที่จะเสียสละทุกสิ่ง

ตอนเปิดเกม ชิ่งเฉินมีทหารกล้าสี่ตัวข้ามแม่น้ำมาแล้ว แต่เขากลับทิ้งสี่ทหารทีละตัว ๆ เปลี่ยนไปเป็นแผนการอื่น เหลือเพียงตัวสุดท้ายเดี่ยว ๆ!

รถศึกหนึ่งแนวนอนไปสี่

แม่ทัพสี่เดินแนวนอนไปห้า

ตาที่สิบห้า ชิ่งเฉินจนถึงตอนนี้จึงได้ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ “ทหารห้าเข้าหนึ่ง!”

เผยมีดสังหารแล้ว

จับราชา!

แล้วก็เป็นกระทั่งถึงตอนนี้เองที่การแก้เกมหมากรุกของท้ายเกมสี่โจรจับราชาในที่สุดจึงได้ระเบิดเสน่ห์อันยากจะบรรยายออกมา

รูปเกมที่สังหารแก้ทางกันและกันบนแม่น้ำระหว่างฉู่ฮั่นถึงกับทำให้ชายกลางคนรู้สึกคล้ายกับกำลังเผชิญหน้ากับกุนซือบนสนามรบจริง ๆ

เกมหมากรุกนี้ ทุก ๆ ตาล้วนอันตรายถึงขีดสุด

ชายกลางคนมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเงียบ ๆ อีกฝ่ายก็สบตากับเขา สีหน้าทั้งเคร่งขรึมและดื้อรั้น

เขาเข้าใจแล้ว ตนเองเล่นหมากรุก อีกฝ่ายเขาเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่มีสัตว์ร้ายเหล็กกล้าล้อมเฝ้า ทัศนคติไม่ได้เหมือนกันเลย

ในเรือนจำ ไม่รู้ว่ามีเสียงปรบมือโดดเดี่ยวดังมาจากที่ไหน

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า ณ ขณะนี้ กล้องวงจรปิด 210 ตัวในเรือนจำป้อมปราการถึงกับมี 81 ตัวที่หันไปจับภาพชิ่งเฉิน

เลนส์กล้องสีดำของกล้องวงจรปิดปรับโฟกัสเล็กน้อย คล้ายกับอยากโฟกัสไปที่ใบหน้าของชิ่งเฉิน

ก็ไม่ทราบว่าเบื้องหลังกล้องวงจรปิดนี้ใครเป็นคนจับโฟกัส

ชายกลางคนยิ้มแล้วคว่ำหมากแม่ทัพฝ่ายดำบนกระดานหมากรุก “น่าสนใจนิดหน่อย เวลานี้คนที่เล่นหมากรุกได้มีไม่มากแล้ว พรุ่งนี้มาต่อ”

พูดจบ เขาเอามือไพล่หลังเดินไปเขตอ่านหนังสือ ทิ้งกระดานหมากรุกไว้บนโต๊ะกินข้าวโดยที่ใครก็ไม่กล้าแตะต้อง

แมวสีเทาบนโต๊ะตัวนั้นลุกขึ้นยืน เดินตามหลังชายกลางคนไปเงียบ ๆ

ตอนที่แมวนอนอยู่คล้ายกับเป็นก้อนขน ดูไปตัวไม่ใหญ่เลย

ทว่าพอยืดตัวออกมา ชิ่งเฉินจึงได้พบว่าแมวตัวนี้ตัวใหญ่ยาวถึงหนึ่งเมตรกว่า แข็งแรงจนผิดปกติ

แมวบ้านปกติเวลาเดินล้วนเบาดุจขนนก ถูกคนเรียกว่าฝีเท้าแมว แมวตัวนี้กลับเดินด้วยท่าทางของเสือตัวหนึ่ง

คนที่สังเกตการณ์ที่ตรงนี้ทุกคนบนลานส่วนรวมล้วนตะลึงงัน ท้ายเกมนี้ถึงกับถูกเด็กหนุ่มเอาชนะไปแล้วหรือ

จุดที่พวกเขาประหลาดใจอยู่ที่ ชายกลางคนผู้นั้นจะแพ้ได้อย่างไร

ชายหนุ่มคนนั้นที่ขวางชิ่งเฉินก่อนหน้านี้ขยิบตาให้เขา “ร้ายกาจจัง ผมชื่อว่าหลินเสี่ยวเสี้ยว เขาชื่อว่าเยี่ยหว่าน พวกเราเจอกันพรุ่งนี้นะ”

ขณะนี้ชิ่งเฉินยังไม่รู้แม้กระทั่งว่าชายกลางคนชื่ออะไร แค่รู้ชื่อแซ่ของลูกน้องสองคน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีมากแล้ว

บรรยากาศตึงเครียดบนลานส่วนรวมจนกระทั่งชายกลานคนผู้นั้นจากไปจึงได้ค่อย ๆ คึกคักขึ้นมา

นักโทษที่เพิ่งจะรับน้องคนใหม่ยังคงลากคนใหม่เข้าห้องขังไม่หยุด รวมเขาด้วยแล้วทั้งหมดมีคนใหม่ 12 คน ถูกลากเข้าไป 9 คนแล้ว

เวลานี้ชิ่งเฉินมองไปทางนักโทษเหล่านั้นอีกทีกลับไม่มีคนมาสนใจเขาแล้ว

ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมขาจักรกลวิ่งมาตรงหน้าชิ่งเฉิน กล่าวอย่างแตกตื่นว่า “พวกเราล้วนเป็นคนที่เพิ่งเข้ามา คุณช่วยผม ภายหลังผมจะเชื่อฟังคุณ”

ทว่าชิ่งเฉินปิดหูใส่สิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้พูด สีหน้าราบเรียบคล้ายกับว่าอะไรล้วนไม่ได้ยินทั้งนั้น

เหล่านักโทษหัวเราะขึ้นมา บังคับลากตัวชายหนุ่มคนนี้ไป

เพียงได้ยินชายหนุ่มตะโกนดังลั่นว่า “ลุงฝั่งแม่ผมเป็นกรรมการบริษัทจ่างหมิงเมืองหมายเลข 17 นะ พวกคุณ…..”

ยังไม่ทันให้เขาพูดจบ นักโทษคนอื่นหัวเราะลั่นขึ้นมาว่า “นอกจากบริษัทใหญ่ทั้งห้า บริษัทอื่น ๆ ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงหรอก อย่าว่าแต่แก ถึงจะเป็นลุงฝั่งแม่ของแกมาถึงในนี้ก็ยังต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ”

ชิ่งเฉินฟังทั้งหมดนี้เงียบ ๆ ซึมซับข้อมูลที่มีประโยชน์ทั้งหมด ในชาวคุกใหม่ 12 คน ชาวโลกน่าจะมีแค่เด็กหนุ่มที่พังทลายคนนั้นกับเขาแล้ว

แต่ในชาวคุกเก่าล่ะ? จะมีคนบ้านเดียวกันหรือไม่

ไม่รู้เพราะอะไร ชิ่งเฉินไม่มีความรู้สึกหดหู่สักนิด กลับกันคือมีความคาดหวังอยู่บ้างกับชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิงของตนเอง

ชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง

ประโยคนี้ฟังดูแล้วมีพลังเย้ายวนใจมาก

เมื่อชีวิตของคุณมันเละเทะไปแล้ว เวลานี้มีคนวางปุ่มปุ่มหนึ่งตรงหน้าคุณแล้วบอกว่า : กดสิ่งนี้ แล้วจะมีชีวิตที่ไม่สามัญธรรมดา

ชิ่งเฉินรู้สึกว่าตนเองน่าจะกด

บนโลกเขาเหมือนกับเป็นส่วนเกินมาโดยตลอด พ่อเกลียดว่าเขาเป็นภาระ แม่มีครอบครัวใหม่ พวกญาติ ๆ ก็ติดต่อเขาน้อยมาก

ดังนั้น ถ้าหากจะพูดช่วงชีวิตที่ผ่านไปแล้วของเขาล้วนเป็นความหดหู่ งั้นไม่ว่าโลกใหม่จะมีอันตราย, ความไม่รู้, ความหวาดกลัวสักแค่ไหน ล้วนจะทำให้คนมีความคาดหวังอยู่บ้าง

ตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นคนพิเศษ

นับถอยหลัง 39:31:29

ชิ่งเฉินสังเกตดูทุกสิ่งรอบบริเวณเงียบ ๆ เขาอยากจะบันทึกข้อมูลทั้งหมดที่ตนเองสามารถมองเห็นลงไป รอหลังจากตนเองกลับถึงห้องขังอยู่คนเดียวก็จะสามารถนำออกมาวิเคราะห์ช้า ๆ

ในขณะนี้เอง ชายหนุ่มคนหนึ่งฉวยจังหวะที่คนอื่น ๆ หันเหความสนใจไปแล้วพุ่งมายังข้างกายชิ่งเฉินกล่าวเสียงเบา ๆ ว่า “ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ผมก็คือลู่ก่วงอี้ ชิ่งเอี๋ยนจัดแจงให้ผมเข้ามาล่วงหน้าสามเดือน ท่านเรียกผมว่าเสี่ยวลู่ก็พอ”

ชิ่งเฉิน “???”

เขามองอีกฝ่ายอึ้ง ๆ 

ชายหนุ่มที่เรียกว่าลู่ก่วงอี้คนนี้หน้าตาคงจะประมาณ 24, 25 ปี ผมสีดำยาวหนึ่งนิ้ว แขนขวาและขาซ้ายล้วนประกอบจากอวัยวะจักรกล ดวงตายังมีดวงตาจักรกล ชิ่งเฉินถึงขนาดสามารถมองเห็นว่าในดวงตาอีกฝ่ายมีลายเส้นเกลียวที่ปรับเปลี่ยนจุดโฟกัสอยู่

อวัยวะจักรกลนี้ไม่เหมือนกับของนักโทษส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะรูปทรงเพรียวลมหรือว่าวัสดุล้วนดูคุณภาพเยี่ยมเป็นที่สุด

ชิ่งเฉินค้นความทรงจำ ตอนนี้เขาจึงได้พบว่าลู่ก่วงอี้ถึงกับมองตนเอง 21 ครั้งแล้วในเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ 

ชิ่งเฉินไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร แต่จากน้ำเสียงที่อีกฝ่ายพูดเห็นได้ชัดว่ารู้จักกับตนเอง 

แถมฟังจากความหมายของลู่ก่วงอี้ ที่ตนเองเข้ามาในเรือนจำป้อมปราการนี้คล้ายกับว่าเป็นแผนการอย่างอื่นด้วย

ชิ่งเฉินกลัวว่าจะเปิดเผยเรื่องที่ตนเองทะลุมิติ “ผมยังไม่ต้องการให้คุณช่วยเหลือเป็นการชั่วคราว มีธุระตัวผมทำเองก็ได้แล้ว”

ตอนนี้ชิ่งเฉินสับสนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ตนเองเห็นได้ชัดว่าทะลุมิติมาด้วยกันทั้งร่างกายและจิตสำนึก เหตุใดถึงได้มีมนุษยสัมพันธ์ในอดีตที่แปลกประหลาดอย่างนี้ด้วยล่ะ

พูดอีกอย่างก็คือ ในสายตาของพวกคนในโลกนี้ ตนเองจริง ๆแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่โลกนี้มาหลายปีขนาดนั้นเลยเหรอ

ลู่ก่วงอี้เห็นชิ่งเฉินไม่พูดไม่จาก็กระซิบว่า “เช้าวันนี้ผมยังคิดอยู่ว่าท่านทำไมไม่มาหาผมเป็นอันดับแรก ผลคือท่านวางแผนใช้สถานะคนใหม่ไปตีสนิทกับหลี่ซูถง ปราดเปรื่องเกินไปแล้ว ในเรือนจำป้อมปราการหมายเลข 18 นี้ ถ้าสามารถได้รับความช่วยเหลือของหลี่ซูถง แผนการของพวกเราก็จะยิ่งราบรื่น”

ชิ่งเฉิน “…….”

แผนการอะไร

คุณพูดอะไร

พูดให้มันชัด ๆ หน่อยได้ไหม?!

ลู่ก่วงอี้พูดต่อเหมือนคุยกับตัวเองว่า “ผมเข้ามาสามเดือนกว่าแล้ว สถานการณ์ล้วนเข้าใจอย่างชัดเจน จะไม่ทำเสียเรื่องแน่”

ชายหนุ่มพูดน้ำไหลไฟดับ

ชิ่งเฉินเพียงแค่ฟังเงียบ ๆ

นี่คล้ายกับตอนเล่นเกม “ใครคือสายลับ” แล้วคุณหยิบได้การ์ดเปล่า ต้องรอให้ทุกคนพูดจบแล้วจึงสามารถพูดได้ ไม่อย่างนั้นเกิดข้อความที่คนอื่นหยิบได้ล้วนเป็น “ฉี่” แล้วคุณเป็นคนแรกบอกว่าสามารถดื่มได้ก็จะเกิดปัญหาใหญ่เลย

ตอนนี้ชิ่งเฉินตระหนักแล้วว่า หลี่ซูถงที่อีกฝ่ายพูดเกรงว่าจะเป็นชายกลางคนผู้นั้น

ลู่ก่วงอี้เห็นว่าพอตนเองเข้ามาก็เดินไปหาหลี่ซูถงเล่นหมากรุกทันที ผลคือเชื่อแบบผิด ๆ ไปแล้วว่าตนเองมาพร้อมภารกิจ

แต่ที่ตนเองเข้าไปใกล้ชิดหลี่ซูถงไม่ได้เพื่อแผนการบ้าบออะไรเลย ทว่าเพื่อรักษาชีวิต

“ครั้งนี้ท่านนำคำสั่งอะไรเข้ามาครับ” ลู่ก่วงอี้ถามอย่างกะทันหัน

คำสั่ง……

คำสั่งอะไร?!

ชิ่งเฉินหันหน้าช้า ๆ ไปมองชายหนุ่ม “ลงใต้มาแล้วลามะ*”

ชายหนุ่ม “???”

ชิ่งเฉินหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงลู่ก่วงอี้ที่ยืนบื้ออยู่กับที่ “ลงใต้มาแล้วลามะ? ลามะอะไรอะ”

……………………………………………..

 

เกิดความสะดุดในการแปลเล็กน้อย ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนมีคำว่า “โลก” สองแบบ คือ world กับ earth ซึ่งมีความหมายแตกต่างกัน แต่ภาษาไทยมีคำเดียวคือ โลก ทำให้เวลาแปลสองคำนี้เราไม่รู้จะแยกมันยังไงดีเลยค่ะ

 

*ลงใต้มาแล้วลามะ (打南边来了个喇嘛) นี่เป็นบทความ tongue twister ที่มีชื่อเสียงอันหนึ่งค่ะ tongue twister คือแบบ….ระนอง ระยอง ยะลา, ยานัตถ์หมอมีแก้ฝีแก้หิด ยานัตถ์หมอชิตแก้หิดแก้ฝี อะไรพวกนี้อะ แต่ของเขามาเป็นบทความ ตามนี้เลยค่ะ

打南边来了个喇嘛,手里提拉着五斤鳎目。打北边来了个哑巴,腰里别着个喇叭。

南边提拉着鳎目的喇嘛要拿鳎目换北边别喇叭哑巴的喇叭。

哑巴不愿意拿喇叭换喇嘛的鳎目,喇嘛非要换别喇叭哑巴的喇叭。

喇嘛抡起鳎目抽了别喇叭哑巴一鳎目,哑巴摘下喇叭打了提拉着鳎目的喇嘛一喇叭。也不知是提拉着鳎目的喇嘛抽了别喇叭哑巴一鳎目,还是别喇叭哑巴打了提拉着鳎目的喇嘛一喇叭。

喇嘛炖鳎目,哑巴嘀嘀哒哒吹喇叭

 

 

ตอนที่ 7 – หนึ่ง

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท