บทที่ 65 ยุ่นเซี่ยเผชิญหน้ากับพวกอันธพาล
“งั้นเจ้าช่วยปรับให้เข้ากับขนาดของเธอได้ไหม” ยุ่นหลิงถามขณะแสดงสร้อยคอที่เขาเพิ่งซื้อให้กับช่างอัญมณีในร้านขายเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
“ข้าทำได้” ช่างอัญมณีตอบ
ช่างอัญมณีเป็นลูกชายของเจ้าของร้านร้านขายของเล่นที่ยุ่นหลิงและพรรคพวกของเขาเคยไปมาก่อน ใบหน้าของเขาไม่พอใจในขณะที่เขาตรวจดูสร้อยคอในมือของยุ่นหลิง เขายังคงจำได้ว่าเขาถูกยุ่นหลิงทุบตีอย่างรุนแรงเมื่อสองสามปีก่อน
ชีวิตของเขาก็ตกต่ำลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อของเขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพื่อนและญาติของเขาทำตัวเหินห่างจากครอบครัวเขาเพราะกลัวว่าพวกเขาจะโดนตระกูลยุ่นเล่นงานด้วย คนอื่นๆเริ่มที่จะแบ่งฝ่ายกันเองโดยหวังว่าพวกเขาจะได้รับความอนุเคราะห์จากตระกูลยุ่น ตอนนั้นเขาน่าสงสารมาก โชคดีที่พวกเขาสามารถพาตัวเองขึ้นมาได้อีกครั้งและสามารถตั้งร้านขายของเล่นและร้านขายเครื่องประดับแห่งนี้ได้ด้วยความพยายามอย่างมากและยากลำบาก แต่พวกเขาก็ทำได้จนมีทุกวันนี้
ช่างอัญมณีนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนล้ำค่าในชีวิตของเขา
อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำเจ้า
เลือกคนที่จะเป็นศัตรูแค่จำเป็นเท่านั้น
อดทนเพียงไม่กี่วินาที เพื่อที่จะไม่ต้องทนทุกข์เป็นเวลานานนับปี
“นั่นเป็นสุภาษิตที่ดีนะ” ยุ่นหลิงกล่าวขณะอ่านสุภาษิตที่แกะสลักไว้บนแผ่นไม้หลังเคาน์เตอร์ของช่างอัญมณี
คิ้วของช่างอัญมณีก็ขมวด
“อ-อ่าใช่ นั่นสิเนอะ”
“นักปราชญ์คนไหนพูดอย่างนั้นกันนะ”? เขาถามด้วยความสงสัยว่าใครเป็นคนพูดคำนั้น อาจเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนที่ชาญฉลาดในอดีต?
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่าสุภาษิตนี้ค่อนข้างดีข้าจึงสลักมันลงไป” ช่างอัญมณีพูดด้วยใบหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่มีทางที่เขาจะบอกยุ่นหลิงว่าตัวเขาเองเป็นคนพูดอย่างนั้น แม้ว่าจะมีปราชญ์ที่ฉลาดไม่กี่คนในโลกนี้ แต่หนึ่งในนั้นอาจพูดบางอย่างที่คล้ายกันหรืออาจจะพูดแบบเดียวกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าจะถูกจับได้ว่าโกหก
“อย่างนั้นหรือ”? ยุ่นหลิงจ้องมาที่เขาครู่หนึ่งก่อนจะหันมองไปทางลูกสาวของเขา “เซี่ยเซี่ย หนูช่วยรอพ่อสักครู่ได้ไหม? เราจะปรับสร้อยคอนี้ให้เข้ากับขนาดของหนูก่อนเพื่อให้หนูได้สวมใส่อย่างสบาย”
“ได้เลย!” ยุ่นเซี่ยพยักหน้า
“นายน้อย ให้ข้าวัดขนาดเธอก่อน” ช่างอัญมณีกล่าว
“อ้อ ได้สิ”
ในขณะที่ช่างเพชรกำลังวัดขนาดคอของยุ่นเซี่ย ยุ่นหลิงและหยื่อตงเหม่ยยืนอยู่ข้างๆ คอยสังเกตทุกการกระทำของช่างอัญมณี จิ้งจอกเขี้ยวหิมะแค่นั่งเบื่อในขณะที่เขามองไปที่ทางเข้าร้านขายเครื่องประดับในขณะที่ลูกชายของมันกำลังวิ่งไปรอบๆร้าน
ช่างอัญมณีไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกประหม่าอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อวัดขนาดคอของยุ่นเซี่ย เขาสัมผัสได้ถึงยุ่นหลิงและหยื่อตงเหม่ยที่จ้องมองมาที่เขาและมันรบกวนสมาธิของเขามาก เขาทำทุกอย่างอย่างถูกต้องแม้ว่าเขาจะไม่ชอบยุ่นหลิงมาก แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังมองมาที่อาชญากร? เขาสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากใจ เขานึกถึงสิ่งอื่นๆแทน
“เสร็จแล้ว” ช่างอัญมณีพูดขณะเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากด้วยแขนเสื้อ นั่นเป็นความเครียดเล็กน้อย
“ใช้เวลานานไหม”? ยุ่นหลิงถาม
ช่างอัญมณีคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขายังต้องทำงานเกี่ยวกับเครื่องประดับมากมายภายในร้านของคนอื่นๆด้วย แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคนงานในร้านของเขา แต่ก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะมีจำนวนมากเกินไป ปกติเขาจะบอกให้คนเหล่านั้นกลับมาหลังจากวันหรือสองวัน แต่กับยุ่นหลิง นายน้อยแบบนี้ เขาไม่กล้าให้รอนานขนาดนั้น
“ประมาณหนึ่งชั่วโมง… โปรดกลับมาอีกครั้งประมาณชั่วโมงครึ่ง” ช่างอัญมณีกล่าว เขาใช้เวลาปรับสร้อยคอให้เสร็จภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่เขาบอกว่าชั่วโมงครึ่ง เป็นเพราะเขาต้องลงรายละเอียดเครื่องประดับของยุ่นหลิงให้มาก และทำมันอย่างพิเศษ เขาไม่อยากจะนึกเลยว่ายุ่นหลิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากเขาไม่ชอบผลงานที่ทำออกมา เขาไม่อยากโดนทำร้ายอีก
“ตกลง เราจะกลับมาเมื่อเจ้าทำเสร็จแล้ว” ยุ่นหลิงกล่าว เขามองไปรอบๆ ร้านอีกครั้งก่อนจะออกไปกับยุ่นเซี่ยและคนอื่นๆ หลังจากที่เห็นเครื่องประดับที่พวกเขาขาย ยุ่นหลิงก็พอใจมากที่สร้อยคอที่เขาซื้องดงามไม่แพ้กับเครื่องประดับในร้านเลย
“หนูอยากไปที่ไหนไหม เซี่ยเซี่ย?”
ยุ่นเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “หนูอยากกินไอศกรีม!”
ยุ่นหลิงหัวเราะออกมา “งั้นพวกเราไปซื้อไอศกรีมกัน แล้วเจ้าเขี้ยวหิมะล่ะ? ลูกชายเจ้าล่ะ? พวกเจ้ามีอะไรที่อยากได้หรือเปล่า?”
“เนื้อ” เขี้ยวหิมะกล่าว แม้ว่าเขาและลูกชายจะกินอาหารเช้าแล้ว แต่ก็ยังหิวอยู่นิดหน่อย
ยุ่นหลิงพยักหน้าก่อนจะหันไปหา หยื่อตงเหม่ย
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“ไม่” เธอตอบเพียงคำสั้นๆ
เขาไม่แปลกใจอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่จะซื้อไอศกรีม พวกเขาก็เจอกลุ่มเด็กชนชั้นสูงที่กลั่นแกล้งเด็กที่ดูสกปรกสามคนในวัยเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเด็กที่ดูสกปรกอยู่หลายคนที่อยู่ข้างๆ จ้องมองไปที่เด็กชนชั้นสูงเหล่านั้น
“ฮ่าฮ่า เป็นไงล่ะ? เจ้าโกรธใช่ไหมล่ะ โกรธแล้วเจ้าจะทำไม? จะกัดข้างั้นเหรอ”?
“หยุดเถอะพี่ชาย ไม่งั้นท่านจะตายด้วยความโกรธของเขานะ” ฮ่าฮ่าฮ่า พวกมันก็ทำได้แค่นั้นแหละไม่มีปัญญาทำอะไรข้าได้หรอก
“เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ต่อยเจ้าจริงๆเหรอ!” เด็กที่ดูสกปรกคนหนึ่งพูดขณะที่กำหมัดแน่น เขากำลังจะต่อยเด็กผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ใกล้เขา แต่เพื่อน ๆ ของเขาคว้าร่างของเขาและหยุดเขาไว้
“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าควรจะตายสักที เจ้าแค่ทำให้สังคมของพวกข้าสกปรก นอกจากนี้ ถ้าเจ้าแตะตัวข้า ข้าจะบอกพ่อของข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ครอบครัวของเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นให้พวกข้าซ้อมแต่โดยดีเถอะ!”
ยุ่นหลิงไม่ใช่ไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ เขาเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในอดีต นั่นเป็นกฏของโลกใบนี้ ผู้อ่อนแอถูกผู้แข็งแกร่งเหยียบย่ำ แม้จะมีกฎหมายหลายฉบับที่จัดตั้งขึ้นเพื่อหยุดยั้งไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่กฎหมายก็สามารถบิดเบี้ยวได้ง่ายเพื่อเอื้ออาทรต่อคนรวย พวกเขาสามารถทำลายมันได้ตราบเท่าที่พวกเขามีเงินเพียงพอในขณะที่คนจนทำได้เพียงอดทนเพื่อเอาชีวิตรอด
เขาถอนหายใจ
ถ้าเขาพยายามช่วยเด็กยากจนเหล่านั้น เด็กผู้ชนชั้นสูงเหล่านี้จะทำต่อพวกเขาอย่างรุนแรงมากขึ้นเมื่อเขาไม่อยู่ด้วยแล้ว การช่วยเหลือเขาจะทำให้ความทุกข์ทรมานของเด็กเหล่านั้นมีแต่มากขึ้นไปเท่านั้น
“ไปกันเถอะเซี่ยเซี่ย” ยุ่นหลิงพูดกับลูกสาวของเขาและพยายามเมินเฉย
แต่ยุ่นเซี่ยไม่ได้ยืนอยู่ข้างๆเขา
“หยุดนะ!” ยุ่นเซี่ยกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเด็กสกปรกเหล่านั้นขณะมองดูเด็กชนชั้นสูงด้วยความโกรธ
“หือ? ไอ้เด็กคนนี้เป็นใครกัน?” เด็กชนชั้นสูงคนหนึ่งพูดขณะมองยุ่นเซี่ยด้วยความสงสัย